ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 544
ตอนที่ 544 ท่านเซียวอยากเป็นคนดังไหม
เขาบินมาจากอเมริกา เพียงเพื่อจะได้พูดต่อหน้าเธอ เขาไม่ใช่แค่ป่วยเท่านั้น แต่ยังไร้สาระด้วย
ลั่วหานคิดเช่นนี้ในใจ
ตู้หลิงเซวียนวางมือไว้บนโต๊ะ และกางนิ้วออก มือของเขาเรียวยาวดูขาวใสสะอาด “ แอนน่า นี่คุณอคติกับผมเกินไปหรือเปล่า?”
หึหึ!
ลั่วหานไม่อยากมองไปที่แก้วกาแฟนั้นอีกต่อไป เธอรู้สึกรังเกียจตู้หลิงเซวียนเล็กน้อย โดยเฉพาะหลังจากที่เธอเริ่มรู้เกี่ยวกับวิธีการที่เขาใช้เพื่อแย่งชิงในทางการค้า
“ ระหว่างเราไม่เหมาะที่จะพูดคุยเรื่องพวกนี้ ถ้าคุณตู้ไม่มีเรื่องแล้วจริงๆ เราต่างคนต่างไปเถอะค่ะ” ลั่วหานพูดอย่างเย็นชา แล้วหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะกำลังจะออกไป
ตู้หลิงเซวียนมองไปที่เธอและยิ้มอย่างสุภาพ “แอนน่า คุณไม่ได้อคติกับผม แต่คุณกำลังหนีผม”
แม่งเอ๊ย!
ลั่วหานด่าตู้หลิงเซวียนอยู่ในใจไปสักพัก แล้วเผยรอยยิ้มแบบจำเป็นออกมา “คุณคิดมากเกินไป ที่ฉันรักษาระยะห่างกับคุณ เพียงเพราะให้เกียรติตัวเองและคุณ และยิ่งเป็นการให้เกียรติสามีของฉันด้วย ฉันเป็นผู้หญิงที่แต่งงานมีครอบครัวแล้ว การรักษาระยะห่างกับผู้ชายคนอื่นๆ เป็นคุณธรรมที่ควรมีอยู่แล้ว ”
เธอพูดอย่างใจเย็นๆ แล้วกลับมาใช้สายตาที่เย็นชาบาดคมมองไปที่เขา
ลั่วหานอยากมองให้ชัด อะไรกันแน่ที่ซ่อนอยู่ในดวงตาของตู้หลิงเซวียน แต่ดวงตาที่อ่อนโยนนี้ปกปิดและปลอมเก่งเกินไป มีเพียงความอ่อนโยนที่เธอไม่สามารถมองผ่านมันได้
หลังจากฟังที่ตู้หลิงเซวียนฟังเธอพูดจนจบ เขาก็พยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดของเธอ “แอนน่า ผมเสียดายจริงๆที่คบกับคุณไม่ได้ คุณเป็นผู้หญิงที่ดี แต่ … ตอนนี้ฉันจะไม่ข้ามเส้นระหว่างเราสองคน เพราะฉะนั้นคุณวางใจได้”
หึหึ ตอนนั้นก่อความวุ่นวายในการประมูล แล้วก็มาใช้เล่ห์กลในธุรกิจด้านการค้าของบริษัทเฉียวซื่อพอตอนนี้เรื่องมันเงียบลง เขากลับพูดคำพวกนี้ออกมาจากปากได้อย่างง่ายดายงั้นเหรอ
ช่างเป็นผู้ชายที่ทรงพลังจริงๆ
ลั่วหานถูแหวนแต่งงานของตัวเอง และพูดโดยไม่ลังเลว่า “พูดถามไถ่กันจบแล้วใช่ไหม คุณจะคุยเรื่องอะไรกับฉัน คุยตอนนี้ได้เลย ฉันยังมีงานที่โรงพยาบาลที่ต้องทำ”
ตู้หลิงเซวียนหยิบแก้วกาแฟของตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง และจิบไปหนึ่งคำ ท่าทางของเขาดูสง่างามและมีระดับ “ ถ้าผมไม่บอกว่าเป็นธุระทางการคุณจะมาหาผมเหรอ?”
