ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 499
ตอนที่ 499 ฉันอยากจะคลอดลูกให้คุณ
ห่างจากเวลาเลิกงานของปกติยังมีหนึ่งชั่วโมง หลงเซียวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ให้แอนดี้เอาเอกสารที่ต้องการให้เขาตรวจสอบในวันนี้เข้ามา
ไม่นาน ประตูของห้องทำงานก็ถูกคนผลักออก แต่คนที่เข้ามาไม่ใช่แอนดี้ เป็นจี้ตงหมิง
จี้ตงหมิงนำเอกสารไว้บนโต๊ะทำงานสีแดงที่ทำจากต้นการบูร และก้มหน้าพูดอย่างเคารพ”ผมเอามาเอาจากที่แอนดี้มาเมื่อกี้นี้ครับ พอดีผมมีเรื่องจะพูดกับเจ้านายด้วยครับ”
หลงเซียวจับเอกสารชุดหนึ่งขึ้นมา เปิดออก”มีเรื่องอะไร?”
น้ำเสียงที่ราบเรียบมากจนถึงขั้นเย็นชา น้ำเสียงแบบนี้สามารถพิสูจน์ได้ว่าอารมณ์ของเขาไม่ค่อยดี
จี้ตงหมิงรู้ซึ้งกับนิสัยของเจ้านายตัวเอง เมื่อได้ยินน้ำเสียงของหลงเซียวก็รู้ว่าช่วงเวลานี้ไม่เหมาะที่จะพูดข่าวร้าย ดังนั้นมือทั้งสองประทับกันอยู่ข้างหน้า ก้มตัวลงพร้อมยิ้ม”เจ้านายครับ ช่วงนี้อาหย่งได้มาที่เมืองหลวงแล้วครับ ท่านมีงานจะสั่งให้เขาทำใช่ไหมครับ”
หลังจากครุ่นคิดไปสักพัก จี้ตงหมิงได้พูดเรื่องที่ไม่สำคัญออกมาก่อน เพื่อให้บรรยากาศผ่อนคลายลงหน่อย
นิ้วมือของหลงเซียวเปิดเอกสารหน้าหนึ่งออก สายตามองไปดูตัวอักษรและกราฟข้างบนอย่างจ่อจง มืออีกข้างหนึ่งจับปากกาที่จะเซ็นชื่อ พยักหน้าโดยจิตสำนึก”ไม่มีอะไร ช่วงนี้ฉันให้เขามุ่งเน้นเขม่นไปที่ตระกูลเสิ่น ทำไมเขาถึงมาที่เมืองหลวงล่ะ?”
น้ำเสียงยังคงราบเรียบอยู่ ทั้งสติและเย็นชา
ตายแล้ว หัวข้อนี้ไม่ได้ส่งผลในเชิงบวก จี้ตงหมิงรู้สึกเก้อเขินเล็กน้อย”นั้น……คงเป็นเรื่องส่วนตัวของเขาเอง เดี๋ยวผมจะติดต่อถามเขาให้ชัดเจน”
ระดับเสียงก็จี้ตงหมิงเบาลง ก้าวเท้าผิดหว่า คำพูดข้างหลังจะพูดยังไงดี?
หลงเซียวดูเอกสารชุดหนึ่งเสร็จสิ้น ก็เซ็นชื่อของตัวเองขึ้นไปอย่างรวดเร็ว เงยหน้าขึ้นมาพบว่าจี้ตงหมิงยังอยู่”ตกลงจะพูดอะไร?พูดมาตรงๆ”
จี้ตงหมิงตัวสั่นขึ้นมาทันที และตะลีตะลานจนเกิดความมึนงงขึ้นมา จึงเรียบเรียงถ้อยคำอย่างรวดเร็วและพยายามพูดอย่างอ้อม”วันนี้เมื่อเวลาที่ท่านไม่อยู่ ท่านประธานใหญ่ได้เรียกผมขึ้นไป……”
พูดไปและก็หยุด ทำให้บรรยากาศยิ่งตึงเครียดขึ้นมา
หลงเซียวเคยชินกับวิธีการที่เลวทรามต่างๆของหลงถิงแล้ว เพราะฉะนั้นจึงปฏิบัติอย่างสงบมาก”แบ้วยังไงต่อ?ได้พูดอะไรกับคุณ?”
