ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 1140
บทที่1140 ไม่ดีกับเธอแล้วจะให้ดีกับใคร
“พี่ลั่ว การผ่าตัดของพี่ทำไมเสร็จเร็วจังเลย”
หลินซีเหวินได้เช็คตารางเข้าเวรการผ่าตัด การผ่าตัดของลั่วหานน่าจะต้องใช้เวลาอีกครึ่งชั่วโมงถึงจะเสร็จ
“การเย็บแผลผ่าตัดได้ยกให้หวาเทียน ฉันออกมาก่อนแล้ว การผ่าตัดเล็กแบบนี้เราทำกันมาเป็นร้อยเคส ไม่ได้ยากมากนัก การผ่าตัดสำเร็จไปได้ด้วยดี ”ความสามารถของลั่วหานในตอนนี้ พื้นฐานแล้วคือระดับที่มั่นคง ถ้าเธอพูดว่าสำเร็จไปได้ด้วยดี ก็คือสำเร็จไปได้ด้วยดีจริงๆ
หลินซีเหวินยกนิ้วโป้งขึ้นมากดถูกใจ “ฉันรู้อยู่แล้วว่าพี่ลั่วเก่งที่สุด ! ไป กินข้าวฉลองกันสักมื้อ”
ที่จริงแล้ว ลั่วหานไม่ได้บอกความจริงทั้งหมดกับหลินซีเหวิน หลังจากที่เธอออกมาจากห้องผ่าตัด ได้รับสายของหลงเซียว
ในโทรศัพท์หลงเซียวได้บอกกับเธอว่า การตัดสินจากศาลชั้นต้นพิจารณาคดีของเจิ้งเฉิงหลินแล้ว เจิ้งเฉิงหลินถูกจับ มีแนวโน้มว่าจะทำให้เกิดความวุ่นวายในแวดวง มีช่วงหนึ่งหลินเหว่ยเย่มีความพัวพันกับเขา ถ้าขุดลึกไปอีก หลินเหว่ยเย่ก็หนีไม่พ้น
หลินซีเหวินเคยเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวต่อหลงเซียว ถ้าถึงเวลาจำเป็น เธอก็จะไม่ปกป้องการกระทำผิดกฎหมายของบิดา
สิ่งที่หลินซีเหวินกุมไว้อยู่นั้นไม่ถึงกับสามารถพาบิดาของเธอเข้าสู่ทางตัน แต่เพียงพอที่จะยับยั้งหลินเหว่ยเย่หรือว่ากำจัดชื่อของเขาออกไปจากวงการธุรกิจ
มั่นใจว่าหลินซีเหวินได้ฟังข่าวของเจิ้งเฉิงหลินต้องรู้สึกไม่ค่อยดี ลั่วหานตัดสินใจที่จะอยู่เป็นเพื่อนเธอสักหน่อย
หลินซีเหวินก็พอจะเดาออก แต่ก็ไม่ได้แสดงออกให้เห็นพิรุธแม้แต่น้อย คล้องแขนของลั่วหายแนบชิดเข้าไปอย่างเป็นปกติ “พี่ลั่วทำไมพี่ช่างดีอย่างนี้ล่ะคะ ”
ลั่วหานลูบท้องน้อยที่ป่องออกมาเล็กน้อยของเธอเบาๆ “ไม่ดีกับเธอแล้วจะให้ดีกับใครล่ะ วันนี้กินอาหารหูไหม?หรือจะกินอาหารฝรั่ง ฉันรู้จักร้านอาหารฝรั่งอยู่ร้านหนึ่ง ทำสเต็กได้รสชาติดั้งเดิมมาก เนื้อออสเตรเลียนุ่มๆ ละลายในปาก ”
“ได้สิคะ หลังกินข้าวเสร็จไปกินชาส้มโอ ฉันรู้จักร้านชานมร้านหนึ่ง ชาส้มโออร่อยมาก”
แค่ลั่วหานปรากฏตัวออกมา เรื่องของหมอหวังส่วนใหญ่ก็ไม่มีอะไรแล้ว เขายิ้มอย่างหน้าเหยเก “หมอหลิน ผมมองออกจนได้ พวกผู้หญิงแค่ได้ปะอยู่ด้วยกัน ผู้ชายก็เป็นแค่สิ่งของ เอาเถอะ ผมไปเกาะหมอซุนกินข้าวด้วยละ พวกเราจะไปกินอาหารหู! ”
