ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 1200
บทที่ 1200 (ตอนพิเศษ) เรื่องราวหลังจากนั้นของพวกเขา 5
ออกมาจากห้องทำงานของผู้อำนวยการแล้ว ชูชูจูงมือแดดดี้ กระโดดโลดเต้นอย่างดีใจ “แดดดี้สุดยอดไปเลยค่ะ ขอบคุณนะคะแดดดี้”
ทว่าหลงเซียวกลับยืนนิ่งอยู่บนขั้นบันไดไม่ขยับ เรียกด้วยเสียงวางอำนาจของพ่อ “ชูชู”
“คะ? ” ชูชูน้อยไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ๆ พ่อถึงเข้มขึ้นมา รู้สึกไม่วางใจ
“ตอนที่แดดดี้สอนมวยให้ เคยบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าใช้กำลังโดยพลการ”
นึกถึงการใช้กำลังของลูกสาว หลงเซียวก็ไม่วางใจ
ชูชูก้มหน้าลง ดวงตากลมใสถูกปิดบังเอาไว้โดยหน้าม้า “แต่วันนี้หนูไม่ได้ใช้กำลังโดยพลการนะคะ รุ่นพี่คนนั้นรังแกคนอื่น ทุกคนต่างก็กลัวเขา เมื่อเห็นความไม่ยุติธรรมไม่ใช่ต้องชักดาบเข้าช่วยหรอกเหรอคะ ไม่งั้นแดดดี้จะให้หนูเรียนการต่อสู้ทำไม”
เรียนการต่อสู้เพื่อให้เธอปกป้องตัวเองได้ เพื่อให้มีทักษะป้องกันตัวเอาไว้
ใครจะไปคิดว่าลูกสาวจะทำตัวเป็นจอมยุทธ์
หลงเซียวมองท่าทางน่าสงสารของลูกสาว ใจอ่อนยวบจนเอ่ยคำตำหนิไม่ออก “แดดดี้ไม่ได้โทษหนู แต่อยากเตือนเอาไว้ ถ้าคู่ต่อสู้ไม่มีกำลังจะสู้เราได้ ห้ามใช้หมัด ถ้าเกิดอะไรขึ้น แดดดี้และหม่ามี๊จะเป็นห่วงขนาดไหน ในสายตาของแดดดี้กับหม่ามี๊ คนอื่นไม่ได้สำคัญเท่าหนู ครั้งหน้าถ้าเจอเรื่องไม่ยุติธรรม ต้องคิดให้รอบคอบ รับปากกับแดดดี้ได้ไหมครับ”
ชูชูก้มหน้า พยักหน้าตอบ “ค่ะ หนูรับปากแดดดี้”
“เอาล่ะ แดดดี้ไม่โทษหนู แดดดี้ก็ไม่ได้โกรธด้วย ลุงรองก็อยู่ที่โรงเรียนเหมือนกัน อยากเจอลุงรองหรือเปล่า”
หลงเซียวทนไม่ได้ที่เห็นลูกสาวทำท่าทางน่าสงสารแบบนี้ จูงมือน้อยๆ ด้วยอย่างรักใคร่
“ลุงรองมาเหรอคะ เราไปหาคุณลุงกันเถอะค่ะ” สีหน้าของชูชูเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ลืมเรื่องเสียใจไปจนหมด
เด็กก็คือเด็ก แค่ได้ยินเรื่องน่ายินดี ความทุกข์ใจก็หายไปจนหมด
เขาพลันคิดว่าไม่อยากให้ลูกสาวโต อยากให้หยุดอยู่ในวัยที่ไม่ต้องกังวลกับอะไรแบบนี้ ไม่มีเรื่องให้วุ่นวาย เศร้าใจ แค่มีความสุขในทุกๆ วันก็เพียงพอแล้ว
