ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 571
ตอนที่ 571 บัวลอยไส้งาดำที่แสนอำมหิต
หยวนชูเฟินเงียบลงอีกครั้ง ยิ้มไปทีหนึ่ง เป็นการยิ้มที่ใสซื่อ อ่อนล้า ให้ความรู้สึกที่อ่อนแรงและเหนื่อยล้า และแฝงด้วยความเข้าใจที่อบอุ่น
“อย่ามาเสียเวลาอยู่ตรงนี้เลย ในนั้นยังมีเรื่องใหญ่รอให้แกไปจัดการอยู่นะ”
หลงเซียวยังคงโค้งตัวมองหยวนชูเฟินโดยมีประตูรถกั้นอยู่ “ถ้าแม้แต่วันไหว้พระจันทร์แม่ของผมยังไม่มีความสุขบอกตามตรงสำหรับผมแล้วแขกพวกนั้นจะไปมีความหมายอะไร?”
เกาจิ่งอานกับกู้เยนเซินต่างก็อึ้งไปกับคำพูดของท่านเซียวไปตามๆ กัน โอ้วแม่เจ้า เขาไม่เพียงเอาใจภรรยาเก่ง นี่ยังพูดเอาใจแม่เก่งขนาดนี้ด้วย เยี่ยมยอด เยี่ยมยอด!
ส้งชิงเซวี๋ยนหันกลับมามองหยวนชูเฟินด้วยสีหน้าเชิงตำหนิ พร้อมกับขำออกมา “นี่อาเฟิน คืนนี้ออกจะครึกครื้นลูกชายคุณก็กตัญญู แถมลูกสะใภ้ยังทั้งสวยทั้งฉลาดอีก แล้วยังจะกังวลอะไรอีกครับ? ต้องมีความสุขสิถึงจะถูก ดีใจๆ ร่าเริงๆ!”
การที่หลงเซียวถามหยวนชูเฟินไปอย่างนั้นเขาไม่ได้มีอะไรแอบแฝงเลย เขาเพียงแค่ต้องการถามผู้เป็นแม่จากใจจริงๆ ว่าตลอดเวลาที่เธอใช้ชีวิตอยู่ในครอบครัวแบบนี้ โดยปราศจากชายผู้เป็นที่รักคอยอยู่เคียงข้าง ได้แต่อดกลั้นอยู่กับความโดดเดี่ยว การใช้ชีวิตแบบนี้มันสามารถมีความสุขได้จริงๆ อย่างนั้นเหรอ?
ชายคนที่ควรจะได้เดินจูงมืออยู่เคียงข้างตอนนี้ได้ตายจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ ถ้าเธอมาล้มเลิกไปทั้งอย่างนี้ ล้มเลิกความคิดที่จะแก้แค้น มันจะสามารถมีความสุขได้จริงๆ มั้ย?
ชั่วขณะหนึ่งสิ่งที่สื่อออกมาจากแววตาของทั้งคู่มีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้นที่สามารถเข้าใจถึงความหมายของมันได้หยวนชูเฟินสามารถเข้าใจถึงสิ่งที่หลงเซียวต้องการจะสื่อได้
แค้นของผู้เป็นพ่อ ไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องแก้แค้นมันให้ได้
ในไม่ช้า ส้งชิงเซวี๋ยนเองก็เข้าใจถึงมันได้ หลงเซียว เด็กคนนี้หัวสมองของเขานี่ช่าง……รับมือยากจริงๆ! อ่านทางยากจริงๆ ยากจริงๆ!
หยวนชูเฟินไม่ได้มองเขาอีก แต่เธอกลับจ้องไปที่เงาสะท้อนของกระจกรถ “เซียวเอ๋อ นี่ก็ดึกมากแล้ว แกรีบไปช่วยลั่วหานดีกว่า เธอทำอยู่คนเดียวมันจะไม่ไหวเอาได้”
หลงเซียวพยักหน้าเป็นการยอมรับ “ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจะไปช่วยเธอเอง เธอคนเดียวไม่มีทางเอาอยู่หรอกครับ ผมจะจัดการมันไปพร้อมกับเธอครับ”
หยวนชูเฟินก้มหน้าลง แล้วหลับตา “เซียวเอ๋อ ตอนนี้แม่รู้สึกดีมากเลย และมีความสุขมาก ขอแค่พวกแกมีความสุขแม่เองก็มีความสุขแล้ว”
จริงเหรอครับ?
