ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 1109
บทที่ 1109 พี่น้องรวมใจ
ไม่รู้ว่าเสียงหัวใจของใครเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะ
บรรยากาศอันน่ากลัวปกคลุมไปทั่วห้องแต่งตัว ดวงตาทั้งสามคู่นั้นจ้องไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างดุเดือดและพวกเขาทั้งสามคนก็เห็นคนที่อยู่ในภาพ
ดังนั้นหลังจากการตัดสินใจ จี้ตงหมิงและหวังเค่ยไม่สามารถทำอะไรได้ ทั้งสองคนทำได้จึงหันไปมองดูหลงเซียว
หลงเซียวนั่งยืดหลังตรง กำมือแน่นวางอยู่บนโต๊ะ เส้นเลือดปูดโปนจนเห็นได้ ท่ามกลางความเงียบสงบพวกเขาได้ยิน เสียงกระดูกข้อมือและนิ้วของหลงเซียวดังกร๊อบ
“เจ้านาย……” จี้ตงหมิงกังวลว่าเจ้านายของตนนั้นจะระเบิดออกมา เขาจึงได้เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเบา
“ไปช่วยพวกเขา”
หลงเซียวให้คำตอบออกมาอย่างเดียว เขาจะไปช่วยพวกนั้น ไม่ว่าCresวางแผนอะไรไว้ในอิตาลีแต่เขาจำเป็นต้องไป
“แต่ว่า เจ้านายครับ เห็นได้ชัดว่าCresต้องการให้คุณเดินทางไปที่นั่น เนื่องจากเขาได้เตรียมตัวจัดการคุณแล้ว ถ้าเดินทางไปรับรองว่าจะถูกว่าเขาล้อมเอาไว้” เหงื่อที่ซึมเปียกทั่วหลังของจี้ตงหมิงยังไม่ทันแห้ง ตอนนี้กลับไหลลงมาราวกับน้ำอีกครั้ง
เดิมทีคิดว่าจะสามารถจัดการกับCresได้อย่างเด็ดขาด แต่ว่าที่แท้เขา……ยังอ่อนเกินไป
นับตั้งแต่ต้น หวังเค่ยไม่รู้ว่าเกิดความแค้นเรื่องอะไรกัน แต่ดูจากรูปภาพแล้วคนที่ชื่อว่าCresน่าจะเป็นพวกนักเลงอันธพาลที่มีอำนาจ
หลงเซียวสายตาเด็ดเดี่ยว พูดขึ้นว่า “ไม่ว่าใครต้องการทำอะไร แต่พวกเราต้องไปช่วยเขา”
หัวใจของจี้ตงหมิงเต้นไม่เป็นจังหวะ ในวันนี้มีหลายเรื่องเกิดขึ้นมากเหลือเกิน เพียงแค่ไม่ถึงครึ่งวันเขาราวกับนั่งรถไฟเหาะ รู้สึกว่าตนนั้นแก่ขึ้นไปหลายปี เดิมทีคิดว่ารถไฟเหาะนั้นกำลังจะจอดลง ใครจะไปรู้ว่ามันกลับพุ่งตัวเร็วกว่าเดิม และพาทุกคนขึ้นไปสู่ยอดสูง
ตอนนี้พบกับความลำบากเข้าจริงๆแล้วล่ะ
“ครับเจ้านาย ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้”
หวังเค่ยที่ยืนอยู่ข้างๆไม่กล้าพูดอะไรแทรกออกมา เขาทำได้เพียงเตือนว่า
“ท่านประธานครับ การเจรจากับพวกมาเฟียเหล่านี้ พูดด้วยหลักการไม่ได้ พวกเขาไม่สนใจเรื่องกฎหมาย ดังนั้นในกรณีที่จำเป็น ผมว่าพวกเราก็สามารถ……ใช้กลเม็ดเด็ดขาดบ้าง”
ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาเป็นแฮกเกอร์ ก็ได้ล้ำเส้นเข้าไปเรื่องของกฎหมายอยู่หลายครั้ง หลังจากนั้นเขาก็ได้กลับเนื้อกลับตัว
แต่ตอนนี้หากว่าจำเป็น เขาก็ยอมที่จะกลับไปทำมันอีกครั้ง
เพียงแค่หลงเซียวต้องการ เขาสามารถมอบทุกอย่างให้โดยไม่มีข้อแม้
หลงเซียวเข้าใจความหมายของเขาจึงได้พยักหน้าเบาๆ
“เจ้านายครับ ทางด้านของคุณหญิง……จะอธิบายให้คุณหญิงฟังก่อนไหม?”
