ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 555
ตอนที่ 555 ให้เงินก้อนโต ดีกว่าถามไถ่ทุกข์สุข
เปลี่ยนหรือ?
เห็นๆ อยู่ว่าดูดีขนาดนี้ ทำไมถึงต้องเปลี่ยนล่ะ?
ผู้จัดการร้านรีบยิ้มแห้งๆ แล้วเดินเข้าไปพูด “คุณเกาคะ ชุดที่แฟนของคุณเกาใส่มันดูไม่ดีหรือคะ? มีตรงไหนไม่เหมาะสมไปหรือเปล่าคะ?”
เกาจิ่งอานเอนหลังพิงโซฟา หลังเอวของเขายังรู้สึกเจ็บอยู่เลย พอมาตอนนี้ยิ่งรู้สึกเจ็บรุนแรงขึ้นไปอีก “พูดจาอะไรไร้สาระน่ะ ฉันบอกว่าไม่เหมาะก็ไม่สิ รีบไปเปลี่ยนเดี๋ยวนี้!”
ผู้จัดการร้านไม่กล้าจะผิดใจลูกค้ารายใหญ่แบบนี้ จึงรีบเรียกลูกน้องอย่างทันควัน “เร็วเข้า พาคุณผู้หญิงท่านนี้ไปเปลี่ยนชุดเดี๋ยวนี้”
ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ก่อนหน้านี้เวลาที่เกาจิ่งอานเลือกซื้อชุดให้ผู้หญิง ก็มักจะเป็นชุดที่ดูเซ็กซี่ ดูโป๊ ดูมีเสน่ห์เย้ายวนแบบนี้
แต่วันนี้พระอาทิตย์มันขึ้นทางทิศตะวันตกหรือยังไง?
โจวโร่หลินยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ เธอมองดูป้ายราคาที่ห้อยมาไว้ก่อนแล้ว เสื้อผ้าพวกนี้เธอซื้อเองไม่ไหวหรอก ไม่ใช่เป็นเพราะเธอจนเกินไปจริงๆ จนซื้อไม่ได้หรอกนะ แต่เป็นเพราะเธอไม่มีทางเสียเงินหมื่นกว่า เพื่อมาซื้อชุดเพียงชุดเดียวแน่!
มันจะเป็นการสิ้นเปลืองเงินไปโดยเปล่าประโยชน์
“ก็ได้ งั้นก็เปลี่ยน” โจวโร่หลินยิ้มเป็นนัยให้กับเกาจิ่งอาน แต่เบื้องหลังรอยยิ้มนั้น กลับเก็บซ่อนความรู้สึกที่ดูถูกเยาะเย้ยเอาไว้ลึก
ขณะที่โจวโร่หลินไปเปลี่ยนเสื้อผ้านั้น เกาจิ่งอานก็ก้มมองดูเวลา ก่อนจะหันไปพูดกับพนักงานที่รออยู่ข้างๆ “ช่วยเลือกให้ฉันชุดหนึ่งสิ”
พนักงานคนนั้นพยักหน้ารับ ก่อนจะยิ้มถามอย่างสุภาพ “ไม่ทราบว่าคุณเกาต้องการสไตล์แบบไหนหรือคะ?”
เกาจิ่งอานยกมือขึ้นค้ำหัวข้างหนึ่ง ก่อนจะตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก “เอาชุดนี้ก็ได้”
พนักงานรีบฉีกยิ้มร่าราวกับดอกไม้บาน ก่อนจะถือชุดสูทที่ดูสบายๆ ด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อ “ความสัมพันธ์ของคุณชายเกา กับคุณผู้หญิงเมื่อสักครู่นี้ ดูจะเป็นไปด้วยดีจริงๆ นะคะ”
เกาจิ่งอานเบ้ปาก “ดีหรือ? เฮอะ!”
ขณะที่รับเสื้อผ้าและกำลังจะลุกขึ้นเดินไปเปลี่ยน เขาก็พบว่าจากกิจกรรมที่เกิดขึ้นบนรถเมื่อกี้นี้ ทำให้หลังและสะโพกของเขาเจ็บแปลบ เหมือนกับมีเข็มกำลังแทงกระดูกเขาอยู่เลย
ให้ตายเถอะ! จริงๆ เชียว!