ถ้าไม่ใช่เพราะการทรมานใจมากว่าสามสิบปี แล้วโรคนี้มันจะมาจากไหน แล้วเซลล์มะเร็งพวกนี้จะเกิดขึ้นได้ยังไง?
ต้นกล้าแห่งความทรมานทั้งหลายที่ถูกหลงถิงปลูกฝังเอาไว้มันจะเติบโตเป็นต้นแห่งความสุขได้ยังไง!
สำหรับความเกลียดชังที่ไร้คุณธรรมเหล่านี้ แค่คิดถึง มันก็ทำให้เขาเจ็บปวดแล้ว ต่อให้เธอสามารถมีความสุขได้ แต่เขานั้นไม่มีทาง!
ไม่คิดอะไรให้มากความ หลงเซียวตัดสินใจลุกขึ้น แล้วไหว้วานกู้เยนเซินว่า “คุณชายกู้ครับ ผมวานให้คุณช่วยไปส่งแม่ที่โรงพยาบาลหวาเซี่ยหน่อยนะครับ ช่วยส่งเธอไปยังห้องพักฟื้นที่อยู่ทางด้านหลังเลย พยายามอย่าให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องเห็นเข้านะครับ”
หยวนชูเฟินจ้องไปยังประตูรถ แล้วพูดกับหลงเซียวด้วยเสียงที่แผ่วเบาว่า “เซียวเอ๋อ แกคิดจะทำอย่างนี้จริงๆ เหรอ?”
เกาจิ่งอานกับกู้เยนเซินต่างพากันมึนงง ทั้งๆ ที่สิ่งที่สองคนแม่ลูกนี้พูดเป็นภาษาจีน แต่ทำไมพวกเขากลับฟังไม่เข้าใจเลยสักนิด?
ยังจะพูดคุยกันอีกไหม?
ลงเซียวค่อยๆ พูด “กระบี่ที่ลับมาเป็นสิบปี มันยังไม่เคยถูกใช้งานเลย”
หยวนชูเฟินกับส้งชิงเซวี๋ยนอึ้งไปในทันที ทั้งคู่จ้องไปยังหลงเซียวโดยมิได้นัดหมาย เหมือนกับว่าจะสามารถอ่านแววตาของเขาออกได้ แต่แววตาคู่นั้น……
มันกลับหมดสิ้นความไร้เดียงสาไปนานแล้ว ถึงขั้นแตกต่างจากสองปีก่อนโดยสิ้นเชิง หยวนชูเฟินทำได้เพียงแค่มองดูลูกชายตัวเองค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปทีละนิดด้วยหัวใจที่ปวดร้าว
เพื่อลั่วหาน เขาเป็นคนที่ได้ตายไปครั้งหนึ่งแล้ว แล้วตอนนี้ตระกูลมู่ยัง……
“เซียวเอ๋อ……” หยวนชูเฟินอยากที่จะรั้งแขนเสื้อของเขาไว้
หลงเซียวไม่ได้มองเธอ แต่กลับพูดขึ้นว่า “คุณชายกู้ รบกวนด้วยนะครับ”
ส้งชิงเซวี๋ยนรีบรัดเข็มขัดนิรภัย “ผมก็จะไปด้วยครับ”
หยวนชูเฟินสูดหายใจเข้าลึกๆ เธอเข้าใจแล้ว ลูกชายของเธอเป็นคนยังไงเธอรู้ดีที่สุด ดังนั้นเธอจึงสลัดใบหน้าที่เจ็บปวดเมื่อกี้ออก เปลี่ยนเป็นใบหน้าที่มีแต่รอยยิ้ม “เซียวเอ๋อ แม่เชื่อว่าแกทำได้”
เกาจิ่งอานรู้สึกว่าตัวเองได้กลายเป็นคนปัญญาอ่อนไปในชั่วข้ามคืนแล้ว ทำไมจนถึงตอนนี้เขายังไม่เข้าใจในสิ่งที่พวกเขาคุยกันเลย เขาจึงพูดขึ้นมาอย่างโง่ๆ ว่า “กระบี่ที่ลับมาเป็นสิบปี มันยังไม่เคยถูกใช้งาน วันนี้ข้าเอามันออกมา เพื่อปราบปรามความอยุติธรรมให้สิ้นซาก? วันนี้วันเทศกาลนะ ประโยคลงท้ายของกลอนบทนี้มันไม่หนักไปหน่อยเหรอครับ?”
