ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 1136
บทที่ 1136 จับได้แล้ว
สีหน้าของหลินเหว่ยเย่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด สายตาที่เหลือเชื่อสบเข้ากับหลินซีเหวินอย่างตาไม่กระพริบ
“เนื้อหาที่หนูได้ยินน่าจะไม่ผิดล่ะมั้งคะ? แด๊ดดี้” หลินซีเหวินก็มองกลับเขาตรงๆเช่นเดียวกัน ไม่มียอมแม้แต่น้อย
ภายในสายตาที่เงียบสงบ คือเกมหมากที่อยู่ในใจของทั้งสอง คนหนึ่งบีบเข้าใกล้ทีละก้าวๆ อีกคนทำการป้องกันทีละขั้นๆ
ไม่ช้า หลินเหว่ยเย่ก็ปรับอาการได้ หัวเราะฮ่าๆๆออกมา “ที่แท้หนูก็เป็นเพราะว่าเหตุผลนี้ถึงได้นัดเจอกับแด๊ดดี้ที่นี่? เหวินเหวิน ลูกเข้าใจผิดแด๊ดดี้แล้ว”
ยิ่งเขาอธิบายแบบนี้ หัวเราะแบบนี้ หลินซีเหวินยิ่งรู้สึกว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าน่ากลัวจนแปลกหน้า เธอไม่เคยรู้สึกไกลขนาดนี้กับคุณพ่อที่อยู่ในหัวใจของตัวเองเหมือนตอนนี้มาก่อน ราวกับไม่ใช่พ่อที่อยู่ในความทรงจำของตัวเองอีกต่อไป ท่านเปลี่ยนไปเป็นคนอีกคนโดยสมบูรณ์แบบ เธอดูไม่เข้าใจ ยิ่งกลัวดูเข้าใจมากกว่า
“แด๊ดดี้ หนูไม่ใช่เด็กอายุสามขวบ วิธีการในก่อนหน้านี้ของแด๊ดดี้หลอกหนูไม่ได้เลยแม้แต่น้อย แด๊ดดี้เกลียดพี่ใหญ่หลง อยากจะข่มเขา แต่กำลังของตัวแด๊ดดี้เองไม่พอ ดังนั้นแด๊ดดี้จึงไม่ลังเลที่จะร่วมมือกับคู่ต่อกรของเขา แด๊ดดี้อย่าลืมว่า ไม่ว่าจะเป็นตู้หลิงเซวียนหรือว่าเจิ้งเฉิงหลิน พวกเขาต่างก็เป็นคนที่พ่ายแพ้ให้กับพี่ใหญ่หลง แด๊ดดี้นึกว่าตัวเองทำเช่นนี้จะสามารถเอาชนะเขาได้?”
หลินซีเหวินใบหน้าบึ้งตึง รักษาระยะที่ห่างไกล วิเคราะห์ทีละข้อกับเขาอย่างละเอียดรอบคอบ
หลินเหว่ยเย่บีบตะเกียบที่อยู่ในมือแน่น คีบซาลาเปาหมูแดงชิ้นหนึ่งเอาไว้ “เหวินเหวิน หนูไม่เชื่อแด๊ดดี้ขนาดนี้เลยหรอ? หนูคือลูกสาวแท้ๆของแด๊ดดี้ แม้แต่หนูก็ยังไม่เชื่อใจแด๊ดดี้?”
เขายังอยากจะพูดว่า หากแม้แต่หนูก็ยังไม่เชื่อใจแด๊ดดี้ ถ้างั้นแด๊ดดี้ทำอะไรก็ไม่ได้มีความหมายแล้ว แด๊ดดี้ดิ้นรนอย่างยากลำบากมาตลอดชีวิต ต่างก็เพื่อใคร? เพื่อตัวแด๊ดดี้เองหรอ?
