ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 444
ตอนที่ 444 คุณคือทิวทัศน์ที่ฉันเคยเห็นมาสวยที่สุด
ณ เนเธอร์แลนด์ เมืองหลวงอัมสเตอร์ดัม นี่เป็นเมืองที่โอบล้อมน้ำแม่น้ำเหมือนกับอัญมณีฝังบนมงกุฎ อีกทั้งยังมีสี่ฤดูกาลที่งดงามด้วย
เพราะเป็นฤดูร้อน อากาศเลยอบอุ่นมาก ทิวทัศน์ก็งดงามมากด้วย ระหว่างที่เดินเที่ยวในเมืองความรู้สึกเหมือนก้าวเข้าสู่สวรรค์ เพราะบรรยากาศอบอวลเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้ที่น่าสูบดม
“สวยงามมาก สะอาดมากด้วย”
นี่เป็นทิวทัศน์แรกที่ลั่วหานกล่าวชื่นชมนับตั้งแต่เดินทางมา เธอเคยเห็นทิวทัศน์ที่สวยงดงามมามากแล้ว เลยค่อนข้างจู้จี้เรื่องมาก แต่ตอนที่เห็นสวนดอกทิวลิปบานสะพรั่งเป็นผืนแม่น้ำ ขณะเดียวกันก็ได้กลิ่นหอมดอกไม้จางๆนั้น เธอก็รู้สึกประทับใจทันที
ลั่วหานสวมชุดเดรสยาวสีขาวแขนยาว ในตอนนี้ชายกระโปรงและเชือกผูกเอวถูกลมพัดพริ้วสะบัดอย่างงดงามดั่งภาพวาด
ขณะเดียวกันเส้นผมที่นุ่มลื่นดั่งสาหร่ายก็พริ้วไหลตามกระแสลมพัดเหมือนกัน ในตอนนี้เธอกำลังเผชิญหน้ากับดอกทิวลิปสีเหลือง สีแดง สีชมพูอยู่ ชั่วพริบตาที่ลมพัดเข้ามา รู้สึกเหมือนมีผีเสื้อเกาะอยู่บนใบหน้า ขณะเดียวกันขนตางอนยาวของเธอก็กำลังสั่นเทาเล็กน้อยด้วย
หลงเซียวจับมือของเธอไว้ “ลั่วลั่ว ผมดูทิวทัศน์สวยมามากมาย แต่ไม่เท่าดูกับคุณเลย”
เขาจ้องมองเธอด้วยสายตาหวั่นไหว ขณะเดียวกันลั่วหานเองก็สบสายตาเขาอย่างลึกซึ้งท่ามกลางสวนดอกทิวลิปด้วย ซึ่งถือเป็นฉากที่งดงามเหมือนดั่งภาพวาด
จากนั้นลั่วหานก็มองประเมินเขา หลงเซียวสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงยีนส์สีดำ โดยที่เอามือข้างหนึ่งยัดใส่กระเป๋ากางเกง ในตอนนี้เขาที่มีรูปร่างสูงใหญ่ และกำลังยืนริมแม่น้ำของเมืองอัมสเตอร์ดัม โดยที่เบื้องหลังเป็นต้นไม้วิลโลว์ที่พริ้วไหลอยู่ ส่วนข้างล่างเป็นกระแสน้ำ
หล่อจริงๆ!
เขาดูดีจนตกใจมากกว่าทิวทัศน์อีก
“คุณหลง….”
เธอคลี่ปากยิ้มแย้ม จากนั้นก็โน้มตัวเข้ามาจูบริมฝีปากของเขาอย่างอ่อนโยน และพูดขึ้นว่า “คุณก็เหมือนกัน คุณคือทิวทัศน์ที่ฉันเคยเห็นมาสวยที่สุด”
หลงเซียวยิ้มจางๆ และโอบกอดเธอ “คุณชอบที่นี่ไหม?”
