ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 1208
บทที่ 1208 [ตอนพิเศษ] เรื่องเหล่านั้นของสามีภรรยา3
การประชุมเสร็จสิ้น ลั่วหานเห็นร่างรีบร้อนของหวาเทียน เขาเพิ่งออกมาจากICU รีบเดินไปที่ห้องทำงาน เดินไปด้วยคุยกับนักศึกษาฝึกงานไปด้วย
ลู่ซวงซวงบ่ยหวาเทียนไม่รู้จักกลับบ้าน เธอไม่เห็นว่าคนงานรุ่นนี้ทุ่มเทแค่ไหน!
“หมอหวา”
รองเท้าส้นสูงของลั่วหานเหยียบบนพื้น เดินมาข้างหน้าหวาเทียน
“ผู้อำนวยการ มีอะไรเหรอครับ?”
ตั้งแต่ลั่วหานรับตำแหน่งผู้อำนวยการของแผนกหัวใจ ต่อหน้านักศึกษาฝึกงานหวาเทียนก็จะเรียกเธอว่าผู้อำนวยการ กลัว นักศึกษาฝึกงานที่มาใหม่ไม่รู้จักมารยาท
หมอที่อยู่ข้างหลังก็เรียกพร้อมกัน “สวัสดีครับผู้อำนวยการ”
ลั่วหานพยักหน้า “ลำบากหน่อยนะ”
หวาเทียนส่งเอกสารให้ผู้ช่วย สั่งให้พวกเขากลับไปเขียนรายงานก่อน
รอหมอคนอื่นจากไป ลั่วหานถึงจะยิ้มแล้วพูด “คนงานอันดับหนึ่งของโรงพยาบาลหวาเซี่ย ฉันมาเยี่ยมนาย”
หวาเทียนยิ้ม เก็บเครื่องช่วยฟัง ยัดเข้าไปในกระเป๋า “ผู้อำนวยการเตรียมเพิ่มเงินเดือนหรือเตรียมวันหยุดให้ผม? มาเยี่ยมก็ต้องดำเนินการจริงๆ สิ?”
“สมครมากพอแล้ว ไม่อยากถูกบดบังแล้ว? ฉันจำได้ว่าหลักการดำเนินชีวิตของหมอหวาของเราคือการเป็นคนถ่อมตัว ตั้งใจทำงาน”
ปากของหวาเทียนกระตุก “หมอฉู่ส่งฉันขึ้นสูงเป็นคนธรรมะแล้ว สติปัญญาของฉันไม่สูงขนาดนั้น”
“อย่าถ่อมตัว ความลำบากของนายอยู่ในสายตาของคนทั้งโรงพยาบาล เมื่อวานคณบดีบอกฉันว่า ให้เราแขวนธงชาย ทำพิเศษสำหรับนาย”
คุยกัน ลั่วหานกับเขากลับห้องทำงานด้วยกัน
หวาเทียนยิ้มอย่างเขินอาย “แรงจูงใจยังต้องมี หมอฉู่ยังเบียดฉันอีก หน้าของฉันก็แขวนไม่อยู่แล้ว”
ลั่วหานไม่แกล้งเขาอีก พูดอย่างจริงจัง “คืนนี้นายไม่ต้องอยู่เวรแล้ว กลับบ้านเร็วๆหน่อย ต้องมีความเป็นมืออาชีพ แต่ไม่เอาครอบครัวไม่ได้ใช่ไหม?”
หวาเทียนนึกถึงงานของเขาในช่วงนี้ หลังจากรู้ตัวก็ตบหน้าผาก “เหมือนจะจริง อยู่โรงพยาบาลทุกวัน ทำเหมือนโรงพยาบาลเป็นบ้านแล้ว”
“เลิกงานตรงเวลา ผู้ป่วยฉันให้หมอหวังดูไว้” ลั่วหานออกคำสั่งเขาโดยตรง
หวาเทียนถึงจะตกลง “ได้ ฉันจัดเตรียมงานที่อยู่ในมือ วันนี้กลับบ้านตรงเวลา”
ลั่วหานพูดอย่างบอกใบ้ “กลับบ้านมือเปล่าก็ได้แล้ว? ภรรยาที่สวยดั่งดอกไม้ของนายอยู่ที่บ้านคนเดียวมานานแล้ว ไม่มีอะไรชดเชยเหรอ?”
หวาเทียนละอายใจเล็กน้อยที่ถูกเธอเตือน เขาเป็นสามีที่ไม่มืออาชีพ ไม่สนใจภรรยา “แน่นอนว่าไม่มือเปล่ากลับบ้าน แฮะๆ”
ตอนบ่ายลั่วหานไม่มีเคส ส้งชิงเซวี๋ยนกำลังคุยกับนักเขียน หลินซีเหวินมีเคสผ่าตัด หายากมากที่ห้องทำงานเธอจะเงียบสงบ
เวลาใกล้จะเลิกงาน ประตูของห้องทำงานถูกเคาะสองที มองเห็นในที่อยู่ด้านนอก ลั่วหานประหลาดใจเล็กน้อย
“หวังเค่ย นายมาได้ยังไง? เถียนเถียนกับอานอานไม่สบายหรือเปล่า?”
