ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 1207
บทที่ 1207 [ตอนพิเศษ] เรื่องเหล่านั้นของสามีภรรยา2
ตื่นขึ้นมาในถัดไป แสงแดดส่องกระทบกับหน้าต่าง ลั่วหานเอียงคอดูเวลา เจ็ดโมงครึ่งแล้ว
มีอาการปวดเอว ขาก็สั่น หน้าอกยังมีรอยแดงๆ ที่เขาฝากไว้เมื่อคืน
ลั่วหานพิงหมอน นึกถึงคำพูดของลู่ซวงซวง ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ระหว่างเธอกับหลงเซียว น่าจะเป็นคู่รักที่ผิดปกติ
ตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่น อาบน้ำ หลงเซียวมาจากห้องหนังสือ เห็นภรรยานั่งหวีผมอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เดินไปด้านหลังเขา โอบไหล่เธอแล้วดม “เหนื่อยไหม?”
ลั่วหานมองตัวเองและเขาในกระจก โดยเฉพาะใบหน้าหล่อเหลาที่เกยไหล่เธออยู่ ตำหนิ “เหนื่อย เหนื่อยจะตายแล้ว นายก็ไม่รู้จักควบคุมหน่อย”
เสียงหัวเราะของเขาข้างๆ หู “ก็เพราะที่รักมีเสน่ห์เกินไป ฉันอยากควบคุมแต่ก็ควบคุมไม่อยู่”
ลั่วหานตบหลังมือของเขา “หยุดปากหวานเลย เดี๋ยวฉันจะไปโรงพยาบาล วันนี้นายยุ่งไหม?”
ลั่วหานสวมแหวนแต่งงาน หันไปมองหลงเซียว
“วันนี้ไม่ยุ่ง ช่วงบ่ายมีประชุม พบกับผู้รับผิดชอบของบริษัทหลันเทียน เจรจาโครงการ” หลงเซียวสวนสร้อยคอให้ลั่วหาน สร้อยคอทองคำขาวเส้นบาง มีขนาดเล็กมาก ลั่วหานยื่นมือไปด้านหลังไม่ค่อยถนัด
จี้ของสร้อยคอตรงกับตำแหน่งของกระดูกไหปลาร้า ขนาดเล็กและสวยงาม เติมเต็มผิวขาวของเธอ ส่วนโค้งของกระดูกไหปลาร้าที่สวยงามสองข้าง หายไปในขอบเสื้อ ลงข้างล่าง ก็จะเห็นสตรอเบอรีน้อยที่เขาฝากไว้
“นายพูดถึงตู้หลิงเซวียนใช่ไหม?”
“อืม ตู้หลิงเซวียนมีพิธีตัดริบบิ้น เธอว่าฉันไปดีไหม?”
ลั่วหานไม่ยุ่งงานของเขา แต่เขาขอความคิดเห็น เธอจะพูดความคิดของตัวเองให้ “เหมือนว่าตอนนี้ตู้หลิงเซวียนเปลี่ยนไปแล้วนะ นี่คือจังหวะของการเข้าหานายแบบดีๆ นายสามารถไปมาหาสู่กับเขาได้ ในวงการธุรกิจทุกคนก้มหัวไม่เห็นเงยหน้าเห็น แม้นายจะเก่งไม่ต้องมองสีหน้าเขา แต่ทรัพยากรในมือของตู้หลิงเซวียนก็ไม่น้อย เก็บไว้สักวันก็ต้องใช้”
หลงเซียวเห็นด้วยกับคำพูดของภรรยามาก เธอกลายเป็นพวกบ้างานตั้งแต่เมื่อไร? เรียนคัมภีร์ดำหนาได้เก่งดีนะ”
ลั่วหานหัวเราะเยาะเขา “ฉันก็ฝึกกับนายไง? ดูนายสิสอนฉันอะไรก็ไม่รู้?”
หลงเซียวจูบกระหม่อมเธออย่างรักใคร่ “โทษ โทษฉันทั้งหมด วันหลังสอนเธอดีๆ”
“แด๊ดดี้! หม่ามี๊! กินอาหารเช้าแล้ว!”
ชั้นหนึ่ง เสียงเรียกของชูชูสดใสคมชัด
“ได้จ้ะลูกรัก!”
ลั่วหานที่อยู่ชั้นบนตอบรับ พูดและยิ้ม “หลงเซียว นายรู้สึกไหมว่าเราแก่แล้ว? บนปากบอกไม่ยอมที่แก่ แต่อย่างไรก็ตามลูกๆ ก็โตหมดแล้ว”
หลงเซียวกลับไม่เห็นด้วยทั้งหมด กัดหูเธอแล้วพูด “เมื่อคืน เธอดูออกไหมว่าฉันแก่?”
