ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 1105
บทที่ 1105 นี่คือคำสั่ง
จี้ตงหมิงรีบเข้าไปคว้ากล่องระเบิดแล้ววิ่งหนี
หลงเซียวหยิบกุญแจรถที่วางอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งแล้วก้าวออกไปที่ประตู ร่างสูงใหญ่ในชุดสีดำของเขาราวกับพายุหมุน
ตอนนี้ในสมองของจี้ตงหมิงว่างเปล่าอย่างสิ้นเชิง มีแต่เพียงความสับสนวุ่นวายและตื่นตระหนก เขากำลังระเบิดไว้ในมือแน่น หัวใจของเขาแทบจะหยุดเต้นลงชั่วขณะ เลือดในร่างกายไหลขึ้นสู่สมอง ราวกับเส้นประสาททุกเส้นแทบจะระเบิดออกมา
ทุกความรู้สึกของเขาตะโกนโห่ร้องออกมาเพียงแค่ จบสิ้นแล้ว!
แต่หลงเซียวก้าวออกไปได้อย่างรวดเร็ว เขาวิ่งแซงหน้าจี้ตงหมิงได้ในพริบตา “ผมจะไปขับรถ ตามมาเร็ว”
อาจเป็นเพราะน้ำเสียงของหลงเซียวดูมีพลังอย่างน่าเหลือเชื่อ จึงทำให้จี้ตงหมิงตะโกนออกมา ท่ามกลางความว่างเปล่าว่า “ครับ!”
เมื่อสักครู่เขาคิดว่าเขาสูญเสียการรับรู้เรื่องภาษาไปแล้วเสียอีก……
พวกเขาออกจากงานไปทางประตูข้าง ถัดไปสิบกว่าเมตรเป็นลานจอดรถ ที่จอดรถของหลงเซียวนั้นอยู่ในตำแหน่งที่เด่นชัด หลงเซียวรีบคว้ากุญแจรถจากนั้นเสียบเข้าไปในรูกุญแจอย่างแม่นยำ เขาหมุนมันและ รีบเข้าไปนั่งในที่คนขับ
“เอามา!”
จี้ตงหมิงยืนตกตะลึงอยู่ที่เดิม ตอนนี้เขารู้สึกว่าตัวเองง่วงมาก ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร และคิดไม่ทันว่าเจ้านายจะทำอะไร
“เอามา!”
หลงเซียวลดระดับหน้าต่างรถลงมาแล้วยื่นมือทำสัญลักษณ์ว่าให้เอาระเบิดไปให้เขา
จี้ตงหมิงถึงได้สติกลับมาแล้วถามว่า “เจ้านายจะทำอะไรครับ?”
“ไม่ต้องถามมาก เอามาเร็ว!”
ในครั้งนี้น้ำเสียงของหลงเซียวไม่ได้เป็นการเจรจา แต่เป็นน้ำเสียงที่หนักแน่นเปรียบเสมือนเจ้านายกำชับลูกน้อง
จี้ตงหมิงกอดระเบิดเอาไว้แน่น “ไม่ได้ครับผมไปเอง”
หลงเซียวกัดฟันแน่น “อาหมิง นี่คือคำสั่ง!”
หัวใจของจี้ตงหมิงเต้นรัวราวกับกลอง บริเวณช่องท้องของเขาราวกับมีสัตว์ร้ายนับไม่ถ้วนบุกโจมตี “เจ้านาย……”
ทันใดนั้นหลงเซียวก็ยืดตัวขึ้นมาแล้วเอื้อมมือออกไปแย่งของในมือจี้ตงหมิงมา จากนั้นโยนระเบิดไปไว้ด้านหลังคนขับ
จี้ตงหมิงกำลังจะขึ้นรถ แต่ทันใดนั้นตัวรถก็หมุนกลับอย่างรวดเร็ว โรลส์รอยซ์สีดำคันนั้น ราวกับสัตว์ร้ายที่พร้อมจะแล่นออกไปจากที่จอดรถทันที รวดเร็วราวกับสายลม
บรื้น!!!
เอี๊ยด!
