ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 1191
บทที่ 1191 (ตอนพิเศษเซียวลั่ว) ถ้าหากไม่มีคุณ
เขาขยับมาใกล้ ใกล้ขนาดว่าดวงตาดำขลับคู่นั้นสามารถสะท้อนเงาของเธอจากตาเขาได้
กลิ่นเตกิลาลอยเข้ามาในจมูกของเธอ ดึงเธอเข้าสู่อ้อมกอดของเขา
“ฉัน…”
“คุณทำไม” เขากดดันเสียงอู้อี้ ก่อนที่เธอจะพูด ก็ปิดการปฏิเสธของเธอ ทำให้เธอต้องยินยอม ไม่มีทางหนีรอด
ลำคอลั่วหานแห้งผาก พยายามฝืน “ฉันไม่ได้ชอบคุณ”
หลงเซียวกลับไม่ได้โกรธ ทว่ากลับถามกลับพลางหยอกล้อ “ไม่ชอบผมขนาดไหน”
“ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ ต้องขนาดไหนด้วยเหรอคะ”
มือของหลงเซียว สัมผัสมือของเธอ ตรงกลางนั้นเย็นเล็กน้อย ชื้นเหงื่อเล็กน้อย “คุณหมอฉู่ คุณน่าจะรู้ดีว่าเวลาคนเราโกหกมักจะมีเหงื่อออก โดยเฉพาะฝ่ามือ”
ฉู่ลั่วหานไม่คิดว่าร่างกายตัวเองจะตอบสนองชัดเจนขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าเธอพยายามที่จะสงบสติอารมณ์ตัวเองไว้แล้ว
“คุณไม่ใช่ไม่ชอบผม แต่แค่ไม่ไว้ใจผม ฐานะ เบื้องหลัง ที่อยู่ มันทำให้คุณกลัว หรืออาจจะบอกว่ามันทำให้คุณรู้สึกไม่ปลอดภัย”
คำพูดแต่ละคำของเขานั้นชัดเจน ทำให้ฉู่ลั่วหานตอบโต้ไม่ได้
เขาสามารถอ่านใจได้เหรอ
หญิงสาวในอ้อมแขนกำลังหลบหนีจากเขา แต่ไม่ใช่ความเกลียด เธอชอบสัมผัสจากเขา ร่างกายเธอตอบสนองออกมาชัดเจน
“ถ้าคุณไม่เชื่อใจผม งั้นสามารถทบทวนช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน เวลาจะช่วยยืนยันว่ามันคุ้มค่าหรือไม่สำหรับความไว้วางใจ”
ถึงไหนต่อไหน กระทั่งความไว้วางใจยังต้องนับวันเวลา
ฉู่ลั่วหานหายใจลำบาก ขยับถอยหลังติดเก้าอี้ “ไม่สนใจ ไม่มีเวลา ฉันจะไปเรียนแล้ว”
“ผมไปกับคุณได้ คุณอยากทำอะไรก็ทำ ผมจะไม่รบกวนคุณ ไม่ทำให้คุณเสียเวลา” หลงเซียวก้าวถอยหลัง ถอยจนมาจนมุมสุด
“ทำไมกัน หลงเซียว ทำไมต้องเป็นฉัน เรายังรู้จักกันไม่ถึงสามวัน คุณเข้าใจฉันไหม แม้กระทั่งฉันเป็นคนแบบไหนคุณก็ยังไม่รู้ เอาอะไรมาสารภาพรักกับฉัน”
เธอออกแรงผลักมือเขาออก หนีออกจากการกักขังของเขา
หัวใจเต้นแรง
หลงเซียวยืดตัวขึ้น ยืนอยู่ด้านหลังของเธอ “ถ้าผมบอกว่าผมตกหลุมรักคุณตั้งแต่แรกเจอ คุณจะเชื่อไหม”
ฉู่ลั่วหานไม่เชื่อในรักแรกพบอยู่แล้ว “รักแรกพบที่คุณบอกมันก็แค่หลงหน้าตาแค่นั้น”
“คุณบอกว่าผมหลงรักหน้าตาของคุณ แต่สามวันที่ผ่านมาก็เพียงพอที่จะทำให้ผมได้เห็นแล้วว่าใบหน้านี้ซ่อนอะไรไว้บ้าง ถ้าผมพูดแบบนี้แล้วคุณยังไม่ยอมรับ เรามาใช้เวลาหนึ่งเดือนในการทำความเข้าใจซึ่งกันและกันดูไหม”
ถ้าไม่ได้เจอคนที่ทำให้เขาแทบบ้า หลงเซียวคงไม่เชื่อ ว่าเขาจะทำแบบนี้เพื่อผู้หญิงเพียงคนเดียว เขาไม่เคยยินยอมการโดนผูกมัดหรือมีพันธะ ต้องมาเกิดเรื่องบังขู่เข็ญแบบนี้
