ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 509
ตอนที่ 509 คิดถึงฉันไหม สักครั้งเดียวก็ยังดี
แน่ใจว่าท้องแล้ว หลงเซียวก็ติดต่อกับจี้ตงหมิง ให้ยกเลิกงานช่วงเช้าทั้งหมด ถ้ายกเลิกไม่ได้ก็ให้เลื่อนไปหลังบ่ายสอง
สั่งเรื่องงานเรียบร้อยแล้ว หลงเซียวก็ไปตรวจครรภ์เป็นเพื่อนลั่วหานที่แผนกสูติโรงพยาบาลหวาเชี่ย
หัวหน้าแผนกเป็นคนตรวจให้ลั่วหานด้วยตัวเอง ผลตรวจออกมาทันที แพทย์หญิงสูติอายุสี่สิบกว่าอธิบายด้วยสีหน้าดีใจ เด็กอายุได้สี่สัปดาห์แล้ว ทุกอย่างปกติดี แค่ระวังเรื่องการพักผ่อน และสารอาหารก็วางใจได้
หนึ่งเดือน ลั่วหานคิดย้อนไปหนึ่งเดือนก่อน ตอนนั้นเธอกับหลงเซียวไปพักผ่อนที่ต่างประเทศ ตอนนั้นเธอก็ท้องแล้ว
เธอเข้าอยู่โหมดคนท้องโง่สามปีเรียบร้อยแล้ว ขนาดประจำเดือนตัวเองช้าไปหลายวันก็ไม่ได้สังเกต
โง่จริงๆ
ดีที่ตอนนี้ทุกอย่างเป็นอันแน่ชัดแล้ว ลั่วหานรู้สึกโล่งอก โชคดี โชคดีจริงๆ
ถ้าไม่รีบมาตรวจ คุณชายหลงก็อาจจะพยายามอย่างลำบาก ผลจะเป็นยังไงเธอไม่กล้าคิด
หลงเซียวถือผลตรวจไว้ ใบหน้าอันสง่านั้นมีรอยยิ้มที่บดบังไม่อยู่ “ลั่วลั่ว ตอนนี้เราไปเยี่ยมแม่กัน”
ลั่วหานยังอยู่ในความสุขกับข่าวดีเรื่องตั้งครรภ์ พยักหน้ายิ้ม “ค่ะ ตอนนี้ไปเยี่ยมแม่ สองวันนี้หมอจะเตรียมทำเคมีบำบัดครั้งแรกให้แม่ ข่าวดีนี่ต้องทำให้แม่มีกำลังใจแน่นอน”
หลงเซียวกอดลั่วหานไว้ จนเกือบจะอุ้มเธอแล้ว ไปที่ห้องพักพื้น ตลอดทางทั้งสองก็คุยกันว่าจะเล่าข่าวดีนี้ให้หยวนชูเฟินฟังยังไง พูดไปพูดมาก็มาถึงหน้าห้องผู้ป่วยแล้ว
แต่ว่า พวกเขายังไม่ได้เคาะประตู โฮเท่อกับผู้ช่วยของเขาหลายคนก็เดินมา โฮเท่อเห็นหลงเซียว ก็รีบเดิน สีหน้าเร่งรีบ
“คุณหลง คุณนายหลง เข้ารับการทำเคมีบำบัดครั้งแรกวันนี้ ร่างกายท่านไม่ค่อยดี ผลกระทบจากการทำเคมีบำบัดหนักมาก พวกเรากำลังจะติดต่อคุณ”
ความอ่อนโยนในสายตาหลงเซียวเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที มือแน่นทันที “เคมีบำบัดวันนี้? เรื่องอะไรกัน?”
ลั่วหานก็ตกใจ เคมีบำบัด? ตกลงกันแล้วว่าพวกเขาจะอยู่เป็นเพื่อนเธอ ทำไมถึง……
โฮเท่อดันแว่นขอบทองของเขา มองเขาด้วยสีหน้ามึนงง “แม่คุณไม่ได้บอกคุณเหรอครับ? ท่านเปลี่ยนวันทำเคมีบำบัดเป็นวันนี้ จากเดิมที่นัดไว้เป็นวันมะรืนเปลี่ยนเป็นวันนี้ อีกอย่างคุณนายบอกผมว่า วันนี้คุณกับภรรยามีธุระสำคัญ มาอยู่เป็นเพื่อนท่านไม่ได้ ผมนึกว่า……”
คิ้วหลงเซียวขมวดเข้าหากันแน่นเป็นก้อน “แม่ผมอยู่ไหน?”
