ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 1125
บทที่ 1125 หม่ามี๊ที่กลัวการเพิ่มการบ้าน
หลังจากผ่านปิดเทอมฤดูร้อนชูชูก็จะขึ้นชั้นประถมแล้ว แต่ลั่วหานกับหลงเซียวยังไม่เคยเข้าร่วมกิจกรรมครอบครัวในโรงเรียนอนุบาลเลย ก่อนหน้านั้นพวกเขามักจะต้องไปต่างประเทศหรือการผ่าตัดฉุกเฉินเสมอ ลั่วหานจึงรู้สึกผิดมาก
ครั้งนี้ในเมื่อมีกิจกรรมลั่วหานจึงตอบตกลงโดยไม่คิด
“แน่นอนว่าได้สิคะ พวกเราจะต้องเข้าร่วมแน่นอน”
พอคิดว่าจะได้ร่วมทำกิจกรรมมีความสุขกับลูกด้วยตัวเอง ลั่วหานก็รอคอยกิจกรรมครั้งนี้มาก
แต่ในขณะที่รอคอยเธอก็กังวลมากเช่นกัน
พูดตามตรงว่าลั่วหานยังไม่รู้ว่าจะเข้ากับพ่อแม่เด็กคนอื่นๆยังไง เด็กส่วนใหญ่เธอยังไม่รู้จัก นับประสาอะไรกับเหล่าพ่อแม่ผู้ปกครอง ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยเข้าร่วมการประชุมผู้ปกครอง ติดต่อกับพวกเขาน้อย พอจู่ๆก็ต้องทำกิจกรรมเป็นกลุ่ม ลั่วหานก็แอบกลัว
จนกระทั่งกลับไปที่โรงพยาบาล ลั่วหานก็ยังกังวลกับปัญหาที่ซับซ้อนของผู้ปกครองนักเรียน
ก๊อกๆ
ประตูห้องทำงานถูกเคาะสองครั้ง ลั่วหานเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ “เข้ามา”
“หมอฉู่ ยุ่งมั้ยครับ?”
คนที่เข้ามาคือหวาเทียน ในมือเขาถือแฟ้มเวชระเบียนไว้ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ประจบ
“พอได้อยู่ มีอะไรเหรอ?”
ลั่วหานเปลี่ยนหน้าจอแรกอย่างหน้าจอทางการของโรงพยาบาลหวาเซี่ยปกปิดหน้าที่เพิ่งค้นหาคำว่า “ข้อควรระวังสำหรับกิจกรรมผู้ปกครองและเด็ก” ที่เพิ่งค้นหาแล้วเอกสารมาชุดหนึ่งมาปิดสมุดที่กำลังบันทึกไว้
เธอได้สรุป “คู่มือคำแนะนำ” สำหรับกิจกรรมผู้ปกครองและเด็กไว้สิบกว่าข้อ มันแทบจะเหมือนการเขียนโครงการอย่างครบถ้วนแล้ว
“ผู้ป่วยเตียงที่ 20 จะสามารถออกโรงพยาบาลได้วันนี้ ผมเพิ่งจะทำการตรวจสอบสุขภาพเสร็จ ยังต้องการลายเซ็นของคุณ”
หวาเทียนเปิดเผยข้อมูลอย่างละเอียด ในหน้าชื่อเรื่องของหนังสือระบุอายุและโรคของผู้ป่วยไว้
ลั่วหานจำคนไข้คนนี้ได้ เธอเป็นหัวหน้าแพทย์ผ่าตัดให้เมื่อเดือนก่อน หวาเทียนเป็นรองอันดับหนึ่ง หลินซีเหวินเป็นรองลำดับที่สอง
ตอนที่ผู้ป่วยถูกส่งตัวมาผู้ป่วยอยู่ในอาการช็อก มีอาการกล้ามเนื้อหัวใจตาย เส้นเลือดตีบ ครอบครัวของผู้ป่วยเกือบยอมแพ้ในการรักษาเพราะจ่ายค่ารักษาพยาบาลไม่ไหว ต่อมาลั่วหานยืนยันที่จะทำการผ่าตัดให้เสร็จ แล้วบอกกับครอบครัวคนไข้ว่าทางโรงพยาบาลจะลดค่ารักษาพยาบาลให้ตามความเหมาะสม
