ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 1120
บทที่ 1120 หม่ามี๊ต้องมารับฉันตอนเลิกเรียนแน่
สองปีต่อมา
ดวงอาทิตย์สาดส่องในฤดูร้อน ตอนกลางวันอุณหภูมิสูงถึงสามสิบสององศา คนเดินบนถนนล้วนเดินอย่างรวดเร็ว กางร่มกันแสงแดด สวมเสื้อผ้ากันรังสียูวี สวมแว่นตากันแดด
กลัวว่าจะโดนแดดเผาไหม้ผิว
ลั่วหานเดินออกจากโรงพยาบาล เปิดร่มกางออก
“หมอฉู่ รอก่อนครับ”
ลั่วหานกระชับกระเป๋าที่สะพายอยู่ที่ไหล่ “หมอหวัง มีธุระเหรอคะ”
หมอหวังถูกแดดส่องเข้าตาจนต้องหรี่ตาแคบ ยกมือขึ้นบังแดด “แลกเวรกับผมได้ไหมครับ พอมีเวลาไหมครับ”
ลั่วหานขมวดคิ้ว “เกรงว่าจะไม่ได้ค่ะ”
เธอให้คำปรึกษาเมื่อเช้า ตอนบ่ายมีผ่าตัด คิดว่าเลิกงานแล้วจะไปรับลูกที่โรงเรียนอนุบาล
หมอหวังกุมขมับ “ครับ วันนี้วันเกิดแม่ยาย ผมลืมไป เมื่อสักครู่ภรรยาเตือนผม ยังไม่ซื้อเค้ก ถ้าผมกลับไปมือเปล่า คงโดนบ่นแน่เลย นิสัยของภรรยาผม คุณคงรู้ดีใช่ไหมครับ เหอะๆ”
ลั่วหานเคยเห็นภรรยาของหมอหวัง ผู้หญิงทางเหนือตรงไปตรงมา ทำอะไรละเอียดรอบคอบ คนที่ไม่เข้าใจเธอคงคิดว่าเธอหยิ่งผยอง
ความจริงเธอแค่ละเอียดรอบคอบ คนจิตใจดี แถมยังช่วยพยาบาลหลายคนที่กังวลใจได้นัดบอด
“แบบนี้ คุณลองถามหมอซุนและหมอหลินดูสิคะ”
หมอหวังส่ายหน้า “ถามแล้วครับ วันนี้หมอซุนมีผ่าตัด หมอหลินเป็นคนท้อง ผมจะให้คนท้องมาเข้าเวรแทนได้ยังไงกันครับ เอางี้ไหมครับ เดี๋ยวผมลองถามหวาเทียน”
ลั่วหานจำได้ว่าวันนี้หวาเทียนไปร่วมแฟชั่นวีคกับซวงซวง เครื่องบ่ายโมง คงจะไม่ได้
“ฉันเข้าแทนคุณดีกว่าค่ะ”
เมื่อคิดดูแล้ว ลั่วหานจึงตอบรับ
หมอหวังกล่าวขอบคุณ “ต้องขอบคุณหมอฉู่มากนะครับ คุณเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตผมเลย เดี๋ยวกลับมาผมจะแบ่งเค้กมาให้ ภรรยาผมเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเค้กเลย ร้านนี้เค้กบลูเบอร์รีอร่อยมาก”
“ค่ะ จะรอเค้กวันเกิดนะคะ”
เมื่อกลับมาที่ห้องทำงาน ลั่วหานสูดหายใจเข้าลึก โทรหาหลงเซียว
ชั้นบนสุดของตึก MBK
“ท่านประธานคะ สัปดาห์หน้าจะเป็นการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของหยวนชิว คุณต้องไปด้วยตนเอง ต้องจองตั๋วเครื่องบินไหมคะ หรือว่าจะนั่งเครื่องส่วนตัว” แอนดี้รายงานตารางงานในไม่กี่วันนี้
โครงการเมืองเจียงเฉิงใกล้จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว ก่อนสร้างเสร็จได้ทำการลงทุนควบคู่กันไป ปัจจุบันมีสินค้าหรูหราชั้นนำกว่าร้อยรายการมาเข้าร่วม ร้านกาแฟสตาร์บัค Costsแปซิฟิกรวมตัวกันที่ชั้นหนึ่งของตึก รวมไปถึงแฟชั่นเสื้อผ้าและเครื่องสำอางอื่นๆเช่นDior,Chanel,Armani,Givenchy,Gucci,Saint Laurent,CPB