โฮเท่อตกใจกำคำพูดเฉียบขาดของเขา รีบพยักหน้าพูด “ท่านอยู่ในห้องครับ หลังทำบำบัดเสร็จ คุณนายก็อาเจียนไม่หยุด เนื้องอกในสมองกดทับเส้นประสาท ระหว่างการทำบำบัดเกิดอาหารต่อต้าน เพราะฉะนั้นพวกเราจึงปรับเปลี่ยนการบำบัดตามสถานการณ์”
ตาดำคมของหลงเซียวเหมือนคลื่นสีดำที่ซัดมาอย่างรุนแรง น้ำเสียงเย็นชา “เรื่องพวกนี้เดี๋ยวค่อยพูด”
ทั้งสองเข้าไปในห้อง หยวนชูเฟินกำลังอาเจียนในห้องน้ำอย่างลำบากโดยมีพยาบาลดูแล ก่อนทำเคมีบำบัดเธอไม่ได้กินอะไรเลย หลังจากอาหารอาเจียนในกระเพาะก็ไม่มีของให้อาเจียนแล้ว ตอนนี้ก็มีแต่น้ำ กรดในกระเพาะกัดกระเพาะเธอรุนแรง ไม่แค่อาเจียนจนหมดแรง อาการกรดกัดกระเพาะทำให้เจ็บปวดอีก
หยวนชูเฟินจับแขนพยาบาลไว้อย่างเจ็บปวด ร่างกายที่ซีดเซียวและอ่อนเพลีย แค่ลมพัดก็แตกสลายได้
อาเจียนเสร็จ หยวนชูเฟินบ้วนปาก หลับตาอย่างหมดแรง “เรื่องนี้ อย่าบอกลูกชายฉันนะ จำไว้”
พยาบาลพยักหน้า “คุณนายวางใจค่ะ หนูไม่พูดหรอกค่ะ”
หยวนชูเฟินลืมตาอย่างหมดไร้เรี่ยวแรง “อืม”
“แม่ แม่จะปิดบังพวกเราแล้วทรมานคนเดียวในโรงพยาบาลเหรอ?”
เสียงต่ำ ความห่วงใย ความเจ็บปวด รู้สึกผิด ความรู้สึกมากมาย ลอยเข้าหูของเธอ
หยวนชูเฟินตกใจ หันกลับมาช้าๆ เธอยังมองหน้าลูกชายไม่ชัด หลงเซียวก็กอดร่างเธอไว้แน่น อ้อมกอดที่หนักแน่นนี้ รองรับความอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงของเธอ ความฝืนทนทุกอย่าง
“แม่ พูดกันแล้วไงว่าสงครามครั้งนี้เราจะรบด้วยกันสามคน ทำไมแม่ต้องทำแบบนี้?” เพราะความห่วงใย จึงอยากถามเธอ อยากดูแลเธออย่างพ่อดูแลลูก
วินาทีนี้ หลงเซียวเข้าใจแล้ว เมื่อพ่อแม่ชราลงทุกวัน ก็จะกลายเป็นลูกของตัวเอง ลูกก็เปลี่ยนมาทำบทบาทหน้าที่ของพ่อแม่
ลั่วหานตาแดงน้ำตาคลอ กลั้นน้ำตาไว้ ประคองหยวนชูเฟินจากด้านหลัง “แม่ อีกหน่อยห้ามทำเรื่องโง่แบบนี้ นะคะ?”