เสียงล้อรถเสียดสีไปกับถนน หลงเซียวขับรถออกไปด้วยความรวดเร็ว เพียงครู่เดียวก็หายไปจากสายตาของจี้ตงหมิง หายลับไปท่ามกลางความมืด
จี้ตงหมิงยืนงงอยู่ตรงนั้น เมื่อรถวิ่งหายลับตาไปเขาจึงรู้ว่าเมื่อสักครู่เกิดอะไรขึ้น และในขณะเดียวกันก็คิดได้ว่าเจ้านายกำลังจะทำอะไร
เขาต้องการนำระเบิดไปทิ้ง!
หลังของจี้ตงหมิงถึงเย็นเยือกลงทันที ทุกเส้นเลือดของเขาราวกับกำลังตะโกนร้อง “เจ้านาย!!!”
แม้ว่าเขาจะตะโกนเสียงดังอย่างไร แต่รถสีดำคันนั้นก็กลับกลายเป็นเมฆหมอกไปแล้ว
“หยุด!”
จี้ตงหมิงวิ่งออกไปที่นอกลานจอดรถแล้วใช้ร่างของตัวเองเข้าไปโบกรถให้หยุด เขากางแขนทั้งสองข้างออก แล้วหันหน้าเข้าหารถสีขาวคันหนึ่ง คนขับรถรีบเบรกกะทันหัน เสียงล้อรถเสียดสีกับท้องถนนดังเอี๊ยดอ๊าด และจอดลงในระยะห่างจากเขาเพียง 5 เซนติเมตร
“บ้าไปแล้วหรือไง!?”
คนขับรถโผล่ศีรษะออกมาแล้วตะโกนด่าจี้ตงหมิงที่ทำตัวสิ้นหวัง
จี้ตงหมิงยังไม่ทันที่จะอธิบายอะไร เขาใช้พลังของแขนอันน่าทึ่งทั้งสองข้างดึงชายคนขับออกจากห้องโดยสารจากนั้นกระโดดเข้าไปแทนที่ เหยียบคันเร่งจนมิด
รถพุ่งไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่ง!
การนับถอยหลังยังดำเนินต่อไป หลงเซียวเร่งความเร็วรถสูงสุด รถนั้นเล่นไปราวกับยานอวกาศที่บินได้ รถทั้งสองข้างที่วิ่งผ่านไปมาต่างหลบกันชุลมุน แสงไฟจากทั้งสองข้างทางราวกับสายน้ำวน
ความเร็วของรถโรลส์รอยซ์ ทำให้รถด้านหน้าและด้านหลังของเขารีบหลบ หลีกให้เป็นช่องว่างสำหรับเขา
นับเวลาถอยหลังอีกสองนาที
ดวงตาอันแหลมคมเหมือนนกอินทรีของหลงเซียว มองออกไปด้านนอกหน้าต่าง ราวกับว่าเขาเชี่ยวชาญในการมองทิวทัศน์ในตอนกลางคืน นิ้วมืออันเรียวยาวจับไปที่พวงมาลัย เส้นเลือดปูดโปนขึ้นมาจนมองเห็นกระดูกได้อย่างชัดเจน
ดูจากลักษณะนิสัยอันวิปริตของCresแล้ว คาดว่าพลังของระเบิดนี้สามารถระเบิดตึกได้ทั้งตึก หากว่าระเบิดขึ้นตอนนี้คาดว่าจะมีผู้เสียชีวิตมากมายก่ายกอง
สมองของหลงเซียวประมวลผลด้วยความรวดเร็ว ภาพปะติดปะต่อแผนที่ของเมืองหลวงผุดขึ้นมา จากที่นี่ไปยังแม่น้ำที่ใกล้ที่สุดประมาณหนึ่งนาทีครึ่ง
รถของเขากลายเป็นคลื่นภายใต้แสงไฟจราจร มองจากด้านข้างนั้นเห็นเพียงแค่แสงไฟด้านหน้าและด้านท้าย มองไม่ออกว่ารถเป็นลักษณะอย่างไร
