ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 1103
บทที่ 1103 การแสดงของเทพบุตร
คาดว่าน่าจะเป็นสตูดิโอของเค่ยรุ่ยสินะ? คงจะตัดชุดที่ทำให้เธอดูโดดเด่น และสง่างามท่ามกลางฝูงชน ตามปกติแล้วเขาก็จะทำแบบนี้
เส้นทางที่หยังเซินขับรถไปนั้นไม่ใช่สถานที่จัดงาน ดังนั้นลั่วหานจึงได้คิดไปเอง
แต่หลงเซียวเข้าใจว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่เพียงแต่ว่า……
มือของเขาสัมผัสเข้าไปที่ใบหน้าอันขาวผ่องของเธอแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผมจะพาคุณไปทานข้าวก่อน ตอนนี้คุณกำลังตั้งครรภ์นะ ถ้าไม่กินอะไรเลยคงจะหิวแย่ อีกอย่างคุณไม่ยอมนั่งโซน VIP ด้านหลังไม่มีอาหารให้ ผมจะยอมให้แม่ของลูกนั่งกินขนมปังอย่างนั้นเหรอ?”
ลั่วหานเบิกดวงตากลมโตของเธอทั้งสองข้าง “กินข้าวเหรอคะ?”
ทำไมไม่เป็นแบบที่เธอคิดกัน!
หลงเซียวทำเป็นไม่เข้าใจ “ใช่น่ะสิครับ ไม่อย่างนั้นคุณคิดว่าอะไร?”
เธอคิดว่า……
สิ่งที่เธอคิดอยู่นั้นก็คือ ชุดราตรีสวยงาม รองเท้าคริสทัลและเครื่องประดับหรูหราเข้ากัน อีกทั้งทรงผมใหม่
แต่ว่า……
“ครับ?” ในเมื่อเห็นว่าเธอไม่พูดอะไรออกมา หลงเซียวจึงได้ก้มหน้าลงโน้มตัวเข้าไปใกล้ใบหน้าของเธอ
ลั่วหานพ่นลมหายใจออกมาแล้วพูดว่า “ฉันกำลังคิดว่าจะกินอะไรดี”
หลงเซียวดึงใบหน้าอันหล่อเหลาของเขากลับไปแล้วหันไปพูดกับหยังเซินว่า “ไปร้านขายโจ๊กตระกูลหลิน”
“ครับเจ้านาย”
“ฉันยังไม่ได้บอกว่าจะกินอะไรเลย?” ลั่วหานพูดออกมาเหมือนมีข้อขัดแย้ง
“คุณไม่อยากไปเหรอ?” ใครบางคนใช้น้ำเสียงที่อ่อนโยนเอ่ยถามขึ้น มันทำให้สามารถลบล้างความคิดของคนอีกคนหนึ่งไปได้
ลั่วหานครุ่นคิดแล้วพยักหน้า “……อยากค่ะ”
หลงเซียวยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “ครับ เด็กดี”
ลั่วหานกัดฟันกรอดๆ คุณมันหน้าเนื้อใจเสือ
……
ตอนหนึ่งทุ่มตรง แขกเริ่มทยอยเข้ามาในงาน เดิมทีห้องโถงอันเงียบสงบตอนนี้กลับมีชีวิตชีวาขึ้น ทุกคนที่เดินทางเข้ามาจะได้รับแท่งไฟคนละสองแท่ง บางคนก็ถือบอร์ดเรืองแสง และแบกกล้องถ่ายรูป กล้องส่องทางไกลมาด้วย พวกเขาเตรียมอุปกรณ์เสริมมาค่อนข้างครบ
“เพลงเปิดงานในวันนี้เป็นผลงานของกัวหย่าถิง! เธอฮอตมากเลยในปีนี้ ตอนที่ร้องเพลง รักเธอทั้งชีวิต ติดชาร์ตเพลงฮอตกว่าครึ่งปี!”
“ฉันชอบเธอมากเลย! ทักษะการร้องสดของเธอก็ยอดเยี่ยมมาก ฉันเตรียมของขวัญมาให้เธอด้วยล่ะ เดี๋ยวอีกสักพักฉันจะไปรอดักเธอที่หลังเวที!”
“ฉันเข้ากลุ่มทีมสนับสนุนเธอแล้ว เดี๋ยวจะลากเข้ากลุ่มนะ”
พนักงานหญิงคุยกันอย่างดุเด็ดเผ็ดร้อน แต่มีอยู่คนหนึ่งยิ้มออกมาว่า “กัวหย่าถิงแล้วยังไงล่ะ? พวกเธอรู้หรือเปล่าว่าวันนี้ยังมีใครอีก เจี่ยเฟยเฟย! ราชินีแห่งฮ่องกง ค่าออกงานของเธอนาทีละเกือบล้าน”
“พระเจ้าจริงเหรอ!เจี่ยเฟยเฟยก็มาหรือนี่! ตอนนี้เธอ Hot มากจริงๆ!”
