ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 35
ตอนที่ 35 จะต้องเปลี่ยนเลือดภายในกันครั้งใหญ่
แล้ว
เธอคิดไม่ถึงเลยว่า หลงเซียวจะรับสายได้เร็วขนาดนี้ เธอเพิ่งจะกดโทรไปเอง
ในเมื่อโทรติดแล้ว ก็ต้องปริปากพูดแล้วหว่า
“มีธุระ?”
ฉู่ลั่วหานยังไม่ทันได้พูด น้ำเสียงเมาไวท์ของหลงเซียว ก็ดังเข้าไปในหูของเธอ ในลำโพงยังมีเสียงของการพลิก กระดาษ เขายังทำงานอยู่
ฉ่ลั่วหานหายใจเข้าลึกๆ สายตามองไปที่ปลายเท้า ของตัวเอง มืออีกข้างที่ว่างอยู่ก็ม้วนชายเสื้อเล่น “ผล ตรวจของโม่หรูเฟยฉันดูแล้วนะ ไม่มีปัญหาอะไร”
ท่านเซียวที่อยู่ในห้องทำงาน นิ้วมือที่เรียวยาว กำลัง จะเขียน ท่าทาง
ก็หยุดชะงัก “รู้แล้ว”
คำว่ารู้แล้วคำเดียว ทันใดนั้นฉู่ลั่วหานก็ไม่รู้ว่าจะพูด ต่อไปยังไงดี กัดริมฝีปาก หรือว่า จะต้องวางสายไปทั้ง อย่างนี้แล้วงั้นหรอ? ไม่งั้นก็ รอเขาตัดสายก่อนแล้วกัน?
ฉู่ลั่วหานไม่พูดอะไร หลงเซียวก็ไม่ได้พูดอะไร เหมือน กับว่าคนในสายนั้นจะลืมไปว่ากำลังต่อสายคุยกันอยู่ได้ยินแต่เสียงเขากำลังเขียนหนังสือ หลังจากนั้นก็มี เสียงเหมือนอะไรกระทบกัน
ช่วงที่เงียบนั้น ยังมีเสียงลมหายใจยาวๆของฝ่ายชาย การหายใจแล้วต่อด้วยเสียงหัวใจเต้น จนถึงกับเธอ สามารถได้ยินเสียงอัตราการเต้นของหัวใจจากตัวเขา มันไม่วุ่นวาย และแข็งแรงดี
“ยังมีเรื่องอื่น?”
เสียงของเขาหายไปประมาณครึ่งนาทีแล้วก็ดังขึ้นอีก ครั้ง ทันใดนั้น ในหัวของฉู่ลั่วหานก็ปิ้งขึ้นมา “อ้อ ใช่แล้ว วันนี้หลงจื๋อมาโรงพยาบาล บอกว่าจะมาตรวจสุขภาพ จะต้องเตรียมไปยื่นสมัครมหาลัย”
คิ้วของหลงเซียวนั้นได้ขมวดชี้ขึ้น นิ้วมือวางราบไว้บน โต๊ะ ร่างกายก็ปล่อยและพิงไปที่เก้าอี้ในท่าขี้เกียจ “ฉันรู้ แล้ว ยังมีเรื่องอะไรอีกหรือเปล่า?”
หัวของฉู่ลั่วหานยิ่งกดยิ่งต่ำลงไป ให้ตายสิ ความ ฉลาดของเธอหายไปไหนหมดกันเนี่ย?
“ไม่มีแล้ว”
ท่านเซียวแววตามืดมนพร้อมส่องแสงประกายและ ฉลาดแหลมคม ที่เธอโทรหาเขาก็เพื่อแค่จะพูดเรื่องของ คนอื่นงั้นหรอ?
ในใจ รู้สึกไม่ดีเลย
พอได้ยินเธอพูดไม่มีอะไรแล้ว ท่านเซียวก็รีบตัดสายไปอย่างไม่ลังเล
กะทันหันมาก กะทันหันจนเธอตั้งสติไม่ทัน ในความจำ นั้น ทุกครั้งที่เธอโทรหาเขา ก็เป็นเขาที่ตัดสายก่อนทุก ครั้ง ครั้งนี้ก็เช่นกัน
ความรู้สึกแบบนี้ เรียกว่าการทำให้คนรู้สึกไม่ดี
แต่ฉ่ลั่วหานไม่มีวันรู้ตั้งแต่วินาทีที่เธอหยิบโทรศัพท์ ขึ้นมา หลงจื่อก็ยืนอยู่หน้าประตูลิฟต์ มีคนและ เฟอร์นิเจอร์ต่างๆขั้นไว้ เขาไม่ละสายตาไปจากเธอเลย แม้แต่วินาทีเดียว
มือทั้งสองข้างของหลงจื่อล้วงเข้าในกระเป๋ากางเกง สายตาจ้องไปที่สีหน้าของฉู่ลั่วหานที่จากความคาดหวัง เปลี่ยนไปเป็นความตื่นเต้น และจากความสับสนไปเป็น ความเศร้าใจ
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าคนในสายโทรศัพท์นั้นคือใคร แต่แค่ใน ระยะเวลาสั้นๆก็สามารถทำให้ฉู่ลั่วหานมีหลากหลาย อารมณ์อย่างนี้ได้ เดาว่าความสัมพันธ์คนนั้นกับเธอจะ ต้องไม่ธรรมดา
หรือว่าจะเป็น พี่ใหญ่?
