ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 553
ตอนที่ 553 ใช่สิ ฉันเป็นบ้า
จนเวลาถึงประมาณบ่ายครึ่ง หลงเซียวกับลั่วหานจึงจะกินข้าวเสร็จ
พอเห็นว่าเวลาไม่คอยท่าแล้ว ลั่วหานกังวลหลงเซียวว่าจะจัดการเรื่องที่บริษัทไม่เสร็จ แล้วต้องทำงานล่วงเวลา จึงรีบร้อนขึ้น “คุณไม่ต้องไปส่งฉันหรอก ไปที่บริษัทเลยก็ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันเรียกรถไปที่โรงพยาบาลเอง”
ถ้าหากว่าทั้งสองคนไปคนล่ะทางล่ะก็ เขาจำต้องไปส่งเธอก่อน เวลาจะได้ไม่ล่าช้าไปกว่านี้
หลงเซียวโอบเอวของเธอไว้เพื่ออุ้มเธอเข้าไปนั่งในรถโดยตรง พร้อมทั้งรัดเข็มขัดนิรภัยให้เธอด้วย “พูดเรื่องอะไรกัน สามีอย่างผมจะอยู่ข้างๆ คุณ ไม่มีทางปล่อยให้คุณไปขึ้นรถชายอื่นหรอกนะ”
แต่มันก็แค่รถแท็กซี่เองนะ
ชั่วขณะนั้นลั่วหานก็พูดอะไรไม่ออก จนหลุดหัวเราะออกมา “ท่านเซียว ฉันนี่เลื่อมใสคุณจริงๆ เลยนะคะ”
มีลูกไม้นาๆ ชนิด แถมยังคำพูดออเซาะนั้นอีก เขานี่นะ!
หลงเซียวพูดขึ้น พร้อมกับรถที่เคลื่อนไปข้างหน้า “โกรธผมหรือ? ตอนในห้องทำงานของไป๋เวยน่ะ”
ลั่วหานคิดถึงตอนที่เขาถามเรื่องสรุปเงินตรา จะบอกว่าโกรธก็ไม่เชิง “ไม่นี่ เรื่องเล็กๆ แบบนั้นฉันจะไปโกรธได้ยังไง? แต่ทำไมฉันถึงโดนหางเลขไปด้วยล่ะ? ท่านเซียวช่างไม่อ่อนโยนเลยจริงๆ”
หลงเซียวเอียงตามองเธอ ด้วยแววตาที่ส่อประกายอ่อนโยน “ไม่ได้โกรธก็ดีแล้วล่ะ ที่ผมถามไม่ได้อยากให้คุณลำบากใจสักหน่อย แต่ในเมื่อต้องทำงาน ก็ควรจะทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงาน ที่ผมทำก็เพื่อพวกเขานะ”
ลั่วหานเข้าใจได้ทันที ก่อนจะโน้มตัวไปคล้องแขนเขาไว้ “สมแล้วที่เป็นแวมไพร์แห่งวงการธุรกิจ วางแผนได้แยบยลมาก!”
หลงเซียวเอียงหัวมากระแทกกับหน้าผากของเธอ ก่อนจะยิ้มตอบ “ฟังดูเหมือนไม่ได้ชมเลยนะ”
“ฮิๆ เดิมทีก็ไม่ได้คิดจะชมอยู่แล้วล่ะ”
พอพูดถึงตรงนี้ ลั่วหานก็ถามขึ้นมาอีกว่า “ใช่แล้ว ตอนนี้หลงยี่อยู่ที่บริษัทด้วย คุณคงไม่ได้เจอเรื่องยุ่งยากใช่ไหม?”
หลงเซียวเผยอริมฝีปากอันเรียวบางของเขาขึ้นยิ้ม “คุณคิดว่าไงล่ะ?”
พอเห็นท่าทางที่เชื่อมั่นและภาคภูมิใจตัวเองขนาดนั้น ลั่วหานก็วางใจลง “ถึงหลงยี่จะไม่ใช่คู่มือของคุณก็เถอะ แต่หลงถิงล่ะ? เขาให้เสี่ยวจื๋อออกจากเมืองหลวงไปตั้งนานแบบนี้ คงจะไม่ได้รามือง่ายๆ หรอกใช่ไหม?”