เมื่อกี้เสี่ยวจื๋อเข้ามา ตอนนี้จี้ตงหมิงก็จะมาพูดถึงหลงถิงอีก เห็นได้ชัดว่าช่วงนี้หลงถิงเริ่มทนไม่ไหวแล้ว
“เออ คำพูดที่ประธานใหญ่พูดกับผมนั้น ไม่ค่อยน่าฟังสักเท่าไหร่……”จี้ตงหมิงรู้สึกค่อนข้างกระวนกระวายใจ สายตาลอยไปบนร่างกายของหลงเซียว จากนั้นก็ย้ายออกไปอย่างรวดเร็ว
หลงเซียวนำเอกสารที่เซ็นชื่อเสร็จไว้บนมุมซ้ายบนของโต๊ะทำงานทรงกลม และหยิบมาเปิดอีกชุดหนึ่งออก”ไม่น่าฟังจนถึงขั้นไหน?ให้ฉันฟังสิ”
ปฏิกิริยาของเจ้านายราบเรียกเกินไปหรือเปล่า เหมือนเตรียมพร้อมในใจตั้งนานแล้ว ปรากฏให้เห็นว่าเขาเหมือนจะใจร้อนกว่าอีก
จี้ตงหมิงเลยไม่เคอะเขินอีกแล้ว พูดออกมาตรงๆอย่างไม่เกรงกลัวใดๆ”เจ้านายครับ ประธานใหญ่บอกว่า……ช่วงนี้คุณออกจากบริษัทไปสหรัฐอเมริกาโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นพฤติการณ์ที่ไม่คำนึงถึงกฎระเบียบของบริษัท สมาชิกในคณะกรรมการหลายคนล้วนไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมของคุณ เขาบอกว่าครั้งนี้ต้องเตือนคุณอย่างจริงจังครั้งหนึ่ง และบังคับให้คุณต้องกล่าวขอโทษในการประชุมคณะกรรมการ และถ้ายังมีครั้งต่อไป เขาก็จะเปิดใช้กลไกของคณะกรรมการเพื่อลงมติปลดคุณออกจากตำแหน่ง”
พูดจบสิ้นในทีเดียว มือจี้ตงหมิงประกบกันอีกและก้มตัวลงไม่กล้าพูดต่อ และรอปฏิกิริยาของเจ้านายอย่างเงียบๆ
สิ่งที่คาดไม่ถึงคือ หลงเซียวหัวเราะอย่างเบาๆ เสียงหัวเราะที่แผ่วเบาราวกับลมเย็น ค่อยๆพัดพามา
ดูเหมือนจะแผ่วเบา แต่ตามจริงหนาวเย็นมาก หนาวเย็นจนทำให้คนน่าหวาดกลัว
“ขอโทษต่อหน้าคณะกรรมการ?”หลงเซียวคล้ายจะยิ้มแต่ไม่ได้ยิ้ม มุมปากเอียงขึ้นไปข้างหนึ่ง เห็นแล้วรู้สึกประชดมาก
จี้ตงหมิงพยักหน้าอย่างระมัดระวัง”เออ คำพูดดั้งเดิมของประธานใหญ่เป็นแบบนี้ครับ เขาพูดว่าครั้งนี้ให้คุณขอโทษต่อหน้าคณะกรรมการก่อน ถ้ามีครั้งต่อไป……”
“ครั้งต่อไปที่ปลดฉันออกจากตำแหน่งเหรอ?”ครั้งนี้หลงเซียวหัวเราะออกมาอย่างประชดและเย็นชากว่าเดิมหลายเท่า เสียงหัวเราะเกือบจะสามารถแช่ของจนแข็งได้
จี้ตงหมิงพยักหน้า แล้วก้มลง”ครับ ความหมายของประธานใหญ่ก็คือเช่นนี้ครับ”
แต่คำพูดดั้งเดิมยิ่งไม่น่าฟังกว่านี้ เขาแค่ไม่กล้าพูดตามออกมาหมด
หลงเซียวหมุนเล่นปากกาลายเซ็น นิ้วเรียวที่คล้ายหยกสีขาวพันอยู่ระหว่างด้ามปากกาสีดำ แบ่งแยกสีขาวและสีดำได้อย่างชัดเจน”การประชุมคณะกรรมการเป็นเมื่อไหร่?”
