ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 1128
บทที่ 1128 ไหวพริบพูดแล้วร้องไห้
หลังจากตกกันไปตะลึงชั่วขณะ ผู้ปกครองที่รวมตัวกันรอบๆก็ตกใจ ใช้สายตาตัดสินหวังซาวอย่างคิดไม่ถึง
มือที่หวังซาวยื่นออกมาด้วยความโกรธเมื่อกี้ ตอนนี้ค้างอยู่ในอากาศ นิ้วสั่นน้อยๆ
เด็กที่นั่งเอาก้นถูพื้น หลังจากผ่านการตกตะลึงไปชั่วขณะก็ร้องไห้หนักขึ้นกว่าเดิมไม่หยุด
คุณหญิงหวังกอดลูกชายแก้วตาดวงใจของเธอแล้วตะโกนเรียก จากนั้นก็กระโดดขึ้นหยิบกระเป๋าหนังจระเข้ตีหวังซาวดัง “ป๊าบๆๆ” สุดกำลัง
“ไอ้คนใจร้าย! ตีฉันสิ! ตีฉัน! จะตีฉันก็ช่าง! แต่จะตีลูกทำไม!”
หวังซาวเอาฝ่ามือที่จะตบใบหน้าภรรยาลงอย่างทำอะไรไม่ถูก “อาผิง เธอทำบ้าอะไร? หยุดโวยวายได้แล้ว”
คุณหญิงหวังยังคงร้องไห้ไม่หยุด ซิปกระเป๋าหลุดเปิดแยกออก เครื่องสำอางผู้หญิงที่อยู่ข้างในก็กระจายเต็มพื้น ไม่ว่าจะเป็นลิปสติก อายไลเนอร์ แป้ง กระเป๋าสตางค์…
“ฉันโวยวายเหรอ? รังเกียจที่ฉันโวยวายหรอ? รังเกียจฉันตั้งนานแล้วใช่ไหม? ตีสิ! ตีเลย!”
ว่ากันว่าเวลาทะเลาะกับผู้หญิง เธอมักจะทำเรื่องเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ แล้วยังอารมณ์เสียอย่างไร้เหตุผล เมื่อก่อนลั่วหานไม่เคยเห็นตัวอย่างที่ชัดเจนเช่นนี้มาก่อน วันนี้ได้มาเห็นกับตาจริงๆ
ใบหน้าของหวังซาวแดงก่ำด้วยความอับอายจนถึงหู คอที่ค่อนข้างอวบก็โตขึ้นกว่าเดิมจนแทบไม่เห็นคอที่เชื่อมไหล่เข้ากับศีรษะของเขา “พอ! เลิกเล่นได้แล้ว!”
ทำให้ผู้ชายเสียหน้าหวังซาวแสร้งทำเป็นว่าสามารถควบคุมความขัดแย้งภายในได้ แต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่สามารถทำให้ภรรยาระงับอารมณ์ได้
“แง้…แง้…”
เด็กอ้วนร้องไห้กลิ้งกับพื้นกรีดร้องอย่างเกินจริง
ผู้อำนวยการและครูเข้ามาปลอบเด็ก ผู้ปกครองบางคนที่ได้คิดๆดูแล้วก็พยายามเกลี้ยกล่อมให้คู่สามีภรรยาหยุดทะเลาะกัน สถานการณ์ตอนนี้เรียกได้ว่าวุ่นวายไปหมด
ลั่วหานกดขมับอย่างช่วยไม่ได้ “สามี…ฉันประหลาดใจมาก”
หลงเซียวลดตาลง ไม่วิพากษ์วิจารณ์เรื่องครอบครัวคนอื่น แต่กลับพูดว่า “กลับเร็วหน่อยดีไหม?”
“ช่างมันเถอะ”
ชูชูเห็นพวกผู้ใหญ่กำลังวุ่นวาย ปากเล็กก็ปิดแน่น มองลงไปที่เหรียญในมือ จากนั้นก็เดินเข้าไปในฝูงชนโดยไม่พูดอะไร
เด็กน้อยทั้งยอมทั้งยังเด็ก เธอเด็กกว่าเพื่อนๆในชั้นเดียวกันประมาณ 1 ปี เธอได้เข้าเรียนตั้งแต่อายุ 2 ขวบกว่า
พอชูชูปรากฏตัว ผู้อำนวยการโรงเรียนก็รีบพูดว่า “Angel ครูจะไม่ขอให้เธอยกรางวัลให้เขา”
“ขอบคุณค่ะผู้อำนวยการ หนูขอคุยกับเขาได้ไหมคะ?”