หลงเซียวพยักหน้าอย่างสดชื่น “ใช่ ตอนนี้หลงถิงกำลังเร่งรีบให้เสี่ยวจื๋อมาสวมรอยแทนผม ดังนั้นเขาจึงอนุญาตให้เสี่ยวจื๋อไปประเทศสหรัฐอเมริกาได้ ซึ่งนั่นก็น่าจะอยู่ในแผนของเขาด้วย”
แต่สำหรับแผนการจะเป็นยังไงนั้น ตอนนี้เขาไม่รู้เลยสักนิด
“เสิ่นคั่ว ตู้หลิงเซวียน หลงถิง คนพวกนี้เหมือนกับเสือที่จ้องจะตะครุบเหยื่อเลย หลงเซียว คุณนี่เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงเชียวนะ”
ลั่วหานใช้แววตาที่อ่อนโยน มองเข้าไปในแววตาที่เยือกเย็นของเขา
หลงเซียวลดความเร็วรถลง ก่อนจะสบสายตาแลกเปลี่ยนกับเธอ “สถานการณ์ในตอนนี้ก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ถือว่าวิเคราะห์ได้ตรงเผงเลยนะ”
เฮ้อ……
ลั่วหานถอนหายใจดังเฮือก พร้อมทั้งใช้มือลูบไปมาบนท้องของเธอ เพื่อสัมผัสถึงลูกที่มีตัวตนอยู่ด้านใน เธอก้มหน้ามองท้องของเธอที่ยังไม่ได้นูนป่องออกมา ก่อนจะพูดขึ้นอย่างอ่อนโยน “ลูกรัก แม่อยากจะบอกลูกว่า ตอนนี้พ่อของลูกพอจะพูดได้ว่ากำลังถูกศัตรูล้อมไว้ทุกทิศ พ่อของลูกลำบากมากเลยนะ จะทำยังไงดีล่ะเนี่ย?”
หลงเซียวที่กำลังขับรถอยู่ ก็พูดด้วยเสียงหัวเราะที่ทุ้มต่ำน่าฟัง “พ่อจะต้องจัดการปัญหาทุกอย่างให้หมดสิ้น แม่วางใจได้เลยนะ”
หลงเซียวที่พูดโดยการเลียนแบบเสียงของเด็ก ช่างดูน่ารักมาก จนทำให้ลั่วหานหัวเราะลั่นออกมา “แสดงได้เก่งมากเลย! ฮ่าๆ!”
ขณะนั้นเอง มือถือของหลงเซียวก็ดังขึ้น แต่มือถือของเขาใส่อยู่ในกระเป๋ากางเกง ทำให้ไม่สะดวกที่จะรับ “ช่วยผมรับทีสิ”
ลั่วหานหยิบมือถือออกมาให้เขา พอเห็นว่าเป็นเบอร์ที่ไม่ได้บันทึกเอาไว้ แถมยังโทรมาจากเมืองเจียงเฉิง จึงเข้าใจได้ทันที “เดี๋ยวฉันจะช่วยคุณโอนสายไปบนรถเองนะ”
“ไม่ต้องหรอก ผมรับสายเอง”
เบอร์โทรที่ว่าหลงเซียวรู้จักดี นั่นคือเจิ้งซินนั่นเอง
“หลงเซียว นี่ฉันเองนะ”
หลังจากรับสาย เสียงของเจิ้งซินก็พุ่งเข้ามาในรถอย่างอดใจรอไม่ไหว ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของผู้หญิง ที่ดังขึ้นในรถที่เงียบสงบตอนนี้
หลงเซียวทำสีหน้าเคร่งขรึม ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปเยือกเย็นลง “เกิดอะไรขึ้น?”
