ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 1091
บทที่1091 คุณชายของฉันช่างหรูหรา
ลั่วหานยิ้มและผลักเขาออกไป “จิ้นเหยียน เข้ามาสิ”
ถังจิ้นเหยียนพยักหน้าให้หลงเซียวเป็นการทักทายและคนหลังก็เพียงพยักหน้า
“ลั่วหาน นี่เป็นรายการยาสำหรับปีหน้า คุณดูก่อน ยืนยันแล้วค่อยให้ผม”
ตั้งแต่อุบัติเหตุครั้งก่อน โรงพยาบาลได้เพิ่มความระมัดระวังในการซื้อยา ทุกระดับจะต้องเซ็นชื่อและส่งมอบ ไม่ว่าจะในกระบวนการใดก็จะประมาทไม่ได้
ตามหลักการแล้วสิ่งเหล่านี้ควรรายงานต่อคณบดีจากผู้ใต้บังคับบัญชาต่ำสุดไปสูงเป็นทอด ๆ เพราะสถานภาพที่พิเศษของลั่วหาน ถังจิ้นเหยียนดูเสร็จแล้วจึงนำมาให้เธออนุมัติ
ถึงจะบอกว่าอนุมัติ แต่จริง ๆ แล้วถึงมือถังจิ้นเหยียนทำงานแล้ว ลั่วหานจะเหตุผลอะไรที่จะไม่วางใจอีก?
ลั่วหานรับไปแล้วยังไม่ได้ดูทันที “นอกจากเวชภัณฑ์แล้ว ชุดอุปกรณ์จากเยอรมันมีความคืบหน้าอะไรไหมคะ? เดือนที่แล้วท่านคณบดีบอกว่าเครื่องช่วยหายใจกับเครื่องรักษาอัลตราไวโอเลตจะมาถึงตอนสิ้นเดือนใช่ไหม?”
“เครื่องมือถูกบรรจุแล้วที่เยอรมัน ใช้เวลาสองอาทิตย์ และใช้เวลาดำเนินการทางศุลกากรค่อนข้างนาน” ถังจิ้นเหยียนเองก็จับตามองเรื่องอุปกรณ์เหล่านี้เช่นกัน โรงพยาบาลมีความต้องการอุปกรณ์สูงมากโดยทั่วไปแล้วอุปกรณ์ใหม่ล่าสุดจะออกมาและพวกเขาจะซื้อโดยเร็วที่สุด
ราคานำเข้าของอุปกรณ์ทางการแพทย์ขนาดใหญ่บางชนิดสูงถึงหนึ่งล้านหยวน โรงพยาบาลหวาเซี่ยไม่ได้มีความคลุมเครือและเต็มใจที่จะจ่ายเงิน
ความหรูหราอวดรวยเช่นนี้ มีเพียงโรงพยาบาลเอกชนเท่านั้นที่มี
หลงเซียวไม่ได้มีความเข้าใจในเรื่องการรักษามากนัก แต่โรงพยาบาลหวาเซี่ยประสบความสำเร็จมาจนถึงจุดที่อยู่ในปัจจุบันได้นั้น ไม่อาจจะขาดความร่วมมืออย่างใกล้ชิดจากทุกภาคส่วนได้เลย ดังนั้นความทุ่มเทแรงกายแรงใจของถังจิ้นเหยียน เขาเห็นมาตลอด
ลั่วหานพยักหน้า “ลำบากคุณแล้วจิ้นเหยียน ภาระหน้าที่ของรองคณบดีหนักอึ้งขนาดนั้น คุณยังต้องผ่าตัดอีก ต้องทำงานทั้งสองด้าน และหนักทั้งสองมือ ขอบคุณนะ”
ดวงตาของถังจิ้นเหยียนวูบไหวราวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิและรอยยิ้มที่พัดไหว “มันเป็นหน้าที่ เรายังต้องพูดจาเกรงใจกันแบบนี้ด้วยเหรอ?”