ชูชูไม่รู้ว่าพ่อกำลังคิดอะไรอยู่ เงยหน้าขึ้นถามด้วยท่าทางยินดี “แดดดี้คะ Leoต้องไปทำกิจกรรมกลางแจ้งในวันหยุดสุดสัปดาห์เหมือนกัน เดี๋ยวเราจะออกเดินทางพร้อมกัน หนูจะดูแลเขาอย่างดีเลยค่ะ”
ชูชูให้คำสัญญาอย่างรู้ความ เมื่อแจ้งตารางการเดินทางกับแดดดี้แล้ว ก็ทำให้เขาวางใจด้วย เธออายุไม่มาก บางครั้งก็มีความคิดเหมือนผู้ใหญ่ และเข้าใจความคิดของผู้ใหญ่เช่นกัน
ถ้าบอกว่าลูกสาวเขาเป็นคนเอาใจใส่คนอื่นก็ไม่เกินจริง
หลงเซียวตื้นตันจนไม่รู้จะอธิบายอย่างไร เขาชื่นชม “ขอบคุณชูชู ชูชูของแดดดี้โตแล้ว”
ชูชูเปลี่ยนมาเป็นเด็กอีกครั้ง งอแงไม่อยากเดิน “หนูยังไม่โตนะคะแดดดี้ เดินเหนื่อยมากเลย แดดดี้ให้หนูขี่หลังหน่อยสิคะ”
หลงเซียว “…”
เด็กน้อยไม่ควรชมจริงๆ พอชมแล้วก็ไม่ธรรมดาเลย
ใครใช้ให้นี่เป็นลูกสาวสุดที่รักของเขากันล่ะ
หลงเซียวย่อตัวลง แผ่นหลังแข็งแรง ลดลงมาในระดับที่ชูชูสามารถปืนขึ้นได้ “ขึ้นมาสิ”
ดวงตาสุกใสยิ้มจนเป็นพระจันทร์เสี้ยว ก้าวถอยไปด้านหลัง จากนั้นวิ่งกระโดด “ว้าว”
สองขาเล็กพาดมา สองแขนกอดคอหลงเซียวเอาไว้ เกาะแน่นอยู่บนหลังของเขา งอแงไม่ยอมเดินทำตัวเป็นเด็กทารก
แต่ตอนนี้ชูชูตัวสูงและหนักขึ้นกว่าเมื่อสี่ห้าขวบอยู่มากทีเดียว เกาะอยู่บนหลังหลงเซียว สองขาแกว่งไกวไปมา ถุงเท้ายาวสีขาวตัดกับรองเท้าสีดำดูน่ารัก
พี่ใหญ่ของเขาขึ้นชื่อเรื่องการรักเด็ก หลงเจ๋อไม่แปลกใจสักนิดที่เห็นเขาให้หลานสาวของเขาขี่หลัง โบกมือให้พวกเขาอยู่ไกลๆ “ชูชู ลุงรองมาหาแล้ว”
ชูชูโบกมือตอบกลับขณะที่อยู่บนหลังหลงเซียว “ลุงรองตั้งใจมาหาหนูเหรอคะ”
วันนี้เธอโดนเรียกผู้ปกครอง มีอะไรน่าดูกัน ในสายตาลุงรองเธอเป็นเด็กหญิงที่เพียบพร้อม ไม่อยากให้ลุงรองจดจำภาพลักษณ์ไม่ดีของตนเอง ชูชูก็อายเป็นนะ
หลงเจ๋อเดินดูโรงเรียนไปแล้วหนึ่งรอบ ไม่พูดไม่ได้เลยว่าเขาพอใจมาก พอใจจนไม่รู้จะพอใจยังไงแล้ว ต้องให้ลูกชายมาเรียนที่นี่ด้วยกันกับพี่สาวและพี่ชายแน่นอน
เขาตัดสินใจอย่างมีความสุข
“ลุงรอง…เอ่อ นอกจากมาหาหนูแล้วก็ยังมีธุระอีกนิดหน่อยครับ แต่ในใจของลุงรองชูชูสำคัญที่สุดแล้ว อยากขี่หลังลุงรองหรือเปล่า”