อีกอย่างเขาจำได้ว่า ในช่วงกิจกรรมแจกรางวัลพิเศษ วันที่ได้รับรางวัลสามารถร่วมรับประทานอาหารค่ำกับผู้บริหารคนใดก็ได้ ถ้าอย่างนั้น……
สิ่งที่ทำให้หลงเซียวปวดหัวและกังวลที่สุดก็คือลั่วหานแล้ว
เขาเคยให้สัญญากับเธอว่าจะปลอดภัย แต่เรื่องในวันนี้หาโถมเข้ามาซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนเขาเกือบจะต้องผิดคำพูด การเดินทางไปอิตาลีในครั้งนี้คาดว่ามีความเสี่ยงถึง 90%
หลงเซียวเอามือกุมขมับ “ผมจะออกไปข้างนอกสักครู่”
เมื่อหลงเซียวจากออกไปแล้ว หวังเค่ยก็สูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอดก่อนจะเอ่ยว่า “ผู้ช่วยจี้ ผมขออนุญาติถามอะไรบางอย่างหน่อยได้ไหมครับ?”
“ว่ามาสิ”
จี้ตงหมิงกำลังมองดูกล้องวงจรปิดด้วยอารมณ์ซับซ้อน ด้านในยังคงมีรอยเลือดและศพมากมาย ไม่มีใครเข้ามาจัดการ เเต่คล้ายกับได้ยินเสียงรถของตำรวจ
“ผมอยากรู้ว่า ท่านประธานมีความแค้นกับพวกมาเฟียเหรอครับ? Cresกำลังตามล้างแค้นท่านประธานอยู่ใช่ไหม?” หวังเค่ยนับว่าเป็นผู้มีประสบการณ์มากมายทีเดียว แต่เขาก็ไม่อาจรับในสิ่งที่ตนเห็นนี้ได้
จี้ตงหมิงพยักหน้า “อืม เป็นความแค้นส่วนตัว หลายปีมาแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นหมายความว่า Cresกับท่านประธาน ต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตายงั้นเหรอ?”
“ทำนองนั้น ไม่อย่างนั้นCresก็จะตามรังควานเจ้านายไม่หยุดหย่อน แม่งเอ๊ย!”
หวังเค่ยเข้าใจแล้ว “ครับ ผมจะไปกับพวกคุณด้วย”
จี้ตงหมิงกำลังจัดแจงคอมพิวเตอร์ เขาดึงสายออก “คุณ? ไปทำไม? เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคุณ อย่าเข้ามายุ่งดีกว่า”
หวังเค่ยเองก็กำลังจัดเก็บคอมพิวเตอร์ “เกี่ยวกับผมสิครับ การที่คุณให้ผมมาที่นี่ ก็เท่ากับว่าไว้ใจผม อีกอย่าง คุณหมอฉู่เป็นผู้มีพระคุณต่อผม ตอนนี้ท่านประธานกำลังลำบาก จะให้ผมนั่งดูโดยไม่ทำอะไรเลยเหรอไง?”
จี้ตงหมิงยิ้มออกมาแห้งๆ “คุณเพิ่งจะมีความสัมพันธ์ชัดเจนกับคุณหมอเกา มีลูกชายลูกสาวพร้อมหน้า ไม่กลัวหรือไง?”
หวังเค่ยปิดคอมพิวเตอร์ลงแล้วยิ้มออกมาจากใจจริงว่า “กลัวสิครับ ไม่กลัวได้ยังไง? ผมก็กลัวว่าจะกลับมาไม่ได้ แต่คุณก็ไม่ต่างกันนี่? คุณมีแอนดี้ คุณมีครอบครัว แต่คุณจะยอมถอยเหรอ?”
“แน่นอนว่าไม่! ถ้าไม่มีเจ้านายก็ไม่มีผมในวันนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมมี เพราะเจ้านายเป็นผู้ให้มา!” จี้ตงหมิงยืนยัน
หวังเค่ยตบลงที่บ่าของเขาเบาๆ “ดังนั้น ผมยิ่งควรจะไป”
สิ่งที่เขามีอยู่ตอนนี้ ไม่ใช่เพราะหวงเซียวให้งั้นหรือ?