แต่สายตาที่เย็นชาของหลินซีเหวิน ไม่ได้ให้โอกาสเขาได้แสดงอารมณ์ความรู้สึกออกไป
“แด๊ดดี้ กลับหลังเถอะค่ะ หลงถิงได้บ้าไปแล้ว หลงจื๋อก็จะไม่ใช่ผู้สืบทอดของMBKไปตลอดกาล และบริษัทหลินซื่อก็จะค่อยๆเปลี่ยนเป็นทรัพย์สินที่อยู่ในมือของพี่ใหญ่หลงอย่างช้าๆ ไม่ว่าแด๊ดดี้คิดจะใช้วิธีการอะไร ต่างก็กำหนดไว้แล้วว่าต้องพ่ายแพ้
ยังมีอีกเรื่อง ต่อให้แด๊ดดี้ไม่ได้พูดอะไรก็ตาม แต่หนูก็สามารถเดาออก ผลงานศิลปะเหล่านั้นที่ถูกพี่ใหญ่หลงซื้อไป ที่จริงแล้วคือแด๊ดดี้ที่ถือโอกาสปล้นชิงตอนที่กำลังเกิดภัยพิบัติ ยังมี การตายของพ่อแท้ๆของพี่ใหญ่หลง ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับแด๊ดดี้
แด๊ดดี้สามารถปฏิเสธต่อไปได้ แต่ตอนที่กลางดึกนอนไม่หลับ แด๊ดดี้ก็ไม่เคยโทษตัวเองเลยหรอคะ? ความละอายใจเล็กน้อยก็ยังไม่มีเลยหรอคะ?”
อาศัยอยู่ภายใต้ชายคาเดียวกันมานานขนาดนั้น คิดไม่ถึงว่าจะไม่รู้ว่าใบหน้าที่แท้จริงภายใต้หน้ากากของคุณพ่อคือยังไงกันแน่
คิดมาช่างน่ากลัวจริงๆ
ซาลาเปาหมูแดงไม่ได้ส่งเข้าไปในปาก ถูกหลินเหว่ยเย่คืบขาดจากตรงกลางอย่างงั้น ซาลาเปาสองซีกร่วงหล่นภายในเวลาเดียวกัน
“เหวินเหวิน ลูกรู้ไหมว่าลูกกำลังพูดอะไรอยู่?”
คำที่เธอเพิ่งพูดเมื่อสักครู่นี้ คือฟังมาจากที่ไหนกันแน่? หรือว่าคือใครที่บอกกับเธอ?
หลงจื๋อ? หลงเซียว? หรือว่าคนอื่น?
หลินซีเหวินแม้แต่ตะเกียบก็ไม่ได้ถือ อาหารที่วางอยู่เต็มโต๊ะพ่นไอความร้อนที่หอมนุ่ม แต่ในใจของเธอกลับเปรี้ยวฝาดจนราวกับกรอกน้ำซุปยาจีนเทเข้าไปในปากโดยตรง ไหลไปตามหลอดอาหาร ขมไปถึงอวัยวะทุกส่วนภายในร่างกาย
“แด๊ดดี้ ตัดขาดความสัมพันธ์กับตู้หลิงเซวียน บางทีพี่ใหญ่หลงอาจเห็นแก่หน้าหลงจื๋อปล่อยแด๊ดดี้ไป หากแด๊ดดี้ดึงดันจะทำตามใจตนเองโดยไม่รับฟังข้อเสนอจากผู้อื่น มองดูจุดจบของเจิ้งเฉิงหลิน ลองคิดถึงจุดจบของซุนปิงเหวินและเสิ่นเหลียวเถอะค่ะ กระจกสะท้อนของรถคันหน้าที่เปล่งประกายเลือดมากมายขนาดนี้ ยังไม่พอให้แด๊ดดี้ได้สติอีกหรอคะ!”
ประโยคสุดท้าย เธอแทบจะใช้เสียงคำราม เธอไม่อยากให้คุณพ่อถลำลึกเข้าไปในโคลน แม้ว่าท่านจะสกปรกไปทั่วทั้งตัวตั้งนานแล้วก็ตาม
หลินเหว่ยเย่ไม่มีความอยากอาหารอีกแม้แต่น้อย และก็ไม่ได้มีความปรารถนาที่จะพูดคุยอีกต่อไป รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง “เหวินเหวิน ใครก็ตามต่างก็สามารถที่จะไม่เชื่อแด๊ดดี้ พูดให้ร้ายแด๊ดดี้ได้ แต่หนูไม่ได้ หนูเพียงคนเดียวที่ไม่ได้”