ลั่วหานถอนหายใจออกมาหนึ่งที่ เก็บโทรศัพท์เข้าไป ในกระเป๋า สายตามองไปที่ผ้าพันหัวเข่า คิ้วขมวด ไอ้ แผลนี้จะตามรังควานเธอไปอีกนานแค่ไหนเนี่ย?
“คุณหมอฉู่ คุณนี่ทำมาจากเหล็กหรือไงครับ? มื้อเที่ยงก็ไม่ต้องกินแล้วหรอ?”
เสียงของหลงจื่อดังมาจากห้องรับรอง มีความประชด แฝงอยู่ ต่อด้วยท่าเดินที่เหมือนเดินเล่น แค่แป๊บเดียว คนก็มายืนอยู่ตรงหน้าของเธอแล้ว หนุ่มวัยรุ่นที่สูงๆ ผอมๆ ยิ้มแล้วดูสดใสมาก
“นายทำไมยังไม่ไปอีก?”
นี่มันกี่โมงแล้ว?
หลงจื่อเม้มปากแล้วส่ายๆหัว “ผมเองก็อยากไปแต่เช้า แล้ว แต่ว่าขั้นตอนการดำเนินงานของโรงพยาบาลพี่นี่ช้า มากจริงๆ ทำให้ต้องเสียเวลาของผมมาก ในเมื่อเวลาก็ เจาะเหมาะพอดี พี่สะใภ้ ไปกินข้าวเที่ยงกันครับ!”
“ฉันจะไปกินข้าวที่โรงอาหาร นายออกไปหาอะไรกิน เองแล้วกัน”
“อย่าทำอย่างนี้สิพี่สะใภ้ แค่กินข้าวด้วยกันก็ไม่ได้? ผมไม่ใช่ว่าจะหลอกพี่กินสักหน่อย เดี๋ยวผมเลี้ยง โอเค ไหม?” ใบหน้าเขายิ้มฮิฮิ สีหน้ายังคงเหมือนนิสัยของเด็ก น้อย
พอคิดดูแล้วก็ถูก หลงจื่อเพิ่งจะอายุ20 เป็นวัยที่กำลัง
เล่นอยู่พอดี
ฉู่ลั่วหานไม่อยากให้ใครเห็นว่าเธอรู้จักกับคนของบ้าน ตระกูลหลง ตอนนี้คนส่วนมากยังไม่รู้ตัวตนของหลงจื๋อ ยิ่งไม่รู้เรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับหลงเซียว
ถ้าหากวันหน้าตัวตนของสองคนนี้ถูกเปิดเผยละก็ เธอ กับหลงจื่อใกล้ชิดกันมากเกินไปก็อาจจะทำให้เกิดเรื่อง ซุบซิบกันขึ้นมาได้ ทั้งต่อเธอ ต่อหลงเซียว ก็มีผลกระ ทบไม่ดีกันทั้งนั้น
ไม่รู้ว่าคิดยังไง จู่ๆในสมองของเธอก็มีคำว่า สวมเขา คำนี้ขึ้นมา
หลงเซียวจะทำให้เธอต้องลำบากใจอีกสักแค่ไหน แต่ เธอก็ไม่อยากให้ชื่อเสียงของเขาได้รับความเสียหาย
ไม่แคร์หรอ? ทั้งที่ในใจนั้นอยากจะปกป้องเขาสุด ชีวิต”
“ไม่ต้อง ฉันไปกินที่โรงอาหาร ช่วงบ่ายยุ่งมาก คุณชายรองก็ไม่มีอะไรทำ คงจะมีเวลาเยอะ ส่วนฉันยัง จะต้องทำงาน ไม่มีเวลาว่าง”
“พี่สะใภ้ พี่จะไม่เห็นแก่หน้าผมหน่อยเลยหรอครับ? ถ้า ผมใจสลายละก็ พี่จะมารักษาต่อหัวใจผมไหมหล่ะ ครับ?”
