ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 1079
บทที่ 1079 ตรวจเช็คอย่างกะทันหัน
ห้องทานข้าว club HT.
ด้านนอกหน้าต่างเป็นทิวทัศน์ยามค่ำคืน แสงไฟทำให้เมืองนี้ดูสนุกสนานมากขึ้น แต่ด้านในนั้นกลับเงียบเหงาเหลือเกิน
เป็นครั้งที่5ที่ตู้หลิงเซวียนส่งแก้วเหล้าไปที่ริมฝีปาก แล้วดื่มไปพร้อมกับความหน่วงที่พูดไม่ออก
“พอแล้ว ไม่ต้องดื่มอีกแล้ว ถ้าดื่มอีกคืนนี้คุณต้องไปนอนโรงพยาบาลแน่ๆ ” เจิ้งซินดึงแก้วไวน์ของเขาออกไป เธอดึงเร็วเกินไปจนทำไวน์ส่วนหนึ่งหกออกมา ซึ่งทำให้กางเกงสแล็คที่รีดมาอย่างดีของตู้หลิงเซวียนเปียก
ตู้หลิงเซวียนถอดแว่นตาออกมา
เจิ้งซินขยับแก้วและขวดไวน์ออกไปไกล ๆ “คุณไม่อยากพูดอะไรหน่อยเหรอ?”
ใบหน้าของตู้หลิงเซวียนแดงไปหมดเนื่องจากเขาดื่มมากเกินไป และโหนกแก้มของเขาก็โดดเด่นขึ้นมาเป็นพิเศษ “คุณต้องการให้ผมพูดอะไร? ”
“ฉันเตือนคุณแล้วว่าอย่าไปต่อต้านหลงเซียว คุณไม่ใช่คู่แข่งของเขา วิธีการของเขาซับซ้อนมาก คุณคิดไม่ถึงหรอกว่าเขาจะขุดหลุมดักคุณไว้ที่ไหนบ้าง” เจิ้งซินโกรธ แต่มองไปที่ตู้หลิงเซวียนแล้วเธอก็ไม่อยากจะพูดให้แรงเกินไป
พวกเขาอาจไม่ใช่คู่แข่งของหลงเซียวจริงๆ ยอมรับให้เร็วกว่านี้ หยุดให้เร็วกว่านี้ บางทีอาจจะดูดีกว่านี้หน่อย
“เบื้องหลังหลงเซียวคือความแข็งแกร่งของกลุ่มมาเฟีย คุณไม่รู้เรื่องนี้ใช่ไหม?”
รอยยิ้มที่มิอาจคาดเดาได้ของตู้หลิงเซวียนแดงก่ำขึ้นมา แล้วทับซ้อนกันบนใบหน้าของเขาเป็นชั้นเป็นชั้น จนทำให้ภาพหน้าในตอนแรกมันมืดมัวไปหมด
“คุณพูดเรื่องจริงเหรอ? คุณหมายความว่า หลงเซียวและกลุ่มมาเฟียมีความสัมพันธ์กัน? เขาทำผิดกฎหมาย?”
“ถ้าพูดให้ถูกต้องคือเป็นกลุ่มมาเฟีย กลุ่มมาเฟียของอิตาลี”
นานมากเจิ้งซินถึงจะหาเสียงตัวเองเจอ “คุณ……….รู้ได้อย่างไร? คุณเองก็มีความสัมพันธ์กับกลุ่มมาเฟียเหรอ?”
ตู้หลิงเซวียนยิ้มแต่ไม่พูดอะไร
“คุณกำลังยิ้มอะไรอยู่? ฉันกำลังถามคุณ! ตอบฉันสิ คุณเองก็ยุ่งเกี่ยวกับกลุ่มมาเฟียใช่ไหม?” เจิ้งซินใจร้อนเกินไป ก็เลยใช้นิ้วมือทั้ง5นิ้วจับแขนของตู้หลิงเซวียนไว้แน่น เล็บสีชมพูจิ้มเข้าไปในผิวหนังของเขา
เหมือนว่าตู้หลิงเซวียนจะไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดใดๆ แล้ว “ใช่”
“คุณ……”
เจิ้งซินอยากจะถามอีก แต่ก็รู้สึกว่าตัวเองไม่มีอะไรจะถามแล้ว
“สิ่งที่คุณอยากรู้ สักวันคุณก็จะได้รู้เอง”
คลือๆๆ
เสียงสั่นของโทรศัพท์ของตู้หลิงเซวียนทำให้การสนทนาหยุดลง เขาจบการสนทนา
“หม่ามี๊……….”