ครอบครัวของคนไข้ส่งเสียงดังในโรงพยาบาล ร้องไห้อยู่ที่ทางเดินเกือบตลอดทั้งคืนแล้วบอกว่าพวกเขาทำได้แค่ขายไตเท่านั้น
“ตัวชี้วัดเป็นปกติทั้งหมด การฟื้นตัวก็ดี”
ลั่วหานดูกรณีตัวอย่างโรคอีกครั้ง พอใจกับการฟื้นตัวของผู้ป่วยมาก ผู้ป่วยอายุเพียงสี่สิบสองปี หากไม่ได้รับความทุกข์ทรมานจากโรคนี้ก็เรียกว่ากำลังอยู่ในวัยฉกรรจ์
หวาเทียนนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม เอามือทาบอกอย่างโอ้อวด “หมอฉู่ พูดตามตรงนะครับ ตั้งแต่ก่อนเขาเข้าห้องผ่าตัดหนึ่งชั่วโมง หัวใจผมก็ยังไม่ตกลงถึงพื้น แต่เดิมครอบครัวของผู้ป่วยคือไม่ยอมให้เขารักษา เพราะสงสัยว่าจะผลาญเงินพวกเขา หมอฉู่คิดว่าถ้าการผ่าตัดประสบความสำเร็จ ทุกอย่างราบรื่น ถ้าเกิดมันเกิดล้มเหลวขึ้นมา โอ้แม่เจ้า ท่าทางลูกชายของเขาดูเหมือนจะต้องตัดผมเป็นชิ้นๆแน่”
ทุกครั้งที่หวาเทียนไปตรวจ เขามักจะหลีกเลี่ยงที่จะเจอลูกชายของผู้ป่วย พอเห็นแววตาที่เหมือนจะฆ่าคนของลูกชายเขา ในใจก็รู้สึกหนาวสั่น
ลั่วหานเซ็นชื่อหัวหน้าแพทย์ศัลยแพทย์ รวบรวมเอกสารให้เขา “หมอไม่ใช่เทวดา เป็นไปไม่ได้ที่จะช่วยให้คนไข้ทุกคนรอดชีวิตได้ แต่จะยอมแพ้เพราะเรื่องนี้ได้หรอ?”
หวาเทียนลูบหน้าผากของเขาอย่างกลัดกลุ้ม “หมอฉู่หัวใจของคุณใหญ่มากจริงๆ ผมสงสัยว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรที่คุณกลัว”
ไม่มีหรอ?
เธอยังต้องการทำการบ้านเพราะกลัวงานกิจกรรมของผู้ปกครองกับเด็กอยู่เลย
หวาเทียนจากไป ลั่วหานก็ยังคงง่วนอยู่กับการจดบันทึก
“ขั้นแรกสร้างความสัมพันธ์กับเหล่าแม่ๆของเด็กๆ…จากนั้นทำความเข้าใจลักษณะนิสัยของเพื่อนลูก…”
ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลเป็นเรื่องที่จัดการยากยิ่งกว่าปัญหาทางการแพทย์เสียอีก ลั่วหานรู้สึกหงุดหงิด
ใครจะคิดว่าหวาเทียนที่เพิ่งออกไปจะกลับเข้ามาอีกครั้ง
“หมอฉู่ครับ มีอีกเรื่องที่ผมลืมบอกไป”
หวาเทียนพรวดพราดเข้ามา เพียงก้าวเดียวเดินตรงไปถึงข้างหน้าลั่วหาน พอสายตามองลงไปก็เห็นตัวอักษรบนสมุดบันทึกของลั่วหาน
ลั่วหานต้องการปกปิดแต่มันก็สายเกินไปแล้ว “มีเรื่องอะไร? รีบว่ามา”
หวาเทียนชี้ไปที่บันทึกที่เธอเขียน”คุณจะเข้าร่วมกิจกรรมโรงเรียนอนุบาลของชูชูหรอ?”