หลงจื่อกำลังรังควานอยู่ทางนี้ มีร่างชุดขาวคนหนึ่ง เดินออกมาจากประตูลิฟต์ หุ่นที่ดูดีกับชุดกาวน์ สีขาว เข้ากันสุดๆ ให้ความรู้สึกว่าทั้งหล่อและดุ
คนที่มาก็คือ ถังจิ้นเหยียน
วินาทีที่ออกมาจากลิฟต์ ถังจิ้นเหยียนก็ได้เห็นเด็ก หนุ่มที่แต่งตัวดูดีและกำลังพูดตื้ออย่างเอาแต่ใจอยู่ ก้าวเท้าเดินไปตรงหน้าเธอ ไม่แม้แต่จะมองหลงจื่อ “ขอโทษ ที่ให้คุณหมอรอนานครับ เราไปกันเถอะครับ”
หา?
หลงจื่อและฉู่ลั่วหานกันไปมองหน้าคนที่พูดพร้อมกัน “ผมได้นัดคุณหมอฉูไว้ก่อนแล้ว ถ้าคุณอยากจะชวนเธอ ไปกินข้าว ไว้รอบหน้านะครับ”
ไม่เหมือนกับฉู่ ลั่วหาน หน้าอกของผู้ชายคนนี้ไม่ได้มี ป้ายชื่อติดไว้ แต่ว่าชุดแต่งกายกับสภาพ ไม่ใช่แค่หมอ ธรรมดาแน่ๆ
แต่หลงจื่อก็ไม่สนเขาหรอก ปริปากพูดทีก็ไม่เกรงใจ คนอื่นเลย
ถังจิ้นเหยียนยิ้ม สายตาของเขามองไปที่ฉู่ลั่วหาน “คุณหมอฉู่ เรื่องที่เกี่ยวกับคนไข้คนก่อน เห็นทีว่าจะ ต้องหาเวลาอื่นคุยกันใหม่ซะแล้ว”
“ไม่ต้องค่ะ ตอนนี้ก็ได้ค่ะ”
พูดจบ ฉู่ลั่วหานก็เดินเฉียดไหล่ของหลงจื๋อไป ย่าง เท้าเดินไปทางขวาที่ตรงไปห้องโรงอาหาร
ถังจิ้นเหยียนก้มหัวให้หลงจื่อ ท่าทางเหมือนผู้ใหญ่
รับมือกับเด็ก
หลงจื่อเซ็ง ไม่พอใจมาก! จ้องมองสองคนนั้นแบบเอา เป็นเอาตายถึงแม้เงาของสองคนนั้นจะเลี้ยวหายไปแล้ว ก็ตาม
“ขอบคุณนะคะที่ช่วยฉันไว้เมื่อกี้” ฉู่ลั่วหานหยุดเดิน แล้วพูดขอบคุณ หลังจากนั้นก็ไม่พูดอะไรอีก
ถังจิ้นเหยียนร่างสูงใหญ่ ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ กีดขวาง การมองเห็นของเธอ “ใช้คำขอบคุณสองครั้งนี้ แลกเป็น อาหารเที่ยงสักมื้อได้ไหมครับ?”
ฉูลั่วหานไม่ชินกับคนที่ไม่ค่อยสนิทแล้วมาเล่นมุกด้วย โดยเฉพาะเพศชาย “ฉันยังมีธุระ ขอตัวไปก่อนค่ะ”
ถังจิ้นเหยียนกระตุกมุมปาก “คุณคิดว่าที่ผมแต่ง ตัวอย่างนี้มาเพื่อที่จะไปกินข้าวหรอครับ? คุณหมอฉู่ คุณกำลังกลัวอะไรเหรอครับ?”
กลัว? เธอกลัวแล้วหรอ?