หมอหวังแกว่งๆแขน พูดล้อเล่นพลางเดินออกไป เดินออกไปไม่กี่ก้าวก็พบหมอศัลยแพทย์ที่คุ้นเคย และเข้าร่วมพูดคุยกับพวกเขา
หลินซีเหวินกับลั่วหานจับมือกันเดินออกไปกินข้าวนอกโรงพยาบาล ข้างนอกแดดแรงมาก แสงแดดUV หน้าร้อนทำให้ผิวเจ็บแสบร้อน ลั่วหานกางร่มกันแดดออก เอาร่มส่วนใหญ่กางบนหัวหลินซีเหวินเงาร่างสีขาวสองคนชิดอยู่ด้วยกัน ดูแล้วเหมือนพี่สาวน้องสาวแท้ๆกันเสียจริง
ตอนที่รับประทานอาหาร ลั่วหานเอาแต่คุยเรื่องการดูแลระหว่างการตั้งครรภ์กับหลินซีเหวิน แชร์ประสบการณ์ตอนตัวเองตั้งครรภ์ แถมยังสอนให้การอบรมลูกก่อนคลอดยังไง
หลินซีเหวินกินไปฟังการอบรมไป “พี่ลั่ว พี่คลอดลูกมาตั้งสองคน เรียกได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญแล้ว เขียนหนังสือเลยดีไหม ตอนนี้หนังสือเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ในตลาด หลอกลวงซะส่วนใหญ่ ถ้าพี่เขียนสักเล่ม รับรองจะต้องขายดีแน่ๆ ”
ลั่วหานเลือกคีบปลาย่างหนึ่งชิ้นใส่ในจานของเธอ “อันนั้นลืมมันซะเถอะ ฉันจะต้องให้เส้นทางชีวิตต่อนักเขียนหนังสือ”
“ฮ่าๆ พี่ลั่วที่สังคมยกย่องของฉัน คนสวยจิตใจดีสติปัญญาสูง!”
ลั่วหานตัดของหวานหลังอาหารชิ้นเล็ก เครปเค้กมัทฉะที่ออกหวาน เธอกินไม่กี่คำก็รู้สึกเลี่ยน ดื่มน้ำล้างปากสักหน่อย “ถ้าหากพูดว่าคนสวยแถมยังจิตใจดี คงจะเป็นเธอเสียอีก”
หลินซีเหวินยิ้มๆ พลางหั่นซูเฟลตรงหน้าหนึ่งชิ้น “ว้าว รสชาติไม่เลวเลย พี่ลั่ว ตอนนี้พี่ยังชอบทานของหวานอยู่ไหม ที่จำได้แต่ก่อนพี่ชอบทานมาการอง”
จริงด้วย แต่ก่อนเธอชอบกินมาก เสาะหาทั้งตามร้านอาหารและร้านขนม ตามชิมทุกรสชาติ แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้มีความชอบในขนมหวานรุนแรงแบบนั้นอีกแล้ว
“แต่ก่อนตอนยังไม่ได้คลอดลูก กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน ถ้าหากตอนนี้ยังกินไม่ยั้ง กินลงไปในท้องทั้งหมด ของหวานเป็นศัตรูโดยธรรมชาติของการลดน้ำหนัก จากนี้ต่อไปก็ไม่กล้าที่จะกินเยอะอีกแล้ว”
นอกเสียจากว่าหลงเซียวทำให้เธอเองกับมือ
หลินซีเหวินทำเสียงจุ๊จุ๊จุ๊ “พี่ลั่ว พี่ยังมีหุ่นของเด็กสาววัยรุ่น ไม่อ้วนเลยสักนิด กลับไปพี่ยังสามารถเขียนหนังสือ เอาหุ่นกลับมาหลังคลอด รับประกันดาราหญิงต้องรีบมาแย่งซื้ออย่างบ้าคลั่ง”
ทั้งสองคนกินอาหารเที่ยงเสร็จ เรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ไม่ได้พูดถึงเลยแม้แต่คำเดียว