ลั่วหานพยักหน้าเล็กน้อย โดยที่จมูกยังได้กลิ่นหอมของดอกทิวลิปที่ผ่านกระแสลมพัดอยู่ สวยงามมาก ช่างมีความสุขจริงๆ “อืม! ชอบค่ะ หลงเซียว ฉันรู้สึกมีความสุขมาก มากจนรู้สึกอยากร้องไห้”
เธอรู้สึกประทับใจจริงๆ ในดวงตาของเธอมีประกายน้ำตาอยู่ จากนั้นเธอก็กระโจนเข้าโผล่กอดเขา พร้อมร้องไห้ออกมา
หลงเซียวขมวดคิ้ว “ลั่วลั่ว?”
ลั่วหานโอบกอดในอ้อมกอดของเขา “อย่าเพิ่งขยับ ปล่อยให้ฉันกอดคุณสักพักหนึ่งก่อน ฉันกลัวจะไม่เป็นความจริง กลัวจะเป็นเพียงความฝัน ต่อให้เป็นความฝันจริงๆ ปล่อยให้ฉันฝันยาวๆหน่อย”
หลงเซียวลูบเส้นผมของเธอเบาๆ และหันหน้าจูบบนหัวของเธอหนึ่งที จากนั้นก็ยื่นมือโอบกอดเธออย่างอ่อนโยน โดยที่ชายกระโปรงของเธอพริ้วสะบัดตามกระแสลม
“นี่ไม่ใช่ความฝัน เป็นความจริง ถ้าหากคุณชอบ พวกเราสามารถพักอยู่ที่นี่หลายวัน หรือต่อไปเดียวผมพาคุณมาที่นี่อีก”
คนไร้เดียงสาจริงๆ คิดไม่ถึงจะเห็นทิวทัศน์ แล้วรู้สึกตื้นตันใจจนร้องไห้ออกมา
ลั่วหานโอบกอดเขาอย่างแน่น โดยที่มือทั้งสองข้างกำเสื้อเชิ้ตของเขา “หลงเซียว คุณดีกับฉันมากแบบนี้ มันทำให้ฉันรู้สึกหวาดกลัวว่า คุณจะไม่พาฉันมาเที่ยวอีก และกลัวคุณหนีไปด้วย!”
เธอเงยหน้ามองเขา โดยที่ดวงตาแดงจางๆ เพราะเพิ่งร้องไห้เสร็จเมื่อกี้
หลงเซียวยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้น “พูดอะไร เป็นไปไม่ได้”
ลั่วหานสูบลมหายใจเข้าลึกๆ “โดยปกติแล้ว เมื่อทำให้คนๆหนึ่งมีความสุขจนถึงที่สุดแล้ว ต่อไปก็รอคอยทำให้เธอตกนรกจนถึงที่สุดด้วย คุณได้มอบภาพฝันที่สวยงามที่สุดให้ฉันแล้ว วินาทีต่อมาคุณจะปลุกให้ฉันตื่นใช่ไหม?”
“ทำไมถึงมีความคิดแบบนี้ล่ะ? เป็นเพราะเมื่อก่อนผมเย็นชาต่อคุณมาก ตอนนี้คุณเลยปรับตัวไม่ทันหรอ?” เขาไม่รอเธอตอบก่อน แต่พูดคำตอบของตัวเองเลย ถึงแม้ว่าคำตอบจะทำให้เขาขายขี้หน้าก็ตาม
ลั่วหานหัวเราะเล็กน้อย “อาจจะมั้ง”
“ไม่ ต่อไปทุกเช้าตอนคุณตื่นจะเห็นผมอยู่เคียงข้างคุณ ต่อไปผมจะดูพระอาทิตย์ขึ้นเป็นเพื่อนคุณทุกวัน ถ้าหากเป็นความฝัน ผมจะทำให้คุณฝันจนแก่เฒ่า และผมจะอยู่ในความฝันเป็นเพื่อนคุณตลอดชีวิต”
เขาโอบไหล่ของเธอ แล้วก้มหน้าจูบบนหน้าผากของเธอหนึ่งที พร้อมพูดคำสัญญาอย่างหนักแน่นขึ้น
