ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 1110
บทที่ 1110 เพื่อนตายของคุณชายหลง
เป็นประโยคที่กินใจมากจริงๆ
หลงจื๋อไม่อาจควบคุมตัวเองได้ ความเย่อหยิ่งที่มีอยู่ในใจนั้นค่อยๆร่วงหล่นลงมา และจางหายไปทีละน้อยเนื่องจากประโยคเมื่อสักครู่
มืออันใหญ่และแข็งแกร่งนั้นวางลงบนบ่าของเกาจิ่งอานโดยไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ
แต่เกาจิ่งอานนั้นสามารถสัมผัสได้ ในใจลึกๆของหลงจื๋อแล้วเขาได้ยอมรับตน เพื่อเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าเขามีคุณสมบัติพอที่จะเป็นพี่น้องกับหลงเซียว มีคุณสมบัติพอที่จะยืนอยู่เคียงข้างเขาในยามที่เดือดร้อน
จึงทำให้เกาจิ่งอานยืดหลังตรงแล้วมองดูหลงจื๋อด้วยความตั้งใจ “พี่น้อง”
กู้เยนเซินกระแอมออกมาแล้วพูดว่า “ทำไมดูเหมือนผมเป็นส่วนเกินกัน?”
หลงจื๋อเลิกคิ้วขึ้น “มันชัดเจนอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับคุณชายกู้!”
“เหอะๆ ผมอุตส่าห์หวังดีแต่กลับมาบูลลี่ผมซะอย่างนั้น พวกคุณสามคนเป็นพี่น้องกัน จะให้ผมเป็นแค่เพื่อนร่วมทีมของคุณชายหลงอย่างนั้นเหรอ?” มือของกู้เยนเซินกดลงไปหนักกว่าเดิม เขาไม่อยากจะจากทีมนี้ไป
ส่วนหลงเซียวนั้นปิดปากเงียบๆในใจเขาสัมผัสได้แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ในเมื่อเดินมาถึงวันนี้แล้ว เขาเข้าใจดีว่าระหว่างความเป็นความตายนั้นสำคัญกว่าเงินทองมากมายนัก
……
ในที่สุดแอนดี้ก็หาจี้ตงหมิงพบ แต่จี้ตงหมิงมีเรื่องต้องทำอีกมากมาย เขาก้าวขาออกไปด้วยความรวดเร็วโดยไม่ได้สังเกตว่าแอนดี้ยืนอยู่
“จี้ตงหมิง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
จนกระทั่งแอนดี้ตะโกนเรียกชื่อเขาอยู่ด้านหลังด้วยความโมโห จี้ตงหมิงก็เริ่มผ่อนคลายความกังวลจากเมื่อครู่ลงมาอย่างช้าๆ เขาหันหลังไปด้วยความตกตะลึง “แอนดี้?”
แอนดี้สวมรองเท้าส้นสูงเดินเข้ามาด้วยความรวดเร็ว ตรงทางเดินนั้นถูกกลบไปด้วยเสียงฝีเท้าของเธอ “คุณไปทำอะไรมาโทรศัพท์ก็ไม่รับ?”
โทรศัพท์?
จี้ตงหมิงจึงได้ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้วพบว่าไม่รู้ว่าโทรศัพท์อยู่ที่ไหน อาจจะหล่นอยู่ในรถตอนที่ขับรถก็ได้ หรือบางทีอาจจะกระแทกจนพังไปแล้ว?
“ผม……ช่วยเจ้านายทำงานอยู่ครับ โทรศัพท์หาย” จี้ตงหมิงยิ้มออกมากลบเกลื่อนเพื่อให้มันผ่านไป
แอนดี้ผลักประตูเข้าไปบานหนึ่ง จากนั้นดึงหูของจี้ตงหมิงเข้าไปในห้อง เธอก้าวขาออกไปแล้วใช้รองเท้าส้นสูงปิดประตูดัง “ปึง!”