ตู้หลิงเซวียนแยกออกจากเจิ้งซินแล้วจับมือตัวเองไว้ แล้วเบี่ยงความสนใจไปที่โทรศัพท์
“เควิน หนูอยู่ไหน? หม่ามี๊ถึงสนามบินของเมืองหลวงแล้วนะคะ เลขาหนูบอกว่าวันนี้หนูอยู่ที่เมืองหลวง ฉันจะได้ไม่เปลี่ยนเครื่องที่เมืองหลวง!”
เสียงที่อ่อนโยนสนิทสนมของจางม่านหนิงที่อยู่อีกสายเต็มไปด้วยความดีใจที่จะได้เจอลูกชายตัวเอง
ตู้หลิงเซวียนยกแขนขึ้นมาแล้วมองดูเวลา 4ทุ่ม!
ทำไมหม่ามี๊อยู่ดีๆ ก็บินมาไม่บอกกล่าวอะไรก่อนเลย?!
เจิ้งซินเองก็ได้ยินข่าวของจางม่านหนิงผ่านโทรศัพท์ เธอปวดขึ้นมากขึ้นกว่าเดิมทันที
ให้ตายเถอะ เธอยังไม่พร้อมที่จะเจอแม่ยายในอนาคตนะ
“หม่ามี๊ ผมกำลังคุยงานอยู่ข้างนอก ท่านอยากพักที่โรงแรมไหนครับ?” ตู้หลิงเซวียนหยิบแว่นขึ้นมาแล้วใส่ และรีบลุกขึ้นหยิบเสื้อกันลมจากที่แขวนเสื้อไป พูดพร้อมเดินออกไป
เจิ้งซินตามหลังเขาไป แล้วกัดฟันตัวเอง
“โอ๊ย ไม่ต้องลำบากหรอกนะ หม่าม็เรียกรถแล้ว ฉันถามเลขาของนายแล้ว คืนนี้นายเข้าพักที่โรงแรมฮิลตัน หม่ามี๊พักอยู่ห้องข้างๆ นายเลย อีกเรื่องหนึ่ง นายอยู่กับแฟนใช่ไหม?”
จางม่านหนิงสงสัยกับข่าวแต่งงานที่มาอย่างกะทันหันของตู้หลิงเซวียน เธอจึงมาตรวจเช็คอย่างกะทันหันโดยไม่บอกกล่าวก่อน
ภาพจำที่ตู้หลิงเซวียนมีต่อแม่นั้นเป็นภาพที่แม่อ่อนโยนใส่ใจ ภาพที่จางท่านหนิงรุยๆ นี้ทำให้เขาตกตะลึงมาก
“ครับ ผมและเจิ้งซินจะกลับโรงแรมเดี๋ยวนี้เลยครับ ท่านบินระยะทางไกลแล้วเหนื่อย ท่านไปพักที่โรงแรมก่อนแล้วค่อยเจอกันพรุ่งนี้นะครับ”
“พรุ่งนี้อะไรกัน หม่ามี๊อยากเจอนายวันนี้เลย baby หม่ามี๊คิดถึงนายมากๆ เลยนะ”
วางโทรศัพท์เรียบร้อย ตู้หลิงเซวียนใส่เสื้อกันลมทันที “หม่ามี๊ของผมมา ตอนนี้พวกเรากลับไปที่โรงแรมกัน”
เจิ้งซินยังไม่ค่อยรู้สถานการณ์ตอนนี้สักเท่าไหร่ “นายรีบอะไร? สนามบินไกลจากโรงแรมมาก พวกเราถึงก่อนเธออยู่แล้ว”
ตู้หลิงเซวียนกดลิฟต์ “ความสัมพันธ์ตอนนี้ของเราสองคนคือคนรักกัน และกำลังจะแต่งงานกัน ถ้าแม่ของผมรู้ว่าเราไม่ได้อยู่ด้วยกัน คุณคิดว่าเธอจะคิดยังไง?”
เจิ้งซินกุมขมับไว้ “คุณหมายความว่าเราต้องอยู่ด้วยกันหรือ?”
