ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 170
ตอนที่ 170 หลงเชียว ใครกัน
แอนน่าปล่อยมือออก นิ้วเรียวสะอาดของชายคนนั้นหยิบ แฟ้มและจัดวางอย่างเรียบร้อยด้วยความประหลาดใจ แต่ สุดท้ายก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงคล้ายผิดหวังว่า “ผมไม่เป็นไร”
เขาพูดภาษาจีนกลาง
แอนน่าพยักหน้า “ค่ะ”
แอนน่าพบเจอคนจีนมากมาย หลายคนที่หน้าตาจีนเต็ม ร้อยแต่กลับพูดจีนไม่ได้สักคำเดียว
เห็นได้ชัดเจนว่าผู้ชายคนนี้ให้ความรู้สึกกับแอนน่าไม่
เหมือนคนอื่น
อีกอย่างหนึ่ง แอนน่ามองเห็นเอกสารในมือของเขา หัวข้อ ดึงดูเธอมาก หัวข้อการวิจัยนี้เธอเองเคยเห็นมาก่อน
“การผ่าตัดเปลี่ยนลิ้น Mitral?”
แอนน่าอ่านหัวข้อนั้นออกมา น้ำเสียงคล้ายกำลังถามเขา และหยุดฝีเท้าลงรอฟังคำตอบจากฝั่งตรงข้าม
ร่องรอยของความประหลาดใจปรากฏขึ้นในดวงตาของ เขา เขามองไปที่ผู้หญิงตรงหน้าด้วยความประหลาดใจเล็ก น้อย ใบหน้าที่สวยงาม ท่าทางสูงสง่าเหมือนนางแบบหรือศิลปินคนดังแบบนี้ เธอเข้าใจเงื่อนไขการผ่าตัดแบบมือ อาชีพได้อย่างไร?
“คิดไม่ถึงว่าคุณรู้จักค่าเฉพาะพวกนี้ด้วย”
แอนน่าไม่ได้ตอบคำถามของเขา แต่เอ่ยออกไปอย่างมี มารยาทว่า “ขอฉันดูหน่อยได้ไหม?
“แน่นอน ไม่มีปัญหา”
เธอรับเอกสารนั้นมาไว้ในมือ แอนน่าเปิดดูทีละหน้าๆ หัวข้อการวิจัยนี้เป็นสิ่งใหม่ และวงการแพทย์เองก็กำลัง จับตาดู อย่างไรก็ตามความตั้งมั่นของผู้ชายคนนี้ไม่เหมือน ใคร และมีเพียงไม่กี่คนที่กล้าวิจัยเรื่องนี้อย่างกล้าหาญ
บังเอิญที่เธอเองก็กำลังวิจัยเรื่องนี้อยู่เช่นกัน
เมื่อเห็นเธออ่านอย่างตั้งใจ ชายผู้นั้นก็ยิ้มออกมาด้วย ความจริงใจพูดว่า “ผมดูออกว่าคุณมีความสนใจจริงๆ พวก เราไปหาที่นั่งดื่มกาแฟสักแก้วไหม หากคุณยินดี ผมก็อยาก ฟังความคิดเห็นของคุณเช่นกัน”
แอนน่าสนใจหัวข้อนี้มาก อีกทั้งตอนนี้เธอมีเวลาเพียงพอ
จึงตอบตกลง “แต่งค่ะ”
ร้านกาแฟหรูหราในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่นั่งริม หน้าต่าง เขาคนนั้นถือลาเต้มา เธอสั่งบลูเมาน์เทนอีกทั้ง กำชับว่าไม่ใส่น้ำตาลและนม
ชายผู้นั่งอยู่ตรงหน้าหัวเราะขึ้นด้วยความอบอุ่น นี่เป็น
ความทรงจำแรกของแอนน่า
“ไม่ค่อยมีผู้หญิงคนไหนดื่มกาแฟไม่ใส่น้ำตาลกับนม คุณ เป็นคนแรกที่ผมรู้จัก”
แอนน่ายังคงเปิดดูเนื้อหารายงานต่อ แต่ละบทมีเนื้อหา ค่อนข้างยาว เธอเพิ่งอ่านได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น “ดื่ม กาแฟก็ควรดื่มต่ำไปกับรสชาติของกาแฟ ถ้าจะเติมนมเติม น้ำตาล ดื่มซานมคงจะเหมาะกว่า”
เขาเอามือประสานกัน มองเห็นนิ้วกลางข้างซ้ายของเธอ สวมแหวนอยู่ เพชรที่ประดับบนแหวนทำให้เขาสะดุดตามาก
แหวนหมั้นที่ไม่เลวที่เดียว เห็นได้ชัดว่าผู้ชายที่อยู่เบื้อง หลังของเธอรักเธอมากเพียงใด
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เขาก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ความ ประหลาดใจเมื่อครู่ถูกแทนที่ด้วยเหตุผลอื่น
ก็จริงอยู่ สองปีแล้ว เธอจะยังอยู่งั้นเหรอ? เขาคงบ้าไป แล้วแน่ๆ
เมื่อสังเกตเห็นสายตาของชายหนุ่มที่มองมายังตน แอน น่าก็เงยหน้าขึ้น “คุณถังคะ มองอะไรหรือ? ”
ถังจิ้นเหยียนสะดุ้งเล็กน้อย!