ลั่วหานยกมือเรียวยาวปิดปากของเขา “ไม่ต้องพูดแล้ว ช่วงนี้ฉันฟังคำหวานจากปากคุณเยอะมากแล้ว คุณให้เวลาฉันปรับตัวหน่อย ส่วนคำพูดหวานเยิ้มที่เหลือ คุณเก็บไว้วันพูดวันหลังต่อ เพราะหากพูดจบตอนนี้ ต่อไปฉันคงไม่ได้ยินแล้ว”
หลงเซียวจูบบนริมฝีปากของเธอหนึ่งที “ไม่หรอก เพราะคุณอยู่เคียงข้างผม ผมเลยอดใจไม่ไหวอยากพูดคำพูดหวานๆ และรู้สึกอยากพูดไม่หยุดด้วย”
ลั่วหานยังคงซบในอ้อมกอดของเขา ทั้งสองคนเดินเล่นริมแม่น้ำ ซึ่งทั้งสองข้างทางเป็นสถาปัตยกรรมของเนเธอร์แลนด์ โดยส่วนใหญ่เป็นอาคารสามชั้นสีแดง ฟ้า เขียว ชมพู ดูแล้วเหมือนฉากในนิทานเลย
“หลงเซียว คุณดูบ้านพวกนี้สิ ประตูล้วนมีขนาดเล็กมาก และสามารถเดินผ่านได้แค่ครั้งละหนึ่งคนด้วย”
ประตูแคบถือเป็นเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมของเนเธอร์แลนด์ และสาเหตุเป็นเพราะในตอนนั้นมีการเก็บภาษีทุกชนิดรุนแรงมาก ดังนั้นหากมีประตูกว้างก็ยิ่งต้องจ่ายค่าภาษีมาก
หลงเซียวพยักหน้าเล็กน้อย “ใช่ ดังนั้นคนเนเธอร์แลนด์จึงรักเดียวใจเดียว คนเนเธอร์แลนด์ใจแคบจริงๆ สามารถยัดคนในหัวใจได้แค่คนเดียว”
เขาบิดเบือนเรื่องราวประวัติศาสตร์หลอกเธอ
ลั่วหานอ้าปากค้างเล็กน้อย เธอมีความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องราวของที่นี่ เลยรู้ว่าเหตุผลไม่ใช่แบบนั้น แต่เธอกลับแกล้งทำเป็นเชื่อในคำอธิบายของเขา
“หลงเซียว คุณมีเจตนาอะไรซ่อนอยู่หรอเปล่า? ทำไมถึงพูดแบบนี้ด้วย?” ลั่วหานพูดลองใจเขา
หลงเซียวยื่นมือจับมือของเธอดึงมาวางบนท้อง “ผมมีเพียงคุณ และคุณเป็นต้นกำเนิดความสวยงามทุกอย่างของผม”
ลั่วหานถูกเขาพูดหว่านเสน่ห์จนเขินหน้าแดงระเรื่อแล้ว!
“บ้าน้ำลายอีกแล้ว!”
“ผมทำแบบนี้กับคุณเท่านั้น ผมถึงจะมีความสุข”
ลั่วหานทำปากมุ้ย และยิ้มแย้มอย่างเบิกบาน “เฉียบ!”
เมื่อเดินริมแม่น้ำตรงไปก็เจอกับโบสถ์สไตล์ยุโรปขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง สถาปัตยกรรมขนาดใหญ่โบราณทำให้ผู้คนที่เห็นอดใจรู้สึกเคารพนับถือไม่ได้ โดยเฉพาะเมื่อเห็นสัญลักษณ์เลขสิบด้านบนที่ดูเหมือนกับเป็นสื่อกลางสื่อสารหัวใจ
ลั่วหานเขย่าแขนของเขา “หลงเซียว คุณดูสิ โบสถ์แห่งนี้สวยมาก คนเนเธอร์แลนด์นับถือศาสนาคริสต์กับศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกเป็นหลัก บรรยากาศที่นี่ดีมากเลยจริงๆ”