“ไม่อย่างงั้นจะทำยังไง?”
เจิ้งซินด่าคำว่าให้ตายเถอะ อยู่ในใจ!
ตู้หลิงเซวียนให้คนขับรถขับตรงไปที่โรงแรมให้เร็วที่สุด 10กว่านาทีก็เอารถไปจอดที่ลานจอดของhilton plazaแล้ว เจิ้งซินนั่งอยู่ข้างหลังจนจะอ้วกออกมา แต่ตู้หลิงเซวียนกลับเหมือนคนที่ไม่เป็นอะไรเลย
เจิ้งซินก็ยิ่งกัดฟันด้วยความโกรธ “ตู้หลิงเซวียนนายบ้าไปแล้วใช่ไหม! ถนนเส้นนั้นเขาจำกัดความเร็ว!”
ตู้หลิงเซวียนมองไปที่เธออย่างเย็นชา “ไม่ลงรถหรือ? อยากลองอีกรอบเหรอ?”
เจิ้งซิน “………”
ทำไมนายไม่ไปตายซะ
“กลับไปที่ห้องคุณก่อน แล้วขนย้ายของทุกอย่างมาที่ห้องผม”
ตู้หลิงเซวียนก้าวยาวๆ ตรงไปที่ลิฟต์ เจิ้งซินใส่ส้นสูงไว้แล้วเดินอย่างลำบากถึงจะเดินตามเขาทัน ในที่สุดก็หยุดอยู่ที่หน้าลิฟต์ เธอเก็บความโกรธไว้ในใจ “ตู้หลิงเซวียน นายกลัวแม่นายขนาดนี้เลยเหรอ?”
ลิฟต์มาแล้ว เจิ้งซินชิงเข้าลิฟต์ไปก่อนแล้วเอามือบังลิฟต์ไว้ไม่ให้ตู้หลิงเซวียนเข้ามา
มือใหญ่ๆ ของตู้หลิงเซวียนปัดแขนของเธอออก “ไม่ใช่กลัว แต่ไม่อยากให้เธอผิดหวังมากกว่า”
เจิ้งซิยเม้มปาก อยากพูดอะไรที่แรงๆ แต่ไม่ได้พูดออกมา
อาจจะเป็นช่วงเวลานั่นแหละ ตู้หลิงเซวียนเป็นผู้ชายที่อบอุ่นจริงๆ อย่างน้อยเขากตัญญูต่อแม่ตัวเองจริงๆ
“หม่ามี๊ของผมอาจจะถึงในอีก30นาที ก่อนที่เธอจะมา พวกเราต้องจัดสถานที่ให้เสร็จ อีกอย่างมีรายละเอียดบางอย่างที่ผมต้องบอกคุณ” ตู้หลิงเซวียนเอามือจับที่สันจมูกอย่างครุ่นคิด
คืนนี้ต้องกังวลทั้งเรื่องภายในและเรื่องภาพนอก อารมณ์ของเขาค่อนข้างที่จะหงุดหงิด
ว่ามาเถอะ เดี๋ยวเรื่องนี้ฉันช่วยคุณเอง
เจิ้งซินเอามือกอดอก ภาพนั้นดูเหมือนว่าพร้อมที่จะแสดงละครจริงๆ ไม่มีความอบอุ่นและความรู้ใจกันของคนเป็นแฟนกันเลย
ตู้หลิงเซวียนเองก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้ “อันดับแรก หม่ามี๊ของผมละเอียดอ่อนมาก เธอต้องพูดคุยกับคุณเรื่องของผมอย่างแน่นอน คุณต้องจำไว้ว่า…..”
เจิ้งซินขยับปากอย่างเฉยชาๆ “ตู้หลิงเซวียน อย่างโตมาในครอบครัวแบบไหนกันแน่? ลัทธิฟาสซิสต์?”