ลั่วหานใช้ปากกาเซ็นชื่อดันขมับ “ใช่ เข้าร่วมเป็นครั้งแรกเลยรู้สึกประหม่า”
หวาเทียนหัวเราะ “555 หมอฉู่ครับแค่เข้าร่วมกิจกรรมเท่านั้นเอง คุณไม่เห็นต้องลำบากขนาดนั้นเลย? ไม่ได้เข้าร่วมสัมมนาทางการแพทย์เสียหน่อยที่ต้องจดบันทึกเป็นหน้าๆ”
“ตามหาฉันมีเรื่องอะไรกันแน่? รีบพูดมา”
“อ้อ ผมแค่อยากจะบอกคุณว่า หมอเจ้าของไข้ของโม่หรูเฟยเปลี่ยนเป็นรองคณบดีแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องไปตรวจอาการ ไม่ยุ่งเธอไม่ว่าจะเป็นยังไง” หวาเทียนกะพริบตาอย่างลึกลับ
ลั่วหานขมวดคิ้ว “โอ้? ทำไมล่ะ?”
“ผมไม่รู้เหตุผลเฉพาะเจาะ รองคณบดีเห็นเธอครั้งเดียวก็ตัดสินใจแบบนี้แล้ว งั้นผมขอตัวกลับไปก่อน คุณจะทำงานต่อไปเถอะ”
ครั้งนี้หวาเทียนไปแล้วจริงๆ เขาออกไปพลางปิดประตู
ลั่วหานครุ่นคิด จิ้นเหยียนต้องการรับดูแลโม่หรูเฟย? เพื่อไม่ให้เธอใจไม่อยู่กับเนื้อกันตัวสินะ?
ดูเหมือนว่าหลงเซียวจะเข้ามาแทรกแซงอีกแล้ว
หลังจากจดบันทึกเสร็จลั่วหานก็ถ่ายรูปส่งให้หลงเซียว
อาคารMBK
หลงเซียวอ่านเอกสารในมือยังไม่เสร็จ โทรศัพท์ก็ดังขึ้น หน้าจอแสดงคำว่า “คุณชายกู้”
น่าแปลก กู้เยนเซินกลับเมริกาเพียงไม่กี่เดือน ก็ไม่เคยโทรมาเลย วันนี้ลมอะไรพัดมา?
“คุณชายกู้ แขกที่เจอตัวยาก”
หลงเซียวยังคงเซ็นชื่อลงบนเอกสารที่ต้องการเซ็นชื่อ
กู้เยนเซินเพิ่งจะประชุมครั้งสุดท้ายของวันเสร็จ ตอนนี้ที่นิวยอร์กห้าทุ่มแล้ว เขาก็ยังอยู่ในบริษัท
บริษัทตั้งอยู่ที่บริษัทกู้ซื่อในย่านธุรกิจของนิวยอร์ก แสงไฟสว่างไสวเหมือนตอนกลางวัน
“คุณชายใหญ่หลง ตลาดหุ้นวันนี้วันนี้นายดูแล้วใช่มั้ย?” กู้เยนเซินไม่ได้ถามเพราะสงสัย แต่เพื่อให้แน่ใจว่าหลงเซียวได้ดูมันแล้ว
“อืม IXIC (ดัชนี Nasdaq) สูงสุดที่ 7500.61 และต่ำสุดที่ 7455.55 โดยรวมอยู่ในช่วงขาขึ้น”
สถานการณ์ดีมาก ท่าทาง…
หลงเซียวแทบจะเดาได้ว่ากู้เยนเซินต้องการจะพูดอะไร
กู้เยนเซินหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาจิบ “ถ้าอย่างนั้นนายก็คงสังเกตเห็นแล้วว่าปริมาณการซื้อขายวันนี้เป็นศูนย์ อัตราส่วนราคาต่อกำไรและกำไรต่อหุ้นเป็นศูนย์ทั้งคู่ ฉันไม่เชื่อว่าจะมีการเสนอขายหุ้นIPOในตลาดมากขนาดนี้ พูดได้ว่ายังคงเสมอ นี่มันไม่ใช่เรื่องปกติ”
หลงเซียวจำดัชนีของบริษัทที่จดทะเบียนในอเมริกาบางแห่งได้อย่างชัดเจน “BLDP (Ballard Power Systems) กับ Twitter (ทวิตเตอร์) เพิ่มขึ้นเมื่อวาน 33.55 และ 22.39 (เปอร์เซ็นต์) ตามลำดับ วันนี้มันลดลงซึ่งมันไม่ใช่เรื่องปกติอย่างแน่นอน”