“มันก็ใช่ ไม่พูดจาเกรงใจกับคุณแล้วดีกว่า คุณไปทำงานเถอะ” ลั่วหานไม่อยากจะรบกวนเวลาของเขา เพราะไม่อยากจะกักตัวเขาไว้อีก
ถังจิ้นเหยียนมองไปที่หลงเซียวที่เงียบอยู่ข้าง ๆ แต่ไม่อาจเพิกเฉยได้ “สะดวกรึเปล่า? ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณ”
“ได้”
ถังจิ้นเหยียนอยากจะคุยอะไร หลงเซียวรู้อยู่แล้ว
คนสองคนที่มีความสูงเท่ากันยืนอยู่ที่ระเบียงคนหนึ่งเป็นสีดำและอีกคนเป็นสีขาวทั้งคู่สูงสง่า
“หลงเซียว คนของพวกคุณพาเขาไปใช่รึเปล่าครับ?” ถังจิ้นเหยียนพูดอย่างไม่อ้อมค้อม
“ถูกต้อง เขาอยู่ที่อิตาลี” หลงเซียวเองก็ชัดเจน
“เขาจะตายรึเปล่า?”
ต้องใช้พลังงานมหาศาลกว่าถังจิ้นเหยียนจะถามถึงความตายได้
เขาหลับตาอย่างเจ็บปวด
“เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ผมจะพูดยังไงก็ได้ ผมไม่สามารถเตรียมคำตอบให้คุณได้ แต่ว่าถ้าหากเขาตาย ศพจะถูกส่งให้คุณแน่นอน”
หลงเซียวไม่ได้สัญญากับเขาว่าชายคนนั้นจะมีชีวิตรอด ความเป็นความตายของเขา จางหย่งเป็นคนกำหนด เขาเป็นคู่แค้นของจางหย่ง แม้ว่าหลงเซียวจะออกเดินทาง เขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความเกลียดชังนั้นได้
นิ้วของถังจิ้นเหยียนในกระเป๋าใหญ่นั้นม้วนไปมา “เขาอาจจะถูกคนอื่นหลอกใช้ ตอนนั้นเขายังอายุน้อย ยากที่จะเลี่ยงไม่ทำผิด ผมรู้ว่าจะมาอ้อนวอนตอนนี้คงไม่เหมาะ แต่ถ้าได้…ผมก็ยังหวังว่าพวกคุณจะให้โอกาสเขาได้กลับตัวเป็นคนดีสักครั้ง”
ถังจิ้นเหยียนเข้าใจสถานภาพของตัวเองดี เรื่องนี้เกี่ยวเนื่องไปถึงชีวิตของผู้อื่น เขาไม่อาจจะขออะไรได้
“ได้”
เพียงคำเดียวที่จุดความหวังในใจของถังจิ้นเหยียน “คุณยินยอมจะช่วยเขา?”
“ไม่แน่ว่าจะช่วยได้”
เมื่อจางหย่งมีอารมณ์ หลงเซียวก็ไม่อาจจะไปสั่งอะไรเขาได้ จะเลือกยังไง ก็ต้องให้เขาเป็นคนเลือกเอง
“ผมขอขอบคุณคุณล่วงหน้า หลงเซียว”
“อยากจะขอบคุณผม ก็ช่วยแบ่งเบางานของลั่วลั่วให้เยอะหน่อย ตอนนี้เธอเหนื่อยมากไม่ได้” หลงเซียวหันมายิ้ม
“เธอเป็นอะไร? ไม่สบายตรงไหนรึเปล่า?” เมื่อกี้ถังจิ้นเหยียนก็ไม่เห็นลั่วหานจะผิดปกติตรงไหนนี่
“เธอท้องแล้ว”
คำตอบที่เรียบง่าย แต่ไม่ยากที่จะได้ยินความสุขและความภาคภูมิใจในน้ำเสียง
“…” ทันใดนั้นถังจิ้นเหยียนก็ถูกปลุกเร้า
ท้องแล้วเหรอ? เร็วขนาดนั้น?
