ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 1147
บทที่ 1147 ลมใต้รู้ใจฉัน
หมอผู้ชายให้รายงานการตรวจก่อนการผ่าตัดของผู้ป่วยแก่ลั่วหาน “นี่คือเอกสารผู้ป่วยของรองคณบดี การตรวจสุขภาพก่อนการผ่าตัดอยู่ที่นี่ คุณดูแล้วคิดว่ายังต้องการอะไรไหมครับ?”
“ฉันดูก่อน”
ลั่วหานเปิดเอกสารตรวจสอบอย่างละเอียด ตรวจสอบตัวบ่งชี้ทั้งหมด “ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ฉันไปคุยกับผู้ป่วยก่อน ขอบคุณนายมาก”
ใบหน้าของบุรุษพยาบาลร้อน “ไม่เป็นไรครับๆ หมอฉู่ยังมีกำหนดการอะไรไหมครับ?”
ลั่วหานสำรวจหมอผู้ชายสูงผอมตรงหน้า ดูเหมือนนักศึกษาแพทย์ฝึกงานที่มหาวิทยาลัยการแพทย์ มีป้ายชื่อที่หน้าอก เมิ่งชีโจว
ลมใต้รู้ใจฉัน พัดฝันถึงชีโจว
ชื่อเพราะดี
“หมอเมิ่ง ดูเหมือนว่านายจะกลัวฉันมาก?”
เมิ่งชีโจวรีบส่ายหัวปฏิเสธ “ไม่……ไม่ใช่ครับ”
ต้องกลัวอยู่แล้ว ก่อนมาฝึกงานที่โรงพยาบาลเขาได้ยินมาว่า พี่สาวฉู่ลั่วหานเป็นคนที่มีชื่อเสียงที่โรงพยาบาลหวาเซี่ย เข้มงวดกับตัวเอง เข้มงวดกับหมอคนอื่นๆ ด้วยเช่นกัน
เมื่อจุดอ่อนตกอยู่ในมือของเธอ อยากให้การฝึกงานเป็นไปอย่างราบรื่นนั้นเป็นแค่จินตนาการแล้ว
ดังนั้นหลายๆ คนไม่กล้าก่อกวนเธอ ถ้าหลีกเลี่ยงได้ก็จะไม่เจอหน้ากันตรงๆ ถ้าไม่มีเรื่องสำคัญจะพยายามไม่เดินไปที่ห้องทำงานของเธอ
ลั่วหานมองท่าทางเกรงๆ ของเขา เดาได้แล้วว่าเขาไม่ได้พูดความจริง จึงยิ้ม หนีบเอกสารแล้วนำมือสองข้างสอดเข้าในกระเป๋าใหญ่ พูดอย่างเป็นมิตร “ฉันสงสัยมาก มหาวิทยาลัยการแพทย์ของพวกนายพูดอะไรเกี่ยวกับฉัน?”
ใบหน้าของเมิ่งชีโจวแดงถึงติ่งหู “ไม่……ไม่มีครับ คุณเป็นหมอที่ดี พวกเราเคารพคุณมาก”
ท่าทางของเขาทำให้ลั่วหานหัวเราะ “นายไม่บอกฉันก็รู้ วงในของมหาวิทยาลัยการแพทย์พูดเกี่ยวกับฉู่ลั่วหาน เป็นแม่มดพันปี ถ้าโดนเธอจับได้นี่ตายแน่ๆ ฉู่ลั่วหานกินคนไม่คายกระดูก โหดเหี้ยมกว่าหมาป่า แบบนี้ใช่ไหม?”
เมิ่งชีโจวยิ้มบื้อทำตัวไม่ถูก “หมอฉู่……คุณ……”
จู่ๆ ก็ได้ฟังเธอล้อเลียนตัวเองแบบนี้ ความกลัวในใจของเมิ่งชีโจวหายไปครึ่งหนึ่ง อดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม “จริงๆ ไม่ได้โอเวอร์ขนาดนั้นครับ พวกเราอยากจะเรียนกับคุณมากๆ แต่ว่าทุกปีคุณให้แค่สองคน คนส่วนใหญ่แย่งชิงไม่ได้”
ยังดีที่แย่งชิงไม่ได้ มิฉะนั้นจะสยองจริงๆ แล้ว ได้ยินมาว่าฝึกงานครึ่งปี ผิวหนังหายไปหนึ่งชั้นได้
ในใจของลั่วหานชัดเจน นักศึกษาส่วนมากน่าจะไม่อยากอยู่กับเธอ “นายล่ะ? เมนเทอร์ของนายคือใคร?”