หลงเซียวพยักหน้าเล็กน้อย และเดินเข้าไปกับเธอ “ไม่เลวเลย หากมีความศรัทธาจะทำให้ประชาชนแข็งแกร่ง เพราะพลังของการศรัทธาบางครั้งก็ไม่สามารถประเมินค่าได้”
“หลงเซียว คุณนับถืออะไรหรอ?” เธอจ้องมองไม้กางเขนตรงกลางโบสถ์ โดยข้างบนมีรูปปั้นของพระเยซูถูกทำร้ายด้วย ทำให้บรรยากาศดูน่าเกรงขามและศักดิ์สิทธิ์มากจนต้องพูดเสียงเบาๆ
“ผมหรอ?” หลงเซียวดึงเธอมานั่งลง โดยที่บนเก้าอี้ด้านข้างมีคัมภีร์ไบเบิ้ลวางอยู่ “คุณนับถืออะไร ผมก็นับถืออันนั้นแหละ”
หลงเซียวยื่นมือพลิกตามอำเภอใจ พร้อมกวาดตาอ่าน ซึ่งคัมภีร์เป็นภาษาอังกฤษล้วน ถึงแม้อ่านเข้าใจความหมาย แต่ความลึกซึ้งของความหมาย เกรงว่าเขาคงไม่สามารถทำความเข้าใจได้
ลั่วหานครุ่นคิดสักพัก “เมื่อก่อนฉันเคยเชื่อว่าตัวเองสามารถควบคุมทุกอย่างได้ ขพอเพียงมีความขยันมุมานะก็เพียงพอแล้ว ฉันเคยนับถือวิทยาศาสตร์ การแพทย์ และตัวเองมาก่อน แต่ตอนนี้….ไม่รู้สิ”
หลงเซียวกุมมือเธอไว้ “เชื่อผมก็พอแล้ว”
“ป่าเถื่อน! ในโบสถ์พูดแบบนี้หรอ ระวังเดียวพระเจ้ากริ้วโกรธ”
หลงเซียวพูดขึ้นว่า “ครับ คุณสามารถนับถือพระเจ้า พร้อมกับเชื่อผม ตอนที่ผมอยู่ก็เชื่อผม แต่ตอนที่ผมไม่อยู่คุณก็นับถือเขา”
“พูดจาเหลวไหล”
แต่ ฉันชอบ
“แต่ว่าหลงเซียว นับถือคืออะไรหรอ?” นี่ถือเป็นคำถามที่ละเอียดอ่อนมาก เธอเพิ่งคิดวิเคราะห์เรื่องนี้เป็นครั้งแรก
หลงเซียวพลิกอ่านในคัมภีร์ “ตรงนี้เขียนไว้ว่า ศรัทธาเกิดจากความหวัง และศรัทธาเกิดจากสิ่งที่มองไม่เห็นด้วย”
“ห่ะ? หมายความว่าอะไรนะ?”
“ลองไปถามพระสงฆ์ดู?”
“ฮ่าฮ่า ไม่ต้องแล้ว!”
เป็นครั้งแรกที่อยู่ในโบสถ์นานขนาดนี้ ลั่วหานรู้สึกว่ากายและจิตใจได้รับพลังงานบวกบางอย่างอย่างน่าอัศจรรย์
พลบค่ำ ระหว่างที่ทั้งสองคนเดินตามริมแม่น้ำภายใต้แสงไฟนั้น ก็ได้ยินเสียงดีเจในบาร์เสียงดังเอะอะโวยวายขึ้น
ตอนที่แสงไฟตกกระทบกับคลื่นบนผิวน้ำช่างสวยงดงามอย่างพูดไม่ออกเลย
วันแรกในเนเธอร์แลนด์ ลั่วหานเดินทั้งวัน จากนั้นทั้งคู่ก็ชิมรสชาติอาหารพื้นเมืองของที่นี่ แล้วกลับไปอาบน้ำนอนที่โรงแรม
หลงเซียวจ้องมองลั่วหานที่กำลังนอนหลับ ส่วนตัวเองสวมเสื้อคลุมเดินออกจากโรงแรม
เมื่อออกจากประตูโรงแรมก็เดินตรงไปร้านกาแฟตรงข้าม ซึ่งข้างหน้าร้านมีผู้ชายสวมชุดสูทสีดำคนหนึ่งกำลังรอคอยอยู่
“เจ้านายครับ ของที่คุณต้องการอยู่นี่แล้วครับ”
หลงเซียวหยิบถุงกระดาษสีน้ำตาล “เป็นของช่วงเวลาไหน?”