“ดังก็ดังแหละ แต่ว่าประเด็นร้อนแรงของเธอก็ล้วนเกี่ยวกับเรื่องความรัก ก่อนหน้านี้ฉันเป็นแฟนคลับตัวยงของเธอแต่ตอนนี้เหรอ……เหอะๆๆ!”
“แหม เราไม่ดูเรื่องส่วนตัวของเธอ ดูแค่ความสามารถในการร้องเพลงเพราะก็พอแล้ว อีกอย่างเธอคือราชินีแห่งฮ่องกง ก็คงจะมีชีวิตที่แตกต่างกันไปแหละ”
อีกคนหนึ่งพูดขึ้นอย่างไม่พอใจว่า “พวกเธอนี่มันช่างอ่อนจริงๆ ไม่เห็นประกาศของบริษัทหรือไง? คืนนี้คนดังไม่ใช่ดาราที่ไหน แต่เป็นประธานของพวกเรา!”
“ประกาศเหรอ? ปกติแล้วฉันไม่ค่อยอ่านประกาศเท่าไหร่ ประกาศของบริษัทน่าเบื่อจะตายมีแต่เรื่องทางการ”
“ให้ตายสิเธอไม่รู้หรือไง?คืนนี้ท่านประธานจะขึ้นแสดงบนเวที เขาพูดด้วยตัวเองเลย! ผู้จัดการจี้พูดหลุดออกมาแล้วก็กระจายไปทั่วบริษัท!”
“โอ้!เจ้าชาย เจ้าชายของฉัน!”
“โทรหาผู้ชายของฉันที! ยืมนกหวีดหน่อย!”
ข่าวลือเรื่องที่หลงเซียวจะขึ้นแสดงบนเวทีก็ระเบิดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ทำให้บริเวณนั้นตะโกนกันลั่นครึกครื้น
คนที่เตรียมแท่งไฟเอาไว้ยิ้มออกมาจนเห็นฟัน “ไปอยู่ที่ไหนมา นี่ คืนนี้พวกเราจะเก็บเกี่ยวเทพบุตร!”
“อย่าแตะต้องคุณชายเซียวนะ ดาราพวกนั้นเอาไปเลย ส่วนเทพบุตรเป็นของฉัน!
ไม่ให้! กลับไปก่อนพ่อหนุ่มน้อยหน้ามนของแกเลย!”
……
หลงเซียวเฝ้าดูลั่วหานดื่มโจ๊กเมล็ดบัวพุทราและกินผักอีกหนึ่งจานด้วยความอดทน หลังจากนั้นจึงให้เธอลุกออกจากโต๊ะได้
บรรยากาศในตอนกลางคืนค่อนข้างจะร้อน การไหลเวียนของอากาศไม่ค่อยดี อีกทั้งอาจจะมีเสียงดังรบกวนมากมาย ควรรับประทานอาหารที่มีรสจืดไว้จะดีกว่า
หลังจากขึ้นรถอีกครั้งหนึ่ง ลั่วหานก็ลูบไปที่ท้องของตัวเอง “ฉันอิ่มมากเลยค่ะ กินเยอะเกินไปหน่อย”
หลงเซียวนำผมที่ปลิวไปอยู่ในปากของเธอโดยไม่ได้ตั้งใจออกมา “กินเยอะก็ดีแล้วครับ เดี๋ยวจะได้มีกำลังใจปรบมือให้ผม”
ลั่วหาน “……”
เธอเกือบจะลืมไปแล้ว
เมื่อรถขับมาถึงสถานที่จัดงาน หลงเซียวลงจากรถและพยุงมือลั่วหานเดินลงมา
ลั่วหานไม่อยากทำให้เขาเสียเวลาอีกต่อไป เมื่อเดินไปที่ประตูเธอก็สะบัดมือออกแล้วบอกว่า “เดี๋ยวฉันเข้าไปเองดีกว่าค่ะ ฉันเข้าไปกับคุณมันโดดเด่นเกินไป เดี๋ยวไปนั่งตรงโซนที่จัดไว้ให้ของโรงพยาบาลก็พอแล้ว”
หลงเซียวเข้าใจในความกังวลของเธอ และก็ไม่อยากบังคับจึงพูดว่า “ก็ได้ครับผมจะยืนดู คุณเข้าไปเหอะ”
กระทั่งมั่นใจว่าลั่วหานนั่งลงเรียบร้อยแล้วหลงเซียวจึงได้ก้าวขาเดินออกไป
จากนั้นหยิบโทรศัพท์ที่เพิ่งสั่นเมื่อสักครู่ขึ้นมา
เป็นข้อความจากจางงหย่งปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
“เจ้านายครับผม ผลออกมาแล้ว พวกเราเล่นเกมแมวจับหนูกับเครื่องCresอยู่ยี่สิบกว่าวัน ในที่สุดเขาก็เปิดเผยข้อบกพร่องของตัวเองออกมา วันนี้พวกเราวางแผนจะเล่นเกมใหญ่กับเขา”