“คุณรู้ได้ยังไงว่าผมแซ่ถัง! ”
วินาทีนั้น หัวใจเขาพองโตคล้ายถูกคลื่นซัด! เธอรู้จักชื่อ
เขาได้อย่างไร ?
นี่มัน….
แอนน่านิ่งเงียบ เธอหยิบรายงานวิจัยขึ้นมาแล้วชี้ไปยัง ลายเซ็นต์ “นี่ไง ไม่ใช่ชื่อคุณเหรอคะ? ”
ถังจิ้นเหยียนผิดหวังอีกครั้ง ความทรงจำของเขาปรากฏ ภาพที่ทะเลทรายขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เจ็บปวดจริงๆ
เขายิ้มอย่างแกเป็น “ใช่ครับ..ชื่อผมเอง สวัสดีครับ ผม ชื่อถังจิ้นเหยียน ไม่ทราบว่าคุณ…”
“สวัสดีค่ะ แอนน่า”
แอนน่ายื่นมือไปทักทายเขาอย่างอัธยาศัย ถังจิ้นเหยียน ยื่นมือไปแล้วชักกลับมา เธอรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้มีท่าทีแปลกๆ แต่บอกไม่ถูกว่าตรงไหน
แอนน่า
ชื่อไม่เหมือนกัน รูปร่างไม่เหมือนกัน แต่แววตาและเสียง นั้น…คล้ายกันเหลือเกิน..
เขาหลับตาลงและพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้คิดมาก ถังจิ้นเหยียนยกกาแฟขึ้นมาดื่ม ลาเต้มีรสหวานเล็กน้อย ทำให้กาแฟเปลี่ยนไปจากรสชาติเดิม
เขามองไปที่บลูเมาน์เทนในมือเธอไอร้อนลอยขึ้นมายัง รู้สึกได้ถึงความขม
เขาน่าจะบ้าไปแล้วแน่ๆ จู่ลั่วหานที่เขารู้จักนั้นดื่มคาปูชิโน่ ที่มีรสหวาน ตรงกันข้ามกับบลูเมาน์เทนอย่างมาก
แอนน่ารู้สึกประหลาดใจ เนื่องจากถังจิ้นเหยียนเป็นผู้ เชี่ยวชาญในการผ่าตัด ทำไมไม่รู้จักชื่อของเธอ แต่การ แสดงของเขานั้นราวกับว่าเธอเป็นคนที่สัญจรไปมา
เป่าไอร้อนของกาแฟ รสชาติความขมของบลูเมาน์เทนเข้า สู่ปาก แล้วค่อยๆเปลี่ยนเป็นความหวาน ขมแล้วค่อยหวาน อิม.เธอชอบความรู้สึกนี้จริงๆ แต่รสชาติของกาแฟอื่น หวานแล้วค่อยขม และขมอยู่ในคอนานทีเดียวซึ่งเธอไม่ชอบ
เมื่ออ่านจบ แอนน่าให้ความคิดเห็นเล็กน้อย และสื่อสาร กับถังจิ้นเหยียนเกี่ยวกับทิศทางต่างๆ สำหรับการวิจัยนี้ต่อไป
ถังจิ้นเหยียนรู้สึกประหลาดใจกับคำแนะนำของเธอ “คุณ ไม่กลัวว่าผมจะผิดสิทธิบัตรของคุณหรือ? ”
แอนน่าไขว้ขาเรียวของเธอและยักไหล่ “ฉันไม่เคยเขียน รายงานการวิจัยหรอกค่ะ หากคุณชอบมันก็นำไปใช้ได้ อีก อย่างการที่คุณให้ฉันดูรายงานเมื่อสักครู่ ไม่กลัวว่าฉันจะใช้ สิทธิบัตรของคุณหรือ?