……
งานเลี้ยงดำเนินมาจนถึงช่วงท้าย กิจกรรมส่งท้ายคือการประกาศรางวัล คนที่ได้รับรางวัลพิเศษขึ้นสู่เวทีท่ามกลางเสียงโห่ร้องของคนที่อยู่ด้านล่าง
ที่นั่งVIP ที่นั่งของหลงเซียวยังคงว่างเปล่า
ระหว่างงานเลี้ยงนั้น เขาเพียงแค่โผล่หน้ามา แต่ไม่ได้เข้านั่งประจำที่
บรรดาผู้บริหารระดับสูงคนอื่นๆก็ลำบากใจเช่นกัน
หลงจื๋อเองต้องไล่ตามกุเรื่องอธิบายถึงเหตุผลที่หลงเซียวไม่ได้เข้านั่งประจำที่ให้แต่ผู้บริหารระดับสูงทั้งหลายจนเหนื่อย แต่ตัวเขาเองก็ยังนึกอยู่ในใจว่า พี่ใหญ่ไปทำอะไรอยู่ที่ไหนกัน?
เมื่อสักครู่เขาโทรหาพี่ใหญ่ แต่ไม่มีใครรับสาย
หลงจื๋อพลิกโทรศัพท์มือถือไปมาด้วยความกังวล เขาเผชิญหน้ากับผู้บริหารระดับสูงพลางคิดถึงเหตุการณ์ที่จะเป็นไปได้
จากการร่วมดื่มตามโต๊ะต่างๆ ทำให้บัดนี้หลงจื๋อดื่มเข้าไปมากทีเดียว เขามีอาการมึนเมาเล็กน้อย แต่ว่ายังคงมีสติ
“คุณชายรอง ทำไมท่านประธานยังไม่ออกมาอีก? เอาจะต้องสรุปปิดท้ายนะ” ไป๋เวยเองก็นั่งไม่ติดแล้ว
กู้เยนเซินมัวแต่ดื่มฉลอง ไม่ได้คิดอะไรมาก หลังจากที่หยุดดื่มเขาจึงได้รู้ว่า หลงเซียวไม่ได้มานั่งที่นี่!
เจ้าหมอนี่! ถ้าไม่อยากดื่มก็บอกมาตรงๆสิ ไม่เห็นจำเป็นต้องเล่นแบบนี้เลย?
“ผมจะลองโทรหาเขาดู”
หลงจื๋อส่ายหัว “ผมโทรไปแล้วแต่ไม่มีใครรับสายเลย ผมคิดว่าพี่น่าจะมีเรื่องสำคัญมากที่ต้องจัดการ”
เรื่องสำคัญมากงั้นเหรอ?
กู้เยนเซินราวกับคิดอะไรออกมาได้ “พระเจ้า! แย่แล้ว!”
เขามัวแต่หลงใหลในรสเหล้าจนทำให้เสียการเสียงาน! เขาพลาดไปได้ไง แม่งเอ๊ย!
เมื่อไป๋เวยเห็นว่าสีหน้าของเขาเปลี่ยนไป ก็ดึงมือเขาเข้ามาแล้วถามว่า “อะไรกันคะ? เรื่องอะไรแย่แล้ว?”
กู้เยนเซินเกือบจะหลุดปากออกไป แต่เขาก็แกล้งยิ้มออกมากลบเกลื่อน “เขาเล่นหายตัวไปแบบนี้ พวกคณะประธานกรรมการจะปล่อยเขาไว้เหรอ? พรุ่งนี้ตอนประชุมต้องเล่นงานเขาแน่ ผมแค่เป็นห่วงเขาน่ะ”
ไป๋เวย “……”
หลงจื๋อ “……”
กำลังหลอกใครอยู่เหรอ? คนโง่เท่านั้นที่จะเชื่อ?
ยังดีที่หลงจื๋อกับกู้เยนเซินและไป๋เวยออกหน้าแทนหลงเซียว บรรดาผู้บริหารระดับสูงเหล่านั้นจึงไม่ได้โวยวายออกมา
งานเลี้ยงประจำปีได้สิ้นสุดลงในที่สุด
“ลั่วลั่ว ผมรอคุณที่ปากประตูนะครับ”
ถือโอกาสที่คนยังไม่มาก หลงเซียวรีบให้ลั่วหานออกมาจากสนาม
“ค่ะ”
ลั่วหานหาเหตุผลปลีกตัวออกมา และมองเห็นร่างสูงเรียวในชุดสีดำในไม่ช้า
หลงเซียวโอบไปที่เอวของเธอแล้วถามว่า “เหนื่อยไหมครับ?”