เกาจิ่งอานขมวดคิ้วพูดเสียงต่ำ “ช่วยพยุงฉันหน่อยสิ”
พนักงาน : “……”
โจวโร่หลินเปลี่ยนเป็นไปใส่ชุดที่มีเสื้อแขนยาวสีดำ ประกอบกับกระโปรงยาวคลุมเข่า ชุดแบบนี้แสดงให้เห็นถึงการอนุรักษ์และประเพณี
หรือจะพูดจริงๆ ก็คือคนบ้านนอกนั่นล่ะ
คอเสื้อที่ยกสูงจนปิดคอมิดชิด เสื้อแขนยาวที่คลุมทั้งแขนของเธอ กระโปรงที่คลุมขาจนเผยให้เห็นแค่น่องขาเพียงส่วนน้อย ที่เท้าของเธอก็สวมรองเท้าบูทแบบสั้น ทั่วทั้งตัวของเธอตอนนี้ ถูกปกคลุมไว้มิดชิดจนหมด
โจวโร่หลินมองดูตัวเองในกระจก “ให้ตายเถอะ นี่มันอะไรกันเนี่ย?”
ขณะนั้นเอง เกาจิ่งอานก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อย เขาเดินออกมาจากห้องลองเสื้อที่อยู่ตรงข้ามกัน ชุดที่เขาสวมเป็นชุดสูทสีดำรูปแบบสบายๆ ด้านบนเป็นเสื้อแขนสั้น กางเกงขายาวที่เผยให้เห็นข้อเท้าเพียงเล็กน้อย พร้อมด้วยรองเท้าหนังสีดำ ซึ่งเป็นการทำให้ดูเหมือนโอปป้าเกาหลีเป็นพิเศษ
ที่สิ่งที่สำคัญมากที่สุดเลยก็คือ เสื้อผ้าที่เขาสวม เป็นแบบเดียวกันกับของโจวโร่หลินเลย ที่ล่างคอเสื้อมีการปักลายดอกไม้ลงไป สิ่งที่บังเอิญกว่านั้นก็คือ ยังปักลายเป็นดอกไลเซนทัสสองดอกเหมือนกันอีกด้วย
ดังนั้น ตอนนี้ทั้งสองคนจึงดูเหมือนคู่รักกันอย่างมาก
โจวโร่หลินได้เห็นแบบนั้นก็ทำสีหน้าอึมครึม ก่อนจะพินิจดูเกาจิ่งอานทั้งตัว “เหอะๆ”
เหอะๆ?
เธอเห็นเขาแต่งตัวหล่อแบบนี้แท้ๆ แต่กลับส่งเสียงเหอะๆ ออกมาแค่นั้นหรือ? ทำได้ชุ่ยเหลือเกิน!
เกาจิ่งอานเอามือข้างหนึ่งสอดเข้าไปในกระเป๋ากางเกง พยายามอดกลั้นความเจ็บปวดที่ด้านหลังของเขา พร้อมทั้งพินิจดูเธอทั้งตัวเช่นกัน “เหอะๆ”
เหอะๆ บ้านคุณชายสิ!
ร่างกายที่ดูผอมและสูงโปร่งเหมือนกันทั้งสองคน กำลังยืนประจันหน้าเข้าหากัน สายตาทั้งคู่ประสานกัน พร้อมทั้งส่งความไม่พอใจและเยาะเย้ยให้กันและกัน
ผู้จัดการร้านเองก็มองคนนั้นที คนนี้ที “คุณเกาคะ คือ…”
“เอาแบบนี้ล่ะ” พูดจบ เกาจิ่งอานก็เดินทำท่าวางก้ามไปทันที
“นี่! คุณจะไปไหนน่ะ?!” โจวโร่หลินรีบเดินตามไป แต่กลับช้าไปก้าวหนึ่ง เพราะถูกพนักงานเข้ามาขวางเอาไว้
“คุณผู้หญิงคะ บัตรของคุณเกาอยู่ที่คุณหรือเปล่าคะ?”
พลันร่างกายที่ดูสง่าผ่าเผยของเกาจิ่งอาน ก็หายวับไปจากประตูร้านที่หรูหราแห่งนี้อย่างรวดเร็ว เหลือไว้เพียงโจวโร่หลินที่กำลังยืนเหม่ออยู่คนเดียวแบบนั้น
ไอ้บ้าเกาจิ่งอาน นี่จะให้เธอเป็นคนจ่ายเงินจริงๆ หรือ?!
แต่ว่า เกาจิ่งอานให้บัตรเธอไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?!