หลังจากมื้ออาหาร ลั่วหานไปร้านชานมที่หลินซีเหวินพูดถึงซื้อชาสองแก้ว ชาส้มโอของหลินซีเหวิน ลั่วหานก็ดื่มชาน้ำผึ้งพุทราจีน
จับชาในแก้วกระดาษ กลับโรงพยาบาล ดูเวลาการเข้าเวรยังคงเหลืออีกครึ่งชั่วโมง หลินซีเหวินลากลั่วหานไปดื่มชาในห้องพักเพื่อพูดคุย เดินไปจนถึงทางโค้ง ก็ได้ยินเสียงของหมอข้างในกำลังคุยกัน
“เห็นข่าวแล้วใช่ไหม เจิ้งเฉิงหลินครั้งนี้คือจบเห่แล้ว จุ๊จุ๊จุ๊จุ๊ ประเทศกำลังแก้ไขวางชนชั้นของข้าราชการอย่างหนัก คาดไม่ถึงว่าเขาจะต้านกระแส ทำผิดกฎหมาย รนหาที่ตายสิ”
“เพิ่งเห็นเมื่อไม่กี่วันนี้เอง คำด่าทอในเน็ตส่วนหนึ่ง,ตอนนี้เป็นเสียงเชียร์,ประชาชนก็ชอบดูเจ้าหน้าที่รัฐคอรัปชั่นแล้วก็ตกม้าตาย, จากข่าวลือยังมีคนมอบธงชัยให้แก่สำนักอัยการ”
“ที่เรียกว่าคนที่ได้ใจประชาชนก็จะได้ทั่วหล้า จุ๊ๆ นี่คือหัวใจของประชาชน”
“พวกเธอเคยได้ยินหรือยัง ที่จริงเจิ้งเฉิงหลินสนิทสนมกันมากกับนักธุรกิจสองสามคน…”พูดถึงตรงนี้ เสียงของหมอก็กดต่ำลง เปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบแทน “คุณพ่อของหมอหลินก็คือเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่คนหนึ่งของเจิ้งเฉิงหลิน พวกเธอคิดว่าคุณพ่อของเธอจะถูกเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยหรือเปล่า”
“ไอหย่า สิ่งนี้พูดมั่วไม่ได้การสมรู้ร่วมคิดระหว่างนักการเมืองและนักธุรกิจคือปัญหาทั่วไปของสังคม แต่ยังไงก็หลีกเลี่ยงไว้จะดีกว่า ระวังภัยพิบัติจะออกมาจากปาก”
ฟังอยู่ฟังอยู่ เสียงข้างในก็เบาลง ทุกคนเริ่มเปลี่ยนเรื่องสนทนา เริ่มพูดคุยปรึกษาเรื่องเด็กฝึกงานที่มาทำงานใหม่ในโรงพยาบาล
กลับมาทางหลินซีเหวินเผลอจับแก้วกระดาษในมือไว้อย่างแน่น แก้วกระดาษถูกเธอบีบจนเปลี่ยนรูปร่าง น้ำชาส้มโอพุ่งออกจากทางหลอด กระเด็นเปื้อนเต็มหลังมือ
ลั่วหานดึงแก้วกระดาษในมือของเธอออก “ซีเหวิน อย่าฟังคำพูดไร้สาระของพวกเขา พวกเขาเป็นพวกคนอื่นว่าอะไรก็ว่าตามกัน”
หลินซีเหวินสะบัดๆมือ สังเกตได้ว่าหลังมือนี้มีรอยแดงหนึ่งรอย “ข่าวลือย่อมมีมูล พ่อของฉันกับเจิ้งเฉิงหลินไปมาหาสู่กันต้องมีเรื่องที่ไม่สะอาด ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงไม่กัดไม่ปล่อย”
ลั่วหานช่วยเธอเช็ดรอยน้ำที่เปื้อนบนมือ “เธอไม่ควรจะต้องอยู่ภายใต้ความกดดันนี้ ไม่ต้องให้ตัวเองต้องแบกรับความรับผิดชอบทางจิตใจ แค่ทำตัวเองให้ดีที่สุด เข้าใจไหม?”