หลินซีเหวินไม่อยากจะพูดอะไรอีก และก็ไม่ยอมมองเขาอีกต่อไป หลับตาลงอย่างต่อต้าน
หลินเหว่ยเย่ขยับมุมริมฝีปาก แต่คำพูดที่อยู่ขอบปากไม่มีเรี่ยวแรงที่จะพูดต่อไปอีก
ผ่านไปนาน เขาหยิบโทรศัพท์มือถือที่ขอบโต๊ะขึ้นมา ดึงเก้าอี้ออก “ลูกตั้งใจกินข้าว รักษาสุขภาพ ทำงานอย่าเหนื่อยเกินไปนัก แด๊ดดี้…ไปก่อนล่ะ ใช่แล้ว มีเวลาก็กลับบ้านไปดูหม่ามี๊ของหนู เธอคิดถึงหนูมาก”
หลินซีเหวินยังคงปิดตาอยู่ หูกลับรู้ทุกการเคลื่อนไหวที่เขาทำอย่างคล่องแคล่วชาญฉลาดผิดปกติ
เสียงฝีเท้าของเขา คุ้นเคยขนาดนั้น เพียงแต่หนักอึ้งกว่าปกติเยอะมาก
รอจนเสียงฝีเท้าหายไปที่หน้าประตู น้ำตาของหลินซีเหวินถึงได้ร่วงไหลลงมาไม่ขาด น้ำตาที่ร้อนระอุราวกับจะลวกผิวจนได้รับบาดเจ็บ
พอเธอก้มศีรษะ น้ำตาก็เปาะแปะร่วงหล่นเข้าไปในชาม ละลายทิ้งอย่างเงียบเชียบ
หลินซีเหวินเช็ดน้ำตาเล็กน้อย ใช้ตะเกียบคีบซาลาเปาหมูแดงขึ้นมาชิ้นหนึ่ง กัดคำนึงผสมปนเปไปด้วยน้ำตา สะอึกสะอื้นฮือๆๆขึ้นมาอย่างทนต่อไปไม่ไหวอีก
ลั่วหานเห็นหลินเหว่ยเย่ออกไปจากร้านอาหาร ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เดินเข้าไป
มือข้างนึงวางไว้บนไหล่ของหลินซีเหวินเบาๆ ฝ่ายนั้นเงยศีรษะขึ้นอย่างตระหนกตกใจ “พี่ลั่ว?อยู่ที่นี่ได้ยังไงกันคะ?”
หลินซีเหวินทั่วทั้งร่างกายเกร็งแน่น!
สิ่งที่เธอพูดกับแด๊ดดี้เมื่อสักครู่นี้ เธอได้ยินหมดแล้วใช่หรือเปล่า?
ลั่วหานดึงกระดาษทิชชู่สองสามแผ่นช่วยเช็ดน้ำตาให้กับเธอ “ร้องไห้จนตาบวมหมดแล้ว ให้เสี่ยวจื๋อเห็นเข้า จะต้องปวดใจตายแน่”
หลินซีเหวินสูดจมูกเล็กน้อย “ไม่เป็นอะไรค่ะ ตั้งครรภ์แล้ว ความรู้สึกอ่อนแอง่ายมาก”
“เมื่อครู่นี้ฉันเห็นคุณพ่อของเธอออกไปแล้ว ทะเลาะกับแด๊ดดี้เธอแล้วใช่หรือเปล่า?” ลั่วหานดึงเก้าอี้ตัวหนึ่ง นั่งลงที่ทางซ้ายของหลินซีเหวิน
“ไม่มีอะไรค่ะ อ้อนกับแด๊ดดี้ของฉันน่ะ”
เธอพูดคำพูดที่ไร้ไมตรีเหล่านั้นเมื่อสักครู่นี้ไม่ออก ต้องการปกป้องคุณพ่อโดยจิตใต้สำนึก
ลั่วหานก็ไม่ซักไซ้ คิดอยู่ว่าหลินเหว่ยเย่แอบทำเรื่องที่สกปรกขนาดนั้นลับหลัง หากหลินซีเหวินรู้เข้า เกรงว่าความประทับใจที่มีต่อคุณพ่อคงจะพังทลายลงทั้งหมด สำหรับเธอ ผลลัพธ์แบบนั้นที่จริงแล้วโหดร้ายทารุณมาก
“ของอร่อยมากมายขนาดนี้ เธอกินหมดหรอ? ฉันเพิ่งมา ยังไม่ได้สั่งอาหารล่ะ ถือสาไหมที่จะกินด้วยกัน?”
หัวใจที่แขวนอยู่เมื่อสักครู่นี้ของหลินซีเหวินในที่สุดก็วางลง “ได้สิคะ แด๊ดดี้ฉันมีธุระกลับไปก่อน ยังไม่ได้เริ่มทาน หากพี่ลั่วไม่ถือสาล่ะก็ ฉันยินดีต้อนรับแน่นอนค่ะ!”
