ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 448
ตอนที่ 448 ฉันไม่มีเงิน
นี่ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการท่องเที่ยวเนเธอร์แลนด์มาก ลั่วหานชื่นชอบพืชพันธุ์ดอกไม้สวยสด ดังนั้นทั้งสองคนเลยอยู่เนเธอร์แลนด์ต่ออีกไม่กี่วัน
ทั้งสองคนอยู่ในโลกส่วนตัว โดยไม่ถูกโลกภายนอกมารบกวนและวุ่นวาย ดังนั้นช่วงเวลานี้เลยใช้ชีวิตอย่างเบิกบานใจ
แน่นอน เป็นแค่ภาพลักษณ์ภายนอกเท่านั้น
ลั่วหานรู้ว่าหลงเซียวมีเรื่องเก็บไว้ภายในใจ เธอไม่เขนความจริงออกมาทั้งหมด แต่เธออยู่เคียงข้างเขาทุกวัน และสัมผัสความสุขที่เขามอบให้อย่างเบิกบานใจ
ซึ่งเธอเองก็คิดอยากสร้างเซอร์ไพรส์เล็กๆให้กับเขาด้วย
แต่ประเทศจีนในตอนนี้เป็นอีกสถานการณ์หนึ่งเลย
ณ สนามบินเมืองหลวง
เกาจิ่งอานเดินออกมาจากสนามบิน เขาสวมแว่นตากันแดดสีดำ และยิ้มมุมปากเล็กน้อย พร้อมกับเงยหน้ามองท้องฟ้าอันสดใสของเมืองหลวงอย่างเบิกบานใจ
ไม่กลับมานาน รู้สึกคิดถึงจัง! ประเทศเกิด! แม่!
ผู้ช่วยคนแรกของเกาจิ่งอานเข้ามาช่วยถือกระเป๋า และพูดขึ้นว่า “คณะกรรมการครับ เชิญขึ้นรถครับ”
“ตอนที่ฉันไม่อยู่ไม่กี่วันมานี้ ดูเหมือนเมืองหลวงจะคึกคักนะ” เกาจิ่งอานถอดแว่นตาออก จากนั้นแสงอาทิตย์อันเจิดจ้าก็ส่องเข้ามา ทำให้เขารู้สึกแสบตาจนต้องกระพริบตาเล็กน้อย
ผู้ช่วยพยักหน้าเล็กน้อย “ครับ คณะกรรมการ ช่วงนี้บริษัท MBK เกิดเรื่องไม่น้อยเลย และตอนนี้เริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆครับ ทุกวันสื่อมวลชนล้วนถ่ายทอดแต่ข่าวของบริษัท MBK ครับ”
ดวงตาเรียวยาวของเกาจิ่งอานปิดเล็กน้อย แล้วเดินก้มตัวลงนั่งบนรถเบาะหลัง พร้อมกับยิ้มมุมปากสี่สิบห้าองศาเล็กน้อย “เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ฉันต้องรู้อยู่แล้ว บริษัท MBK สมกับเป็นบริษัทวงการธุรกิจขนาดใหญ่ ตอนที่บริษัทโม่ซื่อกรุ๊ปถูกซื้อยังไม่เห็นมีผลกระทบขนาดนี้เลย ผู้มีอิทธิพลใหญ่ก็เป็นแบบนี้ เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยก็กลายเป็นประเด็นใหญ่โต”
ผู้ช่วยเอากระเป๋าเดินทางของเขาวางไว้ในกระโปรงรถยนต์ จากนั้นก็เดินขึ้นบนรถยนต์ “ครั้งนี้เรื่องเกิดใหญ่โตมากครับ เกรงว่าบริษัท MBK คงต้องเสื่อมเสียไม่น้อย อีกอย่างผมได้ยินมาว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของบริษัท MBK ได้รับผลกระทบอย่างหนักมาก ซึ่งทำให้บางบริษัทได้รับผลกระทบทอดไปด้วย อีกทั้งตลาดหลักทรัพย์ของบริษัท MBK ก็ตกต่ำต่อเนื่องสามวันด้วย สุดสัปดาห์ยังไม่เปิดตลาด แต่วันนี้ตอนเช้าพอเปิดตลาดก็ตกฮวบลงไปเลย และไม่มีท่าทีดีขึ้นเลยสักนิดเดียว”