เมืองอันเงียบสงบนี้ดูเหมือนจะถูกปลุกขึ้นโดยเขา ทุกหัวใจและลมหายใจเต้นไปพร้อมกับเขา เป็นจังหวะที่บ้าคลั่งและโกรธแค้น
ตอนนี้ทุกอย่างอยู่ระหว่างความเป็นความตาย สิ่งที่หลงเซียวนึกถึงเป็นอันดับแรกก็คือภรรยาและลูกของเขา เวลาผ่านไปแต่ละวินาทีเท่ากับว่าความสุขของเขากำลังหายไป เวลาเหล่านั้นกำลังจากไปอย่างไม่มีวันกลับ
แต่ว่า ณ วินาทีนี้เขาไม่มีทางเลือกที่สองแล้ว
คนที่จะทำให้มีผู้คนสูญเสียและบาดเจ็บน้อยที่สุดในเวลาอันสั้นมีเพียงเขาเท่านั้น
แต่ในครั้งนี้ เขาตัดสินใจที่จะทำลายมันทิ้ง แต่……
หลงเซียวไม่กล้าคิดอีกต่อไป ตอนนี้แม้แต่ลมหายใจของเขาก็คล้ายกับถูกปิดกั้นอยู่ปลายจมูก
พลังทั้งหมดที่มีถ่ายทอดไปที่นิ้วทั้งสิบและทุกอย่างกำลังนับถอยหลัง
เขาจะตายไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด!
จี้ตงหมิงไม่จำเป็นต้องใช้ GPS ค้นหาเส้นทาง เนื่องจากเส้นทางนี้ถูกเปิดออกโดยการกระทำของหลงเซียวเมื่อสักครู่ แต่รถของจี้ตงหมิงจะตามรถของหลงเซียวทันได้อย่างไร ต่อให้เขาเหยียบไปที่ความเร็วทั้งหมดที่มีก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงารถของหลงเซียว
จี้ตงหมิงยังกัดฟันแน่นดวงตาของเขาเบิกกว้างแดงก่ำ คิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน
หากว่าเจ้านายเป็นอะไรไปเขาจะไม่อภัยให้ตัวเองแน่ ไม่อภัยให้เด็ดขาด!
ณ ห้องโถงของงานเลี้ยง
เมื่อถึงกิจกรรมจับฉลากชิงรางวัล แขกรับเชิญคนแรกที่ให้เกียรติขึ้นไปจับรางวัลก็คือหลงจื๋อ
หลงจื๋อขึ้นสู่เวทีท่ามกลางเสียงปรบมืออันดังสนั่น จากนั้นเอื้อมมือไปรับไมโครโฟนจากพิธีกร
หลงจื๋อในชุดสูทสีเทาเงิน กลายเป็นจุดสนใจที่ยืนอยู่บนเวที แสงไฟส่องกระทบไปที่เขาทำให้ใบหน้าอันหล่อเหลาเป็นประกาย
เดิมทีรูปร่างหน้าตาที่ดูอ่อนยาวและคมเข้ม ประกอบกับแสงไฟอีกทั้งดนตรี ทำให้หลงจื๋อนั้นดูดีขึ้นมากกว่าเดิมอีกหลายเท่า
“ลำดับต่อไปพวกเราจะเข้าสู่กิจกรรมจับฉลากชิงรางวัล แต่ก่อนที่จะทำการจับรางวัลนี้ผมขออนุญาตแบ่งปันประสบการณ์ของ MBK ในปีที่ผ่านมาให้กับทุกคน ไม่ทราบว่าพวกคุณมีความคิดเห็นอะไรไหม?”
หลงจื๋อยิ้มแล้วถามขึ้น มีคนตะโกนจากด้านล่างว่า “มี!”