โจวโร่หลินฉีกยิ้มมุมปากอย่างกระอักกระอ่วน “ทั้งชุดนี้แล้วก็ชุดนั้น ทั้งหมดเท่าไหร่หรือคะ?”
ผู้จัดการร้านเคาะบนเครื่องคิดเลขคำนวณอยู่พักหนึ่ง ก็ได้ตัวเลขออกมา “ทั้งหมดสี่หมื่นค่ะ ชุดของคุณเการาคาสองหมื่นแปด ส่วนของคุณก็อยู่ที่หนึ่งหมื่นสองค่ะ”
“สี่หมื่น!!!!”
มือที่โจวโร่หลินถือบัตรไว้อยู่แทบจะหมดแรงทันที พร้อมทั้งบัตรที่ตกลงพื้นเสียงดังแกร๊ก
สี่หมื่น? สี่หมื่นเชียวนะ?! จะไปหามาจากไหนกัน!
“ใช่ค่ะคุณผู้หญิง สี่หมื่นค่ะ”
ตอนนี้โจวโร่หลินรู้สึกเหมือนหัวใจขาดเลือดตายไปแล้วเลย!
แค่ชุดสองชุด ทำให้เงินที่เธออุตส่าห์หามาได้อย่างยากลำบาก หายไปกว่าครึ่ง กว่าครึ่งเชียวนะ!!
หลังจากนั้นโจวโร่หลินก็พุ่งออกมาจากห้างสรรพสินค้า พอกระโดดขึ้นรถ เธอก็โยนใบเสร็จให้เกาจิ่งอาน “สี่หมื่น คืนด้วย!”
เกาจิ่งอานนั่งเอนหลังอย่างสบายใจเฉิบ พร้อมทั้งปิดดวงตาที่ดูเย้ายวนนั้นไว้ “ชดใช้โดยการซื้อชุดใหม่ให้ผม ที่คุณเป็นคนทำสกปรก ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกตินี่”
โจวโร่หลินแกว่งถุงที่อยู่ในมือของเธอไปมา ก่อนจะอดกลั้นความรู้สึกเจ็บปวดในใจ “ฉันเอาเสื้อผ้าคุณกลับมาแล้ว เดี๋ยวฉันจะช่วยซักให้คุณเอง เพราะงั้นพอกลับถึงบ้านคุณรีบถอดชุดที่คุณใส่ออกด้วย แล้วก็ห้ามแกะป้ายราคาออกล่ะ!”
เกาจิ่งอานหรี่ตาลงมอง “จะทำอะไรล่ะ?”
โจวโร่หลินถือใบเสร็จขึ้น พร้อมทั้งจ้องมองมัน อยากจะร้องไห้ราวกับถูกเฉือนเนื้อออกไป “ฉันจะเอาไปคืนพรุ่งนี้! ดังนั้นคุณก็ช่วยรักษามันให้ดีด้วย อย่าเอาไปทำสกปรกล่ะ”
เกาจิ่งอาน : “……”
นี่ผู้หญิงคนนี้ เป็นผู้หญิงได้ยังไงเนี่ย? ใช้ชีวิตได้ไม่มีคุณภาพเอาเสียเลย
“ก็ได้ แต่ไปกินข้าวเย็นด้วยกันก่อน”
โจวโร่หลินทำท่าเหมือนอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา “เกาจิ่งอาน นี่ชีวิตนี้ฉันไปทำผิดอะไรกับใครมาหรือเปล่า ทำไมฉันต้องมาเจอกับคุณด้วยน่ะ?!”