จี้ตงหมิง “……”
ท่าทางคล่องแคล่วเหลือเกิน
“งานเลี้ยงบริษัทตั้งแต่ต้นจนจบคุณไปทำอะไรมากัน? ช่วยเหรอคะ?ช่วยอะไร ทำไมฉันไม่รู้ว่าท่านประธานมีเรื่องต้องให้ช่วย?” คิ้วของแอนดี้ขมวดเข้าหากัน ดวงตาของเธอกำลังไต่สวน
จี้ตงหมิงถูกเธอดึงหูเสียจนเจ็บทำได้เพียงตัวไปทางแรงดึงของเธอ “ที่รักครับเบาๆหน่อยสิ หูจะขาดแล้วเนี่ย”
“คุณบอกฉันมานะว่าคุณไปทำอะไร?”
รู้หรือเปล่าว่าเธอเป็นห่วงขนาดไหน? รู้หรือเปล่าว่าเธอกลัวว่าเขาจะเกิดเรื่องขึ้น!
จี้ตงหมิงเจ็บจนตะโกนร้องออกมา “ผมผิดไปแล้วครับ ผมผิดไปแล้ว คุณภรรยา ปล่อยมือก่อนได้ไหมผมจะอธิบายให้ฟัง”
เมื่อแอนดี้เชื่อว่าเขากลับมาโดยปลอดภัย อารมณ์โกรธเมื่อสักครู่ก็หายไปกว่าครึ่ง แต่สีหน้าของเธอยังแสดงออกถึงความไม่ยอมแพ้ เธอยืดตัวตรงแล้วพูดด้วยความเยือกเย็นว่า “คุณพูดมาสิ”
จี้ตงหมิงไม่กล้าพูดความจริงออกไปทั้งหมดเขาอธิบายอย่างคลุมเครือว่า “การค้าที่อิตาลีของเจ้านายเกิดปัญหาขึ้น ฝ่ายตรงข้ามตุกติกนิดหน่อยตอนส่งของ ตอนนี้สถานการณ์ค่อนข้างคับขันผมไม่มีเวลาอธิบายกับคุณมากกว่านี้”
แอนดี้หรี่ตามองลงมา “การค้าเหรอ ทำไมฉันไม่รู้ว่าเจ้านายมีการค้าที่อิตาลีด้วย?”
“เป็นทรัพย์สินส่วนตัวของเจ้านายไม่เกี่ยวกับบริษัท MBK เป็นเพียงธุรกิจส่วนตัว คุณถึงไม่รู้” จี้ตงหมิงสัมผัสได้ในความสงสัยของเธอ “ที่รักครับ ที่อิตาลีมีเรื่องราวต้องจัดการ คืนนี้ผมจะบินไปที่โรม”
สีหน้าของแอนดี้เปลี่ยนไปทันที “คืนนี้เหรอ?”
“ครับ นั่งเครื่องบินส่วนตัวของเจ้านายไป”
เรื่องอื่นๆจี้ตงหมิงไม่สะดวกที่จะพูดออกมา
เนื่องจากแอนดี้ฉลาดเกินไป เขากลัวว่าเธอจะเดาอะไรออก
แอนดี้เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “คุณไม่ได้หลอกฉันใช่ไหม?”
จี้ตงหมิงยกมือขึ้นมาแล้วพูดว่า “ผมสาบาน ผมไม่ได้หลอกคุณไม่อย่างนั้นขอให้ผม……”
แอนดี้ใช้นิ้วมือเรียวงามของเธอยกขึ้นปิดปากเขาเอาไว้ “พอเถอะค่ะ บ้าไปแล้วเหรอ จะต้องสาบานอะไรกันคะฉันเชื่อคุณ”
จี้ตงหมิงจูบมือของเธอแล้วพูดว่า “ขอบคุณครับที่รัก ผมรู้ว่าคุณดีที่สุดแล้ว รอผมกลับมานะ”
แอนดี้พยักหน้าแล้วช่วยจัดแจงชุดสูทให้กับเขา เมื่อสัมผัสได้ถึงบริเวณคอที่เต็มไปด้วยเหงื่อชุ่มแอนดี้ก็มีความสงสัย
เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ทำให้เขากังวลถึงแบบนี้?