ร่างกายอันสูงเรียวของหลงเซียว เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าต่างสไตล์ฝรั่งเศส มือข้างหนึ่งของเขาใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง นิ้วโป้งถูไปที่บริเวณแหวนตรงนิ้วนาง “ระวังตัวด้วย อย่าเสียสละในสิ่งที่ไม่จำเป็น”
ผ่านไปไม่กี่วินาทีก็ได้ข้อความตอบกลับว่า
“MAX จัดว่าเป็นคนจริง จากที่ผมมองแล้วถ้าเขาไม่ต่อสู้แบบจริงจังเขาคงไม่ยอมวางมือง่ายๆ แต่ผมก็รู้ว่าควรหรือไม่ควร ผมจะไม่ตายอย่างไรประโยชน์แน่นอน”
“อืม”
เมื่อเขาตอบข้อความเสร็จแล้ว หลงเซียวก็มองออกไปยังนอกหน้าต่าง บัดนี้ท้องฟ้ามืดครึ้มได้เข้ามาแทนที่ โคมไฟบนถนนในเมืองหลวงค่อยๆส่องไสวประกายไปด้วยแสงนีออน เมื่อมองออกไปราวกับทั้งเมืองกำลังกะพริบตา
คืนนี้……
หรือว่าความคับข้องใจมากมายทั้งหลายจะสิ้นสุดลงในคืนนี้กัน?
“เจ้านายครับ พนักงานทุกคนเข้ามาในงานหมดแล้ว”
ในที่สุดจี้ตงหมิงก็ตามเจอเจ้านายของเขาแล้วรีบเข้ามารายงาน
หลงเซียวนำโทรศัพท์มือถือใส่ไว้ในกระเป๋าแล้วพูดว่า “อื้ม”
จี้ตงหมิงเดินตามเขาออกไปอีกทางหนึ่ง “เจ้านายครับ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
ฝีเท้าของหลงเซียวไม่ได้รีบร้อนแต่ค่อนข้างเร็ว “วันนี้พวกอาหย่งเขาจะลงมือ ความอดทนของMAX สิ้นสุดลงแล้ว”
จี้ตงหมิงสำลักทันที!
“ผมต้องทำอะไรไหม?”
จะต้องต่อสู้อย่างนั้นหรือ? อาหย่งกำลังตกอยู่ในอันตรายใช่หรือไม่? หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเข้าในฝั่งอิตาลี คาดว่าคงมีชีวิตเป็นเดิมพัน!
การแสดงออกของหลงเซียวราวกับมีเมฆหมอกสีดำทะมึนปกคลุม “เชื่อมต่อเครื่องติดตามอินฟราเรดของอาหย่ง ระดมคนทั้งหมดในอิตาลีที่สามารถระดมมาได้ ภายในครึ่งชั่วโมงทุกคนต้องมีอาวุธครบมือ”
จี้ตงหมิงพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ครับ”
จี้ตงหมิงก้าวออกไปเพื่อปฏิบัติตามภารกิจที่ได้รับมา
หลงเซียวหยุดฝีเท้าลง จากนั้นหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเบอร์โทรออกไปเพียงไม่กี่วินาทีก็โทรติด
เจมส์ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหลงเซียวจะโทรศัพท์หาเขา เขายังไม่ทันตั้งตัว “Hi?”
ร่างของหลงเซียวยืนตั้งฉากกับพื้น แสงสว่างส่องมายังหน้าของเขา คิ้วลึกคมเมื่ออยู่ภายค่ำคืน “คุณอยู่ที่ไหน?”
เจมส์ตะลึงไปครึ่งวินาที “อังกฤษไง?”
ทำไมเหรอ? คิดถึงเขาหรือไง?
“พาCatherineไปหาพ่อของเธอ จำคำพูดของผมไว้ แล้วไปบอกกับเขาทุกถ้อยคำให้ตรงกัน”
เจมส์กำลังกินวาฟเฟิลอย่างมีความสุข แต่ตอนนี้เขาได้หยุดลง……
คำพูดของหลงเซียวไม่ช้าไม่เร็วจนเกินไป ทุกคำพูดนั้นชัดเจน เป็นประโยคหนึ่งที่ไม่ยาวมาก แต่เพียงพอสำหรับทำให้เจมส์กลืนวาฟเฟิลที่ยังไม่ได้เคี้ยวลงไปทั้งแผ่น!