เขาพูดเป็นธรรมชาติมาก และเขาไม่ได้รู้สึกว่ามีตรงไหนที่ไม่เหมาะสมเลย
ลั่วหานดึงเก้าอี้ออกและลุกขึ้นยืน ก่อนหน้านี้ไม่กี่วินาทีที่เขาจะพูดคำเหล่านี้ออกมา เธอได้แสดงความไม่พอใจจากการกระทำออกมาอย่างชัดเจนแล้ว
“ เควิน ฉันคิดว่าเราไม่ได้เป็นคู่กัน แต่อย่างน้อยเราก็ยังเป็นเพื่อนกันได้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าฉันคิดผิดไป ฉันอยากดื่มกับคุณในฐานะเพื่อน แต่ความคิดของคุณสวนทางกับฉัน ถ้าอย่างนี้ เราไม่ต้องเจอกันจะดีกว่า ”
ลั่วหานเดินออกจากโต๊ะไป เมื่อเธอเดินผ่านตู้หลิงเซวียนไป ตู้หลิงเซวียนก็เอื้อมมือไปจับแขนเธอ
ไว้ ฝ่ามือของเขาร้อนๆ อาจจะเป็นเพราะเขาเพิ่งจับแก้วกาแฟมา ก็เลยยังมีความร้อนหลงเหลืออยู่ที่ปลายนิ้วของเขา ลั่วหานรู้สึกว่าแขนร้อนๆ และเธอก็ขมวดคิ้วขึ้นมา เธออยากจะสะบัดมือเขาออก
ตู้หลิงเซวียนยืนขึ้นและยืนตรงหน้าลั่วหานในแนวทแยงมุม เขาสูงกว่าลั่วหาน และดวงตาของเขาก็ก้มลงสบตากับลั่วหาน
อะไรกันเนี่ย!
ลั่วหานรู้สึกกระอักกระอ่วน ดวงตาของเธอเย็นชาและห่างเหินมากขึ้นกว่าเดิม “นี่คุณทำแบบนี้หมายความว่ายังไง?”
เขาสองคนใกล้กันเกินไป จนลั่วหานได้กลิ่นยาสูบจาง ๆ บนร่างกายของเขา ผสมกับกลิ่นน้ำหอมโคโลญจน์ของผู้ชาย มันฉุนอยู่ตรงปลายจมูกของเธอ ทำให้รู้สึกอึดอัด
ตู้หลิงเซวียนสูบบุหรี่เป็นปกติ แต่ไม่ติดบุหรี่ เนื่องจากมาตรฐานยาสูบที่สูง กลิ่นมันก็เลยไม่ถึงกับฉุนจมูก แต่ความรู้สึกไวต่อกลิ่นของลั่วหานหลังจากตั้งครรภ์ ก็ยังรู้สึกอึดอัดใจ
ตู้หลิงเซวียนไม่ได้ใช้แรงมากนัก นิ้วมือของเขาจับไปที่ข้อมือของเธอเบาและพูดเบา ๆ ว่า “แอนน่า ถ้าคุณโกรธผม เพราะก่อนหน้านี้ผมทำสิ่งที่ไร้เหตุผลบางอย่างออกมา ผมขอโทษคุณได้ และผมจะพยายามชดใช้ความผิดที่ผมเคยทำอย่างเต็มที่ การลงทุนประจำปีของบริษัทเฉียวซื่อในปีนี้ผมได้โอนเงินเป็นสองเท่าเข้าไปในบัญชีของบริษัทเฉียวซื่อแล้ว ส่วนทางพ่อแม่ของคุณ ผมจะยังคงดูแลพวกเขาเช่นเคย ส่วนเรื่องที่เหลือผมจะค่อยๆทำนะแอนน่า ทุกคนมีโอกาสที่จะทำผิด โดยเฉพาะคนที่สับสนในความรู้สึก ผมไม่ขอให้คุณยกโทษให้ผมตอนนี้ แต่ให้โอกาสผมหน่อย ผมพิสูจน์ได้ว่าถ้าเราไม่สามารถเป็นคนรักกันได้ เราก็ไม่ควรเป็นศัตรูกัน”
เขาพูดทุกถ้อยคำของเขา ล้วนมีน้ำเสียงที่อ่อนโยนและสุภาพ เสียงที่มุ่งมั่นและทรงพลัง ค่อยๆพูดออกมาอย่างไม่หนักไม่เบา
จริงเหรอ?