หลินซีเหวินสูดจมูก กลับมาเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีและร่าเริงอีกครั้ง “พี่ลั่ว พี่ไม่ต้องปลอบฉัน ฉันไม่เป็นอะไร ฉันไปตรวจคนไข้ก่อนนะ”
เธอหันหลังไป มือถูกลั่วหานดึงเอาไว้ แรงของลั่วหานไม่ได้เยอะมาก แต่ทว่าก็ทำให้หลินซีเหวินหยุดเดิน
“ซีเหวิน ไม่ต้องไปสนใจว่าใครจะมองยังไง ไม่ต้องไปสนใจคำวิพากษ์วิจารณ์ใดใด เธอเป็นอย่างไร เธอรู้ตัวเอง พวกเราก็รู้”
ความใจดีน่ารักของเธอ จะต้องไม่ต้องโดนคำวิจารณ์จากโลกภายนอกมากระทบแน่นอน เพราะฉะนั้นจะต้องไม่เปลี่ยนรูปแบบชีวิตของตัวเอง เพราะฉะนั้นอย่าละทิ้งสิทธิที่เราจะได้รับความสุข
“พี่ลั่ว ฉันเป็นคนแบบนั้นไหม เอาล่ะ ฉันจะต้องไปตรวจคนไข้ก่อน”หลินซีเหวินยิ้มอย่างตั้งใจ ฟันสีขาวที่เรียงตัวสวยปรากฎออกมา แต่ลั่วหานก็มองไม่ออกว่าเธอมีความสุขจริงๆหรือแกล้งทำเป็นเข้มแข็งกันแน่
“ชาอร่อยมาก พรุ่งนี้ไปดื่มอีกสักแก้ว”
ลั่วหานยกแก้วขึ้น ยิ้มแสดงออกว่าเห็นด้วยอย่างอ่อนโยน
หลินซีเหวินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “แน่นอนสิ เป็นสิ่งที่ฉันแนะนำหนิ”
สิ่งที่บิดาได้กระทำ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ถูกย้ายมาบนโต๊ะโดยตรง แต่ในใจของหลินซีเหวินช่างเจ็บปวด ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงลมพัด ก็อดไม่ได้ที่จะเส้นประสาทตึงเครียด
ทั้งหมดของคุณพ่อ ก็เหมือนก้างที่คอยติดอยู่ในใจของเธอ ถ้าไม่เอาออกมาสักวัน ก็จะเจ็บปวดแสบร้อนในตัวเอง
ลั่วหานมองไปส่งหลินซีเหวินไปถึงคลีนิก แล้วก็ส่งข้อความให้หลงเซียว
“ที่รัก สภาพของซีเหวินไม่ค่อยจะดี เธอเอาแต่ทำงาน กะจะให้งานทำให้ตัวเองด้านชา ฉันกลัวว่าเขาจะทนรับไม่ได้กับการสูญเสียบิดาไป เราลองพิจารณาวิธีการอื่นดีไหม”
แก้ไขข้อความดีแล้ว ลั่วหานดูเหมือนว่าคำพูดของใครคนหนึ่งที่เคยพูดไว้
เป็นคนดียากกว่าเป็นคนเลว เพราะว่าคนเลวไม่คำนึงถึงศีลธรรมของมนุษย์ ไม่มีขอบเขตของหลักการที่ยึดถือ เพื่อบรรลุถึงเป้าหมาย ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล แต่คนดีมักทำตามกฎเกณฑ์และเป็นกังวลต่างๆนานา
แม้ว่าเธอจะไม่ใช่คนดีอะไร แต่หลินซีเหวินถ้าหากว่าจะต้องได้รับความเจ็บปวดด้วยเหตุนี้ เธอไม่อยากจะเห็นแน่นอน
เพียงแต่ สิ่งที่หลงเซียวได้ตัดสินใจ เกรงว่าจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้แล้ว
ดูข้อความที่ส่งสำเร็จ ลั่วหานก็ได้หวนกลับไปทางออฟฟิศของถังจิ้นเหยียน