ลั่วหานเปิดเสียงมือถือให้ออกทางลำโพง พอลองเทียบน้ำเสียงของเจิ้งซินกับหลงเซียวเข้าด้วยกัน เธอก็รู้ถึงความแตกต่างได้บางอย่าง นี่หลงเซียวทำตัวเย็นชากับเจิ้งซินแบบนี้มาปกติเลยหรือ
เจิ้งซินไม่กล้าจะกวนใจอะไรหลงเซียวมาก จึงรีบพูดเข้าประเด็นทันที “วันนี้เสิ่นคั่วได้ติดต่อกับทางศุลกากร เพื่อที่จะเอาเรือสินค้าออก ที่นั่นก็มีคนของเขาอยู่ด้วย แถมยังจะปล่อยให้อีก ฉันไม่รู้แล้วว่าจะทำยังไงดี แล้วนายคิดว่าไงล่ะ?”
ลั่วหานขมวดคิ้วแน่น แต่ก็ยังฟังอยู่เงียบๆ
หลงเซียวส่งสายตาที่เยือกเย็นกว่าเมื่อกี้นี้ ราวกับว่าเขากำลังเผชิญหน้ากับเจิ้งซินอยู่ “คุณเจิ้ง เรื่องแบบนี้ยังต้องให้ฉันตัดสินใจอีกหรือ? คุณเจิ้งก็แค่อายัดเรือสินค้าของเสิ่นคั่วเอาไว้ เพื่อตรวจสอบให้แน่นอนว่าเป็นการขนส่งสินค้าผิดกฎหมายหรือเปล่า กฎหมายไม่ได้สอนเธอเอาไว้เลยหรือว่าต้องทำยังไงน่ะ?”
ลั่วหานยกนิ้วทั้งสองขึ้นนวดขมับ แบบนี้เจิ้งซินที่อยู่อีกฝ่ายคงจะกระอักกระอ่วน แล้วก็ร้องไห้ไปแล้วล่ะมั้ง?
เจิ้งซินพลันพูดออกมาอย่างยากลำบาก “นี่นายจะส่งเสิ่นคั่วไปที่สถานีตำรวจโดยตรงเลยงั้นหรือ? เรื่องนี้มันเรื่องใหญ่นะ มันไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับนายเลยด้วยซ้ำ”
“งั้นหรือ? ดูเหมือนว่าคุณเจิ้งจะมีความคิดอื่นสินะ?” หลงเซียวแอบส่งสัญญาณให้เธออย่างไม่สนใจ พร้อมกับคอยชักจูงเจิ้งซินไปทีละก้าว
แล้วก็เป็นอย่างที่คาดไว้ เจิ้งซินก็จับประโยคของหลงเซียว แล้ววางแผนการออกมาอย่างอดใจรอไม่ไหว “ต้องขออภัยไว้ก่อนที่พูดตรงๆ โครงการที่นายทำอยู่ที่เมืองเจียงเฉิงตอนนี้ มีความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกันกับธุรกิจของตระกูลเสิ่น ถ้าหากนายฉวยโอกาสนี้ในการขายความสัมพันธ์กับเสิ่นคั่วไปล่ะก็ หลังจากนี้เวลาทำอะไรก็จะสะดวกขึ้น”
เฮอะ!
พลันใบหน้าที่เย็นชาของหลงเซียว ในที่สุดก็ดูดีขึ้นมานิด “ในเมื่อคุณเจิ้งมีจิตใจที่กระตือรือร้นแบบนั้น ก็รบกวนด้วยล่ะ”
คำพูดของเจิ้งซินไปตรงกับสิ่งที่คิดอยู่ในใจของหลงเซียวพอดี! แถมเจิ้งซินยังทำการบ้านอีกไม่น้อย เพื่อที่จะปรนนิบัติเขาเป็นอย่างดี
“ไม่ได้เป็นการรบกวนเลย แต่ว่า…นายล่ะ? ช่วงนี้ฉันได้ยินมาว่าบริษัทของนายยุ่งมาก ต้องเหนื่อยแน่ใช่ไหม?” น้ำเสียงของเจิ้งซินทั้งอ่อนโยนและหวานฉ่ำ แต่พอเปิดเสียงมือถือไว้แล้ว มันกลับยิ่งดูเลี่ยนและน่าสะอิดสะเอียนไปแทน
ลั่วหานกุมปากตัวเองไว้ไม่ส่งเสียงออกมา เธออยากจะหัวเราะจริงๆ!