นี่กลับตัวกลับใจแล้วจริงเหรอ?
ลั่วหานอ้าปากและพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณพูดกลับตัวได้ลึกซึ้งมาก แต่จริงๆแล้วไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้เลย สิ่งที่คุณต้องการไม่ใช่การให้อภัยหรือความเห็นด้วยจากฉัน แต่เป็นคุณเองโน้มน้าวให้ตัวเองยอมแล้วจริงๆหรือเปล่า”
ตู้หลิงเซวียนขมวดคิ้วและพูดแซวตัวเองว่า “ผมรู้ว่าไม่ว่าตอนนี้ผมจะพูดอะไร คุณก็ไม่เชื่อผมหรอก ดังนั้นรอให้ผมทำให้คุณเห็นละกันนะ”
ลั่วหานดึงมือของเธอออกจากมือเขา “ เคยกระทืบอย่างแรง แต่ตอนนี้กลับมาเพื่อปลอบและชดใช้ เพื่ออะไร”
ตู้หลิงเซวียนถอนหายใจเบา ๆ และหัวเราะ “ถ้าไม่เลือดผิดทาง เราจะเติบโตได้อย่างไร คุณก็คิดว่าผมหลงทางละกัน ตอนนี้ผมพบช่องทางที่ถูกต้องแล้ว ผมจะควบคุมทิศทางของตัวเองให้ดีๆ”
รอยยิ้มของเขาตอนเขาพูดมักจะสุภาพและอ่อนโยนเสมอ มันดูไม่เกี่ยวข้องกับพวกคนเลวในตลาดธุรกิจการค้าเลย ตัวลั่วหานเองก็เริ่มสับสนแล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสายตาของเขาเมื่อมองไปที่เธอ มันมีความสับสนอยู่อย่างหนึ่งที่คนธรรมดาไม่สามารถต้านทานได้
“ถ้าเป็นเช่นนี้ ฉันหวังว่าคุณจะดีขึ้นเรื่อยๆ ฉันขอตัวก่อนนะ”
“เมื่อกี้ผมดื่มกาแฟของคุณไป ผมขอโทษนะ ผมช่วยคุณสั่งคาปูชิโน่หวานน้อยแก้วใหม่มาแล้ว” ที่ตู้หลิงเซวียนยื่นมือออกไปและเชิญให้เธอนั่งลง เขายิ้มอย่างสุภาพบุรุษ
“ น้ำใจของคุณตู้ผมช่วยภรรยาของผมรับมันไว้ในใจแล้ว แต่เหมือนว่าตอนนี้ภรรยาของผมไม่อยากดื่มกาแฟซะเท่าไหร่นะ”
ด้านนอกประตู หลงเซียวยืนตัวตรงเขาสอดมือซ้ายเข้าไปในกระเป๋ากางเกง และมือขวาถือกุหลาบช่อใหญ่ไว้ ดอกไม้ทำให้พื้นที่ตรงนั้นดูงดงามและบรรยากาศก็สดใสไปด้วย
เขามองไปที่ ตู้หลิงเซวียนอย่างเย็นชา ด้วยสายตาที่ลึกล้ำไม่มีความรู้สึกหรืออุณหภูมิใด ๆ
ทันทีที่ลั่วหานเงยหน้าขึ้น เธอก็เห็นหลงเซียวในตอนนี้และหัวใจของเธอก็อบอุ่นขึ้นมาทันที
ตู้หลิงเซวียนหันหน้าไปและสบตากับหลงเซียว
ดวงตาที่เย็นชาของเขาสบเข้ากับดวงตาที่อบอุ่นของเขา และสองอารมณ์ที่แตกต่างกันก็ปะทะกันในอากาศทันที
แม่งเอ๊ย!
ตู้หลิงเซวียนเอาความกล้ามาจากไหน ถึงกล้าที่จะนัดพบกับลั่วลั่วเพียงลำพัง!