Ballard Power Systemsผู้บุกเบิกเซลล์เชื้อเพลิงเมมเบรนแลกเปลี่ยนโปรตอนมีมูลค่าการซื้อขายต่อปีประมาณ 50 ล้านเหรียญสหรัฐถึง 100 ล้านเหรียญสหรัฐมาเป็นเวลาเกือบทศวรรษ กำไรหลังหักภาษีนั้นน้อยมากจนแทบจะชักหน้าไม่ถึงหลัง
แต่บริษัทมีการเปลี่ยนแปลง ปรับปรุงผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง อัตราส่วนหนี้สินในปัจจุบันจึงไม่สูง มีแนวโน้มลดลง สถานการณ์กำลังค่อยๆดีขึ้น
แต่ทว่าแม้ราคาหุ้นจะเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังขาดทุนประมาณ 0.12 ดอลลาร์ต่อหุ้น
ค่อนข้างไร้ค่า
กู้เยนเซินอยู่ที่อเมริกามีความอ่อนไหวต่อความผันผวนของตลาดหุ้นในอเมริกามากกว่าจีน หลงเซียวอยากจะฟังมุมมองของกู้เยนเซิน
“อเมริกาอยู่ระหว่างปรับปรุงครั้งใหญ่ของบริษัทอินเทอร์เน็ตกับบริษัทพลังงาน สถานการณ์รุนแรงมาก ทำให้ทั้งตลาดหุ้นยังคงนิ่งเฉยพยายามรักษาสภาวะสมดุล ผู้คนในอเมริกากำลังตื่นตระหนก ฉันไม่ได้มองโลกในแง่ดีในเรื่องนี้”
กู้เยนเซินจิบกาแฟอย่างหงุดหงิดอีกครั้ง เขาก็ไม่สบายดีเท่าไร
หลงเซียวตอบรับ คงต้องลงมือกับมันแล้ว
“ถ้าอย่างนั้นที่ที่จะได้รับผลกระทบต่อไปเกรงว่าจะรวมถึงบริษัทกู้ซื่อด้วย”
กู้เยนเซินถูกจิ้มด้วยจนปวดเท้า ขนลุกไปทั้งตัว “ตามขั้นตอนท้ายที่สุดในตอนนี้ บริษัทกู้ซื่อก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน นายยังบริษัทLeEcoที่หมดอำนาจในตอนนั้นได้มั้ย?”
“จำได้”
แม้ว่าเรื่องอื้อฉาวการล้มละลายของ บริษัทLeEcoจะผ่านมาแล้ว แต่ในหัวข้อที่เกิดขึ้นบนอินเทอร์เน็ตก็ยังคงถูกพูดถึงหลังเวลาอาหาร วิดีโอเว็บไซต์และบริษัทอินเทอร์เน็ตหลายแห่งต่างพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมเดียวกัน
พวกเขาเริ่มทยอยร่วมมือกับบริษัทหนังภาพยนตร์เพื่อร่วมกันผลิตภาพยนตร์ ละครโทรทัศน์และละครออนไลน์
กลัวว่าการซื้อแหล่งทรัพยากรเพียงอย่างเดียวจะทำให้ถนนที่เดินยิ่งเดินก็ยิ่งแคบลง
กู้เยนเซินถอนหายใจ “ฉันมีความเห็น อยากฟังไหม?”
“อืม”
หลงเซียววางปากกาลายเซ็น หยิบแก้วกาแฟแล้วเดินไปที่หน้าหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดาน ถือโทรศัพท์พลางมองออกไปนอกหน้าต่าง
“ขั้นแรก ฉันวางแผนที่จะโอนธุรกิจอินเทอร์เน็ตของบริษัทกู้ซื่อไปที่ประเทศจีน เริ่มวางตีตลาดใหม่ในประเทศจีน”
กู้เยนเซินศึกษาแผนการรับมือกับวิกฤต เขาอยากฟังความคิดเห็นของหลงเซียว
“อืม พูดต่อ”
“ขั้นสองฉันต้องการร่วมมือกับวงการหนังจื๋อซื่อ เพื่อทำการ์ตูนและวรรณกรรมบนแพลตฟอร์ม ขยายพื้นที่ให้บริการมาเป็นพื้นฐาน ขุดค้นหาIPดั้งเดิมที่ยอดเยี่ยม ร่วมผลิตละครกับซีรีส์กับวงการหนังจื๋อซื่อ”
วิธีนี้ทำไมมันฟังดูคุ้นหูนะ?