“ยินดีกับพวกคุณด้วย ผมรู้ว่าควรทำยังไง เรื่องงานคุณวางใจได้”
ทั้งสองคนบรรลุความเห็นพ้องต้องกันและแยกกันที่ระเบียง
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง หลงเซียวกลับไปที่ห้องทำงานที่ MBK
จี้ตงหมิงที่กำลังจะเข้ามารายงานเรื่องงานก็พบกับแอนดี้ที่หน้าประตู
แอนดี้ถือแฟ้มเอกสารสีสันฉูดฉาดหลายอัน และแฟ้มสีขาว ดำ น้ำเงิน ที่เธอมักจะจัดการให้หลงเซียว ซึ่งดูขัดกันเล็กน้อย
“นี่อะไร? ประชุมโรงเรียนอนุบาลเหรอ?” จี้ตงหมิงทำหน้าทะเล้นใส่แอนดี้
แอนดี้เลิกคิ้วทั้งสองข้างสูงในเวลาเดียวกัน “ท่านประธานขอให้ฉันกำหนดวิธีการให้รางวัลสำหรับโบนัสสิ้นปี ฉันก็เลยทำไว้สามแนวทาง แน่นอนว่าเพื่อตอบสนองต่อการเรียกร้องของท่านประธานให้ดูแลการแต่งงานของชายหนุ่มโสด ฉันเลือกสีแดงเหลืองและม่วงสำหรับเทศกาลเป็นพิเศษ ก็เพื่อบรรยากาศในช่วงปีใหม่?”
จี้ตงหมิงรีบพลิกเอกสารดูพรึ่บพรั่บ แล้วพูดด้วยเสียงต่ำ “ที่รัก เมื่อคืนคุณนอนกี่โมง?”
เขาจำได้ว่าตนเองตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำกลางดึก แอนดี้ก็ยังยุ่งอยู่ในห้องหนังสือ เขาสะลึมสะลือและไม่รบกวนเธอและไม่ได้ดูเวลา
ใครใช้ให้เขารักคนบ้างานกันล่ะ
แอนดี้ยักไหล่ “พอทำงานก็นอนไม่หลับ เกือบจะตีสามล่ะมั้งคะ ตื่นเช้ามาก็ทำอีกรอบ ทั่วไปก็เอาอยู่แล้วล่ะ”
จี้ตงหมิงยกนิ้วให้และรู้สึกทุกข์ใจ “ต่อไปคุณช่วยเปลี่ยนนิสัยอดนอนได้ไหม? คุณภรรยา เถ้าแก่เนี้ยของพวกเราท้องลูกคนที่สองแล้ว พวกเราเตรียมรับศึกรึเปล่า?”
แอนดี้ยังไม่รู้ข่าวเรื่องการตั้งครรภ์ของลั่วหาน “คุณหมอฉู่ท้องเหรอ? !”
“ชูว์! ผมเองก็เพิ่งรู้ เบาหน่อย เบา ๆ” จี้ตงหมิงเองก็ตกใจมากในตอนที่ได้ยินข่าวนี้ ส่วนใหญ่เป็นความอิจฉาและอยากจะเป็นอย่างเขาบ้าง
เจ้านายก็คือเจ้านาย แต่งงานเร็ว หย่าเร็ว แล้วกลับมาแต่งอีกก็เร็ว มีลูกเร็ว นี่ท้องครั้งที่สองแล้ว ก็ยังเร็วกว่าคนอื่น
ต่อให้พวกเขาขึ้นเฮลิคอปเตอร์ก็ตามไม่ทัน
“รู้แล้ว ฉันไม่บอกใครหรอก”
แอนดี้ใช้เวลาย่อยข้าวสำคัญนี้แล้วยื่นมือออกไปเพื่อเคาะประตูของหลงเซียว
จี้ตงหมิงต้องการเข้าไปก่อนเนื่องจากภรรยาของเขามีงานทำเขาจึงรอ
“เข้ามา”
แอนดี้วางแผนการที่ทำมาอย่างดีและนำเสนอให้หลงเซียว “ท่านประธานคะ ฉันทำแผนงานโบนัสสิ้นปีมาสามแผน เชิญคุณดูค่ะ”
หลงเซียวเลิกคิ้วและตรวจดูโฟลเดอร์สามสีที่มีสีแปลก ๆ “เสร็จแล้วเหรอ?”
เวลาสั้นขนาดนี้? เธอทำเสร็จออกมาได้งั้นเหรอ?
“โดยทั่วไปมีสามทิศทางหลังจากที่คุณสรุปหนึ่งในนั้นแล้ว ฉันค่อยทำแผนการอย่างละเอียด ทุกปีงานเลี้ยงรวมทุกแผนกจะมีการจับสลาก ปีนี้ก็คงไม่มีข้อยกเว้นสินะคะ?”