สายตาที่เย็นชานั้นเจาะเข้ารูม่านตาของ ตู้หลิงเซวียนอย่างจังๆ มีทั้งคำถาม ประณาม ความไม่พอใจและที่มากที่สุดคือความโกรธ
หลงเซียวปรากฏตัวพร้อมดอกกุหลาบช่อใหญ่อย่างดูดี ลูกค้าและพนักงานขายในร้านกาแฟต่างก็จ้องมองจนอึ้งไปเลย แค่ได้เห็นท่านเซียวตัวจริงก็น่าตื่นเต้นมากแล้ว แถมยังถือดอกไม้ช่อใหญ่อีกสักด้วย ยอดเยี่ยมจริงๆ
หลงเซียวเดินเข้าไป โอบกอดเธออย่างเห็นแก่ตัวและอ่อนโยน เขาโอบลั่วหานไว้ในอ้อมแขนของตัวเอง ในแววตาของเขานั้นมีแต่เธอ “ดอกไม้นี้ให้คุณ”
ลั่วหานมองดูกุหลาบช่อใหญ่ด้วยความตกใจ คิดในใจว่าวันนี้คงไม่ใช่วันพิเศษอะไรใช่ไหม? ให้ดอกไม้ทำไม?
ไม่สิ เขามาโผล่ที่นี่ได้ยังไง?
ลั่วหานซ่อนความสงสัยไว้ แล้วสูดกลิ่นดอกไม้อย่างพึงพอใจ “ ขอบคุณคุณสามีนะคะ ดอกไม้สวยจัง”
“ ชอบก็ดีแล้ว” เขาพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
ตู้หลิงเซวียนยังคงยิ้มอย่างมีความอดทน “ ประธานหลงดีกับแอนน่าจริงๆนะครับ”
หลังจากทำเรื่องเหล่านี้เสร็จ หลงเซียวถึงจะมองไปที่ตู้หลิงเซวียน “ ภรรยาของผม ผมไม่ดูแลเธอ จะรอให้คนอื่นมาดูแลเธอเหรอ? อย่างเช่นคุณตู้?”
ลั่วหาน: อืม …
ท่านเซียวกำลังจะเริ่มด่าคนโดยไม่มีคำหยาบแล้ว
ตู้หลิงเซวียนพูดพร้อมหัวเราะ “แอนน่าเป็นเพื่อนของผม แน่นอนว่าผมจะดีกับเธออยู่แล้ว”
“หื้ม? ใช่เหรอครับ? คุณตู้ดีกับเธอมากจริงๆเลยนะครับ กลัวว่าภรรยาของผมจะทำงานเหนื่อยเกินไป ก็เลยรับงานของเธอไปส่วนหนึ่งก่อน กลัวเธอจะทำงานหนักก็เลยดื่มกาแฟแทนเธอ ความจริงใจของคุณตู้ก็มีมากนะครับ อุตส่าห์บินมาจากสหรัฐอเมริกา เพียงเพื่อคุยกับเพื่อนของตัวเอง ช่างน่าประทับใจจริงๆ ”
อะไรกัน?
ทำไมเขาถึงรู้หมดเลย? เขามาตั้งแต่เมื่อไหร่?
ลั่วหานมองออกไปนอกหน้าต่าง อืม โอเค บางทีเขาอาจจะมาถึงตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว และกำลังเฝ้าดูอย่างเงียบๆ
ตู้หลิงเซวียนไม่คาดคิดว่าหลงเซียวจะรู้อย่างชัดเจนขนาดนี้ แม้ว่าความร่วมมือระหว่างเขาและบริษัทไห่ลุน หลงเซียวก็รับรู้แล้ว “สิ่งที่ท่านหลงพูดผมไม่ค่อยเข้าใจ เรื่องทางการค้าและเรื่องส่วนตัวควรแบ่งเป็นคนละเรื่องกัน ท่านหลงแบ่งแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวมาตลอด ผมก็เช่นกัน ”
นิ้วที่เรียวยาวของหลงเซียวบีบๆไปที่นิ้วก้อยของลั่วหาน“ แน่นอน ผมขอให้คุณตู้ประสบชัยชนะในเมืองหนิงไห่แต่ว่าจากเมืองหลวงไปเมืองหนิงไห่ยังมีระยะทางอีกช่วงหนึ่ง คุณตู้เลือกที่เปลี่ยนเครื่องผิดที่รึเปล่าครับ?”