หยวนชูเฟินเหมือนเด็กที่ทำความผิดถูกจับได้ ก้มหน้าพูด “แม่แค่อยากดูว่า ผลการทำเคมีบำบัดเป็นยังไง แม่ไม่อยากให้พวกลูกกลัว”
น้ำตาลั่วหานไหลลงพราก ใช้นิ้วจัดผมที่ยุ่งเหยิงให้เธอ หัวใจเหมือนจะฉีกขาดเพราะเธอ “แม่ ไม่ว่าผลจะเป็นยังไง พวกเราจะเผชิญด้วยกัน สู้ไปด้วยกัน แม่ยังไม่กลัวเลย พวกเราก็ไม่กลัวอยู่แล้ว”
หลงเซียวอุ้มหยวนชูเฟินขึ้นเตียง ลั่วหานช่วยเธอดึงผ้าห่มมาห่ม วางหมอนสองใบไว้หลังเธอ เพื่อให้เธอนอนสบายขึ้น
สีหน้าหยวนชูเฟินซีดเหลือง หลังจากอาเจียนแล้วก็ไร้เรี่ยวแรง สีหน้าก็ซีดเซียว “หลงเอ๋อ ลั่วหาน ผลการบำบัดไม่ได้ดีอย่างที่เราคิด แม่คงเหลือเวลาไม่มากแล้ว “
ลั่วหานนั่งลงบนเตียงผู้ป่วย ยืนมือไปเช็ดน้ำตาบนหน้าเธอ หยวนชูเฟินก็ยื่นมือไปเช็ดน้ำตาให้เธอ สองแม่ลูกสบตากันยิ้ม
“แม่ หนูกับหลงเซียวมา มีข่าวดีจะบอกแม่” ลั่วหานไม่ล่าช้า ยื่นผลอัลตราซาวด์กับผลตรวจครรภ์ให้เธอดู “แม่ หนูท้องแล้ว”
หยวนชูเฟินดีใจจนพูดไม่ออก มองผลตรวจอยู่นาน “ท้อง? ลั่วหานหนู…..ท้องแล้วจริงเหรอ? สวรรค์ ข่าวดีจริงๆ ข่าวดีที่สุดเลย”
หลงเซียวล้างผ้าเช็ดหน้าอุ่นมา ช่วยหยวนชูเฟินเช็ดมือ อย่างระมัดระวัง “แม่ ลั่วลั่วท้องได้หนึ่งเดือนแล้ว อีกแปดเดือนก็คลอดแล้ว แม่ไม่อยากเห็นหลานตัวเองคลอดเหรอ?”
หยวนชูเฟินดีใจทั้งน้ำตา น้ำตาที่เช็ดไปแล้วไหลออกมาอีก “อยาก แม่อยาก แม่ฝันอยากให้พวกลูกมีลูกของตัวเอง” เธอดึงมือลั่วหาน ดีใจและตื้นตันจนพูดจาไปเรื่อย “ลั่วหาน เซียวเอ๋อเป็นสายเลือดเดียวของตระกูลมู่ ตอนนี้หนูท้องแล้ว ก็มีคนสืบเชื้อสายให้ตระกูลมู่แล้ว แม่ขอบคุณหนูมาก ถึงแม้ตอนนี้แม่จะไปฝั่งโน้น ก็ไปเจอพ่อได้อย่างหมดห่วงแล้ว”
“แม่ อย่าพูดไปเรื่อย อะไรฝั่งโน้นฝั่งนี้ แม่ต้องไม่เป็นไร วิธีบำบัดนี้ไม่ดี เราเปลี่ยนวิธีใหม่ แม่ดู หลานแม่รอแม่อยู่ แม่ต้องรอดูเขาเกิดมา ดูจนเขาโตมาเรียกแม่ว่าย่า อีกหน่อยยังต้องพาเขาไปเดินเล่นที่สวน อีกหน่อยแม่ไปเต้นออกกำลังกายก็พาเขาไปเป็นเพื่อนแม่”
ลั่วหานช่วยหยวนชูเฟินวาดภาพในอนาคตที่สวยงาม ให้สายตาอันหดหู่ของเธอ มีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
หลงเซียวช่วยลั่วหานเช็ดมือและหน้า ก้มตัวจับมือที่ซูบผอมของเธอ “แม่ รับปากผม อดทนอีกนิด เคมีบำบัดครั้งหน้า เราอยู่เป็นเพื่อนแม่”
หยวนชูเฟินร้องไห้ด้วยความสุข กอดทั้งสองไว้ พูดทั้งน้ำตา “ได้ แม่จะอดทนต่อไป ต้องรอจนหลานของแม่คลอด”
ปลอบหยวนชูเฟินไปสักพัก มีข่าวดีแล้ว หยวนชูเฟินก็พอกินอะไรได้บ้าง ฉีดยาแล้วก็หลับไป
หลงเซียวกับลั่วหานไปหาโฮเท่อฟังวิธีบำบัดชุดที่สองที่ทีมแพทย์เตรียมให้หยวนชูเฟินอย่างละเอียด
ไม่ว่าจะเป็นวิธีไหน ระหว่างการทำก็ต้องมีผลข้างเคียง ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ เหมือนก้อนเมฆดำกดทับในใจของทั้งสอง
