ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 447
ตอนที่ 447 ขอบคุณคุณภรรยาที่ตักเตือน
นับวันเรื่องเรื่องยิ่งใหญ่โต จนบานปลายเข้าไปกันใหญ่หมดแล้ว ตอนแรกสำนักงานใหญ่บริษัท MBK พยายามจัดการสถานการณ์ที่เกิดกะทันหันที่อเมริกา แต่คิดไม่ถึงว่าเปลวไฟที่อยู่ข้างหน้าที่ยังไม่ได้มอดดับ ข้างหลังยังมีเปลวไฟที่มอดไหม้รุนแรงกว่ารออยู่
ขณะเดียวกันเปลวไฟสองกองก็โจมตีแบบขนาบกัน ซึ่งหมายถึงโครงการเกิดอุบัติเหตุขึ้น
เรื่องใหญ่สามเรื่องเข้ามารุมเร้าพร้อมกัน ถึงแม้ด้านอสังหาริมทรัพย์บริษัท MBK จะมีอิทธิพลเป็นอย่างมาก แต่ก็แอบสัมผัสถึงลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นด้วย
สิบปีมาแล้วที่บริษัท MBK ไม่เคยประสบพบเจอกับเรื่องหนักหนาสาหัสถึงขนาดนี้ แต่เมื่อเกิดวิกฤตอย่างกะทันหัน บริษัทคู่แข่งสิบกว่าแห่งก็พากันติดตามสถานการณ์ และมีบางบริษัทเตรียมซื้ออสังหาริมทรัพย์ของบริษัท MBK ยิ่งไปกว่านั้นคือชะลอการปฏิบัติงานที่ซื้อมา แล้วทุกคนก็นั่งรอดูราคาบ้านของบริษัท MBK ตกต่ำลง
บริษัท MBK ที่มีขนานนามว่า ผู้มีอิทธิพลด้านอสังหาริมทรัพย์ เมื่อเกิดวิกฤตก็จะส่งผลกระทบต่อราคาอสังหาริมทรัพย์ทั่วทั้งเมืองหลวงด้วย
เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ยิ่งสร้างความกังวลต่อบริษัท MBK มากขึ้นอย่างทวีคูณ
ณ บริษัท MBK
ตึกสูงตระหง่านฟ้าที่สุดของใจกลางธุรกิจการค้า CBD กำลังได้รับการโจมตีอย่างหนัก…..
หลงจื๋อไม่ได้หลับไม่ได้นอนมาสองวันติดต่อกันแล้ว เขาพยายามดื่มกาแฟเพื่อประคับประคองสติ จนทำให้ภายในดวงตาเริ่มแฝงรอยแดงเลือดขึ้น ใบหน้าขาวซีด ในตอนนี้เขากำลังยืนอยู่เบื้องหน้าหน้าต่าง และมีอารมณ์หม่นหมองมากกว่าอากาศที่มีหมอกควันข้างนอกอีก
“ผู้ช่วยหจี้ ยังไม่มีข่าวคราวของพี่ใหญ่ของผมอีกหรอ?”
เพราะอดหลับอดนอนและดื่มกาแฟในปริมาณสูงเกิน ทำให้เสียงของหลงจื๋อแหบแห้งเล็กน้อย เขาก้มหน้าซักถามขึ้นด้วยเสียงไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง
จี้ตงหมิงส่ายหน้า และตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ครับ จนถึงตอนนี้ยังไม่มีข่าวคราวเลยครับ เจ้านายไม่อยากให้ใครมารบกวน ทำให้พวกเราสืบเส้นทางการเดินทางของเขายากลำบาก วิธีการดำเนินการของเขา คุณชายรองก็น่าจะทราบนะครับ”
ทราบ ก็เพราะทราบเลยยิ่งรู้สึกเป็นกังวลเข้าไปใหญ่
หลงจื๋อถอนหายใจยาวๆขึ้น พร้อมยืนรับแสงอาทิตย์ด้วยท่าทางที่เหงาและเดียวดายเล็กน้อย เขาได้ประสบกับสำนวนที่ว่ายิ่งอยู่สูงยิ่งไม่มีเพื่อน ในตอนนี้เขากำลังเหยียบบนบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีอิทธิพลครึ่งเมืองหลวง แต่เขากับรู้สึกโดดเดี่ยวมาก
“พี่ใหญ่คงรู้สึกผิดหวังกับบริษัท MBK มากแน่ ตอนที่ใหญ่รับหน้าที่บริหารบริษัท MBK เขาต้องสละช่วงเวลาวัยรุ่นที่ดีที่สุด และมอบความพยายามและจิตวิญญาณแก่บริษัททั้งหมด แต่ตอนนี้….ฮ่าฮ่า ก็ไม่โทษที่พี่ใหญ่เลือกจากไปโดยไม่ร่ำลา”
หลงจื๋อถอนหายใจด้วยความโศกเศร้า และพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ตลาดหลักทรัพย์ราคาเปิดหรือยัง? ตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?”
