ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 223
บทก่อนหน้า ตอนที่ 223 ถ้าต้องการความช่วยเหลือ บอกมาได้เลย
บทต่อไป
ตอนที่ 223 ถ้าต้องการความช่วยเหลือ บอกมาได้เลย
“พูดแบบนี้ คุณก็รู้สึกว่าเธอกับลั่วหานเหมือนกันใช่ไหม?” ถังจิ้นเหยียนเองก็สงสัย เพราะมีโทนเสียงสูงมาก ซึ่งเพียง พอที่จะคาดคิด
ลู่ซวงซวงพยักหน้าเล็กน้อย “อึม ฉันเองก็บอกไม่ถูกว่า รู้สึกแบบไหน แต่ตอนที่อยู่กับแอนน่าฉันรู้สึกสนิทสนมมาก ฮ่าฮ่าฮ่า คุณเองก็รู้ว่า ตอนที่แอนน่าเผยท่าทางเย็นชาเป็นยัง ไง แต่ที่น่าแปลกคือ ตอนที่ฉันอยู่กับเธอ ฉันไม่รู้สึกว่าเธอ เย็นชาเลย ต่อให้เธอเย็นชาก็ดูไม่น่าหมั่นไส้ ซึ่งนี่เป็นเรื่อง แปลก”
ลู่ซวงวงลังเลเล็กน้อย หลังจากครุ่นคิดสักพัก ก็พูดแสดง ความคิดเห็นของตัวเองออกมา
ถังจิ้นเหยียนพยักหน้าเล็กน้อย เขามีโอกาสพบปะกับแอน น่าหลายครั้งมาก การใช้ชีวิตของแอนน่าเป็นยังไงเขาย่อมรู้ แต่เมื่อได้ยินลู่ซวงซวงพูดแบบนี้ ถังจิ้นเหยียนเลยต้องหวน นึกถึงรายละเอียดที่เขาอยู่กับแอนน่าทุกวันอีกครั้ง จากนั้น ความสงสัยก็ยิ่งทวีคูณเพิ่มมากขึ้น
“แอนน่ากลับอเมริกาแล้ว ต่อให้ตอนนี้มีข้อสงสัย เกรงว่า คงต้องรอให้เธอกลับมาก่อนถึงจะคลี่คลาย” “ห่ะ? ใช่หรอ? เธอเคยบอกกับฉันว่า…” เพิ่งพูดได้แค่ครึ่ง หนึ่ง ลู่ซวงซวงก็ปิดปากเงียบ เอาล่ะ ด้วยความสัมพันธ์ของ เธอในตอนนี้ แอนน่าไม่จำเป็นต้องเล่าอะไรให้กับเธอ
หลังจากที่ทั้งสองคนกล่าวอำลากันเสร็จ ถังจิ้นเหยียนก็ กลับไปที่รถยนต์ ขณะเดียวกันก็หวนนึกถึงคำพูดของลู่ซวงซ วงอีกครั้ง ความรู้สึกหรอ? ความรู้สึกที่แอนน่ามอบให้กับเขา กับที่ลั่วหานมอบให้กับเขาแตกต่างกันตรงไหนหรอ? ความ คล้ายกันคืออะไร?
ถ้าหากลู่ซวงซวงรู้สึกสนิทสนมกับเธอ แล้วหลงเชียวที่อยู่ กับเธอทุกวันจะไม่มีทางรู้เลยหรอ?