“ยืมโทรศัพท์คุณใช้หน่อยได้ไหม?ของผมมันพังแล้ว” จี้ตงหมิงนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เขาไม่ได้นำโทรศัพท์สำรองมาด้วย และตอนนี้ก็คงไปซื้อไม่ทัน เวลานี้ร้านค้าปิดหมดแล้ว
แอนดี้ยื่นโทรศัพท์มือถือให้กับเขา “คุณใช้ของฉันไปเถอะค่ะ เบอร์ของท่านประธานและคนอื่นๆที่คุณอาจจะต้องติดต่อก็มีอยู่ในนี้”
“ที่รัก คุณดีกับผมจริงๆ”
แอนดี้เอามือทุบเขาเบา “เอาละค่ะ คุณรีบไปจัดการธุระของคุณเถอะ อย่าทำให้พวกเขาต้องรอนาน”
“ครับที่รัก”
หลังจากกำชับกับแอนดี้เรียบร้อยแล้ว จี้ตงหมิงก็ไม่กล้าหยุดอยู่ให้เสียเวลาอีกต่อไป เขาติดต่อไปยังสนามบินและยืนยันเวลาการบิน จากนั้นโทรหาหยังเซิน
เนื่องจากรถของเจ้านายระเบิดไปแล้ว หยังเซินจึงขับรถอีกคันหนึ่งมารับหลงเซียว
“ผู้ช่วยจี้ พวกเราออกเดินทางได้หรือยัง?”
จี้ตงหมิงบังเอิญพบเข้ากับหวังเค่ยที่หน้าประตูงานเลี้ยงด้านนอก เขาเพิ่งจะเก็บโทรศัพท์ใส่เข้าไปในกระเป๋า เขาสร้างเหตุผลขึ้นมาอธิบายให้กับเกาหยิ่งจือและเธอก็ไม่ได้สงสัยอะไร
เนื่องจากตอนนี้เป็นเวลาดึกมากแล้ว เกาหยิ่งจือกำลังกล่อมเด็กทั้งสองคนนอนอยู่ ทั้งสองคือเจรจากันอย่างกระชับ
“ครับ ตอนนี้ไปที่สนามบิน ทางบ้านจัดการเรียบร้อยแล้วเหรอ?”
“จัดการเรียบร้อยแล้ว หยิ่งจืออยู่บ้านดูแลลูก ผมไม่เป็นห่วงเธอหรอก”
จี้ตงหมิงได้ยินคำว่าหยิ่งจือเพียงแค่สองคำ เขารู้สึกขนลุก แต่เมื่อสองคำนี้ออกมาจากปากหวังเค่ย ดูว่าเกาหยิ่งจือจะมีความรู้สึกเป็นผู้หญิงมากขึ้น
ณ สนามบิน
เครื่องบินส่วนตัวของหลงเซียวได้เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว โดยมีหลงเซียวเดินนำอยู่ด้านหน้า พวกเขาทยอยกันขึ้นมา ด้านในเครื่องบินนั้นกว้างขวางและสะดวกสบาย ที่นั่งเป็นเบาะหนังแท้ ด้านข้างมีน้ำและอาหารเย็นเตรียมเอาไว้พร้อม
เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่าง วันนี้ท้องฟ้ามืดสนิท มีเพียงดวงดาวที่ส่องประกายอยู่ไม่กี่ดวง ก้อนเมฆนั้นถูกลมพัดปลิวทีละก้อนๆ และลอยออกไปไกลแสนไกล
หลงจื๋อถอดเสื้อกันลมออกแล้วส่งให้จี้ตงหมิง เขาพับแขนเสื้อขึ้นแล้วหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข “บอกตรงๆว่าผมหิวมากเหมือนกัน เมื่อตอนเย็นดื่มแต่เหล้าเข้าไปไม่ได้กินอะไรเลย”
เขาทำท่าทางหิวโหยแบบนั้นจริง และรีบเอื้อมมือไปหยิบเค้กใส่ปาก เศษของเค้กเล็กๆน้อยๆตกลงมาทำให้กางเกงของเขาเลอะเทอะแต่เขาไม่สนใจมัน
“อืม รสชาติดีทีเดียวครับพี่ พวกพี่ไม่กินกันเหรอ?”
เกาจิ่งอานมองดูท่าทางการกินของเขา ก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า
“น้องสามไม่ได้กินข้าวมากี่วันแล้วหิวขนาดนี้เลยเหรอ?”