“ห่ะ?” เกาจิ่งอานค่อยๆลืมตาขึ้น” หลงถิงมีเงินในมือมหาศาล หากต้องการช่วยกอบกู้ตลาดหลักทรัพย์ไม่ใช่เรื่องยากเลย”
ผู้ช่วยไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์ตามอำเภอใจ แต่พยายามขับรถอย่างระมัดระวัง “สื่อมวลชนและผู้เล่นหุ้นต่างรู้สึกผิดหวังต่อบริษัท MBK มาก อีกอย่างพวกเขาเรียกร้องอยากเจอหลงเซียวด้วย แต่เขายังไม่ปรากฏตัวเลย มีบางคนสงสัยว่าหลงเซียวถูกกำจัด ดังนั้นพวกเขาเลยรู้สึกไม่มีความมั่นใจต่อบริษัท MBK ”
“อ๋อ?” เกาจิ่งอานยกมือข้างซ้ายดีดบนหลังมือข้างขวา ซึ่งบนนิ้วชี้มีแหวนหยกสีขาวเป็นประกายอยู่ เมื่อถูกดีดก็เกิดเสียงสะท้อนดังเล็กน้อย
“ฉันก็ติดต่อเขาไม่ได้เหมือนกัน”
เกาจิ่งอานพูดขึ้น พร้อมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ปรากฏประวัติการโทรที่ไม่ได้รับสายสิบกว่าสาย
หลงเซียวให้เขาสืบเรื่องของเหลียงหยู้คุนซึ่งในระหว่างนั้นเขาต้องการรายงานต่อหลงเซียวหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จเลย
“คณะกรรมการครับ ให้ผมขับไปส่งคุณกลับบ้านเลยไหมครับ?”
“อืม กลับบ้านก่อน เรื่องที่บริษัทค่อยเตรียมการอย่างละเอียดอีกที”
“ครับ คณะกรรมการ”
ระหว่างทางกลับจากสนามบินจนถึงบ้าน เกาจิ่งอานฟังผู้ช่วยบรรยายสถานการณ์ในตอนนี้อย่างละเอียด บริษัทอึนเคอในตอนนี้ไม่มีโครงการใหญ่ สถานการณ์ยังคงสงบนิ่ง จนไม่เหมือนกับรูปแบบการทำงานของซุนปิงเหวินเลย
“สงบนิ่งมาก แต่คงเป็นแบบน้ำนิ่งไหลลึกแน่”
เกาจิ่งอานยกขาสองข้างมาวางทับกับบนเก้าอี้ข้างหน้า พร้อมโน้มตัวพิงเบาะหลังเล็กน้อยด้วยท่าทางผ่อนคลาย
หลังจากที่ผู้ช่วยถือกระเป๋าเดินทางไปส่งที่คฤหาสน์เสร็จ ก็ยืนรอรับคำสั่งจากเจ้านาย
เกาจิ่งอานดึงเนคไทออกเล็กน้อย พร้อมถอดรองเท้าหนังออก “ราคาหุ้นของบริษัท MBK ตกลงห้าเปอร์เซ็นต์ คนที่น่าจะดีใจมากที่สุดกับเรื่องนี้คงเป็นน้องสาวสุดที่รักของฉันแน่เลย”
ผู้ช่วยก้มตัวลงเก็บรองเท้าหนังของเขาขึ้นมาวางบนตู้เก็บรองเท้า “ช่วงนี้คุณโม่กับคุณซุนปิงเหวินมีการติดต่อกับทางเมืองเจียงเฉิงครับ”
เกาจิ่งอานดึงเนคไทออก และโยนทิ้งบนพื้น “เห่อเห่อ โม่หรูเฟย….ซุนปิงเหวิน ตอนที่เห็นข่าวหมาบ้าสองตัวนี้คงกระโดดโลดเต้นอย่างดีใจแน่!”