“หมอหวังครับ ตั้งแต่มาหวาเซี่ยผมก็ได้ไปอยู่กับหมอหวังเลย”
หมอหวัง……
ลั่วหานรู้จักนิสัยของเขาดี พูดง่าย เหลวไหลง่าย นิสัยถ่อมตัวและมองโลกในแง่ดี อยู่กับขอแค่มั่นคง ทุกปีคณบดีจะแบ่งนักศึกษาให้เขาเยอะที่สุด
ที่สำคัญคือ หมอหวังเองเก่งในการเขียนเอกสารทางการแพทย์ นักศึกษาที่ฝึกงานกับเขาไม่ต้องกังวลกับการทำวิทยานิพนธ์จบการศึกษา พูดประโยคน่าฟัง หรือร้องไห้ หูของหมอหวังเบามาก ส่วนใหญ่ก็จะช่วยแก้แล้ว
ส่วนเธอไม่ได้ วิทยานิพนธ์จบการศึกษาต้องเขียนเอง เธอแค่ให้ทิศทางการแก้ แก้ไม่ถูกก็แก้ต่อ บ่อยครั้งที่ต้องมีการแก้ไขวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาโทถึงสามสิบครั้ง
สุดท้ายสามารถใช้เป็นหนังสืออ้างอิงได้โดยตรง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการตีพิมพ์วารสาร
“อ้อ ปีนี้หมอหวังนำนักศึกษากี่คน?” ดูเหมือนว่าลั่วหานจะคุยกับเขาอย่างไม่เป็นทางการ แต่กลับบ่นในใจ เธอกำลังแปลกใจ ถึงเดือนมิถุนายนแล้ว ชื่อของนักศึกษาฝึกงานแบ่งหมดแล้ว ทำไมเธอไม่มีแม้แต่คนเดียว?
หรือว่าทุกคนตกใจกับ “ตำนาน” ของเธอ?
“ทั้งหมดห้าคนครับ ปริญญาเอกหนึ่งคน ปริญญาโทสี่คน” เมิ่งชีโจวเป็นมหาบัณฑิตของมหาวิทยาลัยการแพทย์ สาขาวิชาคลินิกนอกหัวใจ วิชาเอกที่สองคือระบบทางเดินอาหาร เพราะว่ากระเพาะของแม่ไม่ค่อยดี เขาจึงเรียนอายุรศาสตร์โดยเฉพาะ
ลั่วหานขมวดคิ้ว “ห้าคน? หมอหวังกดดันเกินไปแล้ว เอาแบบนี้ เดี๋ยวฉันบอกท่านคณบดี นายอยู่กับฉัน”
ท่าทางสบายของเมิ่งชีโจวกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง “หมอฉู่……คุณ……กำลังล้อเล่นใช่ไหมครับ?”
ลั่วหานถามกลับ “ฉันดูเหมือนชอบล้อเล่นเหรอ?”
ใบหน้าหล่อเหลาของเมิ่งชีโจว แตกละเอียด พระเจ้า การส่งรายงานกลับส่งความหายนะจริงๆ น่ากลัวสุดๆ!
“ผม……” ไม่ไปได้ไหม?
แต่ลั่วหานไม่ให้โอกาสปฏิเสธ “ไปทำงานก่อนเถอะ ฉันไปผ่าตัดก่อน หลังเสร็จสิ้นฉันคุยกับท่านคณบดีและหมอหวัง เดี๋ยวนายไปเก็บของ ย้ายไปอยู่ที่ฉัน”
เมิ่งชีโจวนิ่งไปชั่วขณะ “วันนี้?”
“ใช่ วันนี้”
พูดจบ ลั่วหานเหลือให้เขาเพียงแผ่นหลังสีขาว เสียงรองเท้าส้นสูงหายไปในห้องผู้ป่วย
เมิ่งชีโจวร้องไห้ไม่มีน้ำตา หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา กดโทรออก “พ่อ ผมมีเรื่องจะเล่าให้ฟัง ท่านนั่งให้ดีก่อน”
ไม่รู้ว่าอีกฝั่งพูดอะไร เมิ่งชีโจวพูดต่อ “พ่อ เมื่อกี้ผมเจอหมอฉู่ ภรรยาของท่านเซียว หมอฉู่ ลั่วหาน เธอบอกว่า……เธอบอกว่าให้ผมเรียนกับเธอ ผม……ผมจะจบไหม?”