หลงจื๋อเช็ดไปที่ปากของเขา “ผมไม่กินวันเดียวก็คงตายแล้วครับ อีกอย่าง อาหารบนเครื่องบินของพี่เป็นเชฟระดับห้าดาวทำเชียวนะไม่ลองชิมดูหน่อยเหรอ?”
เกาจิ่งอานมองดูหลงเซียว เขานั่งหลับตานิ่งเห็นได้ชัดว่าไม่กิน
กู้เยนเซินหัวเราะหึๆ “ผมไม่กินของหวาน กินผลไม้ก็พอแล้ว”
เมื่อตอนเย็น เขาเองก็กินเหล้าเข้าไปจำนวนไม่น้อย ตอนที่เดินออกมาจากโต๊ะยังรู้สึกเหมือนลอยออกมา แต่เมื่อได้ยินข่าวจากหลงเซียวเข้าก็ทำให้เขาตกใจจนสร่าง มีสติมากกว่าตอนไหนๆ
เขาหยิบบลูเบอรี่ขึ้นมาชิม “อืม ผลไม้นี่ที่เหมาะกับผมมาก ไม่เลว”
เกาจิ่งอานก็ไม่ได้กินข้าว แต่เขาไม่อยากกินอะไรเลย
“น้องสาม แบ่งมาหน่อยสิ ขอชิมหน่อย”
หลงจื๋อทำตัวเหมือนเด็กๆ เขารีบกลืนมันลงไปทั้งชิ้น “ฝันไปเถอะ ผมกินคนเดียวยังไม่พอ”
เกาจิ่งอานเม้มปาก “ขี้เหนียว”
“ท่านประธานเกา ตรงนี้ยังมีอีก คุณต้องการกินอะไร?”
เกาจิ่งอานหัวเราะเหอะๆ “เครื่องบินส่วนตัวของพี่ใหญ่มีห้องครัวเคลื่อนที่หรือไง?”
เขาเลือกเค้กแซลมอนขึ้นมาชิ้นหนึ่ง ด้านบนไม่มีครีม เป็นแบบที่เขาค่อนข้างจะยอมรับได้
จี้ตงหมิงพยักหน้า “อาจจะไม่เท่าห้องครัว แต่อาหารเย็นและอาหารเช้าในวันพรุ่งนี้ก็พอจะจัดการที่บนเครื่องบินได้”
ในเครื่องบินของหลงเซียวนั้นมีองค์ประกอบครบ และพร้อมจะบินตลอดเวลา อีกทั้งสิ่งของทุกอย่างที่ต้องการ พนักงานได้ฟังคำสั่งจากจี้ตงหมิง จัดเตรียมไว้สำหรับห้าคน เช่นอาหารเครื่องดื่มเป็นต้น
พวกเขากินไปและคุยกันไปโดยมีหลงเซียวหลับตาไม่พูดอะไร
จี้ตงหมิงจำได้ว่าเจ้านายกินไปเพียงแค่อาหารกลางวัน อีกทั้งตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว เจ้านายจะไม่ได้กินอะไรอีกเลย
“เจ้านายครับกินอะไรหน่อยไหม?”
“ไม่เป็นไร”
หลงเซียวพูดจบก็นั่งอยู่นิ่งๆคนเดียวอีกสักพัก ทำให้หลงจื๋อและเกาจิ่งอานที่พูดคุยอย่างสนุกสนานเมื่อสักครู่ก็หุบปากลงตามไปด้วย
กู้เยนเซินพูดออกมาว่า “มีข้อมูลใหม่เข้ามาอย่างนั้นเหรอ Cresพูดอะไรอีก?”