จี้ตงหมิงลังเลอยู่ชั่วขณะ และเงยหน้ามองแผ่นหลังของหลงจื๋อหนึ่งที “คุณชายรองดูด้วยตัวเองเถอะครับ”
เมื่อเขาได้ยินแบบนี้ หลงจื๋อก็รู้เลยว่าสถานการณ์ไม่ดีแน่ “ดูเหมือนจะตกต่ำลงเรื่อยๆ”
“ครับ ราคาหุ้นตกฮวบลงสามวันต่อเนื่องแล้วครับ โชคดีที่เมื่อวานเป็นวันสุดสัปดาห์ ไม่ต้องเปิดราคา ไม่เช่นนั้น….ตลาดหุ้นของบริษัท MBK คงจะไม่น่าดูแน่”
หลงจื๋อวางใบหน้าลงบนฝ่ามือทั้งสองข้าง และพูดว่า “ซุนปิงเหวินกับโม่หรูเฟยเป็นยังไงบ้าง? บริษัทอึนเคอล่ะ? หลังจากบริษัทโม่ซื่อล้มสลาย สองตระกูลนั้นก็กลายเป็นคู่แข่งที่สำคัญที่สุดของบริษัท MBK ผมกังวลว่าพวกเขาจะฉวยโอกาสตอนนี้โจมตีเพื่อแก้แค้น”
จี้ตงหมิงครุ่นคิดสักพัก และพูดขึ้นว่า “ก่อนหน้าบริษัทของซุนปิงเหวินเพิ่งจะชดเชยเงินทุนที่เป็นปัญหา ตอนนี้เขายังไม่มีความสามารถโจมตีบริษัท MBK หรอกครับ ส่วนบริษัทอึนเคอ เกาจิ่งอานกับเจ้านายมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกันดี คงไม่ฉวยโอกาสบินเข้ากองไฟหรอกครับ”
หลงจื๋อพูดอืมขึ้น จากนั้นก็ก้มหน้าลงนิ่งเงียบด้วยท่าทางเหนื่อยล้า
จี้ตงหมิงพูดขึ้นว่า “คุณชายรอง คุณพักผ่อนสักหน่อยดีกว่าไหมครับ? เดียวอีกหนึ่งชั่วโมงก็จะประชุมแล้ว ถึงตอนนั้นผมค่อยปลุกคุณ”
“ไม่ต้องหรอก เตรียมเอกสารที่ใช้ในการประชุมให้พร้อม ผมเกรงว่าผมคงต้องไปห้องทำงานของคณะกรรมการบริหารก่อนประชุมสักหน่อย”
“ครับ ผมจะไปจัดการเดียวนี้เลยครับ”
พูดจบ หลงจื๋อก็จัดระเบียบเนคไทและชุดสูทเล็กน้อย จากนั้นก็เดินหันหลังออกจากห้องทำงาน
ไม่กี่นาทีต่อมา หลงจื๋อยืนอยู่เบื้องหน้าโต๊ะทำงานทรงกลมสีแดงขนาดใหญ่ของหลงถิง
สองพ่อลูกหันหน้าสบตากัน คนหนึ่งมีสายตาเย็นชา อีกคนหนึ่งมีสายตากังวล
หลงถิงแค่นเสียงประชดออกมาเล็กน้อย “แกมาทำอะไร? ทำไมไม่ไปคิดวิธีการจัดการปัญหา หรือว่ามาร้องไห้ขี้มูกโป้งที่นี่ให้ฉันดูหรอ?”
