ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 1134
บทที่ 1134 วิธีการของคุณชายกู้
“หลิงเซวียน คุณจะไม่ไปจากฉัน ใช่ไหมคะ?”
มองดูตู้หลิงเซวียนที่สูบบุหรี่อย่างเงียบๆ เจิ้งซินรู้สึกได้ถึงความห่างไกลอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ก่อนหน้านี้สถานะของพวกเขาคือเท่าเทียมกัน ถึงขั้นตัวเองมีอำนาจวาสนามีทุนยิ่งกว่าตู้หลิงเซวียน พวกเขาอยู่ในสองฝั่งตราชั่งที่คงระดับเสมอกัน ทว่าตอนนี้ สถานะที่พึ่งพาอาศัยการรักษาความสัมพันธ์ของเจิ้งซิน ก็ต้องติดร่างแหและพังทลายตามพ่อไปด้วย เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่สามารถเผชิญหน้าคุยเล่นใกล้ชิดสนิทสนมกับตู้หลิงเซวียนได้อีกต่อไป
พวกเขาจนถึงตอนนี้เดิมทีก็ไม่ได้มีความรัก ตอนนี้หากแม้แต่การแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ก็สูญหายไปแล้ว ถ้างั้นการแต่งงาน…
หัวใจของเจิ้งซินถูกทิ่มแทงจนเจ็บปวดอย่างรุนแรง การหายใจก็ยากลำบากขึ้นมา
ในความเงียบ มีเพียงแค่กลิ่นของนิโคติน
ลมพัดกระจายควันบุหรี่ ร่วงหล่นเป็นเศษฝุ่นเล็กๆน้อยๆ ขี้เถ้าบางส่วนกระจายอยู่บนพื้นพรม ตู้หลิงเซวียนสูบบุหรี่ช้าๆทีละคำๆ ไม่ได้ตอบกลับ
“คุณอยากให้ฉันทำยังไง? ฉันฟังคุณค่ะ”
สุดท้าย เจิ้งซินใช้การประนีประนอมทำลายความเงียบที่น่ากลัว
ตู้หลิงเซวียนเคลื่อนดวงตาอย่างช้าๆ ดวงตาที่ดำมืดหยุดค้างเอาไว้ “คุณแน่ใจ?”
“แน่ใจ”
ยังมีทางเลือกอื่นอยู่อีกหรอ?
เริ่มตั้งแต่ในวินาทีที่เธอตัดสินใจรักเขา เธอก็รู้ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีทางเท่าเทียมกัน
“เป็นฝ่ายเริ่มตัดขาดความสัมพันธ์กับคุณพ่อคุณ แถลงว่าเรื่องใดๆก็ตามที่ท่านทำล้วนไม่เกี่ยวข้องกับคุณ บอกกับสื่อ คุณไม่ได้รู้เบื้องหน้าเบื้องหลัง คุณก็คือเหยื่อเช่นเดียวกัน”
น้ำเสียงที่เยือกเย็นของตู้หลิงเซวียน ไม่มีระดับอุณหภูมิแม้แต่น้อย
เจิ้งซินเบิกตาโพลงในทันที “คุณ…พูดอะไร?”
“คุณทำใจไม่ได้?”
เขาถามย้อนกลับอย่างสงบเยือกเย็นไม่สะทกสะท้าน ก็เหมือนมีดสั้นปักที่บนหัวใจของเธอ เจ็บปวดขนาดนั้น เขาราวกับไม่มีความรู้สึกใดๆเลยแม้แต่น้อย
“ฉัน…”
ตัดขาดความสัมพันธ์พ่อลูก ทิ้งคุณพ่อคนเดียวไว้ที่ประเทศจีน ให้คุณพ่อหลังจากที่เสียภรรยาไปแล้ว สูญเสียลูกสาวไปอีก?