“เอาล่ะครับ ผมเคารพในเสียงส่วนมาก ถ้าอย่างนั้นผมคงไม่พูดพร่ำทำเพลงจับฉลากเลยแล้วกัน”
หลินซีเหวินหยิบขนมคุกกี้ใส่ปาก แม้ว่าในใจของเธอจะมีความสุขที่หลงจื๋อเปิดตัวได้อย่างอลังการ แต่ปากของเธอก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ผู้ชายคนนี้นี่”
ลั่วหานยิ้มแล้วถามว่า “ทำไมเหรอ?ฉันว่าดีออกนะ ทำให้บรรยากาศครึกครื้น”
หลินซีเหวินหัวเราะหึๆ “พี่ลั่วคิดอย่างนั้นก็เอาเถอะค่ะ”
ลั่วหานหัวเราะ
ที่นั่งในสองแถวหน้า ตรงกลางนั้นคือที่นั่งของหลงเซียวยังคงว่างเปล่า งานเลี้ยงดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้วทำไมเขาถึงยังไม่มากัน?
ตอนนี้หัวใจของลั่วหานเต้นรัว สมองของเธอราวกับถูกอะไรฉุดเอาไว้ ลมหายใจก็ค่อนข้างกระวนกระวาย เธอไม่ควรมีความรู้สึกเหล่านี้ระหว่างตั้งครรภ์
เกิดอะไรขึ้นกันแน่!?
ลั่วหานไม่อาจวางใจลงได้ สุดท้ายแล้วเธอก็โทรศัพท์ไปหาหลงเซียว
แต่ว่าโทรศัพท์ของหลงเซียวนั้นวางอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งในห้องแต่งตัว โทรศัพท์สั่นอยู่กว่า 10 วินาทีแต่ไม่มีคนรับสาย
ลั่วหานกำโทรศัพท์ไว้ในมือแน่น “จิ้นเหยียน คุณได้ข่าวซิ่วหยาบ้างหรือยัง?”
ในขณะเดียวกัน ถังจิ้นเหยียนที่กำลังรอคอยข้อความจากเจิ้งซิ่วหยาอย่ากระวนกระวายเช่นกัน แต่โชคไม่ดีก็คือเขาตอบว่า “ยังเลยครับ ไม่มีข้อมูลอะไรแม้แต่น้อยเลย โทรศัพท์ก็ไม่ติด”
ลั่วหานหลับตาสองข้างของเธอลงแล้วก็ได้แต่ภาวนา “ขออย่าให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นเลย ได้โปรดอย่าเกิดเรื่องเลย”
หลงจื๋อนั้นหันหลังให้จอแสดงผล เขาทำท่าแลบลิ้นปลิ้นตาเรียกเสียงหัวเราะเฮฮาจากด้านล่างได้ไม่น้อย
ผู้คนที่ยืนอยู่ด้านล่างโบกแท่งไฟไปมา และตะโกนไปพร้อมกับหลงจื๋อว่า 3 2 1……
……
ตู้ม!!!
ทันใดนั้นเสียงระเบิดอันดังสนั่นก็ลั่นเข้าหูของจี้ตงหมิง
พร้อมกับเสียงระเบิดนั้นแสงเจิดจ้าก็ส่องประกายอยู่ด้านหน้า เปลวไฟลอยไปทั่วท้องฟ้า ทำให้บรรยากาศยามค่ำคืนราวกับแตกเป็นเสี่ยงๆ
หัวใจของเขาเหมือนจะถูกฉีกออกจากกัน เมื่อมือของจี้ตงหมิงขยับทำให้สูญเสียการควบคุมของล้อ ปึง! รถกระแทกไปที่พื้นอย่างจัง ร่างของจี้ตงหมิงถูกเหวี่ยงไปที่หน้ากระจกรถ ศีรษะของเขาแทบจะชนกับกระจก
ในไปที่ไกลออกไป จี้ตงหมิงคล้ายกับได้ยินเสียงของหัวใจตัวเองที่เต้นรัว
ระเบิดแล้ว……รถของเจ้านายระเบิดแล้ว!
ถ้าอย่างนั้น……เจ้านายล่ะ?
ไม่……ไม่ได้ เป็นไปไม่ได้!
จี้ตงหมิงได้กลิ่นของความตาย อนุภาคในร่างกายของเขาทุกรูขุมขนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว มือของเขาและทุกๆอย่างสูญเสียความควบคุมไป
น้ำตาเอ่อล้นออกมาจากดวงตาของเขา ตอนนี้ภาพตรงหน้ามันช่างพร่ามัว หูของจี้ตงหมิงอื้ออึง มีเพียงไฟที่เกิดจากระเบิดนั้น ยังคงติดตรึงอยู่ในสายตาเขา
“เจ้านาย!!!”