จี้ตงหมิงกลืนน้ำลายเข้าไป”เจ้านายครับ สิ่งนี้เห็นได้ชัดว่าประธานใหญ่ตั้งใจจะหาเรื่อง เพื่อขยายเรื่องให้ใหญ่ขึ้น คุณคิดจะขอโทษต่อหน้าคณะกรรมการจริงหรือครับ?”
“แน่นอน ประธานใหญ่เป็นผู้บริหารที่ใหญ่ที่สุดในบริษัท คำพูดของเขาฉันก็ต้องเชื่อฟังอยู่แล้ว”หลงเซียวเซ็นชื่อลง เซ็นหลงเซียวสองคำลงบนกระดาษอย่างรวดเร็ว
“เจ้านายครับ ประธานทำแบบนี้ ท่านจะขึ้นไปข้างบนพูดคุยกับเขาก่อนไหมครับ?อาจจะเป็นคำพูดที่พูดเพราะโมโหหรอกครับ ยังไงพวกคุณก็เป็นพ่อลูกกัน เขาคงไม่คิดเล็กคิดน้อยกันแบบนี้หรอก?”
“ไม่ต้องแล้ว รอวันประชุมคณะกรรมการจะให้ทำอะไรก็ทำตามใจเขาก็พอ”
พอเซ็นเอกสารเสร็จ วางลง เอกสารที่เหลือหลงเซียวใส่ลงไปในกระเป๋า”ฉันมีธุระกลับไปก่อน คุณไปเตรียมหนังสือประกาศ”
“อ๊ะ?จะกล่าวขอโทษจริงๆเหรอครับ?”
“ใช่ ไปเตรียมเลย”
“อ่อ……รับทราบครับ เจ้านาย”
หลงเซียวหยิบกระเป๋าเอกสารขึ้นมา จัดระเบียบชุดสูท และก้าวออกไปด้วยความมั่นใจ พอเดินไปถึงหน้าประตูก็หันมาพูดว่า”คุณบอกว่าอาหย่งกลับมาแล้วเหรอ?”
จี้ตงหมิงตามความคิดของเจ้านายไม่ทัน ยังมึนงงอยู่”อ๊ะ……อ๋อ ครับ เขากลับมาแล้วครับ ผมก็เพิ่งรู้วันนี้”
“โอเค”
เงาร่างของหลงเซียวจากไป จี้ตงหมิงยืนอยู่นอกประตูลิฟต์ พึมพำอย่างไม่เข้าใจ”โอเค?โอเคที่เจ้านายพูดนั้นมันหมายความว่าอย่างไร?”
ฝั่งของแอนดี้เพิ่งจะเลิกงาน เห็นจี้ตงหมิงยืนอยู่ที่หน้าลิฟต์อย่างมึนงง จึงข้อไปหยอกล้อเขา”ผู้ช่วยจี้ ประธานเดินไปไกลแล้วคุณยังอาลัยอาวรณ์อยู่ที่นี่ล่ะ?”
จี้ตงหมิงกระแอมออกมา และยังเอื้อมมือไปจัดระเบียบเน็กไทด้วย”ท่านประธานเป็นผู้ให้เงินเดือนแก่เรา เป็นผู้ที่เราต้องพึ่งพา แน่นอนต้องเคารพต่อท่านสิ”
แอนดี้ทำหน้ามุ่ย และเหลือบตาไปเห็นเน็กไทของเขา เขาไม่จัดระเบียบมันยังปกติอยู่ พอถูกเขาจัดแบบนี้ เดิมทีเน็คไทที่ตรงอยู่กลับเบี้ยวไปแล้ว”ผู้ช่วยจี้ คุณตื่นเต้นทำไมล่ะ?ฉันไม่ได้สงสัยว่าคุณเป็นเกย์สักหน่อย และแม้ว่าคุณมีความคิดแบบนั้น ประธานก็ไม่ตอบกลับคุณหรอก ไม่ต้องห่วงนะ!’