ถังจิ้นเหยียนยิ้มแล้วพูดว่า “คุณแอนน่าฉลาดมากครับ”
คำชมของถังจิ้นเหยียนนั้น แอนน่าไม่ได้ตอบใดๆออกไป ไม่ได้ปฏิเสธและไม่ได้ยอมรับ
เธอเหลือบมองไปที่นาฬิกา “ขอโทษทีนะคะ ฉันมีธุระต้อง ขอตัวก่อนนะคะ”
เธอวางแก้วกาแฟลงแล้วลุกขึ้นยืน ทุกความเคลื่อนไหว
งดงามเสียจนไม่อยากละสายตา “ครับ คุณแอนน่าไว้เจอกันใหม่นะครับ”
แอนน่าพยักหน้าแล้วเดินจากออกไป ถังจิ้นเหยียนมอง ตามหลังเธอไป ความผิดหวังในใจมีรสชาติขมเหมือนกาแฟ ลุกลามไปทั้งหัวใจ
ไม่ใช่เธอ..จริงๆ
และคงไม่มีวันเป็นเธอ
เสียงถอนหายใจเบาๆ ถังจิ้นเหยียนสายตาเหม่อลอยทอด
ยาวออกไป
“แอนน่า นี่เป็นหนังสือเชิญจากประเทศจีน คุณลองดูสิ”
Lisaยื่นหนังสือเชิญฉบับหนึ่งให้แก่แอนน่า เป็นซอง กระดาษคราฟท์Hermes ดูจากหน้าปกก็ทำให้รู้ว่าตัวตน ของผู้เขียนคงไม่แย่
แต่ว่า…ประเทศจีน?
แอนน่าไม่ได้สนใจเท่าไหร่นัก ประเทศจีนสำหรับเธอมัน ช่างแปลกหน้าอีกทั้งใหญ่เกินไป ถ้าได้เข้าไปคงคล้ายกับน้ำ หยดหนึ่งซึมแทรกเข้าไปในมหาสมุทร
“ไม่จำเป็นค่ะ ปฏิเสธกลับไปได้เลย”
LisaและCurretมองหน้ากันและลองอีกครั้ง
“แอนน่าโรงพยาบาลหวาเซี่ยที่เมืองหลวงเป็นโรง พยาบาลชั้นนำสามอันดับแรกของจีน และแผนกโรคหัวใจ ยังเป็นสาขาวิชาแพทย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในจีน การประชุม แลกเปลี่ยนทางวิชาการครั้งนี้น่า….”
แอนน่าสวมแว่นตาดำขึ้น “ฉันไม่จำเป็นต้องรู้ว่าเป็นโรง พยาบาลระดับใด บอกพวกเขาว่าฉันไม่ไป”
พูดจบแอนน่าก็เดินไปยังรถฝั่งคนขับแล้วเปิดประตูรถ
ออก
Lisaรู้สึกว่า โอกาสในครั้งนี้ไม่เลวทีเดียว ประเทศจีนควร ลองไปดูสักครั้งน่าจะดี จึงเอาหนังสือเชิญวางเข้าไปในรถ แล้วพูดว่า “ฉันวางไว้ที่นี่นะ ถ้าคุณว่างก็ลองอ่านดู หากไม่ สนใจจริงๆฉันจะปฏิเสธกลับไป”
แอนน่ามองดูไปยังซองนั่น ตอบรับเบาๆแล้วขับรถจากไป นิวยอร์ก ยามต่ำคืน ณ คฤหาสน์ส่วนตัว
แอนน่าเพิ่งถึงด้านนอกคฤหาสน์ พ่อบ้านชาวอังกฤษวัยกลางคนในชุดเสื้อกักและสูทเดินออกมาอย่างสงบและสง่า งามพูดว่า ” คุณนาย นายท่านและท่านผู้หญิงรออยู่แล้ว”
“ค่ะ”
เธอก้าวเข้าสู่ห้องโถงสไตล์ยุโรปที่ประดับประดาด้วยโคม ไฟระย้าคริสตัลคาร์เทียร์อันงดงาม ห้องโถงหรูหราเหมือน ปราสาทเก่าแก่ การตกแต่งในห้องโถงล้วนเป็นเฟอร์นิเจอร์ ไม้เนื้อแข็งชั้นนำของโลก แน่นอนว่าคงไม่อาจขาดไม้ชิงชัน ชั้นดีสมัยราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิงที่เป็นที่ต้องการของนัก สะสมชาวจีน ทั้งโต๊ะและเก้าอี้
สไตล์แบบโบราณและสมัยใหม่ประยุกต์เข้าด้วยกัน ใน
รูปแบบเฉพาะของตระกูลเฉียว
“พ่อ แม่”
แอนน่าเดินเข้ามากอดได้มิ้นผู้เป็นแม่ และเข้าไปกอด เฉียวหย่วนฟานผู้เป็นพ่อ