“ไม่ถือสา ฉันนี่ละชอบเข้าประสมโรง”
ทั้งสองคนเข้าใจซึ่งกันและกันโดยไม่จำเป็นต้องพูดออกมา ไม่เอ่ยถึงเรื่องเมื่อสักครู่นี้อีก
และหลินเหว่ยเย่ที่เพิ่งเดินออกจากร้านอาหาร โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
มองเห็นตัวเลขเป็นแถวที่อยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ หลินเหว่ยเย่มองรอบซ้ายขวาอย่างกับไฟช็อตก็ไม่ปาน ราวกับมีดวงตาที่นับไม่ถ้วนกำลังจ้องมองตนเองอยู่
เขาก้าวเท้าใหญ่ๆเดินไปถึงลานจอดรถอย่างเร่งรีบ หลังจากขึ้นรถถึงกล้าที่จะรับสาย
“ฮัลโหล?”
คุณท่านหลิน มีโอกาสดี สามารถกำจัดหลงเซียวได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับทางเลือกของคุณแล้ว”
…
ท้องฟ้าของนิวยอร์กได้ดำหมดแล้ว นอกชานเมืองมืดสลัวและว่างเปล่าเป็นพิเศษ
นอกชานเมืองที่ประชากรเบาบางภายใต้สถานการณ์ปกติแล้วสิบกว่ากิโลถึงจะสามารถพบกับตำบลหนึ่งได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกู้เยนเซินที่ตั้งใจเลือกมุมที่กันดารปลอดคนเป็นพิเศษ
เจิ้งซินที่อยู่บนเบาะที่นั่งยังคงกำลังสลบ ตามความทนทานของฤทธิ์ยา เธอคงจะยังต้องนอนไปอีกสิบกว่าชั่วโมง
เดิมทีกู้เยนเซินคิดจะพาเธอตรงไปยังสนามบินตั้งแต่ตอนบ่าย ใครจะรู้บอดี้การ์ดของเจิ้งซินวิญญาณมืดไม่สลายตามอยู่ที่ด้านหลังของเขาตลอด เขาอ้อมวงจนนับไม่ถ้วนถึงสลัดทิ้งมาได้
แม่ง เหนื่อยฉิบหายเลย!
แน่นอน สำคัญกว่าก็คือ สองผู้ช่วยที่หลงเซียวให้กับเขายอดเยี่ยมมาก ทำลายกฏของธรรมชาติมากจริงๆ
พวกเขาขับรถที่เหมือนกับกู้เยนเซินมากสองคัน สร้างความทรงจำภาพลวงตาแบบการแข่งรถของInitial D มิเช่นนั้นเขาอย่าคิดพาเจิ้งซินไป
กู้เยนเซินปรับทิศทาง ขับตรงไปสนามบิน เครื่องบินส่วนตัวได้รอมานานมากแล้ว
ตอนที่ขับไปทางสนามบิน โทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋าของเจิ้งซินก็ดังขึ้นอีกครั้ง
โทรศัพท์มือถือของเธอได้ดังขึ้นอย่างน้อยยี่สิบครั้ง ในตอนแรกกู้เยนเซินเลือกที่จะปฏิเสธการรับสายทั้งหมด แต่ครั้งนี้……
คิดไม่ถึงว่าจะเป็นตู้หลิงเซวียนที่โทรเข้ามา
กู้เยนเซินจิ้มพวงมาลัยรถยนต์เล็กน้อย ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเลือกที่จะกดรับสายหน่อย
“คุณอยู่ไหน ทำไมยังไม่กลับบ้าน?”
น้ำเสียงของตู้หลิงเซวียนดูเหมือนค่อนข้างที่จะร้อนรน แต่เหมือนกับไม่ค่อยเหมือนสามีเป็นห่วงภรรยาที่ตกกลางคืนไม่ยอมกลับบ้านสักเท่าไร แต่เป็นค่อนข้างที่จะโกรธแทน
กู้เยนเซินยิงฟัน ดูเหมือนชีวิตของเจิ้งซินก็ไม่ใช่ว่าจะมีความสุขมากนี่นา!
กู้เยนเซินนำเพลงที่อยู่ในรถเปิดดัง ดนตรีดีเจที่แสบหูเต็มทั่วทั้งคันรถ ค่อนข้างที่จะหนวกหู “Hello!”
เพลงที่อยู่ในหูฟังทำให้ตู้หลิงเซวียนขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยใบหน้าที่ไม่พอใจ “แกเป็นใคร?”