……
ณ รีสอร์ทหยีจิ่งยามค่ำคืน มีเพียงเหล่าดอกไม้ที่กำลังปลิวไสวไปมาอย่างสงบ
กลิ่นที่หอมและหวานชื่นของดอกไม้เหล่านั้น ก็ส่งกลิ่นโชยขึ้นมาภายในห้องจางๆ จนครู่เดียวก็แพร่ไปทั่วทั้งห้อง
ลั่วหานนอนขดตัวอยู่ในผ้าห่มอย่างไม่รู้สึกสะทกสะท้านใดๆ แขนของเธอกอดผ้าห่มมุมหนึ่งเอาไว้ แล้วก็เข้าสู่ห้วงนิทราไปทั้งอย่างนั้น
เมื่อเย็นพวกเธอได้กินเนื้อปลาไปเข้า หลงเซียวกลัวว่าเธออาจจะแพ้ท้อง จึงอยู่ในห้องนอนเป็นเพื่อนเธอตลอด ในขณะที่เธอกำลังนอนอยู่นั้น เขาก็กำลังนั่งดูเอกสารไป
ขณะเดียวกัน ก็มีเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอของหญิงสาวบนเตียงดังขึ้น ทำให้หลงเซียวค่อยๆ ก้าวเท้าไปบนพรมที่อ่อนนุ่ม ก่อนจะโน้มตัวลงมองดูเธอที่กำลังหลับสนิท พร้อมทั้งเผยรอยยิ้มบางๆ ขึ้นมา
พลันมือถือที่สั่นไหวขึ้นมาก็ดึงความสนใจของหลงเซียวไป เขาหันกลับมาหยิบมือถือบนโซฟาขึ้น ก่อนจะเปิดประตูเดินไปที่ห้องหนังสือแทน
“คุณชายใหญ่หลงครับ ผมกับเวยเวยเจอผู้จัดการบริษัทไห่ลุนแล้วครับ ตอนนี้พวกเขาเจรจาร่วมมือกับบริษัทหลันเทียนเสร็จแล้วครับ ถ้าหากไม่มีการเปลี่ยนแปลง พรุ่งนี้ตอนสายๆ ก็น่าจะเซ็นสัญญาแล้วครับ”
พลันมีเสียงของกู้เยนเซินดังขึ้น พร้อมด้วยเสียงจ้อกแจ้กจอแจในบาร์ ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังไปงานเลี้ยงส่วนตัว กับคนของบริษัทไห่ลุนอยู่สินะ
หลงเซียวเองก็พยักหน้าเข้าใจ ร่างกายที่สูงชะลูดของเขายืนอยู่ที่ริมหน้าต่าง เขาเอามือข้างหนึ่งสอดเข้ากระเป๋ากางเกง เผยให้เห็นผิวหนังที่ข้อมือ “ให้บริษัทไห่ลุนเห็นความจริงใจของพวกนาย แล้วก็บอกพวกเขาด้วยว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม บริษัทฉู่ซื่อก็จะทำสัญญากับบริษัทไห่ลุนต่อไป”
กู้เยนเซินส่งเสียงตอบรับ ก่อนจะสบถขึ้นว่า “ให้ตายเถอะ ตู้หลิงเซวียนนี่ไม่ได้เรื่องจริงๆ กล้ามาแย่งชามข้าวคนอื่นต่อหน้า ผมไปเจอเขาที่หนิงไห่ แถมยังมีผู้หญิงรายล้อมอีกห้าหกคน คิดไม่ถึงเลยว่าจะเสแสร้งทำเป็นสุภาพบุรุษแบบนั้น!”
กู้เยนเซินยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกฮึกเหิมมากขึ้น แต่ละคำที่พูดออกมา ไม่ได้พูดถึงตู้หลิงเซวียนอย่างดีเลย
หลงเซียวทำแววตาเคร่งขรึม ก่อนจะเคาะนิ้วไปมาในกระเป๋ากางเกงอย่างเป็นจังหวะ “ตู้หลิงเซวียนเป็นคนที่มีหัวการค้า วิธีการที่เขาใช้ในการตลาดก็ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ความสามารถเขาได้อย่างดี เรื่องอื่นไว้ค่อยพูดทีหลังแล้วกัน ยังไงนายก็ต้องเรียนรู้เรื่องนี้จากเขาก่อนนะ”
“แค่คุณชายก็พอแล้วนี่ครับ! ถ้าหากต้องเรียนจริงผมขอเรียนจากคุณดีกว่า” กู้เยนเซินพูดประจบเขาทันที
หลงเซียวหัวเราะหึ ก่อนจะเผยอยิ้มมุมปาก “เก็บแรงไว้ไปงานเลี้ยงเถอะ ฉันได้ยินมาว่าผู้จัดการของบริษัทไห่ลุนคอแข็งมากเลยนะ อย่าให้ไป๋เวยไปรับมือคนเดียวล่ะ”
กู้เยนเซินพยักหน้ารับ “ผู้จัดการของบริษัทไห่ลุนเหมือนกับภาชนะเก็บเหล้าเลยล่ะ จะกินสักกี่แก้วก็ไม่เมา ผมกินไปแค่นิดเดียวก็มึนแล้ว ผมจะลองไปดูก่อนก็แล้วกัน ฮ่าๆ คุณชายใหญ่หลงครับ มีจุดหนึ่งที่คุณพูดถูกนะ ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยเจอคนที่ผมอยากจะปกป้องจริงๆ มาก่อน แต่ตอนนี้ผมพบแล้วล่ะ แล้วผมก็จะปกป้องเวยเวยไว้ให้ดีที่สุดครับ”
ริมฝีปากที่ดูยั่วยวนของหลงเซียวเผยรอยยิ้มกว้างจนแทบจะถึงดวงตา “ยินดีด้วยนะ เยนเซิน”
กู้เยนเซินตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะส่งเสียงหัวเราะอย่างปลื้มปีติใจ “แบบนี้ผมก็รู้สึกเขินนะครับ”
ก่อนหน้าที่หลงเซียวจะวางสายนั้น เขาก็พูดขึ้นมาอย่างฉับพลันว่า “อ้อใช่แล้ว วันมะรืนเป็นเทศกาลไหว้พระจันทร์ ฉะนั้นวันพรุ่งนี้กลับมาด้วย ตอนเย็นมีงานให้จัดการ”
“งานเลี้ยงของคุณหรือ?” เพราะเห็นได้น้อยที่เขาจะจัดงานเลี้ยงอะไรขึ้นมาเอง
“อืม ของฉันเอง”
“ต้องไปแน่นอนครับ!””