หลงเซียวหันมามองลั่วหาน ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “คุณเจิ้งจะพูดมากเกินไปแล้วนะ!”
พูดจบ เขาก็กดปุ่มสีแดงเพื่อตัดสายทิ้งทันที “เจิ้งซินเป็นคนที่เป็นหูเป็นตาให้ผมในเมืองเจียงเฉิงน่ะ” เขารีบอธิบายทันที
“แต่คุณไม่จำเป็นต้องเย็นชากับเธอมากก็ได้นะ เห็นแก่ความพยายามทำงานทุกอย่างเพื่อคุณแบบนี้ อ่อนโยนสักหน่อยก็ดีนะคะ” ลั่วหานฉีกยิ้มให้เขา
ในที่สุดก็มาถึงที่โรงพยาบาล พอหลงเซียวหยุดรถ ก่อนจะค่อยๆ ลงจากรถ พร้อมทั้งโอบลั่วหานที่คอยเอาแต่พูดจาเหน็บแนมเขามาตลอดทาง แล้วบรรจงจูบลงไปบนริมฝีปากของเธอ เป็นการทำโทษเล็กน้อย เขาซึมซับเอาความหวานหอมจากรอยจูบนั้นอยู่นาน กว่าจะคลายเธอออก “ความอ่อนโยนของผมมีให้คุณคนเดียวเท่านั้น คนอื่นจะไม่ได้รับอะไรแบบนี้เด็ดขาด โดยเฉพาะผู้หญิง”
ลั่วหาน : “……”
ต้องถึงขนาดนี้เลยหรือ? แค่พูดเล่นๆ แต่กลับคิดมากขนาดนั้นเลย?
แต่ก็ดีแล้วล่ะ เธอรู้สึกทั้งดีใจและพอใจมากๆ เลยล่ะ!
……
ตกเย็น ณ ตึกบริษัทฉู่ซื่อ
หลังจากยุ่งกับงานมาทั้งวัน โจวโร่หลินหลังจากเลิกงานก็ปวดเนื้อปวดตัวไปหมด เธอเดินออกมาจากตึก พร้อมทั้งแวะซื้อโอเด้งที่ขายอยู่ตามแผงลอยเล็กๆ ข้างสี่แยก มือหนึ่งเธอถือกล่องกระดาษเอาไว้ ส่วนอีกมือหนึ่งก็ถือไม้จิ้มเล็กๆ พร้อมกับลิ้มรสอาหารเลิศรสนั้นอย่างมีความสุข
ปี๊น……
พลันเสียงแตรรถก็ดังขึ้นอย่างไม่ถูกกาลเทศะ ขณะที่โจวโร่หลินกำลังจะหันกลับไปมองนั้น รถเบนซ์สีขาวคันหนึ่งก็พุ่งเข้ามาหา แล้วขวางทางเธอเอาไว้
“ให้ตายเถอะ! นี่คุณคิดจะทำอะไรน่ะเกาจิ่งอาน?!” โจวโร่หลินรีบกัดลูกชิ้นปลาคำใหญ่อย่างลวกๆ พร้อมทั้งทำแก้มปูด แล้วเดินไปกระทืบเท้าอยู่หน้ารถ
การกระทำทุกอย่างดูคล่องแคล่วเชี่ยวชาญมาก!
เกาจิ่งอานนั่งอยู่ด้านหลังของรถ เขาลดกระจกแล้วโผล่หัวออกมา พร้อมทั้งทำแววตาโศกเศร้า ราวกับเด็กที่ไม่มีใครต้องการ “ผมเองก็อยากกินเหมือนกันนะ คนรับใช้ตัวน้อย”
ให้ตายเถอะ!!
โจวโร่หลินก้มหน้าพูดกับเกาจิ่งอาน ทั้งๆ ที่มีลูกชิ้นอยู่เต็มปาก “ฝันไปเถอะ!”