จี้ตงหมิงปรับพวงมาลัยและกลับรถ เขาพุ่งออกไปยังเปลวเพลิง
สะพานข้ามแม่น้ำถูกระเบิดออก มันหักอยู่หลายจุดทีเดียว เหลือเพียงรอยยางรถเสียดสีกับพื้นถนน คนที่ยืนอยู่บนสะพานนั้นได้แต่เอามือขึ้นปิดปาก
ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่มันช่างกะทันหันจริงๆ ทุกคนยังไม่ทันตั้งสติได้ เห็นเพียงแต่ว่ามีรถคันหนึ่งแล่นลงสู่แม่น้ำไป
จากนั้นก็ได้ยินเสียงระเบิดจากใต้น้ำ และปรากฏเป็นคลื่นขนาดใหญ่
เอี๊ยด! ปึง!!!
จี้ตงหมิงรีบเบรกรถ ด้านหน้ารถกระแทกไปอยู่หลายเซนติเมตรกว่าจะหยุดลง
ลมยามค่ำคืนพัดมาพร้อมกับความหนาวเหน็บ พัดผ่านไปบนใบหน้าราวกับน้ำแข็งที่เป็นใบมีด มันแหลมคมเชือดเฉือนใบหน้า
จี้ตงหมิงเดินโซซัดโซเซไปยังรั้วที่ชำรุด น้ำตาของเขาไหลลงมาไม่เป็นท่า เมื่อเห็นว่าพื้นน้ำนิ่งสงบลงหัวใจของเขาก็แทบตายลงไปด้วย
เจ้านาย……
“เจ้านาย!”
ความรู้สึกเจ็บปวดจากหัวใจ จี้ตงหมิงคุกเข่าลงบนแผ่นหินอันเยือกเย็น หลังจากนั้นตะโกนออกไปสู่น่านน้ำ “เจ้านาย!!!”
คนเดินเท้าที่เดินผ่านไปผ่านมาไม่กล้าที่จะเข้าไปมองใกล้ๆ
“รถเมื่อสักครู่อยู่ๆก็ระเบิดออกน่ากลัวมาก”
“น่าจะเมาแล้วขับหรือเปล่า?”
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่ว่าคนขับน่าจะตาย”
“พุ่งออกไปแบบนี้แล้วยังระเบิดอีก น่าจะไม่รอด”
มือของจี้ตงหมิงจิกลงไปที่พื้น เขาก้มหน้าแล้วส่งเสียงครวญครางออกมาไม่เป็นศัพท์ “ขอ ขอโทษ ผม……ผมขอโทษ!”
หากว่าเขายืนยันที่จะไม่มอบระเบิดให้กับเจ้านาย หรือว่าเขาขึ้นรถมาทันก่อนหน้านี้ หรือว่า……
มันคงจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
เขายอมตายด้วยตัวเองดีกว่า!
จี้ตงหมิงร้องไห้จนแทบขาดใจ ตอนนี้เขาไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป เขาอยากจะให้เวลาย้อนกลับไปแล้วแบกรับทุกสิ่งนี้ไว้ด้วยตัวเอง
ทันใดนั้น ก็มีมือหนึ่งตบเข้าที่บ่าเขาอย่างรุนแรง
จี้ตงหมิงยังคงนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นโดยไม่สนใจคนที่เข้ามาปลอบโยน
บ่านั้นถูกตบลงอีกครั้ง
จี้ตงหมิงโมโหหันหลังกลับไปพูดด้วยความขุ่นเคือง “แก……” อยากตายหรือไง!
เพียงแต่ว่าภายใต้แสงไฟอันสลัวส่องกระทบมากับใบหน้านั้น ทำให้คำพูดที่เขาจะพูดออกมาถูกปิดกั้นเอาไว้
จี้ตงหมิงตัวสั่นเหมือนเห็นผี เขานั่งทรุดลงกับพื้นแล้วพูดว่า “เจ้า……เจ้านาย?”