แต่ส้งชิงเซวี๋ยนกลับยิ้มตามหยวนชูเฟิน “ถ้ากระบี่เล่มนั้นถูกลับไว้เพื่อปราบอธรรม ถึงเวลาที่ต้องชักออกมาก็ชักออกมาเถิด เซียวเซียว สุขสันต์วันไหว้พระจันทร์!”
หลงเซียวยิ้มอย่างเข้าใจ “สุขสันต์ครับ”
พวกกู้เยนเซินพาหยวนชูเฟินออกไป เกาจิ่งอานลงจากรถ เดินตามหลงเซียวกลับเข้าไปในงานเลี้ยงเพื่อจัดการงานสุดท้ายให้เสร็จสิ้น
เกาจิ่งอานคิดยังไงก็คิดไม่ตก สุดท้ายทนไม่ไหวจนต้องเอ่ยถามไป “พี่เซียวครับ ที่พวกพี่คุยกันเมื่อกี้มันคือเรื่องอะไรกันครับ? ทำไมผมถึงฟังไม่รู้เรื่องเลยครับ?”
หลงเซียวยกข้อมือขึ้นมา มองดูเวลา สี่ทุ่มครึ่งแล้ว ได้เวลาพาลั่วลั่วกลับไปพักผ่อนแล้ว
“คุณเรียนหนังสือมากับปู่ของคุณมาตั้งแต่เด็ก ได้เรียนรู้บทกวีมากมาย สำนวนติดปากอยู่ตลอด ทั้งที่มีความรู้ที่ล้ำลึกขนาดนี้ แต่กลับเข้าใจมันไม่ได้เนี่ยนะ?”
หลงเซียวเดินขึ้นบันไดไป เห็นลั่วหานกับไป๋เวยกำลังพูดคุยกับแขกที่กำลังจะกลับอยู่
ไม่รู้ทำไม มุมปากของหลงเซียวก็ได้แย้มขึ้น
ในตอนที่ได้เห็นหน้าเธอ อยู่ๆ ในใจของเขาก็มีความสุขที่พุ่งพรวดมาจากไหนไม่รู้ ทำเอาแววตาของเขาสดใสขึ้นมาทันที
ลั่วหานหันไปเห็นหลงเซียวที่กำลังเดินเข้ามา
ดวงจันทร์สูงตระหง่าน ส่องให้ทั่วบริเวณสว่างไสวขึ้นมา แต่ทิวทัศน์รอบๆ กลายเป็นเพียงแค่ฉากประกอบ มีเพียงเขาเท่านั้นที่เด่นสง่าอยู่ตรงนั้น
“คุณคะ กลับมาแล้วเหรอคะ?”