เจิ้งซินยิ้มอย่างขมขื่น น้ำตาไหลลงมาถึงปาก กลืนลงไป ทั้งขมทั้งเฝื่อน
“แน่นอน ผมจะแอบช่วยเหลือ”
ในที่สุด เขาก็พูดคำพูดประโยคนีงที่ทำให้เจิ้งซินรู้สึกดีขึ้นมาบ้างเล็กน้อย
“…ให้เวลากับฉันหน่อย นิดหน่อยก็พอ”
เจิ้งซินยอมรับคำแนะนำของตู้หลิงเซวียน อยู่ที่อเมริกาไม่ไปที่ไหนชั่วคราว ในขณะเดียวกันตู้หลิงเซวียนก็แสดงออกว่า ตัวเองจะคิดหาวิธีนำพาสถานการณ์ของเรื่องให้ไปในทิศทางที่ดี
แต่ที่จริงแล้วทั้งสองคนต่างก็เข้าใจว่า ตอนนี้อยู่ในจุดที่ลมพายุรุนแรงมากที่สุด ไม่ว่าทำอะไร ต่างก็ดึงดูดความสนใจจากสังคม
เจิ้งซินและตู้หลิงเซวียน เกรงว่าก็ถูกรวมอยู่ในเป้าหมายการจับตาดูที่สำคัญแล้วเช่นเดียวกัน
วันนี้ ไวกว่าที่เจิ้งซินคาดการณ์เอาไว้เสียอีก
ในวันที่สองที่เธอรู้ว่าคุณพ่อถูกจับกุมนั้นเอง นักข่าวจำนวนหนึ่งโผล่ออกมาอย่างกะทันหัน ขวางทางไปของเจิ้งซินอยู่ชั้นล่าง
ไฟแฟลชถ่ายภาพที่ทิ่มแทงตาเล็งแม่นมาที่เจิ้งซินอย่างไม่มีลางสังหรณ์เลยแม้แต่น้อย เสียงถ่ายรูปแชะๆๆทำเจิ้งซินช็อกโดยสมบูรณ์แบบ
นักข่าวทั้งหลายต่างก็เป็นคนจีน หลายคนที่ใบหน้าคุ้นเคยก่อนหน้านี้เธอเคยเจอมาก่อน ชัดเจนมาก พวกเขาทั้งใจมาจากประเทศจีนเพื่อสัมภาษณ์เธอโดยเฉพาะ
“คุณเจิ้งซิน คุณพ่อคุณถูกจับที่เมืองเจียงเฉิง คุณทราบไหมครับ?”
“คุณพ่อคุณถูกสงสัยว่าใช้อำนาจในหน้าที่การงานแอบทำเรื่องที่ไม่ดีบางอย่าง กรมอัยการกำลังตรวจสอบอย่างเต็มที่ คุณไม่อยากจะรู้สถานการณ์ล่าสุดหรอครับ?”
“คุณกับคุณพ่อของคุณความสัมพันธ์ดีมากมาโดยตลอด ตอนนี้ท่านคนเดียวกำลังรับการตรวจสอบ คุณไม่คิดจะกลับประเทศไปดูท่านสักหน่อยหรอคะ?”
นักข่าวทั้งหลายไม่ได้ถามเธอโดยตรงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้ แต่โจมตีอย่างแม่นยำในฐานะที่เธอเป็นลูกสาว เอาหูไปนาเอาตาไปไร่กับสิ่งที่คุณพ่อประสบพบเจออยู่ คือพฤติกรรมอะไรกันแน่?
เจิ้งซินกัดฟันแน่น ในใจร้องตะโกนไม่หยุดว่า ฉันรู้!ฉันต้องรู้แน่นอน!ท่านคือคุณพ่อของฉัน ฉันเป็นห่วงกว่าใครทั้งหมด!ฉันอยากเจอท่านกว่าใครทั้งหมด!
ทว่า คำเดียวเธอก็ไม่สามารถพูดออกมาได้
เจิ้งซินสวมแว่นตากันแดดอันใหญ่สีดำ มองไม่เห็นดวงตาของเธอ เธอปิดปากเงียบตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ให้ความสนใจกับเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย
หากเธอเอ่ยปาก คำพูดใดๆแม้แต่คำเดียว ต่างก็จะกลายเป็นหลักฐานที่นักข่าวและผู้ชมนำไปพูดเกินความเป็นจริงกันตามใจชอบ ตู้หลิงเซวียนมีจุดนึงที่พูดถูกมากขอเพียงแต่เธอคือลูกสาวของเจิ้งเฉิงหลิน ความวุ่นวายแบบนี้ก็ไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงได้
“คุณจิ้ง คุณไม่อยากรู้หรอคะว่าคุณพ่อของคุณอยากจะพูดอะไรกับคุณ?”
