ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 442
ตอนที่ 442 กลายเป็นคนสำคัญของคุณ
ดูเหมือนหลงเซียวจะชื่นชอบการอาบน้ำร่วมกัน อีกอย่างยังอาวรณ์ด้วย เพียงแต่ข้อเสนอของเขามักแฝงด้วยเจตนาคลุมเครือในหลายครั้ง ลั่วหานเลยไม่รับปากเลยสักครั้ง
ลั่วหานสะบัดมืออันแข็งดั่งเหล็กของเขาออก และไม่หลงกลกับสิ่งยั่วยวนของเขา แต่เธอยังคงจ้องมองเขาด้วยสายตาสงสัย และถามว่า “หลงเซียว ตกลงคุณกำลังคิดจะทำอะไร? ฉันคาดเดาคุณไม่ออกแล้ว”
ลั่วหานไม่ชอบการคาดเดาที่ไม่ชัดเจน และไม่ชอบค้างคาใจ ยิ่งไปกว่านั้นเธอไม่อยากแสร้งเป็นไม่มีอะไร แล้วให้เขาแบกความกดดันทั้งหมดคนเดียว
หลงเซียวนั่งลงอีกครั้ง แล้วพูดว่า “คุณอดทนไม่ไหวมาตั้งแต่ตอนไหนแล้ว?”
“ฉันอดทนไม่ไหวแล้ว ดังนั้นคุณช่วยบอกความจริงหน่อย”
เธอขมวดคิ้ว และเผยสีหน้าดื้อดึง หนักแน่น
นี่เป็นครั้งแรกที่หลงเซียวเห็นลั่วหานเป็นแบบนี้ ไม่ผิดคาด ดังนั้นเลยพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “เรื่องค่อนข้างสับสนเล็กน้อย คุณอยากให้ผมอาบน้ำแค่ครึ่งจริง แล้วมาพูดอธิบายต่อคุณยาวเหยียดแบบนี้? ที่รัก ขอเวลาสักสิบนาทีได้ไหม?”
ในดวงตาสีดำของเขาแฝงรอยยิ้มหยอกเล่นเธอ ซึ่งดูแล้วคงอารมณ์มีความสุขมาก
ลั่วหานทำปากมุ้ย “โอเค สิบนาที หลังจากสิบนาทีฉันจะฟังความจริงทั้งหมด”
“คุณไม่อาบน้ำด้วยหรอ?” เขาจ้องมองใบหน้าของเธอ จากนั้นกวาดตามองข้างล่าง
“คุณรีบไปอาบน้ำเถอะ! รีบไปเถอะ!”
ลั่วหานยื่นมือทั้งสองข้างผลักเขาไปจนถึงหน้าประตูห้องน้ำ
หลงเซียวยกมือข้างหนึ่งยันผนังกำแพง “คุณหมอฉู่ที่เย็นชาไม่เคยรู้จักหน้าแดง ทำไมตอนนี้ถึงหน้าแดงง่ายดายแล้วล่ะ”
ลั่วหานลูบใบหน้าของตัวเอง และพบว่าร้อนอุ่น “อุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศสูงเกินไป คุณไม่ต้องคิดมาก ยังไม่ไปอาบน้ำอีกหรอ?”
หลงเซียวลูบเส้นผมลอนของเธอ “ไม่อาบน้ำด้วยกันจริงหรอ? แน่ใจนะ?”
“ตกลงคุณจะอาบน้ำไหม? ถ้าไม่อยากอาบน้ำแล้วก็อธิบายอย่างชัดเจนให้กับฉัน เลือกเอาเอง” ลั่วหานยกมือกอดอก พร้อมสบสายตาของเขา
“ฮ่าฮ่า! ครับ ไปเดียวนี้เลยครับ”
ในที่สุดเขาก็เดินเข้าห้องน้ำสักที ลั่วหานจ้องมองร่างเงาที่มีส่วนโค้งเว้าบนกระจกห้องน้ำ จากนั้นก็ยกมือลูบใบหน้าของตัวเอง
“หน้าแดงขนาดนี้เลยหรอ? เป็นไปไม่ได้?”
ลั่วหานเดินมาที่หน้าหน้าต่าง และชมดูทิวทัศน์ตึกสูงตระหง่านฟ้าของรัฐลาสเวกัส
ลั่วหานยักไหล่ขึ้นเล็กน้อย เธอไม่ค่อยชอบทิวทัศน์หรูหราฟุ่มเฟือยจนเกินไป เพราะรู้สึกเหมือนสถานที่สูงตอนตกลงมาจะมีความรุนแรงมาก
ทันใดนั้นโอบกอดอันอบอุ่นหนึ่งก็โผล่โอบกอดเธอจากข้างหลัง พร้อมกับดึงเธอแนบบนหน้าอกของตัวเอง ขณะเดียวกันกลิ่นครีมอาบน้ำแฝงกลิ่นฮอร์โมนผู้ชายก็ฟุ้งกระจายไปทั่วอากาศ
“กำลังคิดอะไรอยู่หรอ?”