ผู้ช่วยก้มตัวลงเก็บเนคไทขึ้นแล้วพับอย่างเรียบร้อย และคิดจะเดินไปใส่ในถังผ้าเพื่อรอทำความสะอาด แต่เกาจิ่งอานห้ามปรามเขา “ทิ้งเลย”
“ครับ คณะกรรมการ”
เกาจิ่งอานถอดชุดสูทแบรนด์อามานีลงบนพื้น “ทิ้งเหมือนกัน”
“ครับ”
“สิ่งของที่อยู่บนตัวฉันทิ้งให้หมดเลย” เกาจิ่งอานถอดเข็มกลัดแบรนด์แอร์เมสทิ้งลงบนพื้น และแทบไม่เหลือบตามองด้วยความเสียดายเลย
ผู้ช่วยนิ่งอึ้งเล็กน้อย แต่ไม่กล้าซักถามมาก ได้แต่พยักหน้าเล็กน้อย “ครับ คณะกรรมการ”
เขาจำได้ว่า คณะกรรมการไม่ใช่คนรักความสะอาดมากถึงขนาดนี้เลย คิดไม่ถึงว่าเขาจะทิ้งทุกอย่างทั้งหมดเลย! ผู้ช่วยดมเสื้อผ้าด้วยความสงสัยขึ้น และพบว่ามีกลิ่นน้ำหอมของผู้หญิง
โอเค เขาเข้าใจแล้ว
เกาจิ่งอานถอดทุกอย่างเหลือเพียงกางเกงขาสั้น เขาเดินมาเทน้ำลงแก้ว แล้วเดินพิงผนังกำแพงด้วยรูปร่างที่ผอมเพรียว ขณะเดียวกันก็มองประเมินผู้ช่วย
เอาล่ะ….ผู้ช่วยเป็นผู้ชาย แต่ผู้ชายด้วยกันคงไม่มองกันแบบนี้หรอกใช่ไหม?
ผู้ช่วยมีท่าทางมึนงงเล็กน้อย…..
บนตัวของเกาจิ่งอานสามารถมองเห็นรอยแซ่จางๆเล็กน้อย ซึ่งรอยแผลไม่เหมือนกับถูกทำโทษ แต่เป็นรอยแผลจากความสนุกสนานรื่นเริง
ไม่ยากที่จะจินตนาการ คณะกรรมการสุดที่รักของพวกเขาออกเดินทางครั้งนี้สร้างความตกใจไม่น้อยเลย
“เห็นอะไรบ้างหรอ?” เกาจิ่งอานเผยทุกอย่างต่อหน้าผู้ช่วยอย่างตรงไปตรงมา!
“เปล่า….เปล่าครับ” ผู้ช่วยก้มหน้าลง
“ให้พ่อครัวต้มซุปไก่สมุนไพรหน่อย ฉันต้องบำรุงร่างกายสักหน่อย” เกาจิ่งอานพูดจบก็วางแก้วลง แล้วเดินเข้าห้องน้ำ
ผู้ช่วย “…..”
เกาจิ่งอานเงยหน้ามองตัวเองบนกระจกที่มีไอน้ำและคราบน้ำขึ้น เพื่อทำให้ภารกิจของพี่ใหญ่สำเร็จเขาต้องทุ่มเททุกอย่าง
ผู้หญิงอย่างเหลียงหยู้คุนคือปีศาจจิ้งจอกตัวจริง!
เกาจิ่งอานอาบน้ำเสร็จก็ห่มผ้าเดินออกมาด้วยรูปร่างเซ็กซี่ โดยที่ทั้งตัวแผ่กลิ่นฮอร์โมนผู้ชายออกมาเล็กน้อย
ผู้ช่วยถึงกับนิ่งอึ้งชั่วขณะ
“คณะกรรมการ….คือว่า บริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์ยิงต๋าเซ็นสัญญากับนางแบบไม่กี่คน ซึ่งมีมาตรฐานสอดคล้องกับผู้หญิงที่คุณเคยเลือกเมื่อก่อน เดียวผมไปหาสักสองคนนะครับ?”
ผู้ช่วยเหงื่อบนใบหน้าเล็กน้อย คณะกรรมการคุณต้องอดทนไว้ ผมเป็นผู้ชายแท้ ผู้ชายแท้ครับ!