“แววตาและท่าทางของคุณเมื่อกี้นี้มันบอกผม คุณกลัว การที่จะได้อยู่กับผมสองต่อสอง หรือว่า เด็กหนุ่มคนเมื่อ ก็นี้ คุณก็ขับไล่ไป คุณหมอฉู่ ข้างในของคุณกำลัง พยายามปิดกั้นอะไรอยู่”
“ฉันเปล่า”
เหมือนกับว่าถูกคนรู้เรื่องความลับที่สุดของตัวเอง ฉ่ลั่ วหานแค่อยากจะรีบปฏิเสธไป แต่ความลับที่อยู่ในแวว ตานั้น จะหลบยังไงก็ไม่พ้น
“คุณหมอฉู่ อย่าพยายามเถียงกับหมอจิตวิทยา การ เถียงและปฏิเสธของคุณนั้นมันจะยิ่งบ่งบอกว่ามันจริง” น้ำเสียงของเขายังคงอ่อนโยนดุจน้ำพลอย เหมือนหมอจิตวิทยากำลังพูดคุยกับคนไข้ของตัวเองอยู่
น้ำเสียงของฉู่ลั่วหานแข็งขึ้นมา “คุณเองก็ไม่ต้องใช้ หลักจิตวิทยาของตัวเองมาตัดสินฉัน คุณหมอถัง เมื่อกี้ คุณช่วยฉันไว้ แต่ไม่ได้แปลว่าคุณจะมาก้าวก่ายเรื่อง ของฉันได้”
ถังจิ้นเหยียนอดหัวเราะไม่ได้ เขาหัวเราะแล้วมีรอยที่ คาง มันช่างมีเสน่ห์ นั้นมันเป็นเสน่ห์และจุดเซ็กซี่ของ พวกผู้ชาย แต่ว่า..
ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้านี้ มันไม่สามารถเชื่อมกับความ เซ็กซี่ได้เลย เพราะเขานั้น…สะอาดเกินไป
“ฮ่าฮ่า การแก้ตัวของคุณหมอฉู่นี้เยี่ยมจริงๆ โอเคครับ ผมยังมีคนไข้ต่อ คุณหมอฉู่ก็ไปยุ่งเถอะครับ ระวังหัวเข่า ถ้าคุณยังใช้งานมากๆ สงสัยเดือนหน้าคงจะต้องไปเข้า เฝือกแล้วหล่ะ”
มองร่างของถังจิ้นเหยียนที่เดินจากไปไกล ฉู่ลั่วหานรู้ สึกเหมือนว่าตัวเองกลายเป็นคนโปร่งใส ดวงตาของถัง จิ้นเหยียนมีรังสีx ได้ส่องความในใจของเธอไปหมด เกลี้ยง
แต่ว่า ถังจิ้นเหยียนกลับพูดเรื่องทั้งหมดนี้ออกมาอย่าง ง่ายดายและอ่อนโยน คาดไม่ถึงว่าเธอจะยังไม่ทันรู้ตัว อะไร
ขึ้นตึกถอดชุดกาวน์ ออกแล้วเปลี่ยนเป็นชุดล่าลองจ้าวเหมียนเหมียนและจี้ซื่อหยู่ก็อยู่พอดี ทั้งสองคนยังไม่ หยุดพึมพำ “คุณหมอฉู่ เมื่อกี้ที่พี่ลงไป ไม่รู้ว่าข้างบนนี้ สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง ผู้ป่วยเตียง30นั้น เหนื่อยใจ กับเขาจริงๆ! ยุ่งวุ่นวายมาก!”
“หงุดหงิด ไม่พูดละ หิวมาก รีบไปเติมพลังที่โรงอาหาร กันเร็ว”
โรงอาหารในเวลากลางวัน ร้านอาหารทุกร้านคนเต็ม ไปหมด ทุกครั้งที่มีคนบ่นว่า หมอน้อยผู้ป่วยเยอะแบ่งกัน ไม่พอ นั้นมันใส่ร้ายกันชัดๆ! ดูดีๆแล้วจำนวนหมอนั้น มากจนน่าตกใจเลยต่างหาก?
จ้าวเหมียนเหมียนยกข้าวกล่องที่ใส่ไข่ผัดมะเขือเทศ ไว้ พูดซุบซิบว่า “พวกแกไม่รู้สึกแปลกๆหรอ? ทั้งๆที่รอง ผู้อำนวยการก็ขึ้นตำแหน่งแล้ว แต่กลับไม่เคยโผล่หน้า ให้เห็นเลยสักครั้ง งานต้อนรับของครั้งที่แล้วก็ขาด บุคคลคนนี้ไป ทำไมต้องลึกลับอะไรขนาดนี้?”