หลงเซียวก้าวเท้าเข้ามาข้างหน้า มือยาวๆ ของเขาเอื้อมมาโอบเธอเอาไว้ในอ้อมอก “ครับ เรื่องข้างนอกเพิ่งจัดการเสร็จ ผมมาเพื่อรับคุณกลับบ้านครับ”
ความวุ่นวายภายในห้องโถงใหญ่ของงานเลี้ยงก็เข้าสู่ช่วงท้ายแล้ว เหล่านักเต้นรำก็ลดน้อยลงไปกว่าครึ่งแล้วท่วงทำนองของดนตรีที่ค่อนข้างนุ่มนวล ทำให้บรรยากาศภายในงานวันไหว้พระจันทร์เป็นไปอย่างเรียบง่ายแล้วแต่ก็แฝงด้วยความงดงามที่ลึกลับ
“ค่ะ ฉันเองก็จัดการงานทางนี้เสร็จแล้ว เหลือแค่ส่งแขกที่เหลือกลับแล้วเราก็กลับกันได้เลยค่ะ”
เพลงจบคนซา เจ้าภาพหลงเซียวกับลั่วหานคอยส่งแขกในงานกลับหมดแล้ว แน่นอน หลงเซียวและคนอื่นๆก็กลับด้วยเหมือนกัน
หลังจากส่งแขกคนสุดท้ายกลับไปแล้ว ลั่วหานถึงได้รู้สึกผ่อนคลายลงสักที “คุณคะ ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าคืนนี้มันช่างยาวนานเหลือเกินคะ รู้สึกว่ากระดูกภายในตัวกำลังจะแหลกสลายไปเลย”
ลั่วหานโอบเธอด้วยความรักใคร่ ยื่นมือไปนวดๆ ไหล่เธอ เพื่อช่วยให้เธอผ่อนคลายลงบ้าง การจัดงานเลี้ยงมันเหนื่อยมากจริงๆ ดังนั้น ผมจะพยายามจัดให้น้อยลง แต่ว่างานเลี้ยงบางอย่างมันก็เลี่ยงไม่ได้จริงๆ นะครับ”
ลั่วหานรู้สึกสบายหัวไหล่มากเมื่อเขานวดให้ เธอพูดออกมาพลางหลับตาน้อมรับความสุขไปด้วย “หือ? งานปีใหม่เหรอคะ? หรือว่างานเลี้ยงบริษัทคะ?”
พอหลงเซียวเห็นว่าเธอรู้สึกผ่อนคลายกับสิ่งที่เขาทำ เขาจึงเบาแรงลง แล้วพิงเข้ากับประตูกระจกของห้องโถงใหญ่เพื่อทำตัวให้เป็นเครื่องนวดอย่างเต็มรูปแบบ “ไม่ใช่ครับ งานพวกนี้ต่อให้จัดจริงๆ เราก็ไม่ต้องไปเข้าร่วมด้วยตัวเองก็ได้แต่ถ้าเป็นงานวันครบรอบร้อยวันลูกมันก็จำเป็นต้องจัดใช่ไหม?”
ลั่วหานขำออกมา “คิดไกลจริงๆ เลยนะคะ”
“ไม่เลยครับ เวลามันผ่านเร็วจะตาย พอลูกคลอดแล้วเวลาก็จะเร็วแล้วครับ” หลงเซียวปล่อยมือจากเธอไปแปปหนึ่งเพื่อส่งสัญญาณให้คนงานเก็บกวาดข้าวของในงานเลี้ยง
อีกอย่าง ของขวัญวันแต่งงานที่เขายังติดค้างเธออยู่เขาก็อยากที่จะชดเชยให้เธอด้วย
ลั่วหานพูดขึ้น “พอแล้วค่ะ ฉันหายปวดแล้ว”
หลงเซียวพยักหน้า กุมมือเธอไว้ แล้วพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม “ผมลืมบอกคุณไป สุขสันต์วันเทศกาลครับ”
“โอ้โห้ นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วคุณเพิ่งจะนึกขึ้นได้เนี่ยนะ? คุณเก็บไว้อวยพรปีหน้าเถอะค่ะ!” ลั่วหานแซวเขา ในขณะเดียวกันไป๋เวยก็โบกไม้โบกมือให้พวกเธอเพื่อจะบอกว่าเธอกำลังจะกลับแล้ว
หลังจากบรรดาแขกกลับไปหมดแล้ว โจวโร่หลินกับจี้ตงหมิงไป๋เวยและคนอื่นๆ ต่างก็ช่วยกันจัดการเรื่องวุ่นๆ ภายในงานถึงแม้เกาจิ่งอานจะตรวจสอบรายชื่อของแขกในงานเลี้ยงแล้วก็ตาม
ในขณะที่พวกเขากำลังยุ่งกันจนหัวหมุน แต่นายของพวกเขากลับกำลังทำตัวหวานแหววกันขนาดนั้นได้!