เรื่องตั้งครรภ์เป็นข่าวดี แต่อาการป่วยของแม่ก็กำลังน่าเป็นห่วง เรื่องที่น่าจะเป็นเรื่องน่ายินดีและดีใจ ก็ถูกลดไปเป็นครึ่ง
อยู่ที่โรงพยาบาลครึ่งวัน หลงเซียวก็ได้รับโทรศัพท์จากบริษัท มีเรื่องที่ต้องให้เขาเข้าไปจัดการ
หลงเซียวไม่วางใจ “ลั่วลั่ว ช่วงนี้คุณก็หยุดทำงานไปก่อนดีกว่า คุณทำงานที่โรงพยาบาล ผมเป็นห่วง”
“หมอกับพยาบาลในโรงพยาบาลเรา ก่อนคลอดหนึ่งเดือนก็ทำงานปกติกันทุกคน ฉันไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น อีกอย่าง คุณไม่เคยได้ยินเหรอ? ดูแลดีเกินไป ยิ่งมีปัญหาได้ง่าย ทำงานพอเหมาะก็เท่ากับออกกำลังกาย ดีกับฉันและลูก”
ลั่วหานอธิบายกับหลงเซียวแล้ว หลงเซียวก็ไม่อยากบังคับเธอ แต่ก็กำชับหลายครั้ง ถึงกลับไปบริษัท
บริษัทMBK ห้องทำงานประธานบริษัท
หลงถิงนั่งอยู่ในห้องรับแขก ตรงหน้ามีชุดชงชา ชาที่เพิ่งชงเสร็จกลิ่นหอมอบอวล เขาถือถ้วยน้ำชาใบเล็ก จิบชาไปคำหนึ่ง อย่างเชื่องช้า
หมายเลขที่โทรออกไป มีคนรับสายแล้ว
ฝั่งโน้น เป็นเสียงของผู้หญิงที่อ่อนโยน และเชื่อฟัง อ่อนโยนเหมือนสาวใช้ที่ถูกบีบบังคับ “พี่หลง……มีอะไรคะ?”
หลงถิงดื่มชาหมดแก้ว ถือแก้วเล่นในมือ “สองวันนี้เสี่ยวจื๋อจะไปหาเธอที่อเมริกา”
ฝั่งโน้นตกใจ “พี่……ทำไมพี่ถึงให้เขากลับมาหาฉัน? พี่รับปากฉันแล้วว่าจะให้สุขสบายกับเขาตลอดชีวิต ทำไมตอนนี้ถึง……”
“เธอสงสัยฉัน?” หลงถิงขมวดคิ้ว หมดความอดทน
น้ำเสียงผู้หญิงทางโน้นก็อ่อนลง “ฉันไม่กล้า แต่ว่า ไม่เข้าใจความหมายของพี่”
หลงถิงพูด “เสี่ยวจื๋อเชื่อฟังแค่สองคน คือเธอ แล้วก็หลงเซียว ตอนนี้เพราะว่าหลงเซียว เขาไม่ยอมรับช่วงบริษัท ในสายตาเขา หลงเซียวสำคัญกว่าฉัน เพราะฉะนั้นฉันอยากให้เธอใช้โอกาสนี้ สอนเขาดีๆ ว่าเขาควรทำอะไร”
“พี่หลง พี่จะให้ฉันทำอะไร? ขอแค่ทำเพื่อเสี่ยวจื๋อ อะไรฉันก็ทำได้” ทางโน้นถามอย่างร้อนรน
หลงถิงวางแก้วน้ำชาลง “ไม่ยาก ตอนนี้จิตใจเสี่ยวจื๋อมีแต่หลงเซียว เชื่อใจเขาเกินไป เธอคิดหาวิธีทำให้เสี่ยวจื๋อเกลียดเค้นหลงเซียว เรื่องพวกนี้คงไม่ต้องให้ฉันสอนเธอนะ”
“ฉันเข้าใจความหมายของพี่แล้ว ฉันจะช่วยเสี่ยวจื๋อ สุดความสามารถ…..” ผู้หญิงคนนั้นถามอย่างอ่อนโยน “พี่หลง หลายปีนี้ พี่สบายดีไหม?”
อดกลั้นความเจ็บปวด เศร้าโศก อยู่ในคำพูดเดียวหมด ความรักที่ต่ำต้อย ความดูถูกความยินยอม และความเจ็บปวดที่ต้องถูกปิดบัง
หลงถิงใบหน้าไร้อารมณ์ “เธอไม่ต้องห่วงฉัน เรื่องเสี่ยวจื๋อ เธอรู้อะไรหนักอะไรเบา เขาจะได้รับช่วงMBKต่อหรือไม่ ขึ้นอยู่กับเธอ”
ผู้หญิงฝั่งโน้น เริ่มมีเสียงสะอื้น “พี่หลง จากกันก็ยี่สิบกว่าปีแล้ว ตั้งแต่ปีที่เสี่ยวจื๋อแปดขวบ เราเจอกันครั้งสุดท้าย ก็นานหลายปีแล้ว พี่หลง……พี่ไม่เคยคิดถึงฉันเลยเหรอ? แค่ครั้งเดียวก็ยังดี?