ผมของเกาจิ่งอานเปียกชื้นอยู่ ขณะเดียวกันก็มีเม็ดน้ำไหลตกลงมา “หานางแบบมาทำไม? เตรียมรถ ฉันจะไปพบโม่หรูเฟย”
“ฮ่า? คณะกรรมการ….แบบนี้ดูผิดวิสัยของคุณนะครับ”
“เฮ้ย! ฉันไปคิดบัญชีกับเธอต่างหาก!”
“ครับ…ครับครับ”
——
ณ โรงพยาบาลหวาเซี่ย
หลินซีเหวินกับหวาเทียนสบสายตากัน ทั้งสองคนจ้องมองห้องทำงานที่ว่างเปล่ากว่ายี่สิบกว่าวันของลั่วหานอย่างนิ่งเงียบ ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้าเศร้าใจ
“หวาเทียน หมอฉู่คงไม่ลาออกใช่ไหม? เธอคงไม่ทอดทิ้งพวกเราไปแบบนี้ใช่ไหม?”
“คำถามนี้ ผมตั้งคำถามตั้งแต่คุณหมอฉู่จากไปวันที่สามแล้ว แต่ยังหาคำตอบไม่ได้”
หลินซีเหวินยักไหล่เล็กน้อย “นับตั้งแต่หมอฉู่จากไป ฉันเหมือนกับคนอกหักเลย ทุกวันเมื่อเห็นห้องทำงานว่างเปล่าของเธอ ฉันรู้สึกเหมือนขาดใจเลย”
หวาเทียนกระแอมเล็กน้อย “ช่วงนี้ไม่ใช่ว่าเธอมีความสุขร่าเริงกับแฟนหรอกหรอ แล้วคุณหมอหลินที่กำลังมีความรักอย่างเร่าร้อนพูดแบบนี้ได้ยังไง?”
หลินซีเหวินยิ่งรู้สึกเศร้าใจมากยิ่งขึ้น “เขาหรอ? ช่วงนี้เหมือนกับวัวไถนาเลย ทุกวันเอาแต่ทำงานเพิ่มเวร ข่าวของบริษัท MBK คุณเห็นแล้วใช่ไหม?”
หวาเทียนพยักหน้าเล็กน้อย “เห็นแล้ว ดังนั้นผมถึงยิ่งกลุ้มใจ”
ขณะที่ทั้งสองคนสนทนากันอยู่นั้น คณบดีเฉินก็วิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบ คณบดีเฉินที่มีอายุกว่าห้าสิบปียังคงวิ่งโลดแล่นเหมือนคนมีร่างกายแข็งแรง!
“คณบดีเฉิน มีอะไรหรือเปล่า?”
คณบดีเฉินไม่เพียงกำลังวิ่ง แต่เขายังมีท่าทางกังวลและกลุ้มใจด้วย
“สามารถติดต่อหมอฉู่ได้ไหม?” คณบดีเฉินเข้ามาจับแขนของหวาเทียน พร้อมซักถามอย่างรีบร้อนใจ
หวาเทียนส่ายหน้า “ติดต่อไม่ได้เลยครับ”
ทันใดนั้นคณบดีเฉินก็เหมือนคนหมดเรี่ยวแรงล้มลงบนตัวของหวาเทียน พร้อมบ่นพึมพำว่า “แย่แล้ว….แย่แน่ๆ…..ดูเหมือนพวกเราจะแย่แล้ว”
หลินซีเหวินพูดย่างรีบร้อนว่า “คณบดี คุณอย่าเพิ่งท้อใจครับ เกิดเรื่องอะไรขึ้นครับ?”
หวาเทียนประคับประคองคณบดีให้ยืนอย่างมั่นคง “คุณอย่าเพิ่งรีบร้อนใจ เกิดอะไรขึ้นครับ? ตกลงเกิดอะไรขึ้นครับ?”
คณบดีเผยสายตากลุ้มใจ แล้วเริ่มเอ่ยปากพูดขึ้นว่า “โครงการของพวกเรา….แย่แล้ว! แผนกการเงินของบริษัท MBK ไม่สนับสนุนแล้ว ต้องการตัดขาดและถอนโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม ซึ่งแผนการช่วยเหลือหัวใจของพวกเราก็อยู่ในโครงการนั้นด้วย ฮือ แย่แล้ว!”