ถังจิ้นเหยียนนวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความเคร่งเครียด เขา รู้สึกเบื้องหน้าสับสนวุ่นวายมาก
แอนน่าอยากพบสิ่งของอะไรบางอย่างจากที่บ้านมาก บาง อย่างที่ช่วยเธอฟื้นคืนความทรงจำ และพิสูจน์ว่าบ้านหลังนี้ เกิดเรื่องอะไรขึ้น
อย่างน้อยขอแค่ได้รู้ว่า ตกลง แอนน่าคนนี้ทำอะไรก็เพียง พอแล้ว
เธอไม่เคยสงสัยในตัวตนของตัวเองมาก่อนเลย ดังนั้นทุก อย่างที่เป็นของแอนน่าเธอก็ต้องยอมรับเหมือนกัน ซึ่งตอนนี้ เธอต้องค้นหาสิ่งของที่คาดว่ามีประโยชน์หาให้พบ ซึ่งนี่ ไม่ใช่เรื่องง่ายดายเลย
ยิ่งไปกว่านั้น สองปีกว่าก่อนนั้นสิ่งของหลายชิ้นเธอเป็น คนออกแบบด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นของตกแต่ง ห้องทำงาน ห้องรับแขก ห้องนอนก็ตาม แอนน่าเดินรอบบ้านรอบหนึ่ง แต่ไม่พบอะไรเลย
บนชั้นหนังสือมีหนังสือผลงานของทุกประเทศทั่วโลกทั้ง ภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส และภาษาสเปน ซึ่งครอบครัว แบบนี้ ต่อให้ไม่อ่านหนังสือก็ต้องตกแต่งแบบนี้ หลังจากเดิน หาอยู่สักพักก็ยังคงไม่เจอสถานที่ที่น่าสงสัย
ตอนที่เธอตื่นครั้งแรก และอยู่ในสภาวะไม่รู้สถานการณ์ ของตัวเองนั้น ตระกูลเฉียวได้เตรียมหนังสือการแพทย์ทุก แขนงให้เธอเรียนรู้
งั้นแสดงว่า แอนน่ากับเธอเป็นหมอเหมือนกัน
แอนน่าพลิกหาทั่วห้องแล้ว แต่ก็ยังหาสิ่งของที่น่าสงสัยยัง
ไม่เจอเลย
เธอเดินลงข้างล่าง ห้องรับแขกเงียบสงบมาก จุดเด่นของ คฤหาสน์ตระกูลเฉียวคือความสงบ ตอนมีคนก็สงบ ตอนไม่มี คนก็ยิ่งสงบ
ตอนนี้ได้มิ้นนอนพักผ่อนอยู่ที่ห้องนอน ส่วน เฉียวหย่วน ฟานไปบริษัท หลังจากที่เดินสักพัก แอนน่าก็เดินไปห้องครัว “ซูเฟย”
สาวใช้ผมทองที่ถูกเรียกว่าซูเฟยกำลังเช็ดอุปกรณ์ในห้อง ครัวอยู่ เมื่อเห็น แอนน่าก็ยิ้มทักทาย “คุณหนู แอนน่าคุณ หลับสบายไหมคะ? ต้องการกาแฟสักแก้วไหมคะ?”
แอนน่าส่ายหน้า ควรถามยังไงดี?
เลยพูดขึ้นว่า “ชูเฟย เธอมาทำงานที่นี่นานเท่าไหร่แล้ว?” ซูเฟยครุ่นคิดสักพัก “สองปีแล้วค่ะ”
สองปีหรอ?
หลังจากที่แอนน่าตัวจริงจากไป เธอมาอยู่ที่นี่ ดังนั้นหาก ต้องการจะสอบถามเจ้าของที่แท้จริงจากเธอคงเป็นไปไม่ได้
“ในบ้าน ใครที่ทำงานที่นี่นานที่สุดหรอ?”
ชูเฟยพยายามนึกคิดแต่ละคนแล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่มีใคร จู่ๆ แอนน่าก็รู้สึกแปลกใจขึ้น ถึงแม้ทุกอย่างจะดูปกติ แต่
ทำงานมากกว่าสองปีเลย.