พอเธอพูดออกมา เศษเล็กเศษน้อยของลูกชิ้นในปากของเธอ ก็พุ่งเข้าใส่หน้าของเกาจิ่งอาน ใบหน้าที่หล่อเหลาจนแทบจะกระชากวิญญาณนั้น ตอนนี้เต็มไปด้วยเศษลูกชิ้น ช่างดูสวยงามจริงๆ!
“ฉิบ!”
เกาจิ่งอานรีบปิดตาลงราวกับถูกไฟช็อต พร้อมทั้งกัดฟันเช็ดของที่อยู่บนหน้าตัวเองทิ้ง “โจวโร่หลินนี่คุณเป็นบ้าไปแล้วใช่ไหม?”
โจวโร่หลินยักไหล่ ก่อนจะกินลูกชิ้นปลาเข้าไปอีกลูก “ใช่สิ ฉันเป็นบ้า เป็นทั้งโรคประสาท โรคเอดส์ โรคพิษสุนัขบ้าเลยด้วย ตายแล้ว คุณต้องไปตรวจสุขภาพบ้างนะเกาจิ่งอาน ฉันมีโรคติดต่อแบบนี้ ไม่แน่ว่าคุณอาจจะติดเชื้อไปด้วยก็ได้นะคะ!”
เกาจิ่งอานมองดูใบหน้าน้อยๆ นั้นอย่างพึงพอใจ พลันอารมณ์ที่คุกรุ่นในใจก็ดีขึ้นกว่าเดิมมากอย่างอัศจรรย์ ก่อนที่จะมาที่นี่ เขามีเรื่องที่ถูกตามฆ่าคอยกวนใจมาตลอด คิดไม่ถึงว่าคนปัญญาอ่อนอย่างโจวโร่หลินจะมีประโยชน์ตรงนี้ด้วย
“ผมก็มีโรคติดต่อเหมือนกันนะ คาดว่าคุณคงจะติดเชื้อไปแล้วล่ะ อยากรู้ไหมว่าคืออะไร?” เกาจิ่งอานแสยะยิ้มอย่างอันธพาล
โจวโร่หลินก็พูดตัดบทเขา “ฉันไม่เป็นอะไรสักหน่อย!”
เกาจิ่งอานยื่นมือขนาดใหญ่ของเขา ออกมาคว้าแขนของโจวโร่หลินไว้ทันที พร้อมกับดึงเธอให้เข้ามาหาตัวเอง พลันเต้าหู้ปลาที่เธอเพิ่งจะเสียบยกขึ้น ก็เข้าไปในปากของเขาทั้งหมด เขาไม่เคยกินของแบบนี้มาก่อนเลย ทำให้รู้สึกเหมือนว่าจะค่อนข้างชอบรสชาติเผ็ดๆ แบบนี้แล้วสิ
“เห็นแก่ที่คุณชวนผมกินของพวกนี้ ผมจะบอกให้แล้วกัน”
โจวโร่หลินตีแขนเขาด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง “เกาจิ่งอาน! คุณมันหน้าไม่อาย!”
เกาจิ่งอานอาศัยโอกาสที่เธอไม่ทันได้เตรียมตัว แย่งเอาโอเด้งจากในมือของเธอมา แล้วแกว่งไปมาในมือ “ผมก็หน้าไม่อายแบบนี้ล่ะ แล้วยังไงล่ะ?”
โจวโร่หลินส่งเสียงหึ อ่อนต่อโลกจริงๆ!
เกาจิ่งอานผลักประตูรถเปิดออก “เข้ามาสิ ตอนเย็นยังต้องเปลี่ยนยาอยู่ อย่าทำให้คุณชายอย่างฉันเสียเวลาเลยน่า”
โธ่เอ๊ย!!
โจวโร่หลินอยากจะบีบคอเขาให้ตายจริงๆ! แต่หลงเซียวบอกเอาไว้แล้วว่า…
ช่างเธอ เธอจะอดทนไปแล้วกัน!
