ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 1135
บทที่ 1135 ลืมใส่ผ้าอ้อม
ลู่ซวงซวงกระทืบเท้าอย่างหงุดหงิด “นังแอ๊บแบ๊วใสซื่อ! ! น่ารังเกียจ!”
“ลูกชายของเธอล่ะ? ไม่อุ้มมาด้วย?”
“ส่งให้หวาเทียนแล้ว เขาทำการผ่าตัดเสร็จพอดี ฉันให้เขาดูลูก ใครให้เขาปกติไม่สนใจกัน ฮึ! พวกเรายากที่จะกินข้าวด้วยกัน วันนี้ฉันจัดทริปพิเศษอยู่เป็นเพื่อนเธอโดยเฉพาะ จะโดดงานไหม อีกสักครู่ดูหนังสักเรื่องสิ ช่วงนี้หนังเยอะมากเข้าฉาย”
ลั่วหานไม่ได้มีอารมณ์แบบนั้น “ช่างเถอะ กินข้าวก่อน ฉันช่วงบ่ายมีผ่าตัด”
ลู่ซวงซวงอ๋อมาหนึ่งคำด้วยความคับแค้นใจ “ใช่แล้ว ศาสตราจารย์ส้งยังไม่กลับมาหรอ? เมื่อกี้ฉันถามพยาบาล พวกเขาบอกว่าไม่มีข่าว”
นั่นสิ ไม่มีข่าว ลั่วหานก็ไม่ได้รับข่าวใดๆของส้งชิงเซวี๋ยน เขาราวกับระเหยไปจากโลกมนุษย์ยังไงอย่างงั้น สองปีแล้วไร้ข่าวคราวใดๆ
ลู่ซวงซวงขึ้นลิฟต์ไปกับลั่วหาน ด้านหน้ามองเห็นโม่หรูเฟยที่ออกมาจากห้องทำงานหมอ
“ลั่วลั่ว ลั่วลั่ว โม่หรูเฟย โม่หรูเฟย”ลู่ซวงซวงดึงแขนเสื้อของลั่วหานอย่างกับเห็นผียังไงอย่างงั้น
“หล่อนพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลหวาเซี่ย ดูเหมือนจะฟื้นตัวได้ไม่เลว น่าจะไม่เป็นอะไรแล้ว” ลั่วหานละสายตาไปทางอื่น ไม่มองโม่หรูเฟยอีก
และโม่หรูเฟยสายตาเหม่อลอย ดูเหมือนจะไม่สังเกตเห็นพวกเธอทั้งสองเช่นเดียวกัน
ปากของลู่ซวงซวงกระตุกทีหนึ่ง “ฉิบ หล่อนทำไมถึงเปลี่ยนเป็นอย่างกับคนตายแบบนี้แล้ว? ดูเหมือนคุณป้าอายุสามสิบเจ็ดสามสิบแปดก็ไม่ปาน”
ประตูลิฟต์เปิดออกแล้ว ลั่วหานดึงลู่ซวงซวงขึ้นมา จับเล่นผมของเธอพร้อมกับเอ่ยสั่งสอนอย่างจริงจัง “ดังนั้นน่ะนะ จิตใจดีภายนอกก็จะสวยเป็นธรรมชาติ จิตใจคด หน้าตาก็จะเปลี่ยนรูปตามไปด้วย”
“อัยยะ เมื่อครู่นี้ฉันเพิ่งจะค้นพบขึ้นมาอย่างกะทันหัน ฉันดูเหมือนจะสวยขึ้นแล้ว!รีบชมฉัน”ลู่ซวงซวงประคองใบหน้า กระพริบตาปริบๆ หันหน้าเข้ากับสแตนเลสสะท้อนเงาของลิฟต์หลงตัวเอง
ลั่วหานก็จนปัญญาแล้ว “เธอสวย เธอสวยที่สุด”
ลั่วหานและลู่ซวงซวงกินข้าวในร้านอาหารสไตล์ฮ่องกงใกล้ๆโรงพยาบาล ลู่ซวงซวงชอบกินข้าวผัดสับปะรด ทุกครั้งต้องสั่ง
“ลั่วลั่ว เธอกินเยอะหน่อยสิ มีลูกแล้วสองคน ยังผอมเหมือนกระดูก ขาดความมีชีวิตชีวา ฉันสั่ซุปมันแปดห้กับเธอ”
ลู่ซวงซวงเลือกกับข้าวห้าอย่าง ข้าวหนึ่ง ซุปสอง
ลั่วหานยังคงกำลังดูมือถือ “ได้หมด”