“ฟังชัดเจนแล้วใช่ไหม?”
เจมส์กลืนน้ำลายลงคอ เขามองไปยังCatherineที่นั่งอยู่ตรงข้ามอย่างจริงจัง
“ได้ยิน……ชัดเจนแล้ว”
“ดีมาก รบกวนคุณด้วยนะ ผมจะขอบคุณอย่างงามในภายหลัง”
“อ๋อ……ครับ……”
……
“คุณหมอฉู่ คุณหมอฉู่ แขกรับเชิญในคืนนี้มีแต่คนสำคัญทั้งนั้นเลย ทางสำนักงานใหญ่หมดเงินไปมากขนาดไหนเนี่ย!”
มหาเศรษฐีก็คือมหาเศรษฐีจริงๆ!
“คุณชายหลงทรงพลังและมีอำนาจราวเทพบุตร ฉันรักเทพบุตรที่สุดเลย!”
ลั่วหานไม่ได้สนใจกับรายการแสดงสักเท่าไหร่ ก่อนหน้านี้เธอยังไม่ได้ยินเรื่องอะไรมา รู้เพียงแค่ว่าหลงเซียวนั้นจะขึ้นแสดงบนเวทีด้วยตัวเอง “ทุกคนเสียสละและลำบากเพื่อบริษัทมาหนึ่งปีเต็ม ตอนนี้ถึงเวลาพักผ่อนบ้างแล้ว”
ที่นั่งที่ทางบริษัทMBKจัดไว้ มีถุงกระดาษคุณภาพดี ด้านในเตรียมน้ำหนึ่งขวด ขนมปังและขนมเล็กๆน้อยๆไว้ให้สำหรับทุกคนเพื่อเพลินกับการแสดง
พวกเขาคิดได้อย่างรอบคอบ
หลินซีเหวินแกะถุงถั่วลันเตาออกมาเคี้ยวกรุบกรอบ “พี่ลั่ว ทำไมไม่นั่งข้างหน้าเหรอคะ?”
เธอเองยังรู้สึกอึดอัดใจที่หลงจื๋อไม่ยอมจัดให้เธอนั่งอยู่โซนVIP รอให้กลับบ้านจะให้เขาคุกเข่าบนทุเรียน!
“ด้านหน้ามีช่างภาพเยอะ ต้องถูกถ่ายรูปตลอด เธออยากเป็นอย่างนั้นเหรอ?”
เธอเข้าใจดีว่าการที่หลงเซียวไม่ให้เธอนั่งข้างหน้าและไม่ให้เธอแต่งตัวเป็นที่ดึงดูดสายตาก็เพื่อต้องการปกป้องเธอ
ถ้าข้อมูลถูกเปิดเผยมากขึ้น ก็จะมีสื่อต่างๆจับตามอง ในกรณีร้ายแรงอาจส่งผลต่อการดำรงชีวิตของเธอ
อืม เธอเองก็คิดไม่ถึง
หลินซีเหวินเม้มปากแล้วกินถั่วลันเตาเข้าไป “อืม……”
เอาล่ะเธอให้อภัยหลงจื๋อก็ได้
ทันใดนั้นเสียงดนตรีก็เริ่มบรรเลงขึ้นดังก้องไปทั่วสถานที่ รวบรวมสายตาผู้คนนับพันจับจ้องมาบนเวที
เมื่อเสียงเพลงบรรเลงขึ้น เดิมทีทางเดินที่แสงไฟส่องสว่างก็ดับลง เหลือเพียงแสงไฟที่ไล่มาบรรจบกันตรงเวทีตรงกลาง และมีเวทีกลมๆถูกยกให้สูงขึ้น
เสียงเพลงและแสงไฟส่งไปในทางเดียวกัน ผู้หญิงผมขาวคนหนึ่งถูกไฟอันสว่างไสวส่องมา เธอสวมชุดเดรสเกาะอกสีฟ้าบริสุทธิ์ แพรวพราวสว่างดุจดวงดาวบนท้องฟ้า
เมื่อเสียงดนตรีค่อยๆเบาลง นักร้องสาวคนนั้นก็ขยับปากของเธอตามทำนอง
“ค่ำคืนนี้ขอให้ฉันกางปีกและโบยบินไปบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว พิสูจน์ว่าฉันคือปาฏิหาริย์”
“ค่ำคืนนี้ขอให้หยาดเหงื่อกลายเป็นเพชร ให้ฉันได้เต้นรำบนยอดเขา บอกให้โลกรู้ว่า หนุ่มสาวยังอยู่ยงคงกระพัน……”