ความนัยก็คือ ไสหัวไปที่สนามบินแล้วบินไปเมืองหนิงไห่ซะ อย่ามาเกะกะตรงหน้ากู
“ผมเชื่อว่ารสนิยมของผมและท่านคล้ายกันอยู่บ้าง เราอาจจะยังต้องแข่งขันกันต่อในด้านการงาน ผมชอบคู่แข่งที่เก่งเหมือนเทพมากๆเลยครับ ผมตื่นเต้นที่จะได้พบกับคุณนะครับ”
ตู้หลิงเซวียนพูดอย่างสบายใจ จากนั้นมองไปที่ลั่วหานและพยักหน้าบอกลา แล้วเดินไปที่ประตูของร้านกาแฟ
“โอ้พระเจ้า หนุ่มหล่อคนเมื่อกี้เป็นใคร? เขาดูดีมากเลยนะ” บริกรพูดคุยกัน
“ หล่อมากก็จริง แต่เทียบกับคนข้างในนี้ไม่ได้เลย ท่านเซียวเป็นประธานที่เหนือทุกสิ่ง เมื่อกี้ที่เขาเดินเข้ามาเขาหล่อมาก! หล่อวัวตายควายล้มเลย!” บริกรพูดอย่างเสียงดัง
“ให้ฉันสักคนเถอะ ขอแค่คนเดียวก็พอ ฉันจะอยู่กับเขาจนแก่จนเฒ่า!”
“นางแรด หลงจนเบลอไปแล้วรึเปล่า รีบไปทำงานซะ”
เขาอยู่ภายใต้สายตาของทุกคน แต่หลงเซียวดูเหมือนจะอยู่ในสภาพที่ไม่มีใครอยู่ เขากอดลั่วหานไว้ในอ้อมแขน คางของเขาอยู่ใกล้เธอมากและกลิ่นหอมที่สดชื่นก็โชยไปที่ตัวเธอหมด
“ตู้หลิงเซวียนนัดคุณ และคุณก็ออกมาหรือ? นี่คุณไม่มีสมองหรือสมองของคุณตกหล่นไปที่อื่นแล้ว? คุณต้องการให้ฉันช่วยโพสต์ประกาศหาของหายไหม?”
หลงเซียวขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ กอดลั่วหานไว้แน่นพร้อมกุหลาบช่อใหญ่ที่คั่นกลางพวกเขา ดูสนิทสนมเป็นอย่างมาก
ลั่วหานเบะปาก “ไม่แซะฉันหน่อยจะตายหรือไง?”
หลงเซียวถอนหายใจ“ ไม่ได้ แต่อาจเลวร้ายยิ่งกว่าความตายซะอีก เด็กโง่”
เด็กโง่? ได้ เธอจำได้ว่าท่านเซียวเคยเรียกเธอว่าผู้หญิงโง่อยู่ครั้งหนึ่ง จริงๆเลย —- แม่ง!
ลั่วหานพยายามดิ้นไปสักพัก “ที่นี่คนเยอะ อย่าหวานแถวนี้ อย่ามาหวานใส่กัน… ”
เธอไม่ได้พูดคำว่า “เดี๋ยวจะตายเอา” ทันใดนั้นริมฝีปากของเขาก็กดแน่นลงกับริมฝีปากของเธอ ลิ้นสีแดงของเขาก็สอดเข้าในนั้น ดูดซับความงามและความหวานทุกตารางนิ้วเข้าไป ดูอ่อนโยนแต่ก็แข็งแกร่ง
ลั่วหานดิ้นออกจากแขนของเขาด้วยความเขินอายเล็กน้อย กัดฟันและพูดว่า “คุณอยากเป็นคนดังหรือไงท่านเซียว ?”
หลงเซียวลูบๆริมฝีปากของเธอ ดวงตาของเขาจ้องมอง“ เมื่อกี้ตู้หลิงเซวียนดื่มกาแฟของคุณไป เขาจูบคุณทางอ้อมใช่ไหม?”
อะไรกัน?
เธอไม่ได้สัมผัสแก้วเลยด้วยซ้ำ
“ใช่ ใช่แล้ว” ลั่วหานหรี่ตา และพูดอย่างท้าทาย
หลงเซียวพยักหน้า และพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “โอเค ฉันจะออกไปกระทืบมันเดี๋ยวนี้เลย!”