ลั่วหานจำได้ว่าเถียนเถียนกับอานอานฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์แล้ว หลายปีมานี้มาโรงพยาบาลน้อยมาก ทำการตรวจสอบทุกฤดู ไม่พบความผิดปกติ
“ไม่ใช่ๆ เถียนเถียนพวกเขาสบายดี ฉันมากับหยิ่งจือ” ใบหน้าของหวังเค่ยดูเหมือนจะร้อนเพราะความเขินอาย ยิ้มให้ลั่วหาน ในดวงตามีความสุขที่ไม่สามารถปกปิดได้
ลั่วหานมองท่าทางของเขา เหมือนว่าเกาหยิ่งจือไม่ได้ป่วยอะไรมาก “เธอเป็นอะไร? อยู่แผนกไหน? ฉันไปดู”
เกาหยิ่งจือทิ้งขยะกลับมา พบว่าหวังเค่ยยยืนอยู่หน้าประตูไม่เข้าไป “ลั่วหาน ตอนนี้ยุ่งอยู่เหรอ?”
“ไม่ยุ่งนี่นา กำลังจะเลิกงาน พวกเธอ……” ลั่วหานรู้สึกสับสนเล็กน้อย ดูยังไงเกาหยิ่งจือก็ไม่เหมือนป่วย
หลายปีมานี้กลายเป็นแม่บ้านอย่างเต็มตัว อ้วนกว่าเมื่อก่อนเล็กน้อย ใบหน้าอมชมพู ถูกดูแลอย่างดี ดูผ่อนคลายสบายมากกว่าผู้หญิงวัยทำงาน
“ฉันเพิ่งออกมาจากแผนกสูติ – นรีเวช ทำการตรวจสอบ” เกาหยิ่งจือกดผมข้างๆ หู ดวงตาที่เป็นประกายล้วนเป็นสีแห่งความสุข
ลั่วหานนึกขึ้นได้ เบิกตากว้างมองท้องน้อยของเกาหยิ่งจือ “เธอบอกว่า……เธอ……จริงเหรอ?”
เกาหยิ่งจือจับท้องน้อยอย่างระมัดระวัง ท้องน้อยของเธอยังไม่มีรอยนูนขึ้นมา แต่ผิวที่แดงก่ำและรอยยิ้มที่มุมปาก ล้วนสื่อความหมายเดียวกัน–
“ลั่วหาน ฉันตั้งครรภ์แล้ว สามสัปดาห์” แก้มเกาหยิ่งจือแดง ยืนยันว่าในท้องมีลูก เธอกอดหวังเค่ยแล้วร้องไห้อย่างมีความสุขในห้องอัลตราซาวด์ ใช้เวลานานกว่าสิบนาทีในการยอมรับข่าวดีที่ตกลงมาจากฟ้า
ลั่วหานดีใจแทนเธอจริงๆ นึกถึงเมื่อก่อนเพื่อที่จะมีลูกของตัวเองเธอลำบากขนาดไหน เสียแรงไปมากขนาดไหน ในที่สุดตอนนี้ก็ได้สิ่งที่ต้องการแล้ว ไม่เปล่าประโยชน์จากความปรารถนาอันร้อนแรงของเธอ
“ยินดีด้วยนะ! ครั้งนี้ความฝันเป็นจริงแล้ว อนาคตบ้านพวกเธอมีเด็กน้อยเพิ่มมาอีกคน แค่คิดก็ครึกครื้นแล้ว”
หวังเค่ยโอบเอวเธออย่างใส่ใจ ยิ้มจนเห็นฟันขาว “ก็เพราะหยิ่งจือลำบากเกินไปแล้ว ฉันสงสาร”
เกาหยิ่งจือเอียงคออย่างเขินอาย ต่อหน้าหวังเค่ย เธอกลายเป็นผู้หญิงตัวเล็กอย่างเต็มตัว เธอในตอนนี้ ไม่พบร่องรอยของการครอบงำในอดีตแม้แต่นิด
ลั่วหานอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจในใจ เวลาและประสบการณ์เป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์จริงๆ
“ความลำบากนี้ก็เป็นความสุขที่ใหญ่ที่สุดของผู้หญิง หยิ่งจือเต็มใจ ใช่ไหม?” ลั่วหานมองไปที่เกาหยิ่งจือ ผู้หญิงทั้งสองสบตากัน
เกาหยิ่งจือยิ้ม “เธอเคยผ่านมันมา ฉันต้องเรียนรู้จากเธอ ขณะที่กำลังตั้งครรภ์ต้องระมัดระวังหลายๆ อย่างใช่ไหม? ฉันก็อยากคลอดลูกรักที่เหมือนชูชูหรือหยางหยาง”
พูดถึงลูกสองคนของลั่วหาน เกาหยิ่งจืออิจฉามากๆ ไม่ใช่แค่เธอ คนรอบข้างก็มองลูกของลั่วหานเป็นแบบอย่างของลูกตัวเอง หวังว่าอนาคตสามารถมีลูกแบบนั้น หรืออบรมสั่งสอนพวกเขาให้เป็นแบบนั้น