“เธอเลิกมองมือถือได้แล้ว มองฉันสิ มองฉัน หน้าของฉันสวยกว่ามือถือเยอะเลยโอเคไหม” ลู่ซวงซวงแย่งมือถือมาจากเธอ มองเห็นหน้าวีแชทที่ไม่ได้ปิดทิ้งบนหน้าจอโดยไม่ได้ตั้งใจ
เอ่อ…
คราวนี้ ลู่ซวงซวงเงิบเลย
ที่รัก “ผมก็คิดถึงคุณเช่นเดียวกัน รีบกลับบ้านให้เร็วที่สุด”
เป็นอย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ…
สวยกว่าใบหน้าของเธอ…นิดเดียวเท่านั้น
ลั่วหานแบมือออก กระดกนิ้วชี้เข้าทางด้านใน “เอามา”
ลู่ซวงซวงเบ้ปากอย่างรังเกียจ “เวลาไหนแล้ว ยังโชว์ความรัก สามีภรรยาเก่าแก่ ก็ยังไม่เลี่ยนอีก”
ลั่วหานแย่งโทรศัพท์มืถถือกลับคืนมาอย่างมีความสุข เน้นทีละคำทีละประโยคว่า “ไม่เลี่ยน”
ครืนๆ
โทรศัพท์มือถือของลู่ซวงซวงดังขึ้น มองเห็นว่าคือวีแชทจากหวาเทียน ลู่ซวงซวงก็ยิ้มแย้มเบิกบานขึ้นมา “เป็นยังไงๆ ผู้ชายของฉันส่งข้อความมาหาฉันแล้ว”
ลั่วหานอาฮะ “ลองเปิดดู”
ลู่ซวงซวงกระแอมให้คอปลอดโปร่ง นิ้วมือกดค้างแสกนลายนิ้วมือปลดล็อก ลายนิ้วมือค้างไว้เพื่อปลดล็อก “เห็นชัดเจนยัง!”
ไม่ช้า ลั่วหานก็หัวเราะออกมา “ใช่สิ เห็นชัดเจน ชัดเจน…มาก”
ทำไมรู้สึกว่ารอยยิ้มของลั่วหานดูแปลกๆนะ?
ลู่ซวงซวงชะโงกศีรษะออกมามองดูโทรศัพท์มือถือจากมุมมองของลั่วหาน จริงๆด้วย…ชัดเจนมาก และก็เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าลั่วหานเมื่อครู่นี้ทำไมหัวเราะจนกลายเป็นแบบนั้น
“ไอ้หวาเทียน!”
เนี้อหาของวีแชทคือ “ที่รัก ลูกชายเมื่อครู่นี้ราดออกมาแล้ว คุณไม่ได้ใส่ผ้าอ้อมให้เขา”
ภาพนั้นสวยงามจริงๆ ลั่วหานไม่กล้าจินตนาการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง…..พวกเธอยังอยู่ในร้านอาหาร
ลู่ซวงซวงอ๊ากๆร้องอย่างบ้าคลั่ง ทั้งยังปังๆๆๆทุบโต๊ะอย่างไม่คลายความโมโห “เลี้ยงลูกเป็นหรือเปล่ากันแน่ เลี้ยงไม่เป็นก็รีบบอก!โมโหจะตายอยู่แล้ว!อ๊าก!”
ลั่วหานถอยเก้าอี้ไปทางด้านหลังเล็กน้อย กลัวลู่ซวงซวงอีกเดี๋ยวอารมณ์โมโหระเบิด เห็นเธอเป็นหวาเทียนแสดงการทำร้ายร่างกายภายในบ้าน
“เธอไม่ไปดูหน่อย?” ลั่วหานตบหลังฝ่ามือของลู่ซวงซวงเบาๆอย่างเห็นใจ บอกใบ้ให้เธอเป็นกุลสตรีหน่อย
ลู่ซวงซวงหอบหายใจ ตาทั้งสองข้างหลุบลงมา เบ้ปากอย่างไม่สบอารมณ์ “ลั่วลั่ว วันนี้กินข้าวด้วยกันไม่ได้แล้ว คราวหน้าฉันให้แม่บ้านดูแลลูก พวกเราค่อยนัดกันใหม่ อีกเดี๋ยวเธอกินเยอะหน่อย”
ลั่วหานจงใจเสียดสีเธอ “โอ๊ะๆๆ สาวน้อย อีกเดี๋ยวไม่ไปดูหนังแล้ว?”
ลู่ซวงซวงจิ้มหน้าผากเธอ “ไปๆๆ!ประชดฉันล่ะสิ?”