ประตูลิฟต์เปิดออกมา ตู้หลิงเซวียนและเจิ้งซินออกมาพร้อมกัน และเดินตรงไปที่ห้องของเจิ้งซินพร้อมกัน
“กลับกันพอดีเลย”
ครอยครัวของเขาสมบูรณ์มาก ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อและแม่ของเขายิ่งชวนให้คนรู้สึกอิจฉา
โดยเฉพาะคุณแม่ ความอ่อนโยนและใจดีของเธอทำให้คนอื่นๆ ไม่อยากแม้แต่จะทำร้ายหรือหลอกลวงเธอ
เจิ้งซินไม่เชื่อเรื่องนี้
ของของเจิ้งซินค่อนข้างเยอะ เธอเอาเสื้อทั้งหมดออกมาไว้ด้านนอกเพื่อที่เธอจะได้เตรียมตัวงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ เสื้อเต็มเตียงไปหมด เครื่องประดับและรองเท้าก็กระจัดกระจายไปทั่วทุกมุม
เธอทำให้ห้องนอนที่กว้างใหญ่นั้นยุ่งเหยิงไปหมด
ตู้หลิงเซวียนเห็นสภาพห้องที่ยุ่งราวกับสภาพอุบัติเหตุทางรถยนต์ เขายิ้มออกมาแปลกๆ “ไม่คิดเลยว่าคุณจะเป็นแบบนี้”
เจิ้งซินไอออกมาด้วยความเก้อเขิน “ห้องของผู้หญิงก็พอๆ กันนั่นแหละ”
พอๆ กันเหรอ?
เขาจำได้ว่าห้องของลั่วหานสะอาดมาก ไม่ว่าเมื่อไหร่ ที่ที่เธออาศัยอยู่จะมีร่องรอยการรักความสะอาดอันเนื่องมาจากงานที่เธอทำ สะอาด ใสสว่าง มีระเบียบ
เหมือนเธอ
ช่วงมันเถอะ คิดถึงคนคนนี้ทำไมกัน
“เก็บกวาดกันเถอะ เอาสิ่งของที่ใช้ประจำทุกวันไปสักสองสามชิ้น” ตู้หลิงเซวียนหมดความหวังกับการขนของทั้งหมดไปแล้ว
เจิ้งซินกัดปาก “ตู้หลิงเซวียน นี่คุณทำสีหน้าอะไร?”
“สีหน้าของผมยังไม่ชัดเจนพอเหรอ?” ตู้หลิงเซวียนมองดูนาฬิกา “ผมให้เวลาคุณ5นาที”
“คุณ!”
ให้ตายเถอะ! นี่ใครกำลังช่วยใครกันแน่เนี่ย
ตู้หลิงเซวียนพูดเรื่องสำคัญจบก็เตรียมตัวหันหลังเดินกลับไป เขาไม่ได้สนใจเลยว่าเจิ้งซินกำลังทำอะไร
“ตู้หลิงเซวียน”
เจิ้งซินเรียกชื่อเขาจากด้านหลัง ขาของเขาข้ามรองเท้าและของใช้ของผู้หญิงที่กระจายอยู่บนพื้นไป
“เวลาของคุณเหลือไม่มากแล้วคุณเจิ้ง”
“ตู้หลิงเซวียน ในสายตาของคุณ ฉันเป็นแค่เครื่องมือในการเล่นละครเป็นเพื่อนคุณใช่ไหม? หึหึ ตัวตนของฉันมันต่ำขนาดนั้นเลยหรือ?”
เจิ้งซินยิ้มอย่างขมขื่น
ในสายตาของตู้หลิงเซวียน เธอเป็นอะไรกันแน่? เป็นแฟนสาวที่พาออกไปคุยงานด้านนอก กลับบ้านแล้วแสดงเป็นสะใภ้สุดแสนดี คิดว่าเธอไม่มีความรู้สึก? ไม่มีหัวใจ?
“คุณอยากได้อะไรอีก? เป็นแค่การร่วมมือกัน คุณยังจะหวังให้ผมให้ความรักกับคุณงั้นหรือ?” นิ้วของตู้หลิงเซวียนดันคางของเจิ้งซินขึ้นมา สามารถสองเห็นส่วนลึกของดวงตาของเธอได้
“หึหึ ตู้หลิงเซวียน ถ้าแน่จริงก็เอาแรงทั้งหมดนี้ไปใช้กับหลงเซียวซะ อย่ามารังแกผู้หญิงเลย”
เจิ้งซินปัดมือเขาออกอย่างแรง แล้วปิดประตูดัง “ปั้ง” ใส่หน้าเขา
ตู้หลิงเซวียนมองดูประตูที่ใกล้กับจมูกของเขามากๆ นิ้วมือที่เรียวยาวของเขากระตุกไปสองที