ลั่วหานยิ้มขึ้นแล้วตอบว่า “ไม่เหนื่อยเท่าคุณหรอกค่ะ ต้องคอยขึ้นลงเวทีตลอดเวลา หาคุณไม่เจอเลยด้วยซ้ำ”
หลงเซียวพาลั่วหานออกมาจากสถานที่จัดงาน “ก็ยุ่งจริงๆครับ คืนนี้น่าตื่นเต้นมากกว่าถ่ายภาพยนตร์ซะอีก”
เขาพูดออกมาอย่างภาคภูมิใจ
ลั่วหานไม่เข้าใจความหมายของเขาจึงถามว่า “คุณหมายถึงตอนที่คุณขึ้นไปแสดงบนเวทีนะเหรอคะ?”
อืม ก็น่าตื่นเต้นดีเหมือนกัน เหมือนกับกำลังรักแสดงละครรักอยู่
“ชอบไหมครับ?” หลงเซียวโอบไปที่บ่าของลั่วหานจากนั้นดึงเธอเข้ามากอด
ความตื่นตระหนกและตกตะลึงเมื่อสักครู่อันตรธานหายไปในพริบตา
ลั่วหานกอดไปที่คอของเขาแล้วขยับตัวเองให้เข้าไปใกล้ชิดกว่าเดิม “ชอบค่ะ ชอบมาก ขอบคุณนะคะ”
เมื่อได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆจากร่างของเธอ หลงเซียวก็พูดออกมาอย่างอ่อนโยนว่า “ลั่วลั่วครับ โครงการที่ต่างประเทศขัดข้องนิดหน่อย ผมจะต้องไปจัดการ”
คนที่อยู่ในอ้อมกอดชะงักลงอย่างไม่คาดฝัน “เกิดเรื่องเหรอคะ?”
“ครับ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรมาก ผมจัดการแป๊บเดียวก็เสร็จ”
เขาไม่ได้พูดออกมาอย่างชัดเจน แต่ลั่วหานก็พอจะเดาได้ “ค่ะ คุณไปจัดการเถอะฉันเชื่อว่าคุณทำได้”
“คุณไม่อยากถามผมเรื่องอะไรเหรอ?” หลงเซียวผลักเธอออกจากอ้อมแขนเล็กน้อย ก้มหน้ามองดูเธอด้วยดวงตาแฝงไปด้วยรอยยิ้ม
นิ้วมือของลั่วหานจับอยู่ที่เนกไทของเขาแล้วรูดลงมา “ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร ฉันก็เชื่อว่าคุณจะจัดการได้”
หลงเซียวก้มลงมาจูบที่หน้าผากของเธอเบาๆ “ครับ ผมจะทำให้ได้”
“จะไปวันนี้เลยเหรอคะ?”
ที่จริงเธอนั้นก็ไม่อยากให้เขาไปนัก และรู้สึกกระวนกระวายใจอีกทั้งยังกลัว
เธออยากจะพูดออกมาจริงๆว่า “ไม่ไปได้หรือไม่?”
“ครับ จะต้องไปวันนี้ เป็นเรื่องกะทันหัน”
“ผมสัญญากับคุณว่าผมจะกลับมาอย่างปลอดภัย ผมสัญญา”
ผมสัญญาว่า ผมจะจัดการทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้ามาขัดขวางชีวิตเราและไม่ให้คุณได้รับอันตรายใดๆอีก
รอผมนะ
คำพูดเหล่านี้ติดค้างอยู่ที่ลำคอ เขาไม่ได้พูดมันออกมา กลัวว่าพูดออกมาแล้วทำให้เธอเป็นกังวล
ลั่วหานพยักหน้า เธอมองไปที่ใบหน้าของเขาท่ามกลางแสงไฟ จากนั้นนำมือของเขาลูบลงที่ท้องของเธอ “ฉันกับลูกจะดูแลตัวเองให้ดีคุณวางใจได้ค่ะ”
ที่ๆเขาจะไปคงเป็นอิตาลีสินะ
หลงเซียวมือสั่นเล็กน้อย แม้จะมีเสื้อผ้ากั้นอยู่จึงยังไม่อาจสามารถสัมผัสได้ถึงชีวิตของลูกน้อย แต่สายเลือดที่ผูกพันนั้นมันทำให้พวกเขารู้สึกผูกพัน
“พี่ครับ!”
“พี่ใหญ่!”
“คุณชายหลง!”
หลงจื๋อ กู้เยนเซินและเกาจิ่งอาน ทั้งสามคนวิ่งเข้ามา แล้วเรียกชื่อเขาแตกต่างกันไป
ลั่วหานหันไปยิ้มให้แล้วพูดว่า “พวกคุณคันเนื้อคันตัวแล้วสินะ?”