แอนดี้ประชดเสร็จ ก็ยกมือขึ้นไป จัดเน็กไทของเขาให้ตรงด้วยความรังเกียจ”ผู้ช่วยจี้ ฉันยังไม่ทันได้พูดอะไรเลย อย่ากินปูนร้อนท้องนะ ไม่นั้นสติจะหาย”
จัดระเบียบเสร็จ แอนดี้ก็ผูกปมเน็กไทให้แน่น จากนั้นก็สะบัดหน้าเดินจากไป
จี้ตงหมิงตะลึงงัน ก้มหน้าไปดูเน็กไทสีฟ้าของตัวเอง สายตาตกอยู่ที่ลายขวางสีฟ้าและสีขาว”ไอ้ผู้หญิงคนนี้ บ้าไปหรือเปล่า……”
——
ลั่วหานหลับไปชั่วโมงกว่าๆก็ตื่นมา กลัวว่าตอนเช้านอนไปมากตอนเย็นจะนอนไม่หลับ หลังจากตื่นมาก็ได้ดื่มชารสเข้มข้นลงไปหลายคำเพื่อฟื้นฟูสติ หลังจากฟื้นสติกลับมาก็ไปเยี่ยมหยวนชูเฟินที่ห้องสวีท
เธอกำลังหลับอย่างสนิท ยาที่กินในช่วงนี้มีผลช่วยให้มีการนอนหลับที่ดี เขานอนหลับอย่างสงบ ตอนนี้ยังไม่ได้มีความรู้สึกที่เจ็บปวดเกิดขึ้น เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็ง
ลั่วหานช่วยปรับอัตราการไหลของกระบอกฉีดยาอัตโนมัติให้เธอ นำผมของเธอไว้ด้านหลังหู
นางพยาบาลเดินเข้ามา ในมือผลักยาเข้ามา
เมื่อเห็นว่าลั่วหานนั่งอยู่หน้าเตียงผู้ป่วย และจับนู้นบ้าง แตะนี่บ้าง เดาว่าเธอน่าจะประหม่าเกินไป จึงยิ้มและพูดว่า”หมอฉู่ สถานการณ์ของคุณนายในตอนนี้มั่นคงอยู่ คุณไม่ต้องเป็นห่วง”
ลั่วหานเงยหน้าขึ้นมาทันที และตอบกลับด้วยรอยยิ้ม”เธอยังต้องนอนอีกนานแค่ไหน?”
นางพยาบาลเอ่ยเสียงอืมออกมา”ยังต้องนอนอีกประมาณสองชั่วโมงค่ะ หมอฉู่ คุณหลงได้สั่งไว้เป็นพิเศษแล้ว พวกเราจะดูแลคุณนายให้ดีค่ะ คุณอย่าเหนื่อยจนเกินไปนะคะ ไม่นั้นเดี๋ยวคุณนายรู้ก็จะโทษพวกเราไม่ได้ทำตามหน้าที่ให้ดี”
แม้กระทั่งสิ่งนี้หลงเซียวก็ได้สั่งไว้เหรอ?
ลั่วหานลุกขึ้นมาจากโซฟา ตรวจสอบยาทั่วไป ซึ่งทั้งหมดเป็นยาเสริมก่อนการทำเคมีบำบัด”โอเค นั้นต้องขอบคุณพวกคุณเป็นอย่างยิ่งนะ”
“เป็นหน้าที่ของพวกเราที่ควรทำอยู่แล้วค่ะ หมอฉู่ เดี๋ยวฉันจะเฝ้าดูคุณนายอยู่ที่นี่ค่ะ คุณสามารถไปพักผ่อนก่อน”
ภายในวอร์ดไม่ต้องการเธอเฝ้าชั่วคราว ลั่วหานจึงเดินออกมาจากห้อง เดินไปลานข้างหน้า อีกไม่ไกลเป็นสวนแห่งหนึ่ง โรงเรียนอนุบาลใกล้ๆแถบนี้ล้วนเลิกเรียนแล้ว ปู่ย่าตายายหลายคนที่มารับหลานนั้น กำลังพาเด็กเล่นอยู่ในสวน
นอกประตูสวนมีแผงขายขนมและของว่าง เด็กบางคนได้จับสายไหมและขนมอยู่ในมือ กินอย่างมีความสุข
ลั่วหานมองไปดูเด็กที่อยู่ฝั่งนู้น อยู่ดีๆก็เดินไปอย่างไม่รู้ตัว เสียงหัวเราะของเด็กๆอ่อนนุ่มมากๆ เสียงหัวเราะคิกคักก็ดังไปถึงหัวใจของเธอ
“คุณยาย คุณลองชิมดู หวานมากเลย!”เด็กผู้หญิงที่อายุประมาณสามขวบเอาลูกอมให้คุณยายกิน
“ไม่หรอก คุณยายไม่กิน หลานกินเองเลย”
“ไม่ได้ไม่ได้ หนูอยากจะกินด้วยกันกับคุณยาย”เด็กผู้หญิงยึดมั่นความคิดของตนเอง
คุณยายยิ้มและกัดนิดเดียว พยักหน้าอย่างมีความสุขและชื่นชมอย่างเกินจริง”เออ!หวานมาก หวานจริงๆเลย อร่อยมาก!”