หลงเจ๋อหันหลังให้ด้วยตัวเอง แต่ถูกชูชูปฏิเสธ บนโลกใบนี้ ที่ที่อบอุ่นและมีความสุขที่สุดก็คือแผ่นหลังของแดดดี้ของเธอ
หลงเจ๋อกล่าวน้อยใจ” ดูเหมือน ลุงรองกับแดดดี้จะยังคงต่างกัน อยากกินอะไรไหมครับ ลุงรองเลี้ยงเอง”
ชูชูตอบอย่างรู้ความ “ไม่ค่ะ ให้พ่อหนูเลี้ยงนะคะ”
ทั้งสามพูดคุยและเดินออกไปด้านนอก ยังไม่ถึงเวลาเลิกเรียน หลงเซียวจึงใช้อำนาจพาลูกสาวกลับไปแบบนั้น ต่อหน้าลุงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหน้าประตู ไม่ทักทายเลยสักนิด แต่ก็ไม่มีใครกล้าห้ามเอาไว้
หลงเจ๋อเบ้ปาก “ไม่ขี่หลังลุงรองก็ช่างเถอะ ยังไม่ยอมให้ลุงรองเลี้ยงอีก ลุงรองเสียใจ”
ชูชูตบไหล่ลุงรองหลงเธอด้วยความเห็นใจ เอ่ยปลอบใจ “ลุงรองคะ แดดดี้ของหนูค่อนข้างร่ำรวย ใช้เงินลุงรองหนูก็ปวดใจ แต่ใช้เงินแดดดี้หนูไม่ปวดใจนะคะ”
หลงเซียวเห็นว่าคำพูดของลูกสาวนั้นมีเหตุผล จึงเอ่ยเสริมขึ้นมา “ได้ งั้นวันนี้แดดดี้จะเลี้ยงข้าว ใช้เงินที่ลุงรองของหนูช่วยแดดดี้หามา”
หลงเจ๋อ “…”
ปวดใจเหลือเกิน ช่วยปลอบใจที
เรื่องราวที่ชูชูทะเลาะวิวาทในโรงเรียนแก้ไขได้อย่างมีความสุข ยังได้ทานอาหารมื้อใหญ่อีกด้วย
เมื่อทานข้าวเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาเลิกเรียนพอดี ชูชูให้หลงเซียวขับรถกลับไปรับLeoที่โรงเรียน
แต่หลงเซียวได้รับข่าวว่าที่บริษัทเกิดเรื่อง จึงส่งหน้าที่รับ Leoให้กับหลงเจ๋อ ตัวเองเรียกรถกลับบริษัท
หลงเจ๋อมองพี่ใหญ่ของเขาท่าทางประหลาดใจ “พี่…จะนั่งแท็กซี่เหรอ”
ชาตินี้เกิดมาเขายังไม่เคยเห็นพี่ใหญ่ของเขานั่งแท็กซี่เลยสักครั้ง ทบทวนแล้วทบทวนอีก
หลงเซียวเปิดแอปพลิเคชันในโทรศัพท์ขึ้นมา “นั่งแท็กซี่มีอะไรแปลก”
เขานั่งแท็กซี่กลับบริษัท ก็ไม่ใช่ทำเพื่อลูกสาวและลูกชายเหรอ ยอมให้ตัวเองลำบาก แต่ไม่ยอมให้ลูกๆ ลำบากแน่นอน นี่เป็นหลักการของหลงเซียว
หลงเซียวนั่งรถออกไป หลงเจ๋อบีบแก้มชูชูพลางหัวเราะ “ชูชู ลุงรองคุยกับหนูสักเรื่องสิ”
ชูชูมองเห็นน้องชายที่เดินมากับกลุ่มคน สายตาไม่ได้มองมาที่ลุงรอง “อะไรคะ”