ลั่วหานโน้มตัวไปข้างหลังพิงบนตัวเขา พร้อมกับทิ้งน้ำหนักบนตัวเขาอย่างผ่อนคลาย “เมืองนี้ ฉันไม่ค่อยชอบ”
“อืม” เขาตอบคำหนึ่งเพื่อแสดงให้รู้ตัวเองรู้แล้ว
“คุณอยากรู้ว่าทำไมไหม?” ลั่วหานหันหน้าเล็กน้อยจ้องมองเขา
“ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ ที่รักไม่ต้องอธิบายอะไรหรอก” เขาก้มหน้าวางคางบนบ่าของเธอ พร้อมสบสายตาเธอ
ลั่วหานดึงนิ้วมือทีละนิ้วของเขาที่ลูบคล้ำเอวของตัวเองออก และพูดขึ้นว่า “แม่ของฉันเสียชีวิตที่ลาสเวกัส ในตอนนั้นฉันยังเด็กมาก เลยจำได้แค่เลือนราง”
มือสองข้างที่โอบกอดตัวเองเริ่มออกแรงโอบกอดอย่างอ่อนโยนขึ้น ขมวดคิ้วและพูดว่า “ผมไม่ค่อยรู้เรื่องของคุณมาก เป็นเพราะผมบกพร่องด้วยแหละ”
ลั่วหานส่ายหน้า “เรื่องผ่านมานานมากแล้ว ฉันก็ลืมเกือบหมดแล้ว อีกอย่าง…ตอนที่พ่อของฉันเสียชีวิต ความทรงจำที่มีต่อแม่ก็ค่อยๆเลือนราง ต่อมาฉันเรียนที่นิวยอร์ก และพยายามไม่นึกถึงเรื่องเหล่านี้ แต่มันก็ได้ผลมากเลย”
หลงเซียวรู้สึกเหมือนถูกเข็มทิ่มแทงหัวใจ วินาทีต่อมาความเจ็บปวดก็กลายเป็นความรู้สึกผิด เขาช่างไม่รู้เรื่องจริงๆ!
ในตอนนั้นลั่วหานไม่มีญาติมิตรสักคนเลย หลังจากที่พ่อแม่จากไป แม่บุตรธรรมและฉู่ซีหรานก็กลั่นแกล้งเธอ ภายใต้สถานการณ์ตอนนั้นเธอถูกบีบบังคับแต่งงานกับเขา และเขาก็ข่มเหงรังแกเธออีก
หัวใจ….เหมือนถูกยางรถยนต์กดทับ
เขายื่นมือทั้งสองข้างโอบกอดเธออย่างแน่น “ลั่วลั่ว…..”
เมื่อสัมผัสถึงความโศกเศร้าของผู้ชายข้างหลัง ลั่วหานก็ยิ้มและพูดว่า “เพื่อเดินออกจากความโศกเศร้าของพ่อแม่ที่จากลา ฉันทุ่มเทความตั้งใจทั้งหมดให้กับการศึกษา หลายปีมานั้นชีวิตของฉันนอกจากเข้าเรียนก็อ่านหนังสือ นอกจากนอนก็ฝึกงาน นอกจากวิจัยก็เขียนวิทยานิพนธ์ เมื่อคิดในตอนนี้รู้สึกว่าตัวเองในตอนนั้นเป็นเด็กเรียนมาก”
เธอยิ้มประชดตัวเองเล็กน้อย คนที่เคยปกปิดอดีตที่ขืนข่มของตัวเองอย่างมิดชิด คนที่ไม่สามารถเปิดเผยความลับของตัวเอง ในตอนนี้เธอสามารถเปิดเผยต่อหน้าเขาแล้ว
เธอนึกว่าการคลี่ห่อหุ้มทีละชั้นของอดีตจะทำให้ตัวดูน่าเวทนา เปล่าเลย แต่ยิ่งทำให้เขาเติบโตขึ้น
“ดังนั้นภรรยาของผมเลยกลายเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหัวใจ และในตอนที่เรียนมหาวิทยาลัยจึงมีความสามารถช่วยผมด้านหัวใจด้วย ลั่วลั่ว….” เขาสูบลมหายใจเข้าลึกไป และพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ทุกอย่างที่เกิดขึ้นทำให้เราสองคนได้มาพบกัน”