ดวงตาที่ใสสะอาดของชูชูมองไปที่เด็กชายตัวอ้วนที่ตัวเต็มไปด้วยโคลน ที่ในที่สุดเขาก็ถูกผู้อำนวยการโรงเรียนเกลี้ยกล่อมให้หยุดกลิ้ง แต่เขาก็ยังคงสะอื้นร้องไห้อยู่
ผู้อำนวยการโรงเรียนไม่สบายใจกลัวว่าเด็กชายจะฉกรางวัลจึงปกป้องอยู่ข้างๆแล้วพูดว่า “ได้สิ”
ชูชูก้าวไปข้างหน้าถอดเหรียญออกจากคอ แต่ไม่ได้ส่งให้เด็กชายตัวอ้วน
“นายอยากได้อันนี้หรอ?” ชูชูถามอย่างตั้งใจ
เด็กตัวอ้วนสูดจมูก “ใช่”
งั้นก็หมายความว่าถ้าฉันอยากได้เธอก็ต้องให้ฉันงั้นหรอ?
ชูชูพยักหน้า ดวงตาสีเข้มสดใสเป็นประกาย “เมื่อกี้ตอนที่นายแข่ง นายได้พยายามแข่งแล้วรึยัง? นายวิ่งเร็วรึเปล่า?”
เด็กชายตัวอ้วนกัดปากไม่พูดอะไร
เขาไม่ชอบเล่นกีฬา ตอนวิ่งเขาอยากจะให้พ่อแม่อุ้มเพราะขี้เกียจ สุดท้ายก็โดนจับได้จึงต้องกลับไปที่จุดเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ดังนั้นจึงวิ่งได้อันดับรองสุดท้าย
ผู้ใหญ่หลายคนที่อยู่ข้างๆกันพากันเงียบ
ชูชูถามอีกครั้งว่า “นายไม่ได้พยายาม แล้วมีสิทธิ์อะไรมาเอารางวัล?”
เด็กชายตัวอ้วนมองเหรียญอย่างอิจฉา “ก็ฉันอยากได้”
ลั่วหานกับหลงเซียวยืนรอเหมือนพ่อแม่คนอื่นๆเพื่อดูว่าลูกสาวจัดการกับเรื่องยุ่งยากนี้ยังไง
ชูชูกะพริบตา “นี่มันคือรางวัลอะไรรู้มั้ย?”
เด็กชายตัวอ้วนมองพ่อแม่อย่างขลาดๆ ความจริงหวังซาวกับภรรยาหยุดทำร้ายร่างกายกันแล้ว พวกเขาต่างมองชูชู
“เหรียญรางวัลสำหรับที่หนึ่ง”
“แต่นายไม่ได้ที่หนึ่ง ทำไมฉันต้องให้นายด้วย? เพราะนายร้องไห้งั้นหรอ?”
“ฉัน…”
“แด๊ดดี้บอกว่ามีแค่คนที่พยายามเท่านั้นที่ควรจะได้รางวัล คนที่ไม่พยายามก็ไม่มีสิทธิ์ได้ นายไม่พยายามจึงให้นายไม่ได้”
ตอนที่ชูชูพูด ลั่วหานเงยหน้ามองหลงเซียว “นายเคยสอนลูกสาวเรื่องพวกนี้หรอ?”
เธอนึกว่าหลงเซียวมีหน้าที่แค่ตามใจลูกสาวจนเสียคนซะอีก
หลงเซียวยืดอกอย่างภาคภูมิใจ “เคยพูดไปครั้งหนึ่ง แต่ไม่คิดว่าเธอจะจำได้”
ลูกสาวรู้ความมาก คนเป็นพ่อก็ดีใจมากเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นลูกสาวเขายังเป็นเด็กที่มีไหวพริบ
หวังซาวมองอย่างตะลึง เด็กตัวเล็กๆคนนี้กลับพูดจามีเหตุผล
เด็กชายตัวอ้วนหน้าแดง “เมื่อก่อนเวลาที่ฉันอยากได้อะไร แค่ร้องไห้ หม่ามี๊ก็จะซื้อให้ฉัน”
คราวนี้คุณหญิงหวังเสียหน้า ผู้ปกครองที่อยู่ด้านข้างได้ยินความหมายที่แฝงในนั้นก็ไอออกมาอย่างเข้าใจซึ่งกันและกัน
“แต่ฉันไม่ใช่หม่ามี๊ของนายนะ” น้ำเสียงของชูชูนุ่มนวลอ่อนหวานเอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง
“…”
เหล่าผู้ปกครองที่มุงดูยอมเธอเลยจริงๆ
คิดไม่ถึงเลยว่าคำพูดของเด็กน้อยจะเต็มไปด้วยตระกะ ทำเอาเด็กชายตัวอ้วนพูดอะไรไม่ออก เห็นได้ชัดว่าเธอพูดเก่งมาก!