นักข่าวหญิงคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาอย่างกะทันหัน เสียงของหล่อนต่างก็สูงกว่าคนที่อยู่บริเวณโดยรอบ ดึงดูดความสนใจจากเจิ้งซินได้ง่ายมาก ฝีก้าวของเธอหยุดชะงักลง เกือบจะหันกลับไปพูด หึ แต่ก็ยังคงอดทนเอาไว้ได้
นี่เป็นกับดัก!กับดัก!
“คุณพ่อของคุณมีคุณเป็นญาติเพียงแค่คนเดียวแล้ว ไม่ว่าการประเมินที่โลกภายนอกมอบให้กับท่านจะจริงจะเท็จ ความสัมพันธ์พ่อลูกของพวกคุณต่างก็ไม่มีทางเปลี่ยน จุดนี้ คุณก็คงจะไม่ปฏิเสธหรอกมั้งคะ?”
นักข่าวหญิงเอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง
คำพูดที่ติดอยู่ที่ลำคอของเจิ้งซิน ไม่ขึ้นไม่ลง พูดไม่ออก กลืนไม่ลง
เธอ…จะตอบยังไงดี?
การตั้งคำถามของนักข่าวหญิง ทำให้นักข่าวสิบกว่าคนบริเวณโดยรอบสูดหายใจเฮือกทางปาก
พระเจ้า คำถามที่เฉียบคมมาก ต่อให้เจิ้งซินไม่ตอบ เพียงแค่เผยแพร่ข่าวออกไป ก็มากพอที่จะทำให้ผู้ชมทั้งหลายคาดคิดแล้ว
พลังแห่งมติมหาชนมีอำนาจขนาดนั้น เกินพอแล้วที่จะจมเธอให้ตายได้
บอดี้การ์ดสองคนเห็นสถานการณ์ไม่ถูก แยกนักข่าวออก คุ้มกันส่งเจิ้งซินขึ้นรถได้ทันเวลา
ก่อนหน้าที่รถจะเคลื่อนตัว นักข่าวทั้งหลายยังคงล้อมขวางเอาไว้ คำถามที่เฉียบคมกระทบกระเทือนเจิ้งซินไม่หยุดอย่างต่อเนื่อง เธอปิดตาลง แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน
ในที่สุด รถก็เคลื่อนตัวออก สลัดทั้งข่าวทิ้งไปไกล
นิ้วมือของกู้เยนเซินเคาะไปที่พวงมาลัยรถ ดวงตาด้านหลังแว่นตากันแดดสะท้อนความเจ้าเล่ห์เล็กน้อย “คุณผู้หญิง พวกเราไปไหนกันครับ?”
เจิ้งซินในเวลานี้ปวดหัวจนจะระเบิด จะมีกะจิตกะใจคิดว่าจะไปไหนที่ไหนกัน “ไปเรื่อยๆ”
“ครับ คุณผู้หญิง”
กู้เยนเซินเปิดเพลง เพลงเปียโนบรรเลงที่อ่อนโยนลื่นไหลอย่างช้าๆ นำความซีเรียสจนหายใจไม่ออกเมื่อสักครู่นี้บรรเทาลงไปไม่น้อย ทีละนิด ทีละนิด ลมหายใจของเจิ้งซินก็ผ่อนคลายลงมา
เธอถอดแว่นกันแดดออก เช็ดน้ำตาเล็กน้อย พิงไปบนเบาะที่นั่ง “เธอมาใหม่หรอ?”
คนขับรถคนนี้ เธอไม่รู้จัก
กู้เยนเซินยิ้มอย่างเชื่อฟังคำสั่ง “ครับคุณผู้หญิง แต่กรุณาเชื่อในฝีมือการขับขี่ของผม ผมว่าคุณเหนื่อยมากแล้ว จะเอนตัวนอนพักสักหน่อยไหมครับ?”
เจิ้งซินเหนื่อยมาก กลัดกลุ้มมากจริงๆ นอนสักครู่ก็ไม่มีสิ่งเหล่านี้แล้ว เธอนวดคลึงขมับอย่างขี้เกียจ คิดอยู่ว่างานเลี้ยงต้อนรับนักข่าวจะจัดขึ้นเมื่อไรเหมาะสม?