หากมองจากการเปลี่ยนของคนและเวลาแล้ว ดูเหมือน เฉียว หย่วนฟานทุ่มเทกับเรื่องนี้ไม่น้อยเลย เพราะไม่ว่าจะเป็น คนใช้ พ่อครัวล้วนเปลี่ยนช่วงเวลาที่เธอเกิดเรื่องพอดีเลย
คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน
“อ๋อ! ฉันนึกออกแล้วค่ะ ช่างทำสวนทำงานที่นี่นานที่สุดค่ะ รู้สึกว่าเขาทำงานมาห้าหกปีแล้วค่ะ แต่เขาไม่ได้มาทุกวัน และเขาเป็นคนหูหนวกด้วย ทุกวันที่เขามาทำงานจะเอาแต่ ก้มหน้า หลังจากทำงานเสร็จก็จะรีบกลับทันที”
ในที่สุดก็มีข่าวดีให้พอชื่น ใจบ้างแล้ว
แอนน่าพยักหน้าเล็กน้อย
การเปลี่ยนคนของตระกูลเฉียว สามารถบ่งบอกได้ว่า
เรื่องของแอนน่าไม่ธรรมดาแน่
เธอยังสามารถไปถามใครได้บ้าง? ในเมื่อได้มิ้นและเฉียว หย่วนฟานต่างพยายามปกปิดเธอ หากถามเธอคงไม่ใช่วิธี การที่ดีเท่าไหร่ และตู้หลิงเซวียนที่ดูสนิทสนมกับเธอ เธอไม่ ค่อยแน่ใจว่าจะสามารถไว้ใจได้หรือเปล่า
ขณะที่กำลังรู้สึกเครียดนั้น โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
ช่างบังเอิญ คนที่โทรศัพท์มาคือเควิน
“แอนน่าพักผ่อนเป็นยังไงบ้าง? นอนหลับดีไหม?”
น้ำเสียงนุ่มนวลยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยน จนสามารถคาด การณ์ได้ว่า ตอนที่เขากำลังพูดอยู่นั้น เขายิ้มแย้มด้วย
“อืม ดีค่ะ”
“หกโมงเย็น เตียวคนขับรถไปรับคุณนะครับ เมื่อกี้พ่อของ
คุณบอกว่า เขาจะไปร่วมงานกับแม่ของคุณตอนกลางคืน ผมเลย อยากฉวยโอกาสนี้พบคุณอย่างส่วนตัว”
อืม?
“ทำไมหรอ?”
ในเมื่อตอนกลางคืนต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงอยู่แล้ว ทำไม ต้องนัดเจอกันส่วนตัวอีกล่ะ?
แอนน่ารู้สึกไม่ค่อยโอเค ดังนั้นเลยพูดแสดงความคิดเห็น ของตัวเองออกมา พอพูดจบก็เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองเสียมารยาท เธอไม่พูดอธิบาย แต่รอเควินตอบ
เควิน ยิ้มแย้ม และไม่มีท่าทีตำหนิเลย “ผมอยากพาคู่หมั้น กลับบ้าน คงไม่สามารถให้เธอมาเองหรอกใช่ไหม?”
ในความเป็นห่วงเธอนั้น มีเจตนาอื่นแอบแฝงอยู่หรือ
เปล่า?
ตอนนี้ไม่ว่าเควินจะทำอะไร แอนน่าล้วนสงสัยว่าเขามี
เจตนาอื่น
“โอเค”
เมื่อนึกถึงว่าต้องเจอกับตระกูลตู้ ก็รู้สึกเบื่อหน่ายทันที เพราะไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอเจอกับผู้ใหญ่ของตระกูลตู้
เวียนหัว ตอนที่หลงเชียวออกมาจากห้องทำงานเป็นเวลาเที่ยงคืน กว่าแล้ว หลังจากเดินออกนอกประตู แสงไฟก็สว่างไปทั่ว คฤหาสน์ จนสามารถมองสิ่งของประทับชั้นหนึ่งทุกอย่าง ชัดเจน
หลงเชียวขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วเอามือข้างหนึ่งยัดใน