ครั้งนี้ลั่วหานไม่ถ่อมตัวแม้แต่นิด “อันนี้……เกรงว่าจะยากหน่อย เด็กดื้อทั้งสองของบ้านเราได้รับยีนดี ยีนฝั่งพ่อของเขา”
เกาหยิ่งจือเบะปากแล้วยิ้ม รู้ว่าท่านเซียวของบ้านเธอเก่ง ส่วนฉัน ใจไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้น แค่ลูกแข็งแรงก็พอ”
จริงๆ และความปรารถนาของลั่วหานก็เป็นแบบนั้น ลูกๆ หลานๆ มีความสุขในแบบของตัวเอง ไม่ต้องห่วงลูกๆ หลานๆ เพียงแค่พวกเขาแข็งแรงมีความสุข พ่อแม่ก็พอใจแล้ว
“เพียงแต่ว่า……ฉันกังวลว่าเซลล์มะเร็งในร่างกายของฉันจะถูกส่งต่อไปยังลูก ดังนั้นที่มาครั้งนี้ และอยากทำการตรวจสอบให้ครบ ผลตรวจอีกสองวันถึงจะออกมา ถึงเวลาฉันเอาให้เธอดู”
นี่ดูเหมือนจะเป็นส่วนสำคัญที่เกาหยิ่งจือหาลั่วหาน
ลั่วหานก็นึกถึงอาการป่วยของเธอ อารมณ์ไม่ได้ดีเหมือนเมื่อกี้แล้ว พยายามปลอบใจเธอ “หลายปีนี้ไม่ได้กำเริบ น่าจะไม่มีเรื่อง เมื่อผลออกมาฉันจะให้ผู้อำนวยการแผนกมะเร็งวิทยาดู เธอพักผ่อนให้สบาย ที่เหลือฉันจัดการเอง”
“ขอบคุณนะลั่วหาน จริงๆ”
รู้ว่าคำว่าขอบคุณมันน้อยมาก แต่ว่านอกจากขอบคุณ เธอยังสามารถพูดอะไรอีก?
ลั่วหานพูดอย่างใจกว้าง “อยากขอบคุณฉันจริงๆ? งั้น เธอคลอดลูกเสร็จรักษาตัวเสร็จก็มาทำงานสิ? นักศึกษาที่มีความสำเร็จสูงในภาควิชาโรคหัวใจของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดทำอาหารที่บ้าน น่าเสียดายเกินไปหรือเปล่า?”
ทำงาน?
เกาหยิ่งจือไม่กล้าคิด เธอมีบันทึก คราบบนร่างกายไม่สามารถบรรเทาลงได้ ผู้ป่วยจะมองเธออย่างไร? เธอจะเผชิญหน้ากับเพื่อนร่วมงานของเธออย่างไร?
ความเศร้าเล็กน้อยกระจายไปที่มุมปาก “ฉัน……ถึงเวลาค่อยพูด”
ลั่วหานจับมือเธออย่างตื่นเต้น มองตาของเธอแล้วพูด “หยิ่งจือ เราใช้ชีวิตอยู่กับภาระในอดีตไม่ได้ ต้องลบร่องรอยของอดีต เริ่มชีวิตใหม่ ทุกคนล้วนมีเรื่องที่ไม่อยากให้คนอื่นรู้ แต่แล้วยังไง? เธอเป็นใคร? เธอมีความคิดอะไร? เธอรู้ตัวเองที่สุด
เธอคิดดีๆ เถอะ ใช้ชีวิตตามสายตาของคนอื่น หรือตามความคิดในใจของตัวเอง เธอถามตัวเอง จริงๆนะ ไม่อยากสวมเสื้อกาวน์อีกครั้งเหรอ?”
ในใจของเกาหยิ่งจือร้อน ขอบตาร้อน น้ำตาไหลออกมา
เธออยาก เธออยากสวมเสื้อกาวน์ใหม่หลายครั้ง กลับไปที่ตำแหน่งเดิม ต่อสู้กับโรคร้ายกับผู้ป่วย!
เธอเรียนหมอสิบปี ทิ้งธุรกิจที่บ้าน ค้นคว้าด้วยใจจริง เธอเป็นนักเรียนดีเด่นของภาควิชาโรคหัวใจที่ดีที่สุดที่ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในตอนนั้น ได้รับปริญญาเอกทางการแพทย์ที่ทุกคนอิจฉา
เธอ……
ในใจกำลังหวั่นไหว เกาหยิ่งจือกำหมัดแน่น ดวงตาฉายแววมุ่งมั่นและปรารถนา
ดูเหมือนว่าลั่วหานจะเข้าใจสายตาของเธอ เธอสามารถเข้าใจความพากเพียรของแพทย์และความรักในอาชีพนี้ เธอก็เป็นแบบนี้
“ฉันรอเธอกลับมา”