แอนดี้ยังจำได้ รางวัลจับสลากปีที่แล้ว รางวัลที่หนึ่งคือเที่ยวบินคู่สามสิบวันสิบประเทศยุโรป รางวัลที่สองเป็นรถเบนซ์ ลำพังแค่การจับสลากครั้งเดียวก็ไม่รู้ว่าฆ่าไปกี่บริษัทในชั่วพริบตาแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นโบนัสสิ้นปีของ MBK คือความหรูหราฟู่ฟ่าที่มีชื่อเสียง โบนัสสิ้นปีของทีมงานโครงการแต่ละทีมนั้นมากกว่าเงินเดือนของคนอื่นรวมกันเป็นสิบปี!
เรียกได้ว่าหรูหราจนเกินมนุษย์มนา
ในปีนี้ MBK ได้รับโครงการใหญ่หลายโครงการติดต่อกันและผลประกอบการก็แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ท่านประธานมีแผนจะแสดงออกอย่างไรกันนะ?
หลงเซียวเปิดไปส่วนแรก มันเป็นแผนการที่ค่อนข้างตรงไปตรงมา แต่จำนวนฐานโดยรวมเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ส่วนที่สองเน้นผลประโยชน์ในวันหยุดโดยเน้นที่การดูแลพนักงานชายและหญิงโสด ส่วนที่สามคือการเปลี่ยนรางวัลบางส่วนเป็นเงินทุนของบริษัทเพื่อพัฒนาทักษะส่วนบุคคล
ตัวอย่างเช่น ทุนศึกษาต่อต่างประเทศ ทุนการศึกษาต่อ IBM และประกาศนียบัตรชั้นยอดอื่น ๆ ที่มหาวิทยาลัย 985 แห่งในประเทศจีน
ซึ่งเป็นการใช้งบสูงกว่ารางวัลการท่องเที่ยวยุโรปสิบประเทศ ค่าใช้จ่ายในการศึกษาต่อมหาวิทยาลัยสำคัญอย่าง IBM มักมีค่าใช้จ่ายประมาณหนึ่งล้าน
ก่อนหน้านี้ หลงเซียวคงจะเลือกทางเลือกที่สองโดยตรง แต่วันนี้นั้น…
“รวมแผนการทั้งสามแล้วปีนี้บริษัทก็จะสามารถขยายการให้รางวัลออกไปได้กว้างขึ้น บุคคลและทีมงานที่ทำผลงานให้กับบริษัทได้อย่างโดดเด่น บริษัทจะไม่ลังเลที่จะลงทุน ต่อไปบริษัทจะให้ทุนจำนวนสองทุนเพื่อศึกษาต่อต่างประเทศทุกปี ค่าใช้จ่ายบริษัทจะเป็นคนออกทั้งหมด”
แอนดี้: “…”
ทุกปีสองทุน? บริษัทรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด?
“ที่เหลือ คุณช่วยจัดการอีกอย่างหนึ่งให้ผม เกี่ยวกับการจับสลากสิ้นปี จัดให้มีรางวัลยอดแย่”
แอนดี้พยักหน้า “แล้วรางวัลล่ะคะ?”
ยอดแย่ คนที่ต้องเผชิญหน้าคือพนักงานที่ถูกประกาศชื่อ แต่ประกาศชื่อก็ยังต้องมีคนขึ้นมาน่ะสิ!
“iPhone รุ่นใหม่ล่าสุดเปิดตัวรึยัง?” หลงเซียวไม่ค่อยใส่ใจกับสินค้าอิเล็กทรอนิกส์นัก
แอนดี้อึ้งไป “ออกแล้วค่ะ ขายดีมาก เปิดตัวปุ๊บขายหมดเลย”
“อืม คุณกับอาหมิงรับผิดชอบเรื่องการจัดซื้อ สั่งตรงจากอเมริกามาล็อตหนึ่ง แจกคนละเครื่อง”
แอนดี้: “…”
รางวัลยอดแย่นะคะเจ้านาย ราคาของที่ระลึกราคากว่าหมื่นหยวน รางวัลยอดแย่ที่ไหนมันจะราคาสูงขนาดนี้?