กระเป๋ากางเกง
เงียบสงบจริงๆ
เงียบสงบเหมือนอยู่บนเกาะร้างคนเดียว ไม่มีใครเลย
และทุกอย่างก็ดูโดดเดี่ยว
นับตั้งแต่เธอไป บรรยากาศของบ้านก็จากไปด้วย
เปรียบเทียบกับความเย็นชาของเธอแล้ว นี่ยิ่งน่าชวน
ขนลุกมากกว่า
หลงเชียวปิดไฟทุกอย่างลง ยกเว้นไฟตรงพื้นที่อยู่ด้านข้าง ของโซฟา แสงไฟเป็นสีเหลืองสลัวๆ เขายื่นมือคว้าหยิบ หนังสือเล่มหนึ่งจากชั้นล่างของโต๊ะ ซึ่งเป็นหนังสือนิยายที่ เขากับแอนน่าถกเถียงกันว่าหนังสือเล่มนี้ไม่มีคุณค่าหรือ เปล่าอยู่สักพักใหญ่
หลงเชียวขมวดคิ้วขึ้น แล้วยื่นมือลูบหน้าปกของหนังสือ ซึ่งหน้าปกหนังสือเป็นรูปผู้หญิงและผู้ชายยิ้มแย้มแอบอิงกัน และข้างล่างยังมีเด็กสองคนด้วย ดูแล้วเป็นครอบครัวที่เต็ม ไปด้วยความสุข คงมีเพียงในหนังสือเท่านั้นที่จะปรากฏฉาก ที่ประทับใจแบบนี้ได้
เวลาในตอนนี้เป็นเวลาเช้าของอเมริกา ไม่รู้ว่าลั่วลั่วทำ อะไรอยู่?
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา และส่งข้อความหนึ่งให้กับแอนน่า
“เป็นยังไงบ้าง? ราบรื่นไหม?”
ถึงแม้คำพูดจะดูธรรมดาไม่ค่อยน่าประทับใจ แต่นี่ถือ เป็นการเปลี่ยนแปลงการส่งข้อความของหลงเชียวแล้ว เพราะปกติเขาแทบไม่ส่งข้อความให้ใครส่วนตัวเลย
ตอนที่เห็นข้อความที่หลงเชียวส่งมานั้น แอนน่ากำลังคิด หาวิธีการรับมือกับงานเลี้ยงคืนนี้อยู่ เนื้อหาข้อความของเขา เหมือนรู้ว่าตอนนี้เธอกำลังประสบอะไรอยู่
“ยังไม่ค่อยราบรื่นชั่วคราว แต่จะรับจัดการโดยเร็วที่สุด”
ไม่ราบรื่นหรอ?
หลงเชียวปิดหนังสือ และลุกขึ้นนั่งบนพรมที่พื้น ส่วนหลัง พิง โซฟา เขาวางขาข้างหนึ่งลงบนพรม ส่วนอีกข้างยกง้อขึ้น ส่วนหนังสือเขาวางบนหัวเข่า พร้อมถือหนังสือประคองไม่ให้ ตกด้วยมือข้างหนึ่ง
ไม่อยากเสียเวลาส่งข้อความแล้ว หลงเชียวเลยโทรศัพท์ หาทันที
“เกิดอะไรขึ้น? ไม่ราบรื่นตรงไหน?”
แอนน่าเดินขึ้นบนห้อง และปิดประตูห้อง แล้วพูดว่า “ยาก กว่าที่ฉันคาดคิดไว้ ดังนั้นฉันต้องทุ่มเทมากกว่านี้”
หลงเชียวพยักหน้าเล็กน้อย เฉียวหย่วนฟานเปลี่ยนหน้า ตาของลั่วลั่วเป็นลูกสาวของตัวเอง และให้เธอสวมรอยเป็น ลูกสาวของตัวเองด้วย
ในเมื่อตั้งใจปกปิดก็คงยากที่จะคลี่คลาย
“ต้องการความช่วยเหลือจากผมไหม?”
แอนน่าส่ายหน้า เธอเดินมาดูดอกกล้วยไม้ที่ระเบียงอย่าง
นิ่งเงียบ “ไม่ต้องค่ะ ฉันจะพอสามารถจัดการด้วยตัวเองได้” ทุกเรื่องล้วนไม่สมบูรณ์แบบ ต้องมีช่องโหว่แน่นอน แต่
ตอนนี้เธอยังไม่รู้ หากหาพบ ทุกอย่างต้องค่อยๆคลี่คลายแน่ เลยปฏิเสธความช่วยเหลือจากเขา ตอนนี้ แอนน่ายังไม่ สามารถฟื้นคืนความทรงจำได้ และไม่รู้เลยว่าโลกของฉู่ลั่
วหานเป็นแบบไหน?