รู้อยู่แล้วว่าลุงรองไม่น่ามีเรื่องดี
หลงเจ๋อไม่คิดว่าวันนี้จะมีโอกาสได้คุยส่วนตัวกับชูชู แผนการที่คิดมานานแต่ไม่มีโอกาสดำเนินการ เขาดีใจมากทีเดียว
ถูฝ่ามืออย่างกระตือรือร้น “ชูชูลุงรองรักหนูมากใช่ไหม ดีกับหนูมากด้วย”
ชูชูที่รักสัมผัสได้ถึงหน้าที่อันใหญ่หลวงกำลังเรียกหา ไม่เปิดโอกาสให้ลุงรองได้ลีลาไปมากกว่านี้ “ดีมากค่ะ ดังนั้นลุงรองรีบบอกมาเลยค่ะ แค่หนูช่วยได้ หนูจะช่วยแน่นอน”
“เยี่ยม ไม่เสียแรงที่รัก ความจริงมันง่ายมาก เย็นนี้ไปที่บ้านลุงรอง รับstarไปเล่นที่บ้านหนูได้ไหม”
ใบหน้าหลงเจ๋อเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แทบจะปล่อยเสียงหัวเราะออกมา ดวงตาเป็นประกายคาดหวัง เขาไม่ได้มองว่าเป็นเด็ก แต่เป็นฟางช่วยชีวิต
ชูชูยักไหล่ “นั่นมันยากอะไรคะ เดี๋ยวหนูไปหาเขาก็จบแล้ว”
ยังไงstarก็ไปเล่นที่บ้านพวกเธออยู่บ่อยครั้ง เพียงแต่เขาซนไปหน่อย ทุกครั้งที่ไปก็ทำเอาพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินไปหมด ร้องไห้แต่ละทีทำเอาตกใจไปตามๆ กัน ปลอบยังไงก็ไม่มีประโยชน์ ชูชูและหยางหยางยังเอาไม่อยู่
อืม เป็นหลานสาวที่รู้ความจริงๆ
“แต่ว่า ลุงรองยังมีอะไรอยากจะขออีกนิดหน่อย ให้starนอนที่บ้านพวกเธอได้ไหม”
หลงเจ๋อยิ้ม รอยยิ้มที่คิดว่าไม่มีใครหล่อได้เท่ากับเขาอีกแล้ว
ใบหน้าของชูชูเกือบจะเปลี่ยนเป็นสีขาวแล้ว “เขา…จะร้องไห้ไหมคะ”
อีกด้าน หยางหยางพึ่งเดินออกมา ได้ยินที่พี่สาวคุยกันกับลุงรองอยู่ จึงบอกเสียงเรียบ “ผมมีเทปใสอยู่”
หลงเจ๋อ “…”
นี่เป็นญาติพี่น้องกันจริงๆ เหรอ
ชูชูยกนิ้วหัวแม่มือเห็นด้วยกับน้องชาย “Leo เก่งมาก”
หลงเจ๋อ “…”
นี่มันญาติสำนักไหนกัน ไม่เอาแล้ว ไม่เอาแล้ว
แม้ว่าจะพูดแบบนั้น เมื่อกลับถึงบ้าน ชูชูก็ยังไปที่บ้านลุงรอง (ความจริงห่างกันไม่ถึงหนึ่งร้อยเมตรด้วยซ้ำ) รับซิงซ่านมาที่บ้าน ซิงซ่านใกล้จะหกขวบแล้ว กำลังอยู่ในวัยเรียนรู้
และความ “รักเรียน” ของเขามีมากมาย ถามไปหมดทุกอย่าง ถ้าถามยังไม่ถึงรากคงไม่ยอมหยุด จนบางครั้งทำให้หลินซีเหวินและหลงเจ๋อแทบอยากหนีออกจากบ้าน
พวกเขาไม่ได้ให้กำเนิดลูก แต่เป็นเครื่องเรียนรู้