ลั่วหานใช้ข้อศอกทุบอกเขาอย่างโมโห “ไร้สาระอีกแล้ว! รีบลงไปกินข้าว!”
หลังอาหารเช้า ชูชูและหยางหยางไปโรงเรียน ลั่วหานไปโรงพยาบาล สี่คนแยกไปสามทาง
เพิ่งถึงโรงพยาบาล ลั่วหานได้ยินคนกำลังคุยเรื่องนักเขียนหญิงทำอะไร แพทย์หญิงที่อยากรู้อยากเห็นส่วนใหญ่ชอบแอบสื่อสารกับคนไข้พิเศษ เนื้อหางานน่าเบื่อ ชีวิตยังต้องการสิ่งใหม่ๆ
ทีแรกลั่วหานไม่ได้สนใจ ต่อมาได้ยินพยาบาลพูดอย่างตื่นเต้น “ศาสตราจารย์ส้งยังมีด้านที่อบอุ่น ฉันไม่กล้าเชื่อสายตาของตัวเองจริงๆ ตอนเช้าศาสตราจารย์ส้งนำกล่องอาหารกลางวันแบบกลับบ้านจากร้านอาหารสไตล์ฮ่องกงไปยังห้องพักของนักเขียน ซื้ออาหารเช้าให้นักเขียน ทั้งสองกินด้วยกันอย่างมีความสุข!”
“ใช่เหรอ?! ตอนนี้กินหมดหรือยัง? ฉันก็จะไปดู!”
“น่าจะกินหมดแล้วมั้ง? แต่ว่าพรุ่งนี้ศาสตราจารย์ต้องซื้ออีกแน่ๆ พรุ่งนี้ไปดูเช้าหน่อย”
ลั่วหานสงสัยในใจ รอยยิ้มค่อยๆ ปรากฏบนใบหน้า ส่งอาหารเช้าให้นักเขียนก่อน และใส่ใจดูแลชีวิตประจำวันของเธอ นี่ไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์ระหว่างหมอกับคนไข้ทั่วไปแล้วมั้ง?
ลุงส้งปฏิบัติดีต่อผู้คนจริงๆ แต่ยังไม่ดีถึงขั้นเช้ามาก็ซื้อาหารและนำมาให้ถึงข้างเตียง ดูแล้ว……มีเรื่อง
ลั่วหานตรวจห้องเสร็จแล้วกลับห้องทำงาน พบส้งชิงเซวี๋ยนพอดี เขาสวมเสื้อกาวน์หลวมๆ ฝีเท้าเร็ว สภาพจิตใจดี ใบหน้าเต็มไปด้วยสายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิ
“ลุงส้ง อารมณ์ดีนะเนี่ย” ลั่วหานถือรายการผู้ป่วยยืนชิดกำแพง มองเขาด้วยรอมยิ้ม
เมื่อกี้ส้งชิงเซวี๋ยนกำลังคิดเรื่อง ได้ยินเสียงของลั่วหาน เงยหน้าขึ้นมาอย่างตกใจ “เสี่ยวลั่วลั่วมาแล้ว เพิ่งยุ่งเสร็จ?”
ลั่วหานตรวจสอบเขา ถามต่อ “ช่วงนี้ลุงส้งไม่มาหาฉันเลย สมัครชมรมเต้นเหรอ?”
ส้งชิงเซวี๋ยนจับผม “ชมรมเต้นฉันมีเวลาไปที่ไหนกัน? ผู้ป่วยของโรงพยาบาลเรายังต้องให้ฉันไปใส่ใจเลย”
ลั่วหานจงใจทำเป็นไม่เข้าใจ “ว้าว ผู้ป่วยคนไหนกัน ทำให้หมอซ่งของเราสละชีวิตเวลาว่างเพื่อมาดูแล ฉันอยากรู้จักจังเลย”
ฟังออกว่าลั่วหานกำลังแกล้งเขา ส้งชิงเซวี๋ยนพูดอย่างจริงจัง “อย่าพูดไปเรื่อย ผู้ป่วยก็เหมือนกัน ได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน หมอที่รักษาก็เหมือนพ่อแม่ที่ห่วงใย!”
ลั่วหานไม่ยอม “รวมถึงนักเขียนหญิง?”