ลั่วหานไม่ต่อปากกับเธออีกต่อไป โบกมือส่งแขก “รีบไปเถอะ ไปเถอะ คราวหน้าจำไว้ใส่ผ้าอ้อมให้ลูก”
“งื้อๆๆ ไม่ต้องคิดถึงฉันนะที่รัก จุ๊บๆ! ”
ลู่ซวงซวงออกจากร้านอาหารอย่างก้าวนึงหันหน้ากลับมาสามครั้ง ออกจากประตูถึงได้คว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมา หลังจากที่โทรติดก็คือความห่วงใยเป็นอย่างยิ่ง “ที่รัก คุณไม่เป็นไรใช่หรือเปล่า? ไม่ได้เลอะเสื้อผ้าของคุณใช่ไหมคะ? ฉันกำลังจะถึงเดี๋ยวนี้ คุณไปที่ห้องน้ำช่วยเขาชำระล้างก้นน้อยๆสักหน่อยก่อน น้ำอุ่นนะคะ!”
ลั่วหานมองดูเธอเดินจากไปไกลผ่านทางหน้าต่าง อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาอีก ลู่ซวงซวงนี่นะ ก่อนแต่งหลังแต่งก็ยังประมาทร้อนรนตอนนี้เป็นหม่ามี๊แล้ว ก็ยังนิสัยเด็กๆ
แต่ว่านะ นี่ถึงเป็นตัวจริงของเธอ ตรงไปตรงมาและจริงใจ น่ารักมาก
อาหารที่สั่งเสิร์ฟขึ้นโต๊ะอย่างต่อเนื่อง อาหารที่ลู่ซวงซวงสั่งเมื่อสักครู่นี้เยอะมาก ลั่วหานคนเดียวนั่งอยู่ที่นี่ต่อหน้าอาหารที่เต็มโต๊ะ ค่อนข้างจะแปลก
คิดอยู่ว่าหลินซีเหวินอาจจะยังไม่ได้กินข้าว ลั่วหานตัดสินใจชวนเธอมาด้วยกัน
ลั่วหานหาเบอร์ของหลินซีเหวินเจอ อยู่ๆได้ยินเสียงเรียกเข้าที่คุ้นเคยดังเป็นชุด เสียงเรียกเข้าก็อยู่ที่บริเวณใกล้ๆ คั่นด้วยโต๊ะสองโต๊ะ มีแจกันใหญ่สูงจากพื้นที่บริเวณมุมเลี้ยวและฉากกั้นที่เข้ามุมพอดี
ลั่วหานหันข้างชะเง้อมองไปทางนั้นอย่างสงสัย ทันใดนั้นพบว่าหลินซีเหวินก็นั่งอยู่ด้านหลังฉากกั้นนั้น เพียงแต่ ไม่รอให้ลั่วหานโบกมือทักทาย เงาร่างหนึ่งก็นั่งลงตรงที่นั่งฝั่งตรงข้ามหลินซีเหวินในทันที
ลั่วหานทางนี้เห็นเพียงแค่ใบหน้าด้านข้างของผู้ที่มาเท่านั้น แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้เธอแยกแยะออก คนๆนั้นคือหลินเหว่ยเย่
ลั่วหานวางสายโทรศัพท์ลง เสียงกริ่งดังต่อเนื่องสิบกว่าวินาที แต่หลินซีเหวินไม่ได้รับสาย
ไม่รู้ว่าหลินเหว่ยเย่พูดว่าอะไร สีหน้าของหลินซีเหวินดูเหมือนไม่ค่อยดีนัก
ลั่วหานไม่ได้ยินบทสนทนาทางนั้น แต่พวกเขาพ่อลูกรับประทานอาหาร เธอเข้าไปเกรงว่าไม่เหมาะสม จึงไม่ได้ทักทาย
หลินซีเหวินพลิกมือถือลง คิ้วขมวดเข้าหากันแน่น
เธอในตอนนี้ ไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับลั่วหานยังไง
หลินเหว่ยเย่กางเมนูอาหาร ยิ้มอย่างอ่อนโยนรักใคร่ “เหวินเหวิน ลูกอยากกินอะไร?”