เรื่องความรัก ตอนฟังคนอื่นพูดนั้นทำเป็นอวดรู้ เข้าใจราวกับเผชิญมากับตัว ความรักไม่รู้มันเกิดขึ้นตอนไหน
ทำไมถึงชอบเธอ
เขาเองก็ไม่รู้
“ได้ สามเดือน ถ้าฉันยังไม่มีความรู้สึกอะไรต่อคุณ ก็เชิญคุณไปซะ”
“ตามนั้น”
เส้นทางชีวิตของลั่วหาน หลังจากได้เจอหลงเซียว ต้องไปในเส้นทางที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง แทบคาดเดาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
หัวข้อสอบปลายภาคถูกส่งเข้ามา ยังอีเมลของเธอ ลั่วหานต้องทำการเปลี่ยนลิ้นหัวใจ ตามประวัติแล้ว การเปลี่ยนลิ้นหัวใจนั้นถือว่าเป็นเรื่องยาก นับว่าเป็นจุดทดสอบของหมอเลยก็ว่าได้ เป้าหมายของลั่วหานก็คือเอาชนะความยากทุกอย่างที่เข้ามา
ได้รับอาหารเช้า อาหารกลางวัน อาหารเย็น ดอกไม้ ของขวัญและความอบอุ่นอ่อนโยนตลอดหนึ่งเดือน
ฉู่ลั่วหานคิดว่าตัวเองเป็นเหมือนกบที่กระโดดเข้าไปอยู่ในบ่อน้ำที่อุ่นสบาย เวลาผ่านไปโดยไม่รู้ตัว ทุกๆ วันเป็นแบบนั้นเสมอมา
เคยชินกับการเจอเขาทุกครั้งที่เปิดประตูออกมาตอนเช้า ถืออาหารที่เธอชอบเอาไว้ในมือ ไปห้องทดลองกับเธอ พูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องธุรกิจและการแพทย์ บางครั้งทั้งคู่ยังบ่นเกี่ยวกับทำเนียบขาวของอเมริกาด้วยกัน
จะตกหลุมรักเขาได้จริงๆ เหรอ
เหมือนที่ผ่านมา ลั่วหานตื่นขึ้นมาจากความฝัน ลืมตาขึ้นสัมผัสกับแสงแดดที่สาดส่องเข้ามา ท้องฟ้าปลอดโปร่ง ดอกกุหลาบจากเมื่อวาน วันก่อน หรือวันก่อนๆ ยังวางอยู่เต็มห้องส่งกลิ่นหอมไปทั่ว
เมื่อคิดว่าวันนี้จะได้เจอเขา หัวใจก็เฝ้ารอ
ฉู่ลั่วหานกระโดดลงไป เลือกชุดเดรสกระโปรง เอวคอดกิ่ว รอบอกชัดเจน หุ่นเพรียวบาง
เป็นครั้งแรกที่เธอเลือกแต่งตัวแบบนี้ ไม่รู้เขาจะมีปฏิกิริยายังไง
จัดการทรงผมให้เรียบร้อย ผมยาวสบายปกคลุมมาถึงเอว เผยความเซ็กซี่เบาๆ
กอดเอกสารและหนังสือเดินลงบันได หลงเซียวยังไม่มา
ลั่วหานนึกว่าตัวเองมาเช้า รอสิบนาทีแล้ว เลยเวลาที่พวกเธอเจอกันเป็นประจำมาแล้ว หลงเซียวก็ยังไม่มา
คงไม่ใช่ว่าหนึ่งเดือนแล้วไม่ได้ผลจึงยอมแพ้ไปแล้วใช่ไหม
แปลก ในใจรู้สึกผิดหวัง ในความผิดหวังยังมีความน้อยใจ
อย่างที่คิด เธอไม่ควรมีความหวังขนาดนั้น ผู้ชายที่ไหนจะมีความอดทนผ่านการทดสอบได้ ผู้หญิงรอบกายมากมาย บางทีหัวใจของเขาอาจจะไปอยู่กับคนอื่นแล้วก็ได้
ลั่วหานไปซื้ออาหารเช้าด้วยตัวเอง รสชาติเหมือนกัน แต่กลับรู้สึกไม่เหมือนเมื่อวาน
มาถึงห้องทดลอง ลั่วหานพยายามเรียกสติตัวเอง ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร บางทีเขาอาจจะมีเรื่องด่วนก็ได้
แต่ว่า เขาไม่มา อย่างน้อยก็ต้องส่งข้อความหรือโทรมาบอกบ้างก็ได้ไหมล่ะ
โทรศัพท์เงียบราวกับนอนหลับ ไม่มีข้อความจากเขาเลย