หลงเซียวเลิกคิ้วขึ้น เผยให้เห็นความปีติสุขที่อยู่บนใบหน้าที่วิจิตรของเขา น้อยเหลือเกินที่เขาจะมีความสุขเช่นนี้
หลังจากที่วางสายกู้เยนเซินไป หลงเซียวก็เปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมา เริ่มอ่านอีเมลล์
ในนั้นมีอีเมลล์งานกว่าสิบฉบับที่ยังไม่ได้เปิดอ่าน แต่ขณะที่เอาไล่อ่านไปได้ครึ่งหนึ่ง เสียงมือถือก็ดังขึ้น ซึ่งครั้งนี้เป็นเกาจิ่งอานที่โทรมา
และตอนนี้ก็เป็นเวลาตีหนึ่งแล้วด้วย
หลงเซียวขมวดคิ้วแน่น ดึกป่านนี้เกาจิ่งอานโทรหาเขาทำไมนะ?
ต้องมีเรื่องส่วนตัวอะไรแน่ๆ
“มีอะไรหรือ?” หลงเซียวกดรับสาย แต่ดวงตาของเขายังคงมองที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ทำให้แสงสีฟ้าจากหน้าจอกระทบลงบนใบหน้าของเขา เผยให้เห็นขนตาที่ขึ้นหนาเป็นแพ ส่องประกายสีเทาออกมาจางๆ
เกาจิ่งอานนอนอยู่บนเตียงอย่างไร้เรี่ยวแรง ดวงตาที่ว่างเปล่าทั้งคู่ของเขา เงยขึ้นมองดวงไฟบนเพดานในห้องนอนของเขา ก่อนจะพูดด้วยตาที่เหม่อลอยนั้น “พี่ชาย ดูเหมือนว่าผมจะจบเห่แล้วล่ะ”
หลงเซียวที่ขยับเมาส์ไปมาอยู่ก็ชะงักกึก โดยที่นิ้วมือชะงักอยู่บนปุ่มกดด้านขวา “เกิดอะไรขึ้นล่ะ?”
เกาจิ่งอานส่งสายตามองไปยังดวงไฟที่ส่องแสงประกายนั้นอย่างเหม่อลอย พร้อมทั้งพูดออกมาราวกับฝันอยู่ “พี่ชาย เหมือนผมจะมีความรักซะแล้วล่ะ”
หลงเซียว : “……”
เกาจิ่งอานนอนแน่นิ่งบนเตียงราวกับศพ มีเพียงริมฝีปากที่ขยับเปิดปิดไปมา แต่ดวงตากลับไม่กระพริบเลย “พี่ชาย พี่บอกผมหน่อยสิ ว่าความรักมันเป็นความรู้สึกยังไงกัน? เทียบกันระหว่างพี่กับพี่สะใภ้ เป็นความรู้สึกยังไงกันแน่?”