“ค่ะ ท่านประธาน”
แอนดี้ต้องเวียนหัวเล็กน้อยเมื่อเดินออกมาจากห้องทำงาน “ท่านประธานมีความสุขจนเห็นได้ชัดเลยนะ การจับสลากสิ้นปีปีนี้เรียกง่าย ๆ ว่า….เปิดโลกทัศน์ฉันไปเลย”
เมื่อจี้ตงหมิงได้ยินก็ถึงกับอึ้ง “ดูท่า บริษัทของพวกเราจะต้องขอบคุณเถ้าแก่เนี้ยแล้วล่ะ ยังมีคุณชายน้อยหรือไม่ก็เจ้าหญิงตัวน้อย มาถูกเวลาจริง ๆ เลย!”
แอนดี้พูดถึงเรื่องการจับรางวัลสิ้นปีเป็นหลัก ในขณะที่จี้ตงหมิงรับผิดชอบการประเมินการเลื่อนตำแหน่งและการขึ้นเงินเดือนสองครั้งต่อปี เขาคุยกับ HR แล้ว และเข้าใจโดยทั่วไปถึงความคืบหน้าและความสำเร็จของการทำงานของพนักงานในหนึ่งปี
ตามหลักแล้ว MBK จะมีการปรับฐานเงินเดือนปีละสองครั้งและโอกาสในการเลื่อนตำแหน่ง ขนาดของการเปลี่ยนแปลงเงินเดือนสูงสุดที่ปรับขึ้นคือร้อยละยี่สิบ แน่นอนว่าในกรณีพิเศษคือร้อยละยี่สิบห้าถึงสามสิบ แต่มีโอกาสน้อยมาก
การปรับเปลี่ยนตำแหน่งนั้นโดยปกติแล้วจะเป็นการเลื่อนทีละขั้นไม่มีการเลื่อนแบบก้าวกระโดด
การเปลี่ยนแปลงบุคลากรในบริษัทขนาดใหญ่เกี่ยวข้องกับหลาย ๆ อย่างดังนั้นจึงต้องระมัดระวัง
“เจ้านาย การปรับตำแหน่งผู้จัดการโครงการขึ้นไป ต้องการให้คุณเซ็นชื่อครับ นี่คือรายชื่อและสถานการณ์การทำงานของทุกคน”
จี้ตงหมิงยื่นรายชื่อและข้อมูลให้กับเขา
หลงเซียวเข้าใจถึงสถานการณ์การทำงานของผู้จัดการแต่ละคนเป็นอย่างดี ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบอะไรอีก “เอาข้อมูลของหวังเค่ยให้ฉัน”
“นี่ครับ ตั้งแต่เขาเข้าทำงานที่บริษัท ก็ไม่เคยทำอะไรพลาด ผลงานโดดเด่น” จี้ตงหมิงถือโอกาสพูดแทนหวังเค่ย
เงินเดือนของหวังเค่ยไม่ถือว่าน้อย แต่เขาคบอยู่กับเกาหยิ่งจือ ไม่ว่าจะรายได้สูงแค่ไหนก็ถูกเรียกว่าหนูตกถังข้าวสารอยู่ดี
หลงเซียวพิจารณาเงินเดือนของงเขา ในกลุ่มวิศวกรระดับเดียวกัน รายได้ของเขาไม่ถือว่าดีที่สุด แต่หวังเค่ยมีความสามารถที่โดดเด่น “เลื่อนขั้นหวังเค่ยขึ้นมาเป็นผู้ช่วยผู้จัดการแผนกวิศกรรม เงินเดือนปรับตามตำแหน่งรองผู้จัดการและสวัสดิการอื่น ๆ ก็ปรับตามด้วย”
จี้ตงหมิงสำลัก “เจ้านาย ก้าวกระโดดไวไปรึเปล่าครับ? ผมกังวลว่ามันยากที่จะทำให้ทุกคนยอม”
ตั้งแต่วิศวกรจนถึงรองผู้จัดการ ต้องข้ามหน้าข้ามไปคนไปจำนวนมาก จะทำให้คนกี่คนต้องขุ่นเคือง?
หลงเซียวเซ็นชื่อของเขาที่ด้านล่างขวาของเอกสารอนุมัติ “ใครไม่พอใจ ให้เขามาหาฉันโดยตรง”