ชั้นสองเป็นส่วนของพื้นที่ออกกำลังกาย ฟิตเนส สระว่ายน้ำ เทนนิส และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ
ตั้งแต่ชั้นสิบเป็นต้นไปนั้นเป็นสำนักงาน ส่วนใหญ่เป็นบริษัทหลักทรัพย์ขนาดใหญ่ โดยมีการเงินเป็นหลัก นอกจากนั้นเป็นบริษัทโฆษณาสี่ยักษ์ใหญ่ สำนักงานบัญชี สำนักทนายความ
ก่อนจะถูกถ่ายโอน อาคารหยวนชิวมีไว้เพื่อให้คนอื่นเช่า
นอกจากชั้นบนสุดที่เป็นร้านอาหารศิลปะ
ร้านอาหารศิลปะสร้างขึ้นโดยMBK เป็นที่กล่าวขาน ยังไม่ทันได้ขึ้นป้ายก็เป็นที่นิยมในวงสังคมแล้ว คนมาจองลากยาวไปอีกสามเดือน แค่ค่ามัดจำก็ได้ไปตั้งยี่สิบล้าน
อิทธิพลของร้านศิลปะ เกินความคาดหมายของเหล่านักออกแบบ ยังส่งผลให้หุ้นของMBKเพิ่มขึ้นหนึ่งเปอร์เซ็นต์ด้วย
หลงเซียวพยักหน้า “นั่งเครื่องส่วนตัว ออกเดินทางวันอาทิตย์ตอนเย็น”
แอนดี้โน้ตลงในตารางงาน “ค่ะ นอกจากนี้ ฉู่ซื่อมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่คุณไปไหมคะ”
หลงเซียวดูเวลา “กี่โมง”
“บ่ายสามเป็นต้นไปค่ะ คาดว่าจะเสร็จสิ้นตอนสี่โมง คุณแค่ไปครู่เดียวก็ได้ค่ะ ความหมายของคุณชายรองคือ คุณไปนั่งสักหน่อยเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือค่ะ”
ปากกาของแอนดี้วางอยู่บนตารางงาน เพื่อรอการตัดสินใจของหลงเซียว
ตอนนั้นเอง โทรศัพท์ของหลงเซียวก็ดังขึ้น
เมื่อเห็นเบอร์ของลั่วหาน หลงเซียวก็กดรับทันที “ลั่วลั่ว”
“ที่รัก ตอนบ่ายคุณยุ่งไหมคะ”
แอนดี้มองหลงเซียวอย่างไม่ใส่ใจ ในใจกลับคิดว่านายหญิงโทรมา คาดว่าตารางงานของเจ้านายต้องได้เปลี่ยนแน่
“มีอะไรหรือเปล่า”
หลงเซียวรอให้ลั่วหานพูดก่อน ถ้าจำเป็นเขาก็ต้องเปลี่ยนตารางงาน
“ก็ไม่มีอะไรมากค่ะ วันนี้ฉันรับปากลูกสาวว่าจะไปรับเธอตอนเลิกเรียน แต่ว่ามีธุระกะทันหันไปรับไม่ได้ ฉันกลัวว่าลูกจะผิดหวัง”
ลั่วหานรู้สึกละอายใจ ก่อนหน้านี้รับปากว่าจะไปรับเธอหลังเลิกเรียน แต่เพราะที่โรงพยาบาลเป็นเรื่องใหญ่ เธอไม่อยากผิดคำพูด กลัวว่าลูกสาวจะไม่เชื่อมั่นในตัวเธอ
ครั้งนี้เธอรับปากไปแล้วว่าต้องไปให้ได้ แต่กลับต้องกลายเป็นปิโนคีโอ
หลงเซียวหัวเราะ “เดี๋ยวผมไปรับเธอเอง จะอธิบายให้เธอฟังครับ”
“คุณไม่ยุ่งเหรอคะ”
ลั่วหานฟังเสียงความเคลื่อนไหวจากอีกฝ่าย ไม่มีเสียงเปิดเอกสาร คงไม่ได้กำลังประชุม แถมยังรับสายเธอเร็วด้วย
“ไม่ยุ่งครับ วันนี้ตอนบ่ายไม่มีเรื่องด่วนอะไร”
แอนดี้ “…”
เจ้านาย เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ไม่สำคัญเหรอคะ
“งั้นก็ดีค่ะ เธอเลิกเรียนตอนบ่ายสามครึ่ง คุณอย่าไปสายนะคะ”
“ครับ”
วางโทรศัพท์ลง หลงเซียวเงยหน้า “ไปงานแถลงข่าวก่อน”
แอนดี้มองเวลาอย่างไม่อยากจะเชื่อ “แต่ว่า บ่ายสามครึ่งคุณจะไปทันรับเจ้าหญิงน้อยเหรอคะ”