“พวกคุณกินกันไปก่อน กินจบค่อยว่ากัน”
หลงเซียวได้ไม่ได้ตอบคำถามพวกเขาไปโดยตรง แต่เมื่อเขาพูดจบเสียงขบเคี้ยวก็สิ้นสุดลง
หลงจื๋อวางขนมลงและพูดว่า “พี่ใหญ่ผมอิ่มแล้ว”
“ผมก็กินอิ่มแล้ว”
“ผมก็เหมือนกันอิ่มมาก”
จี้ตงหมิงเพิ่งกินไปได้ไม่กี่คำ แต่เขาก็วางอาหารในมือลง อีกทั้งไม่มีความรู้สึกอยากจะกินมันอีก
หลงเซียวลืมตาสองข้างขึ้นแล้วมองออกไปยังความมืดนอกหน้าต่าง
เสียงของเครื่องบินยังคงดังอยู่ มันกำลังก้าวข้ามประเทศจีน
“อืม ตอนนี้พวกเราจะต้องวางแผนสำหรับวันพรุ่งนี้”
ทั้งสี่คนนั่งนิ่ง ……
เรื่องใหญ่ขนาดนี้ เมื่อสักครู่เขากลับไม่พูดมันออกมา
และปล่อยให้พวกเขาทั้งหลายกินและดื่มกันอย่างสนุกสนาน เขาช่างทำตัวได้นิ่งมาก
……
ตู้หลิงเซวียนนั่งอยู่ตรงขอบหน้าต่างของโรงแรม บุหรี่ในมือของเขายังคงติดอยู่
ในหน้าจอคอมพิวเตอร์ปรากฏเป็นหน้าของCres
“เควิน คุณจะอธิบายยังไง? เหอะๆผมจำได้คุณสัญญากับผมไว้ว่า คืนนี้จะไม่มีที่ให้หลงเซียวต้องฝังศพ มองดูแล้วไม่ใช่แบบนั้นนี่”
ตู้หลิงเซวียนสูบบุหรี่เข้าไปแล้วพ่นควันสีขาวลอยออกมา “ผมไม่ได้บอกว่าจะสำเร็จ 100% หลงเซียวมีปฏิกิริยาตอบสนองค่อนข้างไว นี่เป็นสิ่งที่ยืนยันให้กับพวกเรารู้ว่าถ้าจะจัดการกับเขาจะต้องมีวิธีอย่างเด็ดขาดและเรียบร้อย”
ดวงตาสีน้ำเงินของCresเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย “เควิน คุณทำให้ผมผิดหวังไม่เพียงแค่ครั้งเดียวแล้ว คุณคิดว่าผมยังเชื่อคุณได้อย่างนั้นเหรอ?”
“คุณจะไม่เชื่อผมก็ได้ แต่ข้อมูลที่ผมให้คุณไปเป็นความจริง 100%” ตู้หลิงเซวียนสูบบุหรี่ในมือจนหมด เขานำบุหรี่ขยี้เข้ากับที่เขี่ยบุหรี่เพื่อดับไฟ
“อย่างเช่น คุณให้ตำรวจเล็กๆจากประเทศจีนมาตรวจสอบผมอย่างนั้นเหรอ? นี่เป็นข้อมูลที่คุณให้ผมสินะ” Cresยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้กล้อง ตอนนี้ใบหน้าของเขาขยายขึ้นหลายเท่า แทบจะเหลือเพียงแค่ดวงตา
ตู้หลิงเซวียนไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหน “การที่ผมทำแบบนี้ก็เพื่อที่จะดึงดูดหลงเซียวเข้ามา ไม่ได้ต้องการจัดการคุณ”
Cresกลับไปนั่งที่เดิม เขาลูบไปยังแหวนหัวกะโหลกที่สวมไว้ในนิ้วโป้ง “นี่เป็นโอกาสครั้งสุดท้าย”
ตู้หลิงเซวียนยิ้มขึ้น “ตอนนี้หลงเซียวกำลังเดินทางไปโรม คุณสามารถเลือกที่จะเข้าขัดขวางเขากลางคัน แน่นอนผมรู้ว่าคุณมีวิธีที่ดีกว่านี้”
Cresแค่ยิ้มออกมา เขาไม่ได้กล่าวอะไรชัดเจน
ตู้หลิงเซวียนมองไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง เสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะของเขาสั่นขึ้น
“รถโรลส์รอยซ์หรูสีดำ พุ่งชนสะพานร่วงหล่นลงไปยังแม่น้ำ และระเบิดขึ้น แรงระเบิดประมาณสิบกิโล”
“รถโรลส์รอยซ์ต้องสงสัยคันนี้ระเบิดขึ้น ผู้พบเห็นเหตุการณ์กล่าวว่าไม่พบคนขับขึ้นฝั่ง”