โจวโร่หลินนั่งลงห่างจากเขา เกาจิ่งอานกินไปมองเธอไป เกาจิ่งอานยิ้ม แต่เธอกลับโมโห
“ออกรถสิ รีบไปเปลี่ยนยา พอเปลี่ยนเสร็จฉันจะได้กลับบ้านไปนอน…ฮัดเช้ย!” โจวโร่หลินอดกลั้นไว้ตั้งนาน ทำให้จามออกมาเสียงดังเป็นพิเศษ
เกาจิ่งอานขมวดคิ้ว “คุณเป็นหวัดหรือ?”
โจวโร่หลินแนบตัวติดประตูรถ เพื่อรักษาระยะห่างกับเขา “คุณไม่ต้องมายุ่งหรอกค่ะ”
เกาจิ่งอานโน้มตัวไปหาเธออัตโนมัติ ก่อนจะเสียบปูอัดขึ้น “ทำไมถึงไม่ให้ผมยุ่งล่ะ? ผมก็บอกไปแล้วนี่ ผมมีบางอย่างที่ทำให้คุณติดเชื้อไป คุณจำได้ไหม ว่าคืนนั้นพวกเราทำไปกี่ครั้ง?”
เกาจิ่งอานโยนปูอัดเข้าปากไป พร้อมทั้งเคี้ยวอย่างสบายใจเฉิบ ปูอัดค่อยๆ หดตัวลงไปทีละน้อยในปากของเขา เขากินได้คลุมเครือและน่าเกลียดจริงๆ
โจวโร่หลินกัดฟันส่งเสียงหัวเราะอย่างเย็นชา “เหอะ! คุณงั้นเหรอ? แค่ครึ่งครั้งก็ต้องยกย่องคุณแล้วล่ะนะ!”
คุณมันบ้าอำนาจเกาจิ่งอาน! คุณมันบ้าอำนาจ!!!
เกาจิ่งอานเขยิบตัวเข้าไปหาเธออีก ทำให้ตัวของโจวโร่หลินแทบจะแนบติดประตูรถไปเลย เป็นเพราะเขากินปูอัดที่เพิ่มความเผ็ดเข้าไป ทำให้ตอนที่เขาพูดออกมามีกลิ่นความเผ็ดโชยเข้าจมูกของเธอ ทำให้ยิ่งรู้สึกคัดจมูกเป็นพิเศษ
“คนรับใช้ตัวน้อย คืนนั้นผมลำบากทั้งคืนเลยนะ แต่ในที่สุดผมก็เอาสายเลือดของผมให้คุณได้สำเร็จ ดีใจไหมล่ะ?”
โจวโร่หลินหันหน้ากลับมาหาทันที ก่อนจะเบิกตาโพลงมองไปที่เกาจิ่งอานอย่างดุร้าย “นี่คุณพูดว่าอะไรนะ?!”
เกาจิ่งอานหยิบเอาเต้าหูปลาชิ้นสุดท้ายใส่ปาก ก่อนจะพูดกับโจวโร่หลินทั้งๆ ที่มีความร้อนอยู่ในปาก “ผมพูดไปชัดเจนแล้วนะ เป็นไปได้ว่าตอนนี้คุณมีลูกของผมแล้ว พลังของผมแข็งแกร่งมากนะ คืนนั้นพวกเราก็ไม่ได้ป้องกันอะไรเลย ถึงแม้ว่าคุณจะกินยาคุมกำเนิดฉุกเฉินไปก็คงไม่มีประโยชน์ โครโมโซมทั้ง X และ Y ต่างก็รวมอยู่ในร่างกายของคุณแล้ว เพื่อลูกแล้ว เอ้า กินสักหน่อยสิ”
“พูดไร้สาระ! ไปให้พ้น!”
โจวโร่หลินฉุนเฉียวเสียจนใช้มือทั้งสองผลักเกาจิ่งอานออกไป!
ต่อจากนั้นเธอก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา เพราะพอเธอผลักเขาไปนั้น กล่องกระดาษในมือของเกาจิ่งอาน ที่มีน้ำร้อนอยู่ครึ่งกล่อง ก็หกรดเต็มชุดสูทอาร์มานี่สุดแสนแพงของเขา จนเปียกโชกไปทั้งชุดทีเดียว