ในที่สุดเด็กชายตัวอ้วนก็เลิกงอแง “ฉัน…”
เห็นได้ว่าเขาอยากได้มันจริงๆ
ชูชูวางเหรียญไว้ในมือเขา “ถ้านายชอบมันมากจริงๆ ฉันก็ให้นายได้ แด๊ดดี้กับหม่ามี๊ขอให้ฉันเอาเหรียญให้นาย เอาไปเถอะ”
เด็กชายตัวอ้วนแทบไม่เชื่อสายตาว่าเหรียญในมือได้มาดูไม่สมจริงมาก “แต่…”
ชูชูหันหลังกลับวิ่งไปหาแด๊ดดี้กับหม่ามี๊แล้วจับมือลั่วหาน “หม่ามี๊บอกว่าเด็กๆต้องเชื่อฟังผู้ใหญ่ ฉันเชื่อฟังหม่ามี๊”
เหรียญในมือของเด็กชายตัวอ้วนร้อนทันที ใบหน้าของหวังซาวและภรรยาร้อนผ่าวขึ้นมา
ลั่วหานลูบใบหน้าเล็กๆของลูกสาว “แก่แดดนะเรา ปากเล็กๆนี่เก่งจริงๆ”
“สาวน้อยพูดเก่งเพราะเรียนรู้มาจากนาย”
“ถ้าพูดถึงเรื่องที่ไหวพริบดี ที่เธอพูดน่ะที่สอง ฉันไม่กล้าพูดว่าที่หนึ่งหรอกนะคุณนายหลง” หลงเซียวอุ้มชูชูขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาเปล่งออร่า
การโต้เถียงสิ้นสุดลงก็ถึงเวลาที่ทุกคนจะรับประทานอาหาร
หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จก็มีกิจกรรม
แต่ทว่าโทรศัพท์ของหลงเซียวดังขึ้นหลังเวลาอาหารกลางวัน
ลั่วหานที่กำลังคุยกับชูชูว่าจะเล่นเกมแสดงยังไงในช่วงบ่าย พอได้ยินโทรศัพท์ของหลงเซียวสั่นก็หันมาสบตากัน
หลงเซียวแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน ยังคงทำอุปกรณ์ประกอบฉากด้วยเครื่องมือง่ายๆที่มีให้
การแสดงผ่อนปรนให้พ่อแม่และเด็กๆต้องเล่นบทบาทของตัวละครการ์ตูนที่ต่างกันเน้นฉากคลาสสิกในการ์ตูน
อุปกรณ์ประกอบฉากต้องทำเอง
ลั่วหานกลัวว่าจะเกิดเหตุฉุกเฉินที่บริษัท ยังไงซะวันนี้ไม่ใช่วันหยุดสุดสัปดาห์ “รับสายเถอะ”
ชูชูคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงบอกว่า “แด๊ดดี้รีบรับสายเถอะค่ะ ไม่งั้นคุณลุงที่โทรมาจะร้อนใจนะคะ”
ลูกสาวรู้ความมากจนหลงเซียวซาบซึ้งและดีใจจนพูดไม่ออก “Angelเด็กดี แด๊ดดี้จะรีบกลับมานะ”
บทบาทที่พวกเขากำลังจะแสดงคือลูกชายหัวโตกับพ่อหัวเล็ก หลงเซียวเพิ่งทำผ้ากันเปื้อนของแม่เสร็จ ยังไม่ได้ทำหูของบนหัวของลูกชายหัวโต
ลั่วหานหยิบผลงานที่เสร็จไปครึ่งหนึ่งในมือเขา “รีบไปเร็ว เดี๋ยวฉันทำอันนี้เอง”
“แน่ใจนะ?”
“แน่ใจสิ ฉันเป็นมือศัลยแพทย์ อย่ามาสบประมาทฉันนะ” ลั่วหานหยิบกระดาษแข็ง กรรไกรและกาวมาไว้ข้างตัวเอง ดูแลงานทั้งหมดของหลงเซียว
หลงเซียวพยักหน้าแล้วหยิบโทรศัพท์เดินออกไปข้างนอกสิบเมตร
แน่นอนว่ามันเป็นสายที่สำคัญ
มิเช่นนั้นจี้ตงหมิงที่รู้ว่าวันนี้เขามีกิจกรรมไม่มีทางรบกวนเขาง่ายๆแน่
“บอส เกิดเหตุสุดวิสัย ผมเกรงว่าบอสจะต้องกลับมา”
จี้ตงหมิงรายงานเสียงต่ำอย่างร้อนใจ