แต่คำที่เขาบอกเป็นคำสุดท้ายเมื่อวานคือ “เจอกันพรุ่งนี้” นะ
ต้องโทรหาเขาหรือเปล่านะ แต่ถ้าโทรหาเขาก่อนไม่เท่ากับว่ายอมรับว่าสนใจเขาแล้วงั้นเหรอ
กระวนกระวายอยู่แบบนั้น จนมาถึงเวลาอาหารกลางวัน ลั่วหานเปิดหน้าต่างออกไป ผู้คนด้านล่างเดินไปมา ไม่มีร่างขาวที่เธอเฝ้ารอ ไม่นาน คนที่เดินไปมาตรงนั้นก็ผ่านไปราวกับไม่มีตัวตน
หนึ่งวันผ่านไปอย่างยากลำบาก ลั่วหานนอนอยู่บนเตียง ยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูบ่อยครั้ง
เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเขาหรือเปล่านะ
กลับประเทศแล้วเหรอ
งั้น…ส่งข้อความหาเขาหน่อยไหมนะ คิดซะว่าถามไถ่เพื่อน
แต่ถ้าเขาตั้งใจจะตัดการติดต่อล่ะ ข้อความเธอจะไม่ดูโง่เหรอ
สับสนอยู่แบบนั้นจนถึงเที่ยงคืน ลั่วหานก็ยังนอนไม่หลับ หน้าจอโทรศัพท์ปิดๆ เปิดๆ
ไม่สนแล้ว
“คุณเกิดเรื่องหรือเปล่า”
เมื่อส่งแล้ว ลืมตามองเพดานรอเขาตอบกลับ รอจนฟ้าสว่างก็ยังไม่มีข้อความจากเขาตอบกลับมา
ลั่วหานเบิกตาโตเข้าไปล้างหน้าล้างตา แปรงฟัน ไปห้องทดลอง
ดูเหมือนว่าหลงเซียวคงจะไม่ติดต่อเธอมาอีกแล้ว
เริ่มขึ้น เริ่มอย่างไร้สาระ จบอย่างรวดเร็ว นี่ไม่ใช่รักแรกหรอกเหรอ
ฉู่ลั่วหาน เธอกำลังเสียใจเหรอ
สามวันผ่านไปแบบนั้น ฉู่ลั่วหานกลับมาซื้ออาหารเช้าให้ตัวเองเหมือนเดิม ไปห้องทดลองตามปกติ เพื่อนก็ไม่นินทาเธอแล้ว
เจ็ดวันผ่านไป ลั่วหานเขียนร่างงานวิทยานิพนธ์ ทิ้งดอกกุหลาบพวกนั้น ทำความสะอาดแจกัน ตอนเดินผ่านร้านดอกไม้เธอจึงซื้อดอกพุดหนึ่งช่อ ห้องทั้งห้องเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีขาว ราวกับคนคนนั้นไม่เคยผ่านมา
ได้ยินว่าตอนเป็นแผลใหม่ๆ จะไม่รู้สึกเจ็บ รอถึงตอนมีสติแล้วมันจะเจ็บมาก ที่แท้หัวใจเองก็เช่นกัน
หลงเซียวหายไปวันที่สิบ ฉู่ลั่วหานหลบอยู่ในห้อง กอดหนังสือร้องไห้ราวกับคนบ้า
เธอเป็นคนร้องไห้ยาก แต่ไม่มีคนบอกเธอ วันที่ความรักจากไปแล้วจะมีแต่ความสิ้นหวังและเศร้าโศกราวกับโลกดับสลาย
ไม่มีใครบอกเธอว่า คนที่จากไปนั้น ความจริงเขาพาโลกของเธอไปทั้งใบ
ไม่กลัวว่าเขาไม่เคยมา กลัวว่าเขาจะมาอย่างจริงจัง มามอบความอบอุ่นและอ่อนโยนกับเธอ ทว่ากลับนำเอาทุกอย่างไปด้วย
คืนนั้น ฉู่ลั่วหานป่วยแล้ว
ในฐานะหมอ เธอเองก็อธิบายไม่ได้ ว่าเธอป่วยเป็นอะไร ร่างกายไร้เรี่ยวแรง สมองว่างเปล่า แรงจะลืมตายังไม่มี นอนอยู่ตรงนั้นราวกับมีแต่ร่าง วิญญาณไม่รู้ไปที่ไหนแล้ว
เวลาเดินนั้นก็ล่องลอย นั่งอยู่บนชักโครกไม่รู้นานแค่ไหนแล้ว ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ขยับไม่ขยับน้ำตาก็หลั่งริน แถมยังเช็ดยังไงก็เช็ดไม่แห้ง แขนขาราวกับโดนคนทุบตี
เฉื่อยชา มึนชา เจ็บปวด
รสชาติแบบนั้น ที่แท้มันคือการอกหัก