เมื่อสองปีก่อนหลงเซียวเคยเสนอแผนประมาณนี้ออกมา
“ขั้นตอนที่สามคือการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ เปลี่ยนการค้นหาและวิดีโอแบบธรรมดาให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์บริการอัจฉริยะ ในปัจจุบันปัญญาประดิษฐ์ในประเทศจีนยังไม่เติบโตเต็มที่ เป็นตลาดขนาดใหญ่”
แน่นอนว่าล้วนมองว่าประเทศจีนเป็นเค้กก้อนโต
“เป็นความคิดที่ดีมาก ลองทำดูสิ”
“แต่ตอนนี้มีปัญหาอยู่สองอย่าง ประการแรกการแสดงรายการหุ้น A เป็นเรื่องยาก ฉันต้องการความช่วยเหลือจากนาย ประการที่สองหาที่ตั้งสำนักงานที่เหมาะสมให้ฉัน”
กู้เยนเซินเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่อีกฟากหนึ่งของมหาสมุทร ปากเขาเชิดขึ้น แทบจะนึกถึงสีหน้าหลงเซียวที่อยากจะชกเขาออก
หลงเซียวขมวดคิ้ว “มีอะไรก็พูดมาตรงๆ”
กู้เยนเซินหัวเราะแฮะๆสามครั้ง “ฉลาด! ที่อาคารหยวนชิวเหล่าการลงทุนจากต่างประเทศยังไม่เต็มใช่ไหม? เหลือให้ฉันไว้ชั้นหนึ่งสิ”
หนึ่งชั้น!
น้ำเสียงไม่เล็กเลยนี่!
“จะอยู่ก็ได้ แต่ราคาตลาดต้องห้ามขาดแม้แต่หนึ่งส่วน”
“ไอ้เชี่ย! คบกันมาสิบกว่าปีแล้วไม่ให้ราคามิตรภาพเลยสักนิด!”
กู้เยนเซินกระถืบเท้า เขาค่อยๆโน้มน้าวใจมาตั้งนาน แต่กลับไม่มีประโยชน์เลยสักนิด!”
“รวมค่าธรรมเนียมทรัพย์สินหนึ่งปี”
“สองปี”
“ตกลง”
หลงเซียวพูดว่าตกลงเสร็จ กู้เยนเซินยังคงรู้สึกเหมือนกำลังตกหลุมพราง
วางสายเสร็จ หลงเซียวได้รับภาพที่ลั่วหานส่งมา พอคลิกที่ภาพดูเนื้อหา ดวงตาที่ล้ำลึกของเขาหรี่ลงอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“…”
เขาไม่รู้จะพูดอะไรดี
หลงเซียวโทรหาแอนดี้ อีกฝ่ายรับสายอย่างรวดเร็ว
“แอนดี้เตรียมบางอย่างให้ฉันหน่อย ผู้ใหญ่ 40 คนและเด็ก 20 คน ส่งมาที่บ้านฉันก่อน 8 โมงเช้าของวันศุกร์ หลังจากนั้นสิบนาทีให้ตรวจอีเมลกล่องขาเข้าของเธอ”
พูดจบหลงเซียวก็เปิดคอมพิวเตอร์แล้วป้อนข้อความอย่างรวดเร็ว
ภายในเวลาไม่ถึงสิบนาทีแอนดี้ก็ได้รับอีเมลจากหลงเซียว
หลังจากนั้นแอนดี้ก็งงงวย”ลินดา เธอมาดูนี่สิ ฉันตาลายไปรึเปล่า ประธานวางแผนจะพาคนแผนกของเราไปตั้งแคมป์หรอ?”
ลินดาอ่านอีกครั้งว่า “ไม่หรอก ลูกของพนักงานแผนกไม่ได้เยอะขนาดนั้น แต่…ซื้อของเยอะขนาดนั้นคงจะขายส่งโดยตรงล่ะมั้ง”