เห็นแล้วก็ทำให้รู้สึกหมั่นไส้จริงๆ เลย!
หลงเซียวขำแหอๆ “อันนี้ได้ สุขสันต์วันไหว้พระจันทร์! สุขสันต์วันปีใหม่! สุขสันต์วันเทศกาลโคมไฟครับ!”
“ฮาๆฮา นี่เอาจริงใช่ไหมคะเนี่ย! พอเลยค่ะ เรากลับกันเถอะ อย่าเอาแต่เจ้าคิดเจ้าแค้นเลยค่ะ”
ถ้ายังไม่ไปอีก ดูท่าพวกเกาจิ่งอานต้องเป็นบ้าแน่
หลงเซียวทนที่จะเห็นลั่วหานปวดขากับการใส่ส้นสูงต่อไปไม่ได้อีกแล้ว เขาจึงอุ้มเธอขึ้นมาจากพื้น แล้วเดินผ่านท่ามกลางบรรดาแววตาที่แสนอิจฉามากมายที่มองเข้ามา
วางเธอลงบนที่นั่งข้างคนขับ รัดเข็มขัด จากนั้นก็ถอดรองเท้าส้นสูงของเธอออก ความจริงส้นก็ไม่ได้สูงมาก แต่เขาก็รู้สึกปวดใจ เขาหมุนข้อเท้าของเธอเบาๆ เวลาที่หญิงสาวใส่รองเท้าส้นสูงนั้นมันทรมานมาก เพื่อที่จะแสดงความงามของตัวเองออกมาจึงต้องยืนอยู่บนก้านกระจกเส้นเล็กแบบนี้ เรื่องแบบนี้เขาไม่อยากให้เธอได้เผชิญอีกแล้ว
“คุณคะ พอพูดถึงวันเทศกาล คุณชอบวันอะไรมากที่สุดเหรอคะ?”
เธอหยุดให้เขานวดเท้าให้แล้ว เอาแต่ชี้ไปตรงที่นั่งคนขับเพื่อให้เขาขึ้นรถ
หลงเซียวขึ้นรถ “วันเทศกาลเหรอครับ? ไม่มีเทศกาลอะไรที่ผมชอบเป็นพิเศษเลยครับ จะว่าถูกใจก็ไม่มี แต่ถ้าจะต้องเลือกสักวันละก็ ผมคิดว่าวันที่ได้รู้จักคุณนั่นแหละที่พิเศษที่สุดสำหรับผมแล้ว”
หลงเซียวยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์และน่าหลงไหล เขาบิดกุญแจรถแล้วเครื่องยนต์ก็ถูกสตาร์ทขึ้นมา
“ชิ! ปากหวาน!”
ลั่วหานเอามือวางไว้บนมือเขา “นี่คุณได้ดื่มไปหรือเปล่าคะ? ถ้าดื่มก็ขับรถไม่ได้นะคะ”
หลงเซียวส่ายหน้า “ไม่ครับ ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มสุรา ไม่เล่นการพนัน ผมคือสามีชั้นยอดที่หายากสุดๆ แล้วครับ”
“ฮาๆฮา! หลงตัวเองสิ้นดี!”