เควิน ไม่ใช่คนเรื่องเยอะ และไม่ได้น่ากลัวเหมือนหลง เชียวคนที่คาดยากด้วย
เมื่อคิดแบบนี้ แอนน่าก็รู้สึกเสียวสันหลัง เธออยู่ในสภาวะ ที่โกลาหล ไม่รู้อะไรเลย แต่คนอื่นกลับรู้ความจริง
หลงเชียวลูบหนังสือที่วางบนหัวเข่าเล็กน้อย “เจอกับตู้ หลิงเซวียนหรือยัง?”
แอนน่ายื่นมือเช็ดใบไม้ของดอกกล้วยไม้ “อึ๋ม เจอแล้ว” เขาซักถามเรื่องที่ละเอียดอ่อนเกินไปไหม?
“รู้สึกยังไงบ้าง?” หลังจากที่หลงเชียวถามเสร็จ ก็รอฟังคำ ตอบจากเธออย่างรีบร้อน
รู้สึกยังไงหรอ?
แอนน่า ไม่รู้ว่า บอกความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองให้กับ หลงเชียวหรือเปล่า เธอยอมรับว่า ตอนอยู่กับเควิน ไม่รู้สึก ผ่อนคลายเท่ากับอยู่กับหลงเซียว
“ไม่มีความรู้สึกพิเศษอะไรเลย ระหว่างที่ฉันยังไม่รู้ความ จริงที่ชัดเจนฉันสงสัยทุกคน ฉันยังไม่สามารถมอบความ ไว้ใจของฉันให้กับใครทั้งนั้น”
หลงเซียวพยักหน้าเล็กน้อย “รวมถึงผมด้วยใช่ไหม?”
“ใช่ โดยเฉพาะคุณ”
“อืม โอเค” หลงเชียวยิ้มแย้ม จากสถานการณ์ของลั่วลั่ว ในตอนนี้แล้ว ใครก็ไม่ควรไว้ใจ เพราะมันดีกว่าไว้ใจใครไป
ทั่ว แอนน่าขมวดคิ้ว “ดึกขนาดนี้แล้ว ทำไมคุณยังไม่นอนอีก
ล่ะ?”
“อ่านหนังสืออยู่” หลงเชียวพลิกเปิดหนังสือ “หนังสือ นิยายเรื่องอาหารจานด่วนที่ไม่มีคุณประโยชน์”
จู่ๆ แอนน่าก็หัวเราะออกมา ” (งานแต่งงานที่ยิ่ง
ใหญ่) ?”
หลงเชียวขมวดคิ้ว ไม่ค่อยอยากยอมรับ โดยเฉพาะชื่อ ของผู้แต่ง “บัวลอยหรอ?ทำไมไม่เรียกว่าเกี้ยวล่ะ”
“ดึกมากแล้ว คุณควรพักผ่อนได้แล้ว”
“ครับ”
หลังจากวางสาย แอนน่าก็เดินยืนอยู่หน้าหน้าต่าง และใน หัวสมองก็ปรากฏฉากหลงเชียวอ่านหนังสืออยู่ห้องรับแขก สักพักเธอก็แอบอมยิ้มขึ้นมา
ถ้าหากต้องเลือกใครคนหนึ่งเป็นคู่แต่งงาน แอนน่ารู้สึกว่า ต่อให้เป็นเควินคนที่อ่อนโยนและสมบูรณ์แบบก็ไม่ดีเท่ากับ หลงเชียว คนที่บอกความสัมพันธ์ที่แท้จริงต่อเธอ
หลงเชียวพลิกเปิดหนังสือ และหน้าหนึ่งในจำนวนนั้น
“กำจัดคนที่ไม่น่าไว้ใจให้กับภรรยา เป็นหน้าที่ของสามี”