กู้เยนเซินเอ่ยด้วยภาษาอังกฤษที่ฝึกฝนจนเชี่ยวชาญ “คุณเป็นแฟนของคุณผู้หญิงท่านนี้สินะ? ตอนกลางคืนเธอมาที่ผับของพวกเราดื่มเหล้าไปเยอะมาก เมาหนักมาก เมื่อครู่นี้ถูกเพื่อนของเธอพาไปแล้ว แต่ว่าโทรศัพท์มือถือของเธอลืมเอาไว้ที่ผับ คุณมาเอาสักหน่อยสิ”
พูดจบ กู้เยนเซินก็วางสายทิ้งอย่างหล่อเหลา เลื่อนหน้าต่างรถลง โยนโทรศัพท์มือถือออกไปอย่างชัดเจนตรงไปตรงมา พาราโบลาสีดำลอยออกไปภายในแสงสียามค่ำคืน โทรศัพท์มือถือดูเหมือนลอยไม่ถึงมุมที่ไม่รู้ชื่อ
ส่วนผับหรอ ใครจะรู้ว่านิวยอร์กมีสถานที่นี้หรือเปล่ากันแน่
วู้ฮู้!
จัดการกับตู้หลิงเซวียนเรียบร้อยแล้ว กู้เยนเซินใช้โทรศัพท์มือถือภายในรถโทรออกเบอร์โทรศัพท์ของหลงเซียว
หลงเซียวรับสายได้เร็วมาก ไม่เต็มสามวินาที
“ว่า”
กู้เยนเซินจุ๊ๆเยาะเย้ยเขา “คิดถึงฉันขนาดนี้เลย?”
“พูดธุระ”
หลงเซียวอยู่ที่สถานีตำรวจ พอเขาพูด เจิ้งซิ่วหยาและโจวจั่นต่างก็มองไปที่เขา จากนั้นก็รีบก้มศีรษะดื่มชาไป
ท่าทางโมโหของท่านเซียว ไม่น่ารักเลยแม้แต่น้อย
“ก็ได้ ฉันพาเจิ้งซินกลับประเทศ หลังจากนี้สิบชั่วโมง พวกเราเจอกันที่สนามบิน แล้วก็ พกเหล้าดีมาสองขวด!”
กู้เยนเซินสะบัดผมอย่างคิดว่าตัวเองหล่อเหลา ลมฤดูร้อนพัดเส้นผม สีสันในยามค่ำคืนของนอกชานเมืองสวยจนใช้ไม่ได้
ใบหน้ามืดหม่นเมื่อสักครู่นี้ของหลงเซียว ค่อยๆมีรุ่งอรุณสาดส่องลงมา
“หาเจิ้งซินเจอแล้ว”
“จริงหรอคะ?!”
เจิ้งซิ่วหยาลุกยืนพรึ่บ ลุกอย่างกะทันหันมากจนเกินไป เก้าอี้ถูกเธอขับเคลื่อน ล้มลงอย่างรุนแรง
โจวจั่นประคองเก้าอี้ขึ้นมาอยู่ทางด้านหลัง “ท่านเซียว คุณ…ทำได้ยังไงกันครับ?”
หลงเซียววางโทรศัพท์มือถือลง ถือโอกาสมองดูเวลาเล็กน้อย เขาได้ให้ความร่วมมือในการตรวจสอบอยู่ที่สถานีตำรวจมาหนึ่งชั่วโมงสามสิบนาทีแล้ว “พวกคุณมีเส้นทางราชการของพวกคุณ ผมมีเส้นทางธุรกิจของผม ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกัน”
เจิ้งซิ่วหยายิ้มอย่างเอื่อยเฉื่อย เส้นทางธุรกิจ? ท่านเซียวทำไมไม่พูดว่าเส้นทางมืดตรงๆเลยล่ะ?
โจวจั่นเกิดความรู้สึกนับถือขึ้นมา แทบจะคารวะอาจารย์ร่ำเรียนวิชาอยู่ตรงนั้น “คุณหลง คดีคราวนี้โชคดีมากที่มีคุณ เมืองเจียงเฉิงทางนั้นตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากมาก จับเจิ้งซินได้ ก็เท่ากับควบคุมแก่นกลางอาชญากรรมของเจิ้งเฉิงหลิน ผมเป็นตัวแทนฝ่ายตำรวจขอบคุณคุณ!”
หลงเซียวพยักหน้าถือเป็นการตอบกลับ
เจิ้งซิ่วหยากลอกตามองบนโจวจั่น “ประจบประแจง ยังไม่รีบรินชาให้ท่านเซียวอีก? ใช้ใบชาดีที่ผู้อำนวยการส่งมา!”
“ครับ!ลูกพี่!