“ทัน คุณช่วยไปที่ห้างซื้อตุ๊กตาหนึ่งตัว รองเท้าบัลเล่ต์สีม่วงให้ผมก่อน”
หลงเซียวเอ่ยถึงของเล่น มุมปากเขาก็ยกยิ้มมีความสุข
“ค่ะ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”
……
หลงเจ๋ออยู่ในชุดสูทสีดำดูสง่า ลายเส้นและดีไซน์สไตล์อังกฤษ ทำให้ใบหน้าที่ดูเด็กของเขานั้นดุเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมา ลดความประหม่าและดูมีประสบการณ์มากขึ้น
หลงเจ๋อมองนาฬิกาอย่างไม่มั่นใจ “พี่ใหญ่จะมาหรือเปล่า จะเริ่มแล้วนะ”
ไป๋เวยยักไหล่ “ด้วยนิสัยของหลงเซียว คงโผล่มารั้งท้าย คุณเตรียมรับมือทั้งสองทางดีกว่า”
หลงเจ๋อไม่เหมือนเมื่อสองปีที่แล้วที่เข้ารับตำแหน่งใหม่ๆแล้ว ปัญหาต่างๆเขาสามารถรับมือมันได้ด้วยตัวเองแล้ว “งั้นเริ่มเถอะ”
“เสี่ยวเจ๋อ”
เสียงทุ้มต่ำส่งมา ร่างสูงของหลงเซียวเดินมาหยุดเคียงข้างหลงเจ๋อ สองพี่น้องอยู่ในระดับความสูงใกล้เคียงกัน หลงเซียวดูเป็นผู้ใหญ่กว่าเล็กน้อย
“พี่ใหญ่ พี่มาแล้ว ดีเลย พี่ไปเดินด้านหน้า”
ในใจนั้นยังเหมือนเด็กที่คอยเดินตามก้นพี่ชาย เมื่อเขามา ตัวเองก็กลายเป็นเด็ก
หลงเซียวมองนาฬิกา สามโมงตรง “ฉันมีธุระ อีกสองนาทีก็จะไปแล้ว”
หลงเจ๋อชะงัก ยกนิ้วขึ้นมาสองนิ้ว “สองนาที”
“อืม ดังนั้น รีบๆหน่อย”
“ห๊ะ อ้อ ครับ”
……
โรงเรียนอนุบาลนานาชาติจุนหลินเทียนเซี่ย อยู่ตรงข้ามกับเขตที่พักจุนหลิน ห่างกันเพียงถนนหนึ่งเส้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุรถชนเด็ก หน้าโรงเรียนอนุบาลจึงสร้างสะพานเล็กๆสองเส้น แยกออกจากถนนใหญ่ โรงเรียนอนุบาลมีพื้นที่กว้างขวาง
เป็นโรงเรียนอนุบาลที่มีชื่อเสียงที่สุด แพงที่สุด และดีที่สุดของเมืองเมืองหลวง คนที่เข้ามาเรียนที่นี่ล้วนเป็นเด็กที่มาจากตระกูลร่ำรวยอันดับต้นๆของเมืองหลวง และมีลูกนักแสดงอีกมากมาย
ชูชูอยู่ห้องห้า ทั้งห้องมียี่สิบคน เด็กผู้หญิงคนนั้น สองคนเป็นลูกของนักแสดง
พ่อแม่ของเด็กที่ชื่อกระต่ายนั้นล้วนเป็นนักแสดง ได้รับรางวัลการแสดงมากมาย
เด็กน้อยที่ชื่อมะม่วงพ่อเป็นผู้กำกับ แม่เป็นนักแสดงสาว พ่อแม่อายุห่างกันยี่สิบกว่าปี เด็กถูกเอาใจเป็นที่สุด
แน่นอน คนที่เก่งที่สุดคือชูชู
วันนี้ วันนี้ชูชูน้อยมาบอกว่าเป็นวันที่พิเศษ เพราะหม่ามี๊รับปากว่าจะมารับเธอ
ตอนนี้อีกสิบนาทีจะเลิกเรียน ชูชูน้อยเอามือเท้าคางมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเฝ้ารอ รอคอยที่จะได้เห็นแม่ปรากฏตัวอยู่หน้าประตูอย่างมหัศจรรย์
แต่เมื่อรอแล้วรอเล่า จนถึงบ่ายสามยี่สิบห้านาที หม่ามี๊ก็ยังไม่มา
กระต่ายเบ้ปาก ทำเสียงล้อเลียน “Angel วันนี้หม่ามี๊ของเธอคงไม่มาแล้ว ยังไงซะเมื่อก่อนเธอก็ไม่เคยมาสักครั้ง”