ผู้ชายพูดขึ้นว่า “เป็นข้อมูลใหม่ล่าสุดของตลาดหลักทรัพย์ของเมืองหลวงในวันนี้ และเป็นข้อมูลของทั้งสัปดาห์นี้ด้วยครับ”
“อืม”
หลงเซียวนั่งตรงตำแหน่งติดหน้าต่างในร้านกาแฟ
“สถานการณ์ไม่ดีเลยครับ”
ผู้ชายพูดขึ้นว่า “โครงการที่อเมริกาสองวันมานี้ถูกสื่อมวลชนเปิดโปงแล้ว สื่อมวลชนในประเทศและผู้จัดการนิตยสารที่มีอิทธิพลหลายคนก็ต้องการให้คุณออกหน้ากอบกู้สถานการณ์ ในตอนนี้สำนักงานใหญ่กำลังพยายามกดดันการโจมตีของสื่อมวลชน แต่นอกจากสื่อมวลชนที่บริษัทรับซื้อ สื่อมวลชนอื่นไม่สนใจ
หลงเซียวเอาข้อมูลนัดใส่ในถุงกระดาษเหมือนเดิม และยื่นคืนให้กับผู้ชาย “สำนักงานใหญ่ยังสามารถค้ำจุนได้อยู่สักพักหนึ่ง หากยังไม่ถึงจุดสุดท้ายพวกเขาไม่ยอมแน่ ตอนนี้ราคาหุ้นมีการคลาดเคลื่อนมาก แต่ยังคงไม่ถึงขั้นตกต่ำ รอไปก่อน”
“ครับ เจ้านาย”
หลงเซียวนั่งไขว้ขา พร้อมจ้องมองแสงไฟผ่านหน้าต่าง “เมืองเจียงเฉิงล่ะ?”
“วันนี้เจิ้งเฉิงหลินพบกับหลงยี่ แล้ว แต่พูดคุยอะไรกันนั้นไม่ทราบครับ แต่จากท่าทางของหลงยี่ ดูตกใจไม่น้อยเลยครับ ได้ยินมาว่าตอนกลับมาต้องให้ผู้ช่วยช่วยขับรถแทนครับ”
“หืม!”
หลงเซียวแค่นเสียงหัวเราะประชดออกมา “อย่างเขาหรอ? แค่เจิ้งเฉิงหลินบีบคอเขาด้วยมือข้างเดียวก็สามารถเอาเขาตายได้เลย”
ผู้ขายพูดอีกว่า “เจิ้งซินกำลังตามหาคุณอยู่ครับ ตอนที่ทราบว่าคุณจากไป เธอดูมีอารมณ์แปรปรวนครับ”
“ห่ะ?” หลงเซียวซักถามขึ้น
“ดูเหมือนเจิ้งซินจะใช้ประโยชน์จากเรื่องวิศวกรรมมาข่มขู่เจ้านายนะครับ ผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจไม่น้อยเลย”
“เห่อ! ร้ายกาจหรอ? มีเพียงแค่แผนการไม่เพียงพอหรอก ยังต้องมีสมองด้วย” หลงเซียวยังคงจ้องมองทิวทัศน์นอกหน้าต่าง แต่ดวงตากลับแฝงด้วยสายตาเหยียบหยาม
“เจ้านาย คุณวางแผนกลับเมืองหลวงเมื่อไหร่ครับ? ถ้าหากสองโครงการของบริษัท MBK ล้มเหลว และคุณก็หายตัวด้วย ผมเกรงว่าจะสร้างความกดดันเป็นอย่างมากแน่”
หลงเซียวจัดระเบียบเสื้อผ้า แล้วค่อยๆลุกขึ้น “ไม่ต้องรีบร้อน บริษัท MBK ยังไม่เห็นถึงความสำคัญของผม ผมจะให้โอกาสพวกเราครั้งหนึ่งเพื่อให้พวกเขาเห็นให้ชัดเจนว่า บริษัท MBK ที่เปรียบเสมือนภูเขาใหญ่ ตกลงใครคือราชาที่แท้จริงกันแน่!”
“ครับ! เจ้านาย!”
“จริงสิ ถึงเวลาสืบตู้หลิงเซวียนแล้ว……” หลงเซียวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงผ่อนคลายขึ้น
“ครับ