“ได้ยินLisaบอกว่าลูกขับรถไปฮาร์วาร์ดเอง? บ้าหรือ เปล่าเนี่ย? ขับไปเองให้เมื่อยทำไม ทำไมไม่นั่งเครื่องบิน? หรือให้คนขับรถขับมาส่งก็ได้นี่”
แอนน่ากอดเธอและทำตัวอ้อนเหมือนเด็กว่า “แม่คะ หนู รอให้คนขับมารับไม่ไหวนะ แล้วสนามบินก็ไกลด้วย สู้ขับรถ กลับมาเองจะดีกว่า หนูกลับมาทันมื้อค่ำไม่ใช่เหรอคะ? หิวแล้วละไปกินข้าวกันนะคะ”
เมื่อกลับมาบ้านแอนน่าก็เปลี่ยนไปคนละคน อยู่ต่อหน้า เขาทั้งสองเธอเป็นลูกสาวที่แสนน่ารักเชื่อฟังคำสั่งสอน
“โอเค! พวกเรารอลูกกลับมากินข้าวอยู่พอดี”
ผ้าปูโต๊ะปักด้วยมือสีขาวบริสุทธิ์วางอยู่บนโต๊ะอาหารยาว สองเมตร และมีอาหารอันโอซะวางอยู่ตรงกลาง
ดอกคาร์เนชั่นดอกหนึ่งที่แต่งแต้มด้วยดอกยิปโซเล็กน้อย มีกลิ่นหอมหรูหรา สร้างบรรยากาศดี
เมื่อมื้อค่ำจบลง แอนน่ากลับขึ้นไปที่ห้องนอน อาบน้ำ แปรงฟันจากนั้นเอนตัวลงนอน เธอหลับไปได้ไม่นานก็ฝัน ร้าย!
ในฝันเธอเห็นตัวเองตกลงมาจากหน้าผาสูง! ร่างกาย
กระทบกับก้อนหินมากมายและแขนของเธอถูกกิ่งไม้เกี่ยว เข้าจนลึก เต็มไปด้วยเลือดแดงสด เจ็บจนไม่มีความรู้สึกจาก นั้นทุกอย่างก็มีดลง
“อ๊าก! ! ”
เธอสะดุ้งนั่งขึ้น มือเธอกำไปตรงบริเวณแผลที่ฉีกร้าวและ เหนื่อยหอบ ผ่านไปหลายนาทีเธอจึงเอื้อมมือไปเปิดไฟหัว เตียง ร่างกายเธอเหงื่อซึมจนชุดนอนเปียก
นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้ฝันแบบนี้! ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปอีก?
แอนน่าเอามือปาดเหงื่อ สวมรองเท้าแล้วเดินลงไปชั้นล่าง เมื่อไฟถูกเปิดขึ้นเธอมองเห็นรูปภาพครอบครัวที่ติดอยู่ตรง ผนัง
ในรูปภาพนั้น เธออยู่ในอ้อมกอดของพ่อแม่ ยิ้มอย่างมี ความสุข เธอเอามือจับหัวตัวเอง จากนั้นคู่ลั่วหานเดินลงมาหาน้ำ
ดื่ม คืนนี้คาดว่าคงนอนไม่หลับเสียแล้ว
สมองนึกไปถึงจดหมายเชิญที่ได้รับมา เธอเปลี่ยนรองเท้า แล้วเดินไปที่รถ หยิบซองจดหมายออกมา
จดหมายเชิญที่เขียนด้วยลายมือ แสดงถึงความจริงใจ อาจจะออกมาจากความจริงใจ เนื้อหาของจดหมายแบ่งออก เป็นสองเวอร์ชันภาษาจีนและภาษาอังกฤษ
จดหมายเชิญนั้นเขียนลงนามโดย เฉินจื้ออานผู้อำนวย การโรงพยาบาลหวาเซี่ย
นอกจากจดหมายเชิญแล้วยังมีการแนะนำสั้นๆเกี่ยวกับ โรงพยาบาลหวาเซี่ยทั้งรูปภาพและข้อความ เธอไม่รู้ว่าจริง หรือเท็จ ซึ่งจดหมายอวดอ้างว่าโรงพยาบาลหวาเซี่ยเป็น เหมือนสวรรค์สำหรับการรักษาพยาบาลและการช่วยเหลือ คนไข้
แอนน่าไม่ได้ยินดีนักกับสิ่งที่เห็น
อย่างไรก็ตามที่มุมล่างขวาของถูกลงนามด้วยคำสองค่า
ทำให้เธอขมวดคิ้วขึ้น
“หลงเชียว? ”
แอนน่าพูดชื่อนั้นออกมา
หลงเชียว?
เขาคือใครกัน?