“ว่ายังไงนะครับ! ทำไมเป็นแบบนี้!”
เมื่อหลินซีเหวินได้ยินแบบนี้ก็อารมณ์ขึ้นเลยทันที คิดไม่ถึงจะยกเลิกโครงการของพวกเขา! ไร้ยางอาย!
คณบดีนั่งบนพื้นอย่างหมดเรี่ยวแรงเหมือนเด็กน้อย “โครงการของพวกเรามีค่าใช้จ่ายวันล่ะหนึ่งล้านกว่าบาท บริษัท MBK ที่รัก! ฮือฮือ…..”
เมื่อเห็นคณบดีร้องไห้พึมพำ หลินซีเหวินก็รู้สึกเห็นใจ “คณบดีเฉิน อย่าว่าฉันเลยนะ…ต่อให้คุณร้องไห้ก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก ร้องไห้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาอะไรได้ ตอนนี้เราต้องการเงินใช่ไหม?”
“ผมไม่มีเงิน! หากผมมีเงิน ผมจะร้องไห้ไหม? โครงการไม่มีแล้ว พวกเราก็คงต้องลาออกแล้ว แผนกด้านหัวใจที่เป็นแผนกสำคัญถูกบริษัท MBK กำจัดแล้ว ฮือฮือ! แล้วแบบนี้ผมจะยอมรับได้ยังไง?”
หวาเทียนดึงแขนของคณบดีเฉิน “คณบดีเฉิน คุณลุกขึ้นก่อน พยาบาลที่เดินไปมามองกันหมดแล้ว คุณรีบลุกขึ้นมาก่อน แล้วค่อยคุยกัน”
“ฉันไม่ลุกขึ้น! ฉันรู้สึกเศร้า!”
หลินซีเหวิน : “……”
หวาเทียน : “……..”
เมื่อพยาบาลและหมอที่เดินสัญจรไปมาเห็นคณบดีเฉินนั่งร้องไห้บนพื้นก็พากันตกใจหนี
“เป็นคำสั่งของใครหรอ? คณะกรรมการบริหารของบริษัท MBK หรอ?” หลินซีเหวินพูดขึ้น แต่ปฏิกิริยาตอบสนองของคณบดีเฉินก็ไม่เป็นตามที่คาดการณ์ไว้ด้วย
คณบดีร้องไห้พลางบ่นพึมพำพลาง “ประธานคนใหม่ของบริษัท MBK หลงจื๋อ! เจ้าคนบ้า! พอขึ้นมาดำรงตำแหน่งก็กำจัดโรงพยาบาลทันที! คนใจร้าย!”
หลินซีเหวินเบิกตากว้าง “คุณหมายถึงใครนะ? หลงจื๋อ? คุณลอกว่าเป็นคำสั่งของหลงจื๋อหรอ? คุณแน่ใจหรอ?”
“ผมแน่ใจอย่างแน่นอน ผมไม่ได้สายตาพร่ามัว บนหนังสือมีลายเซ็นของหลงจื๋ออย่างชัดเจน แล้วผมจะปลอมแปลงได้ยังไง?” คณบดีเฉินร้องไห้จนขี้มูกไหลออกมา
“ฉันจะไปหาเขา! เจ้าคนบ้า!” หลินซีเหวินกัดฟันแน่น พร้อมวิ่งไปที่ประตูลิฟท์ด้วยส้นสูง
ไปหาหลงจื๋อหรอ? บ้าไปแล้วหรอ!
หวาเทียนกับคณบดีเฉินตกใจนิ่งอึ้ง “คุณกลับมาก่อน! บริษัท MBK ไม่ใช่สถานที่ที่ใครจะเข้าออกตามอำเภอใจได้ เข้าไปแล้วเกรงว่าคุณจะออกไม่ได้! คุณรีบกลับมาก่อน!”
“หากออกไปไม่ได้ช่วยเก็บศพฉันด้วย! คนบ้า! ฉันจะบีบคอนายให้ตายเลย!