ลั่วหานในวันนี้รู้สึกมีความสุขมากกับความรัก ความเซอร์ไพรส์ ความเอาอกเอาใจที่หลงเซียวมีให้กับเธอ จนตอนนี้แล้วเธอยังไม่สามารถถอนตัวออกจากความรู้สึกพวกนั้นได้เลย
“การที่คุณส่งมอบทุกอย่างมาให้ฉันก็เพื่อเวลาที่ต่อกรกับหลงถิงจะได้ไม่ต้องมีอะไรให้กังวลอีกใช่ไหมคะ? ฉันรู้นะว่าคุณคิดอะไรอยู่”
หลงเซียวไม่คิดจะปิดบัง “ใช่ครับ หลงถิงคิดมาตลอดว่าผมต้องการMBKมาโดยตลอดจึงไม่ยอมออกจากMBKและตระกูลหลงสักที วันนี้ผมจะทำให้เขาได้รู้ถึงความจริงที่แท้จริง”
ลั่วหานพยักหน้า “หลงถิงเพิ่งสูญเสียครั้งใหญ่ เขาต้องโต้กลับแน่ คุณต้องระวังตัวนะคะ หลงถิงเป็นคนที่ทำได้ทุกอย่างในคราวจำเป็นคุณก็ห้ามใจอ่อนนะคะ”
รถยนต์วิ่งไปข้างหน้า มุ่งสู่ค่ำคืนอันมืดมิด “แน่นอนครับ ตอนนั้นหลงถิงมันฆ่าล้างพ่อและคนในครอบครับผมยังไง ผมจะทำให้มันต้องชดใช้หนักกว่านั้นอีกเป็นร้อยเท่า”
ลั่วหานตบไหล่เขาเบาๆ แล้วพูดให้กำลังใจ “คุณหลง คุณนี่มันร้ายจริงๆ ร้ายกว่าที่ฉันคิดซะอีก! แถมยังอำมหิตมากด้วย!”
หลงเซียวคิดซะว่านั้นคือคำชม แล้วน้อมรับมันด้วยความยินดี “เขาทำมายังไงก็ตอบโต้กลับไปอย่างนั้น แล้วอัพเกรดนิดหน่อย เพิ่มลูกไม้เล็กน้อย ตอนที่โต้กลับก็เสริมลูกเล่นไปหน่อย มีทีเด็ดมาเป็นพักๆ มันก็ดูน่าสนุกดีนะ”
ห๊ะ!
นี่คือแผนที่เขาจะเอาไว้จัดการหลงถิงนะเหรอ? ทำไมมันฟังดูผ่อนคลายจัง?
ลั่วหานหาวออกมา เธอเหนื่อยแล้ว ล้าด้วย การอยู่เท้าเปล่านี่มันสบายจัง พิงอยู่ตรงไหล่เขายิ่งสบาย เธอหลับตา แล้วพูดออกมาอย่างแผ่วเบา “ฉันชอบเทศกาลโคมไฟที่สุดเลยค่ะ”
หลงเซียวชะงักไปแปปหนึ่ง นี่เธอยังคิดเรื่องนี้อยู่อีกเหรอ “เพราะอะไรครับ?”
“เพราะในวันนั้นฉันจะได้กินบัวลอยไงคะ และยังสามารถเลือกกินบัวลอยไส้งาดำแบบต่างๆ ได้อีกมากมายด้วย” เธอพูดออกมันออกมาอย่างจริงจังเลย
หลงเซียวขมวดคิ้ว “คุณชอบกินอันนี้เหรอครับ?”
คนที่ไม่เคยกินขนมหวานอย่างหลงเซียวจินตนาการภาพนั้นไม่ออกเลยจริงๆ ของเหลวสีดำๆ ไหลออกมาจากข้างในมันช่าง……โอเค ในเมื่อภรรยาของเขาชอบก็พอแล้ว
“แล้วทำไมต้องเป็นบัวลอยไส้งาดำล่ะครับ?”
ลั่วหานทำปากแจ๊บๆ เหมือนเพิ่งได้กินบัวลอยไส้งาดำเข้าไปยังไงอย่างนั้น “ก็เพราะว่าถ้ากินบัวลอยไส้งาดำเข้าไปเยอะๆ จะได้ดำอำมหิตเหมือนคุณไงคะ ไส้งาดำของบัวลอยนั้นดำมืดที่สุดแล้ว!”
นี่……มันคือคำชมจริงๆ ใช่ไหม?
หลงเซียวตะลึงกับคำอธิบายของเธอ “ฮาๆฮา! ในเมื่อเป็นอย่างนี้ คุณก็กินผมเข้าไปเลยสิ สารอาหารครบ ความบริสุทธิ์สูง คุณจะเจริญเติบโตได้เป็นอย่างดีเลยครับ