“พ่อครับ เรื่องเกิดขึ้นถึงขั้นนี้แล้ว ทางที่ดีที่สุดคือเรียกให้พี่ใหญ่กลับมา พี่ใหญ่เป็นผู้เชี่ยวชาญการจัดการวิกฤตปัญหา หากต้องการให้บริษัท MBK ไม่พ่ายแพ้ต้องเรียกพี่ใหญ่มาช่วยจัดการ เรียกพี่ใหญ่กลับมาเถอะครับ!” หลงจื๋อวางมือทั้งสองข้างยันบนโต๊ะ พร้อมจ้องมองดวงตาแดงของหลงถิง เพียงแค่ชั่ววินาที จู่ๆเขาก็รู้สึกใจฝ่อทันที
“นี่คือสิ่งที่แกอยากจะพูดกับฉันหรอ ห่ะ! เกิดปัญหากลับให้เรียกพี่ใหญ่กลับมาออกหน้าจัดการหรอ? ใช้สมองคิดบ้าง คิดหน่อยว่าทำอย่างไรที่จะทำให้ทุกคนที่อยู่ในห้องประชุมพอใจกับแบบแผนจัดการปัญหา! ตอนนี้แกเป็นประธานของบริษัท MBK แล้วนะ แกรู้หรือยัง?”
ก็อกก็อกก็อก!
หลงพิงออกแรงเคาะบนโต๊ะ ซึ่งเสียงที่ดังสนั่นแฝงด้วยความโมโหและขุ่นเคืองภายในใจของเขา
“พ่อครับ! ผมไม่ใช่พี่ใหญ่ครับ ตำแหน่งประธานของบริษัท MBK ผมไม่สามารถดำรงตำแหน่งได้ ถอนตัวผมเถอะครับ!”
“ไร้สาระ!”
หลงถิงลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เกิดเสียง “ฟิ้ว!” หลงถิงตบใส่ใบหน้าของหลงจื๋อหนึ่งที ซึ่งเป็นการตบที่รุนแรงมาก
หลงจื๋อถูกหลงถิงตบจนหน้าบิดเบี้ยว ไม่นานเขาก็หันหน้ากลับมาเหมือนเดิม “พ่อครับ ต่อให้ผมต้องตายวันนี้ ผมก็ยังยึดมั่นคำพูดเดิม! ผมหวังว่าพี่ใหญ่จะกลับมาแก้ไขสถานการณ์”
“ไอ้คนไร้ประโยชน์! พี่ใหญ่ของแกหรอ! เขาเป็นพี่ใหญ่ของแกทางไหนกัน!” หลงถิงอารมณ์ขึ้น พร้อมด่าทออย่างไม่สนใจไยดี
เขาจ้องมองลูกชายด้วยสายตาแหลมคมและเย็นชา แต่ไม่นานเขาก็ค่อยๆเงียบสงบลง “เอาล่ะ เดียวก็ประชุมแล้ว กลับไปเตรียมการให้เรียบร้อยก่อน ส่วนเรื่องพี่ใหญ่ของแก ฉันมีวิธีการจัดการที่เหมาะสม”
“พ่อครับ––”
“ออกไป!”
ขณะเดียวกัน ณ บริษัทซุนซื่อ
เสียงหัวเราะอย่างสะใจของซุนปิงเหวินดังสนั่นทั่วทั้งห้องทำงาน จนแม้แต่ระเบียงทางเดินใกล้เคียงยังสามารถได้ยินเสียงหัวเราะสะใจอย่างบ้าคลั่งนี้
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
ซุนปิงเหวินถือหนังสือพิมพ์ฟาดบนโต๊ะทำงานเกิดเสียง “ตุบตุบตุบ” “ถือเป็นการโจมตีที่สาแก่ใจมาก! บริษัท MBK ที่ค้างฟ้ามาโดยตลอดมีวันที่ตกต่ำอย่างวันนี้ด้วย ครั้งนี้ฉันจะคอยดูสิว่า หลงเซียวจะกำเริบสืบสานอีกไหม!”
โม่หรูเฟยยืนกอดอกพิงผนังกำแพงด้านข้างเก้าอี้ของเขา เธอมีริมฝีปากแดงก่ำ และกำลังเหลือบตาเรียวยาวด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ พร้อมกับสวมชุดกี่เพ้าที่พอดีตัวเผยรูปร่างอันเซ็กซี่และน่าเย้ายวน
เล็บมือสีกุหลาบแดงวางบนแขนอันเนียนขาวของตัวเอง พร้อมแค่นเสียง “หืม” ประชดออกมาเล็กน้อย “หลงเซียวหรอ? ฮ่าฮ่า เขากำเริบสืบสานมากเกินไป จนแม้แต่แซ่ของตัวเองก็สามารถลืมได้ลงคอ เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นถือเป็นเรื่องน่ายินดีจริงๆ!”