เมื่อไม่เคยมีความรักจริงๆ มาก่อน ความรู้ที่สะสมไว้ของเกาจิ่งอานจึงค่อนข้างขาดแคลน และบนหน้าท้องของเขาก็มีแท็บเล็ตวางเอาไว้ ที่ด้านบนมีตัวหนังสือขึ้นว่า : ของวิเศษสิบอย่างที่ใช้ในการจีบผู้หญิงใหม่ล่าสุด
หลงเซียวลูบดั้งของเขาไปมา “นายโทรมาหาฉันดึกดื่นค่ำคืนแบบนี้ ก็เพื่อเรื่องนี้หรือ?”
“อืม! พี่ชาย พี่บอกผมหน่อยสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้ผมนอนไม่หลับเลย พอเธอไป ผมรู้สึกว่าใจของผมนั้น ถูกเธอขโมยไปจนว่างเปล่าแล้ว”
หลงเซียวเผยอยิ้มมุมปาก “งั้นหรือ?”
เกาจิ่งอานทำเสียงจุ้บจิ้บที่ปาก “พอได้เห็นเธอ ผมก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะลั่น อยากจะแกล้งเธอ อยากทำให้เธอหัวเราะ อยากจะพูดคุยกับเธอมากกว่านี้ ถึงจะดูหน้าไม่อายก็ตาม”
หลงเซียว : “……”
นายเคยอายด้วยงั้นหรือ?
“แล้วอะไรอีกล่ะ?” หลงเซียวเปิดอีเมลล์อีกฉบับหนึ่งขึ้น
เกาจิ่งอานเอาแขนหนุนหัวของเขาเอาไว้ ก่อนจะเผยความในใจออกมา “แล้วก็ผมอดไม่ได้ที่จะคิดถึงเธอ อยากจะเจอเธอ เวลาเจอของน่ากินก็อยากจะกินด้วยกันกับเธอ เวลาทำงานผมแทบจะไม่มีสติเลย เพราะเธอคอยวนเวียนอยู่ในสมองของผมตลอด”
“งั้นหรือ?” นักธุรกิจอย่างคุณหลงเพียงตอบกลับไปอย่างเรียบเฉย
เกาจิ่งอานเกาหัวแกรก “พี่ชาย แล้วความรู้สึกที่พี่มีให้พี่สะใภ้ มันเป็นแบบนี้ด้วยหรือเปล่า?”
หลงเซียวกลับไม่ตอบคำถามนั้น “คนที่นายพูดถึงนี้ ใช่โจวโร่หลินหรือเปล่า?”
เกาจิ่งอานได้ยินก็ตื่นขึ้นทันที “ทำไมพี่ถึงรู้? ใช่เธอคนนั้นเลย! พี่ชาย ผมจบเห่แล้ว ดูเหมือนผมจะชอบเธอเข้าให้แล้วล่ะ จะทำยังไงดีล่ะเนี่ย?”
หลงเซียวเอนหลังพิงเก้าอี้ พร้อมทั้งยกขาขึ้นไขว่ห้างตรงมุมโต๊ะ “ก็ง่ายมาก จีบเธอซะสิ ทำให้เธอกลายเป็นของนาย แล้วก็คอยดูแลให้ความรักเธอ ทำให้เธอจากจากนายไปไม่ได้”
“หา?! ช่วยอธิบายให้ละเอียดกว่านี้ได้ไหมครับ? มันดูไม่ละเอียดจนไม่น่าทำเลย” เกาจิ่งอานหยิบแท็บเล็ตขึ้นมา พร้อมมองดูแผนการต่างๆ บนนั้น
“ละเอียดกว่านี้หรือ?” หลงเซียวขมวดคิ้ว
“ใช่สิครับ อย่างเช่น…อะแฮ่ม ผมหาข้อมูลจากในเน็ตมานิดหน่อย พี่ลองฟังดูแล้วกันนะว่าเชื่อถือได้ไหม ข้อแรก ชมเธอ ไม่ว่าเธอจะทำอะไรผิดก็ตาม ก็ต้องชื่นชมเธอ”
หลงเซียว : “…ดูเหมือนจะเป็นแค่ด้านเดียวนะ”
“ข้อสอง ยกโทษให้เธอ ไม่ว่าเธอจะทำอะไรผิดมา ก็ต้องยกโทษให้เธอ”
หลงเซียว : “…ช่างไม่มีหลักการเอาเสียเลย”
เกาจิ่งอานเลื่อนลงไปเรื่อยๆ ก่อนที่แววตาของเขาจะเป็นประกายขึ้น “แทนที่จะถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ สู้ให้เงินก้อนโตไปเลยจะดีกว่า!”