มะม่วงและกระต่ายอยู่ด้วยกัน เห็นได้ชัดว่าทั้งสองร่วมมือกัน “อืม เรามาอยู่โรงเรียนอนุบาลนานขนาดนี้ ไม่เคยเห็นหม่ามี๊ของเธอเลยสักครั้ง หม่ามี๊เธอคงไม่รักเธอแน่ๆ”
ชูชูน้อยกวาดตามองพวกเธออย่างไม่พอใจ “วันนี้เธอจะมาแน่นอน”
“เมื่อก่อนเธอก็พูดแบบนี้ เหอะ พวกเราไม่เชื่อหรอก …ห้าวห้าว เธอว่า Angelเป็นคนโกหกหรือเปล่า เธอโกหกพวกเราตลอดเลย”
ห้าวห้าวท่าทางน่ารัก แก้มย้วยๆใบหน้ากลมๆ เพราะอ้วนเกินไป ตาจึงแทบจะปิดเข้าหากัน ยิ้มขึ้นมาดวงตาแทบจะหายไป “ไม่ใช่หรอก หม่ามี๊ของAngelเป็นหมอ ยุ่งมาก”
“โกหก หม่ามี๊ฉันเป็นดาราดัง ถึงจะยุ่ง แม่ก็มารับฉันทุกวัน”
“หม่ามี๊ของฉันก็เหมือนกัน ทุกครั้งเธอบอกจะมา เธอก็มา ดังนั้นแม่ของเธอเป็นคนโกหก เหอะ คนโกหก”
ชูชูน้อยหันหน้าหนี ปากเล็กเม้มแน่น ไม่อยากเถียงกับพวกเธอ เดี๋ยวอีกสักพักหม่ามี๊มาแล้ว เธอจะให้เห็นว่าหม่ามี๊ไม่ใช่คนโกหก
“Angelพ่อของเธอก็เป็นคนโกหก พิธีเปิดเรียนก็ไม่เคยมาร่วมสักครั้ง”
“ใช่ ครอบครัวของAngelมีแต่คนโกหก เธอเป็นเด็กขี้โกหก พวกเขาก็เป็นผู้ใหญ่ขี้โกหก”
ชูชูน้อยเบิกตากว้าง ใช้สายตาแสดงจุดยืนของตัวเอง
คอยดูเถอะ
ในที่สุดเสียงกริ่งก็ดังขึ้น ถึงเวลาเลิกเรียนแล้ว
ชูชูน้อยราวกับผีเสื้อตัวน้อยๆ รีบบินออกไปอย่างรวดเร็ว เด็กน้อยที่อยากเห็นหลักฐานก็รีบวิ่งตามออกไป
แต่ว่า…
ชูชูวิ่งออกจากห้องเป็นคนแรก ยืนอยู่ในสวนที่ว่างเปล่า ทว่าไม่เป็นแม้แต่เงาของหม่ามี๊
ด้านนอกมีรถจอดอยู่มากมาย มีคุณป้าคุณอามากมายยืนถือร่มอยู่ หม่ามี๊ของกระต่าย หม่ามี๊ของมะม่วง พ่อของห้าวห้าว หม่ามี๊ของJack หม่ามี๊ของAlyssa…
ดวงตาใสแป๋วของชูชูค่อยๆเลือนหายไป ศีรษะแทบจะมุดลงไปในท้องของตัวเองอยู่แล้ว
หม่ามี๊…ไม่มาอีกแล้ว
“ฮ่าๆ คนโกหก ไม่มาอีกแล้ว”
“Angelคนโกหก แม่เธอก็เป็นคนโกหก ฮ่าๆ”
เด็กหลายคนตบมืออยู่รอบข้างชูชู ร้องเพลงล้อเอาคนโกหกไปใส่ทำนองเพลงABC ร้องไปกระโดดโลดเต้นไปด้วย
ใบหน้าเล็กของชูชูแดงก่ำขึ้นมาและเปลี่ยนเป็นซีดขาว รู้สึกอาย ยืนอยู่ตรงนั้น
ไม่ใช่ว่าตอบโต้พวกเธอไม่ได้ เพียงแต่เธอเสียใจ ไม่อยากพูดอะไร
ประตูอิเล็กทรอนิกส์ของโรงเรียนอนุบาลถูกเปิดออก ร่างสูงในชุดสูทสีดำเดินเข้ามา เดินเข้าไปด้านในโดยผ่านหน้าผุ้ปกครองคนอื่นไปมากมาย
ชูชูเบ้ปากน่าสงสาร ก้มหน้ามองปลายรองเท้าสีชมพูของเธอ แทบจะถอนโบด้านบนออกด้วยสายตาของเธอแล้ว
ทันใดนั้น รองเท้าคู้ใหญ่ก็เข้ามาชิดรองเท้าคู่เล็กของเธอ รองเท้าหนังสีดำมันวาว ใหญ่ราวกับเรือลำหนึ่ง
รองเท้าคู่นี้…ทำไมถึงคล้ายกับคู่ที่แดดดี๊สวมไปทำงานเมื่อเช้าเลย
ห๊ะ แดดดี๊
ดวงตาของชูชูเปล่งประกายระยิบระยับ เผยรอยยิ้มออกมา ร้องตะโกนเสียงสดใส “แดดดี๊”