มือของซุนปิงเหวินลูบขึ้นจากหัวเข่ามาถึงจุดซ่อนเร้นของเธอ จากนั้นเล็บมือก็เสียดสีกับจุดอ่อนโยนของเธอ เขายิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์เล็กน้อย “บุตรผู้ภาคภูมิของสวรรค์หรอ? ช่วงเวลาสำคัญแบบนี้กลับมุดหัวหนีอย่างกับเต่า! บริษัท MBK เผชิญหน้ากับวิกฤตครั้งใหญ่ เขากลับไม่ออกหน้าช่วยจัดการ ฮ่าฮ่า! ผู้ชายแบบนี้ คุณชอบเขาได้ยังไงในตอนนั้น?”
โม่หรูเฟยขยับริมฝีปากแดงเล็กน้อย จากนั้นก็เดินเข้ามาหาซุนปิงเหวิน “ที่รักดูเหมือนคุณกำลังหึงอยู่นะค่ะ? โกรธหรอ?”
ซุนปิงเหวินยกมือขึ้นมาโอบเอวบางของเธอ แล้วหอมแก้มอันนุ่มของเธอหนึ่งที และพูดขึ้นว่า “ใช่ ผมโกรธ”
โม่หรูเฟยหัวเราะเบาๆเล็กน้อย แล้วดึงมือของเขามาวางบนสะโพกของตัวเอง จากนั้นก็ค่อยๆถกกระโปรงขึ้น “แบบนี้ล่ะ?”
ซุนปิงเหวินยื่นมือลูบไล้เบาๆ “แบบนี้หรอ? ยังไม่เพียงพอ….ผมต้องการให้บริษัท MBK ผ่านวิกฤตนี้ไม่ได้ คุณคิดว่า คุณควรทำยังไงให้ผมผ่อนคลายหรอ?”
โม่หรูเฟยมีสีหน้าแดงระเรื่อ “อ๊า…อาเหวิน อย่าค่ะ…..”
“บริษัท MBK คือเนื้อก้อนใหญ่ ไม่เพียงนายทุนในเมืองหลวงอยากกิน แม้แค่ตระกูลเสิ่น ตระกูลเจิ้งกอยากกินเหมือนกัน ผมต้องรีบติดต่อกับพวกเขา ตอนที่บริษัท MBK มีศัตรูลับหลัง ผมอยากรู้จริงๆว่า สองพ่อลูกที่ปีกกล้าขาแข็งจะจัดการยังไง!”
โม่หรูเฟยยกกระโปรงขึ้น จากนั้นก็มีบางอย่างพุ่งเข้าใส่ “อ๊า!”
ผ่านไปสักพักใหญ่…..
เธอซบบนหน้าอกของเขา “ขาสองข้างที่คุณสูญเสียต้องให้พวกเขาชดใช้!”
ซุนปิงเหวินลูบเส้นผมที่ติดเหงื่อของเธอเล็กน้อย “แน่นอนครับ ที่รัก ผมต้องการขาสองข้างของหลงเซียว อีกอย่าง….” เขาเลียริมฝีปากเล็กน้อย “ผมต้องการฉู่ลั่วหาน ผู้หญิงของเขา!”
“ฮ่าฮ่า! ฉันรอคอยวันนั้นค่ะ!”
——
พระอาทิตย์ตกดิน หลงเซียวกับลั่วหานกลับมาตอนดึก ทั้งสองคนเดินจูงมือกันเดินพลาง คุยพลางท่ามกลางแสงอาทิตย์ตกดิน
พระอาทิตย์ตกดินในเมืองสวยงดงามมาก โดยเฉพาะตอนที่แสงอาทิตย์ตกกระทบบนแม่น้ำส่องแสงสกาวบนผิวน้ำ
“หลงเซียว หากยึดตามที่คุณพูดแล้ว เมื่อบริษัท MBK เกิดการปฏิวัติ ซุนปิงเหวินกับเสิ่นคั่วไม่เข้ามาแทรกแซงหรอ หากพวกเขาฉวยโอกาสโจมตีจะทำยังไง? ตอนนี้คุณก็ไม่อยู่เมืองหลวงด้วย แล้วพ่อกับหลงจื๋อจะจัดการได้หรอ?”