หลงจื๋อนำมือลูบไปที่ศีรษะของตัวเอง “พี่สะใภ้ครับ พวกเรา……พวกเราไม่ได้ตั้งใจ”
กู้เยนเซินกระแอมออกมา “เอ่อคือ คุณหมอฉู่ครับ เดี๋ยวพวกคุณค่อยไปแสดงความรักกันต่อได้ไหม ผมมีเรื่องต้องคุยกับคุณชายหลงนิดหน่อย”
เกาจิ่งอานตบมือลงบนบ่าของหลงจื๋อแล้วพูดว่า “พี่สะใภ้ครับ น้องสามเค้าไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราวเท่าไหร่ จะต้องเข้ามาขัดจังหวะเวลานี้พอดี ผมบอกเขาแล้วตั้งแต่แรกว่าอย่ามาทำลายเรื่องดีๆของคนอื่น คุณอย่าโกรธเขานะครับ”
ลั่วหานไม่ได้พูดอะไร เธอเงยหน้ามองดูหลงเซียวแล้วบอกว่า “ฉันเชื่อคุณค่ะ”
หลงเซียวพยักหน้าจากนั้นจูบลงที่หลังมือของเธอ “ครับ”
ทั้งสองคนจากกันอย่างไม่ปรารถนา ลั่วหานเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าของหลงจื๋อ “เสี่ยวจื๋อ ถ้าครั้งหน้าเจอกันอีกคุณยังเป็นแบบนี้ฉันจะไม่เอาคุณไว้แน่”
หลงจื๋อยิ้มออกมาอย่างโง่ๆ “ครั้งหน้าผมยินดีให้พี่สะใภ้ลงโทษได้ตามสบายเลยครับ”
“เอาล่ะ ฉันคืนพี่ใหญ่ให้ทุกคนแล้ว แต่พวกคุณจะต้องอย่าลืมคืนเขามาให้ฉันด้วย” ลั่วหานพูดออกมาแล้วหัวเราะอย่างมีความสุข
พวกคุณต้องสัญญากับฉันว่า จะคืนเขาให้ฉันอย่างเพียบพร้อม
พวกคุณต้องสัญญา
ทั้งสี่คนมองดูลั่วหานที่เดินจากออกไป แต่ละคนนั้นในใจช่างขมขื่น
เมื่อลั่วหานเดินหายไปจากสายตาแล้ว หลงจื๋อจึงได้พูดขึ้นว่า “พี่ใหญ่ครับ เมื่อสักครู่ผมถามผู้ช่วยจี้แล้ว เขาได้เล่าเรื่องทุกอย่างให้พวกเราฟังหมดแล้ว”
กู้เยนเซินตื่นเต้นกว่าเดิม “ให้ตายสิ เรื่องใหญ่โตขนาดนี้ไม่บอกพวกเราได้ยังไง?”
ตอนที่เกาจิ่งอานได้รับข้อมูลนี้เขาเองก็ตกใจมากเช่นกัน เขาสั่งลาโจวโร่หลินไม่กี่ประโยคก็เดินออกมา “พี่ใหญ่ครับ ผมจะไปอิตาลีกับพวกคุณ”
เมื่อมองเห็นทั้งสามคนมีความตั้งมั่น อารมณ์ของหลงเซียวก็ซับซ้อนขึ้นมาทันใด
“อันตรายเกินไป” หลงเซียวไม่อยากเห็นพวกเขาต้องไปเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลงจื๋อ เขาไม่ต้องการให้หลงจื๋อต้องมาพบเจอและแบกรับเรื่องพวกนี้มากเกินไป
มือหนึ่งของกู้เยนเซินแตะลงที่บ่าของหลงจื๋อ อีกมือหนึ่งแตะลงที่บ่าหลงเซียว แล้วโอบพวกเขาเข้ามาโดยมีเกาจิ่งอานอยู่ตรงกลาง “นี่คุณชายหลง มีเรื่องดีๆแต่ไม่พาเพื่อนฝูงไปด้วย คุณหมายความว่ายังไงกัน? อิตาลีผมไปแน่ๆ พวกเราเป็นเพื่อนร่วมสาบานกันจริงหรือเปล่าก็คอยดูเอาในสนามรบแล้วกัน”
เกาจิ่งอานจับมือหลงเซียวเอาไว้แน่นแล้วพูดว่า “พี่น้องรวมใจเป็นหนึ่งเดียว อีกฝ่ายหนึ่งจบเห่แน่นอน”