“อิอิอิ หนูก็บอกไปแล้วไง!”
ภาพพจน์ที่อบอุ่นต่อหน้านี้ ทำให้มุมปากของลั่วหานหงายขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ฉากที่อบอุ่น มีความสุขต่อหน้านี้ เป็นภาพพจน์ที่สามารถกระตุ้นใจคนมากที่สุด
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ลั่วหานก็อดไม่ได้ที่จะแตะไปที่หน้าท้องของตัวเอง ถ้าหากเธอมีลูกจริงๆ ทีหลังก็สามารถให้ลูกไปทำสิ่งเล็กๆที่มีความสุขกันเช่นนี้กับหยวนชูเฟินใช่ไหม?
สามารถเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจให้หยวนชูเฟินได้ผ่านเคมีบำบัดที่ยาวนานและทรมานเช่นนี้ได้ไหม?
ถ้าหากว่าสามารถทำได้ เธออยากจะนำความโชคดีในชีวิตอนาคตของตัวเอง มาแลกกับลูกหนึ่งคน มาแลกกับปาฏิหาริย์อันหนึ่ง
“คิดอะไรอยู่?”
ในขณะที่เธอเหม่อลอยอยู่ อ้อมกอดอันอบอุ่นโอบกอดเธอจากด้านหลังอย่างอ่อนโยน จากนั้นก็เป็นรสชาติของเตกีลาที่สง่างามส่งมา แขนยาวที่มีน้ำใจกอดเธอเข้าอก คางอยู่บนศีรษะของเธอ ลมหายใจเกี่ยวพันกัน
ลั่วหานตะลึง จากนั้นก็ยิ้มพร้อมพูดว่า”ทำไมคุณถึงมาที่นี่ล่ะ?”
“เมื่อที่ไปที่วอร์ด พยาบาลบอกว่าคุณออกมาแล้ว”น้ำเสียงที่ทุ่มต่ำของเขาลอยอยู่รอบหู คันมาก
มือของลั่วหานจับมือที่ประกบอยู่ที่หน้าท้องของเขาไว้ พิงเขาไว้และพูดว่า”คุณสามี เด็กๆพวกนี้น่ารักจริงๆเลย”
“เออ น่ารักมาก”
“คุณสามี ฉันคิดอยู่ว่า ถ้าพวกเราก็มีลูกของเราเอง แม่จะต้องดีใจมากแน่ๆเลย”ลั่วหานหันกลับมา และเงยหน้าขึ้นมองคางของเขา
หลงเซียวก้มหน้าไปจูบหน้าผากของเธอ”ใช่ แต่ไม่เพียงแค่แม่จะดีใจ ฉันจะยิ่งดีใจใหญ่เลย”
ลั่วหานย้ายมือของเขาไปที่บริเวณหน้าท้องของตัวเอง กลับตาอย่างอ่อนโยน ฝ่ามือของเขาแม้จะถูกเสื้อผ้ากั้นอยู่ แต่ยังคงร้อนๆอุ่นๆอยู่
“สามี พวกเราพยายามมีลูกให้เร็วที่สุดเลยได้ไหม ฉันอยากให้กำลังใจแก่คุณแม่ การเคมีบำบัดลำบากมากๆ ถ้าหากลูกของเราสามารถอดทนลงมาพร้อมกับคุณยาย แม่จะสามารถเจ็บปวดน้อยลง”
ฝ่ามือของหลงเซียวสัมผัสไปที่หน้าท้องของเธอ หน้าท้องแบนมากจนราวกับไร้ไขมันแม้แต่นิด”คุณภรรยา คุณคิดแบบนี้จริงเหรอ?”
เธอสามารถคิดเพื่อประโยชน์ของคุณแม่ตลอดเวลา หลงเซียวซาบซึ้งใจมาก!
การคลอดลูกนั้นทำร้ายผู้หญิงมากเกินไป ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนล้วนยอมเสียสละรูปร่างสัดส่วนแม้กระทั่งอาชีพในอนาคตเพื่อมาเลี้ยงลูกคนหนึ่ง
“เออ ฉันอยากจะคลอดลูกให้คุณ”