แก้มของส้งชิงเซวี๋ยนแดงอย่างไม่รู้ตัว ดวงตาเปล่งประกาย พูดอย่างอารมณ์ดี “เจ้าเด็กนี่ ยิ่งพูดยิ่งไร้สาระ นักเขียนหญิงอะไรกัน”
“คุณอย่าซ่อนไว้แล้ว ตอนเช้าส่งโจ๊ก กลางวันส่งข้าว กลางคืนส่งอาหารมื้อดึก และยังอาสาเข็นรถลงไปเดินเล่น การดูแลแบบนี้ฉันไม่เคยเห็นผู้ป่วยคนไหนได้รับ”
ลั่วหานไม่ให้โอกาสที่จะให้เขาหนี ต้องเอาความลับเล็กๆ น้อยๆ ในใจของเขาออก
ส้งชิงเซวี๋ยนเห็นว่าเก็บไม่มิดแล้ว ดึงแขนของลั่วหาน “มาๆๆ เราเข้ามาพูด”
เข้าห้องทำงานของลั่วหาน ส้งชิงเซวี๋ยนปิดประตู ฝ่ามือถูกับเสื้อกาวน์ ดึงดันอย่างระมัดระวัง “คือ……เสี่ยวลั่วลั่ว มีเรื่องหนึ่งที่ฉันอยากคุยกับเธอ คือ……เธอคิดว่าฉันกับหล่อนเป็นยังไง?”
ในใจของลั่วหานยิ้มออกมาตั้งนานแล้ว แต่บนใบหน้ากลับทำเป็นนิ่ง “หล่อนคนไหน?”
ส้งชิงเซวี๋ยนบึนปากเหมือนเด็ก “แกล้งทำเป็นไม่รู้!”
ลั่วหานก็ไม่เล่นกับเขาแล้ว พูดอย่างจริงจัง “ก็ดีนะ เขามีหน้าตามีความสามารถ มีมูลค่า ม่าย เหมาะสมทุกด้าน”
ทำไมส้งชิงเซวี๋ยนฟังแล้วเหมือนไม่ได้กำลังสนับสนุนเขา?
“ที่เธอพูดมาฉันแคร์เหรอ? ฉันให้เธอพูดว่าฉันกับหล่อน……นั่น เธอคิดว่าเป็นไปได้ไหม?” ส้งชิงเซวี๋ยนดึงหน้าลง แอบมองสีหน้าของลั่วหาน
“ก่อนอื่น คุณชอบเธอไหม?” แม้ว่าการถามคำถามแบบนี้กับคนอายุครึ่งร้อยจะเป็นเรื่องที่เสแสร้งเล็กน้อย
ส้งชิงเซวี๋ยนอ้อมแอ้ม “จริงๆ พอถึงอายุของพวกเราแล้ว ชอบหรือไม่ชอบยังสำคัญที่ไหนกัน? แค่มองแล้วไม่ขัดตา มีเรื่องให้พูด ก็มีความสุข หาเพื่อนร่วมทางไง”
นี่คือจังหวะแห่งความรักของตาเฒ่าน้อย ลั่วหานสนับสนุนแน่นอน
“ฉันคิดว่าดีนะ ยิ่งกว่านั้นเขายังคุณเป็นสามีแล้ว แต่ว่า คุณเคยคิดไหม? ถ้ามีวันหนึ่งเธอจำได้ว่าคุณไม่ใช่สามีของเธอแล้วพลิกหน้าไม่ยอมรับจะทำอย่างไร?” คำถามของลั่วหานค่อนข้างจริง
ส้งชิงเซวี๋ยนตั้งใจคิด “ฉันก็เคยคิด แต่ว่าฉันรู้สึกว่า ทั้งชีวิตของคนเราก็แค่กี่สิบปี มีวันนี้ไม่มีพรุ่งนี้ ถ้ายังคิดเยอะขนาดนั้นจะใช้ชีวิตยังไง? ฉันอยากใช้ชีวิตอยู่ในช่วงเวลานี้ ตอนนี้มีเหล้าเมาตอนนี้!”
ลั่วหานยกนิ้ว “ยกนิ้วให้กับทัศนคติของลุงส้ง! ยังมีอะไรให้แคร์อีก? พวกเราสนับสนุนคุณ!”
ส้งชิงเซวี๋ยนยิ้มบื้อๆ “เสี่ยวลั่วลั่ว ยังเป็นเธอที่เข้าใจอารมณ์ของตาแก่ งั้นฉันไปก่อนแล้ว หล่อนรอฉันอยู่”
ลั่วหานกลั้นขำ “ดีๆๆๆ อันนี้ให้คุณ”
ลั่วหานหยิบดอกกุหลาบในแจกันที่อยู่บนโต๊ะทำงาน ยัดใส่ส้งชิงเซวี๋ยน “ในเมื่อจะตามจีบเขา ก็ต้องมอบดอกไม้ให้สิ?”
ส้งชิงเซวี๋ยนถือดอกกุหลาบสีแดงสด ยิ้มอย่างเขินอาย “แฮะๆ จำไว้แล้วๆ