ลั่วหานยืนพิงเขา และชมดูทิวทัศน์นอกหน้าต่างด้วยกัน “จางอ้ายหลิงในนิยายเรื่อง《เสน่ห์แห่งความรัก》ก่อนที่เธอจะสมหวังในความรัก เมืองก่างทั้งเมืองต้องถล่มก่อน ดังนั้นเพื่อได้พบคุณ ชีวิตของผมเลยมีการเปลี่ยนเส้นทาง”
“ถือเป็นความโชคดีอย่างยิ่ง”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลข้างหูของเธอ
ถือเป็นความโชคดีอย่างยิ่งที่สามารถใช้ชีวิตด้วยกันกับเธอ
ถือเป็นความโชคดีอย่างยิ่งที่ทำให้พวกเราสองคนได้พบเจอกัน
ถือเป็นความโชคดีอย่างยิ่งที่ช่องโหว่ชีวิตของเธอฉันสามารถช่วยเติมเต็มทีละนิดจนอิ่มตัว
ลั่วหานรู้สึกแสบตาเล็กน้อย “หลงเซียว ก่อนพบคุณ ชีวิตของฉันเย็นชามาก ฉันไม่รู้จะเชื่อความรู้สึกแบบนี้ยังไง ฉันไม่ได้เป็นคนเย็นชาหรอก เพียงแต่เมื่อก่อนฉันรักใครไม่เป็น ไม่เข้าใจความรักด้วย”
“ผมรู้” เขาตอบรับขึ้น และพูดขึ้นว่า “ผมรู้หมดแล้วว่า คุณผ่านเรื่องราวอะไรมาบ้าง”
ลั่วหานหลับตาลงทั้งสองข้าง ขณะเดียวกันขนตางอนยาวก็สั่นเทาเล็กน้อย “ชีวิตของฉันเดียวดายและโดดเดี่ยวมาก”
“ผมรู้ แต่ต่อไปจะไม่เป็นแบบนั้นแล้ว คุณมีผมแล้ว และผมจะเป็นคนที่พึ่งพาของคุณ ลั่วลั่ว วางใจเถอะ ความเจ็บปวดของคุณผมจะแบกรับแทนคุณเอง”
——
ณ เมืองหลวง หมอกควันรุนแรงรอบแรกปกคลุมทั่วทั้งเมือง ทำให้มีความมืดสลัวปกคลุมกลางอากาศ
ตึกบริษัท MBK
“ฟิ้ว!”
“ตึงตึง!”
เสียงสิ่งของตกแตกกระจายดังสองครั้งต่อเนื่องขึ้นในห้องทำงานของกรรมการบริหาร แจกันเครื่องเคลือบลายอันประณีตถูกหลงถิงปัดตกแตกกระจาย
เหลียงจ้งซุนกับหลงจื๋อยืนก้มหน้าเบื้องหน้าโต๊ะ และข้างหลังยังมีพนักงานแผนกวิศวกรรม แผนการตลาด แผนกการเงิน แผนกประชาสัมพันธ์ แผนกการขายเป็นต้น แถมยังมีผู้จัดการของแผนกด้วย ทำให้บรรยากาศในห้องทำงานอบอวลไปด้วยความกดดันจนหายใจไม่ออก แต่ขณะเดียวกันหัวใจก็เต้นแรงมาก
ทุกคนนิ่งเงียบไม่มีใครส่งเสียง
หลงถิงกวาดตามองทุกคนด้วยสายตาแหลมคม จากนั้นก็ยื่นมือคว้าจับเอกสารบนโต๊ะขว้างลงบนพื้นดัง “ตึง” และพูดว่า “พวกคนไร้ประโยชน์!”
ภายในห้องทำงานยังคงไม่มีคนพูด บรรยากาศเงียบ กดดัน อึดอัด สับสนจนทำให้ทุกคนหายใจไม่ทั่วท้อง
“แค่โครงการเล็กก็จัดการไม่ได้! บริษัทเลี้ยงพวกคุณให้กินอะไรหรอ! ทำไมโครงการที่อเมริกาถึงถูกตรวจสอบเพื่ออายัด? บอกมาหน่อย!”
ผู้จัดการแผนกวิศวกรรมห่อตัวเองจนจะขดตัวแล้ว “คณะกรรมการ….ครับคือ….”
“ว่ามา! อธิบายให้ผมฟัง!”