อีกฝั่งฟังแล้วด่าอย่าเร็ว “เด็กโง่! หลังจากนี้นายเรียนกับหมอฉู่ เป็นเกียรติมาก! ฉันจะบอกให้ นายต้องทำให้ดี ฝีมือทางการแพทย์ของหมอฉู่ดีมาก ถ้านายไม่ตั้งใจเรียน ไม่ต้องกลับมาแล้ว!”
เมิ่งชีโจว “……”
ทำไมพ่อโดนเรื่องเล่าของหมอฉู่ล้างสมองแล้ว?
เคสผ่าตัดช่วงเช้าไม่ค่อยยุ่งยาก ผู้ป่วยมีอาการกล้ามเนื้อหัวใจตายเล็กน้อยบวกกับการสร้างขดลวดหลอดเลือดหัวใจใหม่ สำหรับลั่วหานแล้วไม่ยาก
หวาเทียนเป็นผู้ช่วยหนึ่งของเธอ หมอซุนเป็นรองผู้ช่วย เมื่อไฟผ่าตัดสว่างขึ้น หวาเทียนเป็นคนแรกที่พูด
“หมอฉู่ เมื่อกี้อยู่ที่นอกห้องราวน์ ฉันเห็นเธอคุยกับหนุ่มนอกหัวใจ ไม่ทำให้เขาตกใจใช่ไหม?”
ลั่วหานรับมีดผ่าตัดและเตรียมเปิดเยื่อหุ้มหัวใจ “ตกใจไม่เบา ได้ยินว่าจะได้ฝึกงานกับฉันสีหน้าเปลี่ยนเลย”
หวาเทียนยิ้ม บนหน้ากากเผยให้เห็นพอดวงตาสองข้าง “เด็กคนนี้ไม่ธรรมดา เขาเป็นทายาทเศรษฐี”
ลั่วหานมองเขา ใช้มีดผ่าตัดต่อไป “ฉันก็ว่า ดูแล้วไม่เหมือนคนอื่น พ่อของเขาคือใคร?”
“เมิ่งเอ๋าผู้ประกอบการภาพยนตร์ของเมืองปิง แต่ว่าเมิ่งเอ๋าไม่เหมือนคนรวยทั่วไปที่ไม่ได้รับการบ่มเพาะ เขาไม่แย่เลย คิดไม่ถึงว่าลูกชายของเขาฝึกงานที่โรงพยาบาลของเรา ถ้าหมอหวังรู้ว่าเมิ่งชีโจวเป็นทายาทเศรษฐี น่าจะไม่รับ”
ลั่วหานพูดเบาๆ “ช่วงนี้โรงพยาบาลเราครึกครื้นจริงๆ ประธานของจื๋อซื่ออยู่ที่ชั้นบนสุดของโรงพยาบาล ลูกของเมิ่งเอ๋าฝึกงานอยู่ที่นี่ อนาคตอยากสร้างละครเกี่ยวกับการแพทย์ มสหาทางเราโดยตรงก็ได้แล้ว”
อเมริกา นิวยอร์ก
ตึกสูงของบริษัทหลันเทียน ห้องทำงานของประธาน
เป็นเวลากลางคืนสิบเอ็ดนาฬิกาของอเมริกาแล้ว ตู้หลิงเซวียนยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงาน บนนิตยสารกระจายอยู่บนโต๊ะทำงาน เป็นภาษาอังกฤษที่แยงตา
“ตู้หลิงเซวียนพ่อลูกตกม้า ความผันผวนของราคาหุ้นของบริษัทหลันเทียน การสับเปลี่ยนทางการเงินรอบใหม่อาจเริ่มขึ้น”
ตู้หลิงเซวียนหยิบบุหรี่ออกมา จุดอย่างระคายเคือง ต่อด้วยการสูบแรงๆ เขาสูบบุหรี่สองในสามม้วน ใช้เวลานานกว่าเขาจะพ่นควันสีขาวหนาออกมา
ครืดครืดครืด
โทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะ ดังคือในคืนที่เงียบสงบ
ตู้หลิงเซวียนหยิบขึ้นมา สีฟ้าส่องสว่างบนใบหน้าของเขา ทำให้ใบหน้าของเขาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีฟ้าอ่อน แสงที่ห่อหุ้มมีเอฟเฟกต์ภาพยนตร์สยองขวัญเล็กน้อย