เมื่อลั่วหานครุ่นคิดอยู่สักพักก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ โดยเฉพาะซุนปิงเหวิน ตอนนี้เขามีความเคียดแค้นต่อหลงเซียวมาก เลยเกรงว่าเขาอาจเกิดความคิดฆ่าหลงเซียวขึ้นมา
หลงเซียวกุมมือเธอไว้ ส่วนมืออีกข้างยัดใส่ในกระเป๋ากางเกง จากนั้นก็เดินอย่างช้าไป “การกำจัดบริษัท MBK ไม่ได้ง่ายดายอย่างที่เขาคิดไว้ บริษัทของซุนปิงเหวินเพิ่งอุดช่องโหว่เรื่องการเงินของบริษัทไม่นาน ดังนั้นเขาไม่มีทางยอมเสียเงินแน่ หากเขาต้องการจัดการด้วยมือเปล่าคงต้องติดต่อหาตระกูลเสิ่นและคนอื่น แต่เสิ่นคั่วไม่ใช่คนโง่เขลา ซุนปิงเหวินไม่มีทางหลอกเขาได้หรอก”
ลั่วหานหยุดฝีเท้าลง “คุณหมายความว่า ซุนปิงเหวินจะคุกเข่าต่อหน้าเสิ่นคั่วหรอ?”
“ไม่เสมอไป แต่ด้วยนิสัยของพ่อแล้ว คนที่กล้าลงมือกับเขา เขาไม่ปล่อยให้หลุดรอดเอื้อมมือแน่นอน” ขณะที่เขาพูดก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ภรรยาของผมเป็นคนมีเมตตา เอาแค่ขาสองข้างของเขาเท่านั้น แต่พ่อ….คงเอาสมองของเขาแน่”
ลั่วหานแค่นเสียงหัวเราะประชดออกมา “คนของตระกูลหลงใจดำจริงๆ! ยีนของตระกูลพวกคุณคงเป็น….นักรบผ่านสงครามมาแน่ๆ”
หลงเซียวพยักหน้าเล็กน้อย “คงเป็นอย่างนั้นมั้ง เมื่อก่อนผมก็เคยคิดจะกัดไม่ปล่อยชั่วชีวิตเหมือนกัน แต่ตอนนี้……”
“หลงเซียวในตอนนี้ไม่ใช่นักรบผ่านสงคราม แต่เป็นยอดฝีมือสังหารที่ไม่มีกระบวนท่าและไม่เคยพ่ายแพ้ ทั้งที่สังหารเลือดนองเป็นแม่น้ำ แต่เขายังคงดูสง่าผ่าเผยและสูงส่ง!”
เธอพูดวิพากษ์วิจารณ์เขาอย่างชื่นชม แต่แฝงด้วยการแหนบแหนมเล็กน้อย พร้อมกับกวาดตามองหลงเซียวด้วยสายตาป่าเถื่อน
หลงเซียวยกมือประคองใบหน้าและจูบเธอหนึ่งที “ดูเหมือนภรรยาของผมจะมีอคติต่อผม เพราะฟังคำพูดวิพากษ์วิจารณ์แล้วรู้สึกจุกหน้าอกมาก”
“คุณหลงมีเกร็ดความรู้บังคับให้ฉันต้องเรียนรู้อยู่ตลอด!”
“เห่อ––ดีมาก! นับวันภรรยายิ่งเหมือนสามีมากขึ้นทุกวันแล้ว”
“ฮ่า––ใครเหมือนกับคุณหรอ ฉันมีตัวตนที่เป็นเอกลักษณ์ของฉัน”
หลงเซียวพยักหน้าเล็กน้อย “ฮ่าฮ่า! งั้นตอนนี้คุณหมอฉู่อยู่กับนายทุนรู้สึกเป็นยังไงบ้าง?”
ลั่วหานพูดขึ้นว่า “อันตรายมาก ฉันต้องเตรียมการเคลื่อนย้ายแนวรบ!”
เขาโอบกอดเธอ พร้อมเป่าลมข้างหูของเธอหนึ่งที “อยากหนีหรอ? ไม่ทันแล้วครับ คุณผู้หญิง”
ลั่วหานพูดขึ้นว่า “ว่าแต่คุณตั้งใจจะกลับประเทศเมื่อไหร่หรอ? หากยังไม่กลับมาอีก คงเกิดสงครามขึ้นแน่ๆ”
หลงเซียวครุ่นคิดสักพัก “ไปสถานที่สุดท้ายก่อน คงมีคนเชิญพวกเรากลับไปแน่ ที่รัก การเดินทางไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นเราต้องทะนุถนอมหน่อย”
ลั่วหานจ้องมองด้วยสายตาดูถูก “คุณหลง พูดจาระมัดระวังหน่อย!”
“ฮ่าฮ่า ขอบคุณภรรยาที่ตักเตือน สามีจะระมัดระวังแน่นอน!”