จี้ชื้อหยู่พูด “ครั้งที่แล้วเผอิญมีคนไข้ที่ต้องรับการ ผ่าตัด คนไม่พอ เขาก็เลยต้องไปผ่า ไม่ได้ตั้งใจที่จะไม่ มาสักหน่อย และที่ทำให้ฉันรู้สึกแปลกที่สุดก็คือ เขาที่ เป็นหมอแผนกภายนอก แล้วทำไมถึงมาเป็นรองผู้ อำนวยการให้กับแผนกภายใน? มันน่าแปลกมาก”
ฉ่ลั่วหานสนใจแต่เรื่องกินข้าวของตัวเอง คิดเรื่องของ ตัวเอง ไม่ได้สนใจเรื่องรองผู้อำนวยการคนนี้เลย
จะเป็นใครก็เป็นไปเถอะ
“ข่าวใหญ่แล้ว! ท่านรองคณบดีนีของถูกย้ายไปเป็นผู้ อำนวยการที่สาขาอื่นไปแล้ว! ดีใจไปเถอะ ฟังดูแล้ว เหมือนจะได้เลื่อนขั้น แต่สาขาย่อยกับหลักนี่มันเทียบ กันได้หรอ? ทั้งๆที่เป็นการลดตำแหน่งต่างหาก?”
หมอAนั่งนินทาอยู่โต๊ะข้างๆ หมอBก็พูดตอบกลับอย่าง โอเวอร์ “ไม่ใช่มั้ง! ไม่เห็นมีวี่แววอะไรเลยนะ กะทันหัน มากไปเปล่าอ่ะ?”
“เรื่องจริงแท้แน่นอน ท่านรองคณบดีนีแต่ก่อนนั้นเป็น ผู้ช่วยของแผนกจิตวิทยา ต่อมาก็ได้เป็นรองคณบดี ก็ ทำงานดีมาโดยตลอด แต่เหมือนว่าจะเป็นเพราะสุขภาพ ไม่ดี จะต้องหยุดเพื่อไปรักษาประมาณ1ปี ไม่รู้เหมือน กันว่าเป็นโรคอะไร”
ท่านรองคณบดีนีป่วยหรอ? แล้วยังโดนลดตำแหน่ง
อีก?
พอคิดถึงเรื่องที่เธอยื่นแบบฟอร์มใบสมัครสำหรับการ ศาสตราจารย์หมอให้ตัวเธอ ใจของฉู่ลั่วหานก็รู้สึก หน่วงๆ
“ถ้างั้น รองคณบดีจะเป็นใครกันหล่ะ?”
“ไม่รู้สิ ยังไงซะว่าที่รองคณบดีสำหรับโรงพยาบาล ของพวกเรา ก็จะเลือกมาจากแผนกจิตและภายใน หัวใจ พวกไม่กี่แผนกนี้แหละ ไม่ใช่แผนกทันตกรรมของพวก เราแน่นอน”
บทสนทนายังคงดำเนินต่อไป จ้าวเหมียนเหมียนใช้ จานสะกิด ฉู่ลั่วหาน “คุณหมอ โรงพยาบาลจะเปลี่ยน เลือดกันครั้งใหญ่แล้ว รองผู้อำนวยการของเรายังมาไม่ ถึง รองคณบดีก็จะล้มไปก่อนแล้ว พี่ว่า พวกเราจะมี โอกาสกันไหม?”
“อย่าคิดเพ้อเจ้อไปเลย ประสบการณ์เธอยังแค่กี่ปี เอง? อยากเป็นรองคณบดี? รอให้แก่หัวล้านก่อนแล้ว ค่อยมาพูดดีกว่า”
“เชอะ! ไม่แน่ ครั้งนี้อาจจะเป็นรองคณบดีที่หัวยังไม่ ล้านก็ได้นะ!”
“ผู้หญิงหรอ?”
“ไปไปไป!”
กินข้าวเสร็จ ฉู่ลั่วหานก็ไปที่ห้องนั่งเล่นก่อน เข้าตรวจ เริ่มตอนบ่าย2 สามารถไปอ่านหนังสือก่อน แบบประเมิน ตำแหน่งหนะเหรอ เขียนรายงานนั้นเป็นอะไรที่ยากสุด แล้ว แค่คิดก็หัวระเบิดแล้ว
ไปชงกาแฟมาแก้วหนึ่งแล้วนั่งอยู่บนโต๊ะ เผอิญว่าบน โต๊ะนั้นวางหนังสือที่เธอชอบอ่านในช่วงนี้อยู่พอดี เพิ่ง เปิดดู ก็มีแผ่นกระดาษปลิวออกมาจากข้างใน
ไม่รู้ว่าใครเอามันมาสอดไว้ พู่กันที่เขียนอย่างมีทักษะ และดูละเอียดอ่อน เขียนถึงวิธีการจัดการกับการอุดตัน ของเยื้อหุ้มหัวใจและภาวะเลือดออกในหัวใจ รายละเอียดต่างๆถูกจดไว้ครบทุกคำ
“คุณหมอฉู่ หยิบหนังสือของฉัน ไม่บอกไม่กล่าวอะไร เลยนะคะ?”