“คือ….ตอนที่ผมรับช่วง ไม่มีปัญหาอะไรเลยครับ ผม ผมเองก็ไม่รู้ว่าเป็นแบบนี้ได้ยังไง” ไม่เพียงแค่น้ำเสียงที่สั่นเทา แต่ทั้งตัวก็สั่นเทาด้วยเหมือนกัน
“โครงการนี้ หลงเซียวได้เตรียมการทั้งหมดแล้ว แต่พอถึงมือพวกคุณกลับเกิดปัญหาขึ้น! ไอ้พวกคนไร้ประโยชน์!”
“ปิ้ว!”
ถ้วยชาถูกหลงถิงปัดตกแตกกระจายบนพื้นด้วยความโมโห
หลงจื๋อสูบลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมกับรวบรวมความกล้าเงยหน้าขึ้น และเห็นหลงถิงมีสีหน้าโมโห เขาพูดด้วยน้ำเสียงระมัดระวังว่า “โครงการนี้พี่ใหญ่มอบหมายให้ผมทำแทน ตอนที่พี่ใหญ่ไม่อยู่ ดังนั้นคนที่รับผิดชอบเรื่องคือผม….. ”
“หุบปาก!”
หลงถิงตะคอกใส่หลงจื๋อด้วยน้ำเสียงโมโหขึ้น และพูดว่า “แผนกกฎหมาย พูดมา!”
พนักงานแผนกกฎหมายหันหน้ามาสบตากัน จากนั้นหัวหน้าผู้ชายก็พูดขึ้นว่า “คณะกรรมการครับ หากยึดตามสถานการณ์ตอนนี้แล้ว โครงการของพวกเราแล้ว ค่อนข้างวิกฤติจนไม่สามารถกอบกู้แล้ว และที่ดินผืนนั้นพวกเราก็ไม่สามารถเอากลับคืนด้วย”
หลงถิงยังอยากขว้างสิ่งของ เลยยื่นมือหยิบ แต่กลับว่างเปล่า “เอากลับมาไม่ได้หรอ? นี่เป็นคำตอบของคุณหรอ?”
“คณะกรรมการครับ หากยึดตามสถานการณ์ตอนนี้ก็เป็นแบบนี้ครับ แต่…เมื่อก่อนตอนที่พวกเราทำโครงการของซีแอตเทิลก็เคยเจอสถานการณ์ประมาณนี้ครับ แต่….ท่านประธานเป็นคนจัดการครับ”
หลงเซียว! หลงเซียวอีกแล้ว!
“เขาสามารถจัดการได้ แต่พวกคุณไม่ได้หรอ?”หลงถิงเกลียดชื่อหลงเซียวสองพยางค์นี้ขึ้นใจ เขาเกลียดคนนี้ที่มีอิทธิพลในแวดวงธุรกิจทุกอย่าง!
เกลียดตัวตนของเขา! และเคยที่เขามีตัวตนและมีความสามารถมากถึงขนาดนี้!
หลงจื๋อซักถามอย่างระมัดระวังว่า “เดียวผมจะไปอเมริกาเอง บางทีอาจจะสามารถหาวิธีทางแก้ไขได้”
หลงถิงมีสีหน้าเคร่งเครียด โบกมือและพูดว่า “ไม่ได้”
ภายในใจเองก็ไม่ยอมรับ อีกอย่างความเป็นจริงความสามารถของเขาก็ไม่ได้ด้วย เขาอ่อนหัดเกินไป พวกอเมริกาเจ้าเล่ห์มีกลอุบาย เขาจัดการไม่ได้หรอก ยิ่งไปกว่านั้นจะยิ่งสร้างปัญหาให้กับบริษัทด้วย
ผู้จัดการแผนกประชาสัมพันธ์ที่ไม่กล้าพูด ในที่สุดก็เอ่ยปากพูดว่า “คณะกรรมการครับ….ตอนนี้โลกภายนอกกำลังตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับการเดินทางของประธาน ข่าวด้านลบแบบนี้มักสร้างผลกระทบต่อหุ้นบริษัทมากเลยครับ ตอนนี้ปัญหาหลายอย่าง….. หรือว่าคุณจะเรียกให้ประธานกลับมาช่วยจัดการชั่วคราวดีไหมครับ?”
“ไสหัวออกไป!”
ให้เขากลับมาหรอ?
“พ่อครับ ทำไมไม่ให้พี่ใหญ่กลับมาล่ะครับ? ปัญหาที่อเมริกาเราจัดการไม่ไหวหรอก ถ้าทางสื่อมวลชนรู้ พวกเขาต้องค้นหาความจริงแน่ ถึงตอนนั้นคงรู้ว่าพี่ใหญ่ออกจากบริษัท MBK แล้ว และ……”
“ไสหัวออกไปให้หมด!”