“มีน้ำไหม?”
“มีครับ แต่ว่ามีเพียงแค่น้ำเปล่าอุณหภูมิห้อง ได้ไหมครับ?”
กู้เยนเซินนำขวดน้ำขวดนึงที่อยู่ด้านข้างส่งให้กับเธอ
กระจกมองหลังสามารถมองเห็นรถสีดำคันหนึ่ง ด้านในมีบอดี้การ์ดของเจิ้งซินนั่งอยู่ กู้เยนเซินต้องคิดหาวิธีสลัดพวกเขาทิ้ง
เจิ้งซินดื่มน้ำไปสองสามคำ “แถวนี้มีที่ไหนไปได้? คนน้อยหน่อย”
“มีครับ ผมรู้จักสองสามที่ ปกติไม่มีคนเท่าไร สภาพแวดล้อมก็ดี เหมาะสมสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจที่สุด คุณปิดตาทำสมาธิ อกสักครู่ก็ถึงแล้ว”
กู้เยนเซินคิดในใจ อยากได้อะไรมาอย่างงั้นจริงๆ
“ได้”
เมืองหลวง โรงพยาบาลหวาเซี่ย
แผนกผู้ป่วยนอกของลั่วหานจบลง ตอนที่ว่างลงมา มองดูโทรศัพท์มือถือซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลายต่อหลายครั้ง
ไม่มีข่าวจากหลงเซียว ดูเหมือนเขาจะยุ่งมาก
“ลั่วลั่ว!”
โทรศัพท์มือถือลื่น เกือบจะหลุดมือ
“ลู่ซวงซวง เสียงของเธอนับวันยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ อยากจะทำให้พี่ตกใจตาย?”
ตั้งแต่ลู่ซวงซวงเป็นแม่คน ออร่าสาวน้อยในเมื่อก่อนดูเหมือนถูกเธอชงเข้าไปในนมผงป้อนลูกไปทั้งหมดแล้ว
ลู่ซวงซวงยืนพิงประตู เขย่งเท้าอย่างเอื่อยเฉื่อย “ฉันทำให้เธอตกใจตายได้ยังไงกัน ทำงานเสร็จหรือยัง? กินข้าวด้วยกันเถอะ”
ลั่วหานถอดเครื่องฟังตรวจออกจากลำคอ “วัคซีนฉีดเสร็จแล้ว?”
“ฉีดเสร็จแล้ว ลูกชายฉันร้องไห้จนอย่างกับคนเจ้าน้ำตายังไงอย่างงั้น ทุกครั้งที่ฉีดยาเหมือนกับจะฆ่าเขาให้ตาย ฉันจำได้ว่าตะวันฉีดยาก็ไม่ร้องไห้นี่” ลู่ซวงซวงหดหู่ใจมาก ทำไมลูกสาวและลูกชายของลั่วหานต่างก็ไม่ชอบร้องไห้ แต่ดันเป็นท่านนี้ของบ้านพวกเขา ขยับไม่ขยับก็ร้อง
ไม่งั้นเสียงของเธอจะสามารถฝึกฝนจนดังขนาดนี้หรอ?
“อันนี้น่ะ เกี่ยวข้องกับพันธุกรรม จะโทษเด็กไม่ได้ ไปเถอะ อยากกินอะไร?”
ลู่ซวงซวงคล้องแขนของลั่วหานเอาไว้อย่างสนิทสนม “กินอะไรก็ดีหมด!คิกๆ ฉันเห็นข่าวแล้ว เจิ้งเฉิงหลินถูกจับกุม ฮ่าๆๆ โอ๊ยสะใจจริงๆเลย เจิ้งซินนังสตอแอ๊บเเบ๊วนั่นก็ควรจะกลับมาแล้วใช่หรือเปล่า?”
“หล่อน? ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น หล่อนมีกรีนการ์ดของอเมริกา กฎหมายของประเทศจีนลงโทษหล่อนไม่ได้”
นั่นสิ หล่อนไปถึงอเมริกาล่วงหน้าแล้ว ตอนนี้หลงเซียวก็กำลังปวดหัวกับเรื่องนี้อยู่ใช่หรือเปล่านะ