ท่าทีของหลินซีเหวินไม่ร้อนไม่หนาว “หนูไม่มีความอยากอาหารเท่าไร ตามใจเถอะค่ะ”
หลินเหว่ยเย่แสร้งทำเป็นขมวดคิ้วอย่างโกรธเคือง “ได้ยังไงกัน? ลูกคือหญิงตั้งครรภ์ ลูกไม่กิน เด็กในท้องก็ต้องกิน แด๊ดดี้จำได้ว่าลูกชอบกินซาลาเปาหมูแดง แล้วก็ซาลาเปาสับปะรดมาก ก๋วยเตี๋ยวผัดเนื้อวัวของกวางโจวลูกไม่ใช่ว่าก็ชอบมากหรอกหรอ? แด๊ดดี้สั่งให้ลูกชุดนึง”
หลินซีเหวินไม่ได้พูดว่าดี และก็ไม่ได้พูดว่าไม่ดีเช่นเดียวกัน
หลินเหว่ยเย่ตัดสินใจสั่งอาหารเจ็ดแปดอย่าง ทั้งสั่งน้ำมะม่วงให้กับหลินซีเหวินอีก ยังกำชับบริกรเป็นพิเศษว่าจำเป็นจะต้องคั้นสด
บริกรจากไปอย่างนอบน้อม บนโต๊ะอาหารกลับเงียบจนค่อนข้างน่าลำบากใจ
หลินเหว่ยเย่ริเริ่มรินน้ำร้อนให้กับหลินซีเหวิน เปลี่ยนน้ำที่ค่อนข้างเย็นข้างมือของเธอทิ้ง “ซีเหวิน ลูกยังโกรธแด๊ดดี้อยู่อีกหรอ?”
หลินซีเหวินขยับมุมริมฝีปากทีหนึ่ง รอยยิ้มไม่ได้มีอุณหภูมิเลยแม้แต่น้อย “หนูจะกล้าโกรธแด๊ดดี้ได้อย่างไรกันล่ะคะ? แด๊ดดี้ดีกับหนูขนาดนี้”
หลินเหว่ยเย่นวดคลึงฝ่ามืออย่างกระสับกระส่าย ดูเหมือนว่ามืออุ่นแล้ว ใจก็จะร้อนขึ้นตามไปด้วย “เหวินเหวิน แด๊ดดี้ไม่เคยคิดทำร้ายหนูมาก่อน เรื่องใดๆก็ตามที่แด๊ดดี้ทำ ต่างก็เพื่อปกป้องหนู และหม่ามี๊ของหนู หนูเชื่อแด๊ดดี้ได้ไหม?”
คำพูดนี้ หากวางอยู่ในสองสามปีก่อน เธอจะต้องเชื่อโดยไม่คิดอย่างแน่นอน ทั้งยังทบทวนตัวเองว่าสะเพร่าเกินไปใช่หรือเปล่า แต่ว่าตอนนี้ เธอไม่มีทางแล้ว
หลินซีเหวินจับถ้วยชาเล่น แต่กลับไม่ได้ดื่ม ตอนที่ก้มศีรษะลง สายตาล็อกไปที่นิ้วนาง “แด๊ดดี้ คิดจะทำอะไรกันแน่คะ? แด๊ดดี้คิดจะทำอะไรกับหลงเซียว?”
หลินเหว่ยเย่แก้ตัวอย่างสดใสทั้งยังดูเป็นผู้บริสุทธิ์ “เด็กโง่ แด๊ดดี้จะทำยังไงกับเขาได้? เขาคือพี่ใหญ่ของสามีลูก และก็เป็นพี่ใหญ่ของลูกเช่นเดียวกัน ต่อให้เขาทำเรื่องที่ทำให้แด๊ดดี้ขายหน้า แด๊ดดี้ก็ไม่มีทางคิดเล็กคิดน้อยกับเขาหรอก”
หลินซีเหวินอุทานอย่างประชดประชันออกมาเบาๆ “งั้นหรอคะแด๊ดดี้ งั้นแด๊ดดี้อธิบายมาหน่อยได้ไหมคะว่า ทำไมแด๊ดดี้ถึงช่วยตู้หลิงเซวียน? ทำไมถึงช่วยเจิ้งเฉิงหลิน?”
คำถามนี้ การเคลื่อนไหวในการดื่มชาของหลินเหว่ยเย่อดไม่ได้ที่จะชะงักลงเล็กน้อย แต่ไม่ช้าก็กลับคืนสู่ความสงบ “เหวินเหวิน หนูไปฟังเรื่องไร้สาระจากใครกัน?”
อาหารจานแรกขึ้นเสิร์ฟพอดี บริกรเตือนว่า “ระวังนะครับ ค่อนข้างร้อน” วางจานลง แล้วถอยออกไป
หลินซีเหวินมองข้ามอาหารที่ไอร้อนระเหยขึ้นมา จ้องมองตรงไปที่คุณพ่อ “เมื่อคืนนี้ หนูได้ยินแด๊ดดี้โทรศัพท์ ต้องการให้หนูทบทวนความจำสักหน่อยไหมคะว่าได้พูดอะไรไปบ้าง? แด๊ดดี้”