ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 579
ตอนที่ 579 ตัวเองก็ต้องพยายามเหมือนกัน
นิวยอร์ก ในย่านระดับกลาง
มีเสียงหัวเราะดังออกมาจากในห้องนอน เสียงหัวเราะที่แสนจะสดใสดังลั่นมาจนถึงห้องรับแขก
โฉหวั่นชิงใส่ผ้ากันเปื้อนไว้ แล้วกำลังล้างผักอยู่ ถูกดึงดูดความสนใจด้วยเสียงหัวเราะนั่น เงยหน้าขึ้นมามองไปยังห้องนอนของหลงจื๋อและหลินซีเหวิน
นิ้วก็กำลังใช้แรงเด็ดผักที่อยู่ในอ่าง ออกแรงทีเดียวผักก็ขาดออกเป็นท่อนๆ
หลินซีเหวินยังเพิ่งลุกขึ้นจากที่นอน แล้วมากอดแขนของหลงจื๋อเอาไว้ “เร็วสิคะ รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ฉันเร็ว”
ชุดนอนของหลงจื๋อเกาะอยู่บนตัวอย่างรกรุงรัง คอเสื้อของชุดนอนสีขาวที่สวมใส่ถูกเปิดออก เผยให้เห็นกระดูกไหปลาร้าและกล้ามอกที่แข็งแรงของชายหนุ่ม แสงแดดยามเช้าสาดส่อง ผิวกายของเขาสะท้อนแสง ใบหน้าอ่อนเยาว์ที่งดงามของชายหนุ่มไม่มีตำหนิเลยแม้แต่นิดเดียว
มือยาวๆ ของเขาดึงเธอลงมาที่หมอนให้เข้ามาอยู่ในอ้อมอกของตัวเองอย่างคนใจร้ายนิดๆ กุมหัวของเธอไว้อย่างเกียจคร้าน เอาหน้าของเธอมาซุกไว้ที่อกของตัวเอง เสียงแหบซ่านที่ฟังดูเย้ายวน “อย่าเพิ่งลุกสิครับ นอนเป็นเพื่อนผมอีกแปปสิครับ”
หลินซีเหวินสู้แรงของเขาไม่ได้ ได้แต่ต้องทนรับกับการกระทำของเขาไป “พอแล้ว พอแล้ว แม่คุณกำลังทำอาหารอยู่นะคะ เรายังจะตื่นสายอีก มันดูน่าเกลียดนะ รีบลุกขึ้นมาเลย เดี๋ยวฉันไปช่วยท่านก่อน”
หลงจื๋อหรี่ตา สองแขนกอดเธอไว้ มีเพียงแค่หัวเท่านั้นที่โผล่ออกมา แล้วพูดอย่างงัวเงียว่า “ไม่ต้องรีบหรอกครับกับข้าวให้แม่ทำก็พอแล้ว เดี๋ยวเราแค่ตื่นไปกินก็พอแล้ว”
ลั่วหานขำแล้วทำหน้าแหยงๆ “พอเลยค่ะ คุณเป็นผู้ชายจะนอนตื่นสายก็ไม่แปลก แต่ฉันมันต่างออกไป คุณลืมไปแล้วเหรอคะ? ว่าแม่ผัวลูกสะใภ้น่ะคือศัตรูคู่อาฆาต แม่คุณดูจะไม่ค่อยปลื้มฉันสักเท่าไหร่ด้วย”
หลงจื๋อลืมตาโต พลิกตัวมากดหลินซีเหวินไว้ข้างล่าง ก้มลงมาจ้องตากับเธอ ขนตาที่งอนยาวกำลังม้วนเป็นเกลียว “นี่ตอนนี้คุณก็ทำตัวเป็นลูกสะใภ้ของบ้านนี้แล้วเหรอครับ?”
เชี่ย!
หลินซีเหวินยกขาขึ้นมาแตะเท้าที่ก้นของหลงจื๋ออย่างจัง “ถ้าเจ้ยังไม่ยินยอม! เจ้ก็จะไม่แต่ง”
ตอนนี้ในใจของหลงจื๋อนั้นปลื้มปริ่มเป็นอย่างมาก ไม่ได้สนใจสิ่งที่เธอกำลังพูดเลย “รอผมอยู่อเมริกาจนมั่นคงก่อนนะครับ แล้วเรามาแต่งงานกัน ผมตั้งใจจะเปิดร้านขายกระเป๋าท่องเที่ยวที่นี่ครับ ช่วงไฮซีซั่นก็เป็นอาเฮียอยู่ในร้าน แล้วช่วงโลว์ซีซั่นก็พาคุณไปเที่ยว คุณคิดว่าไงครับ?”
หลินซีเหวินเงยหน้าขึ้นมาคล้องคอของเขาไว้ ริมฝีปากสีแดงกำลังยิ้ม “คุณตัดสินใจแล้วใช่ไหม? ว่าจะไม่กลับไปที่MBKอีก? ต่อให้พี่ใหญ่ปล่อยให้ตำแหน่งประธานของMBKว่างไป คุณก็จะไม่กลับไปอย่างนั้นเหรอคะ?”
หลงจื๋อพยักหน้า ภายใต้ไอแดดที่อบอุ่น เขาก็จูบปากเธออย่างดูดดื่ม จากนั้นก็พูดอย่างแน่วแน่ว่า “ใช่ครับ ผมตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมก็จะไม่กลับไปอีกแล้ว ผมเชื่อว่ายังไงพ่อก็จะไม่มีทางปล่อยพี่ใหญ่ไปแน่ MBKคือความพยายามของพี่ใหญ่ที่ผ่านมาตลอดสิบปี ต่อให้ผมเลวแค่ไหนก็ไม่มีทางไปแย่งคุณความดีที่พี่ใหญ่สั่งสมมาหรอกครับ”
หลินซีเหวินทำเสียงสูง “โอ้ว คุณชายรองหลงนี่ช่างเป็นคนที่คุณธรรมสูงส่งจริงๆ เลยนะคะเนี่ย ต้องมองคุณใหม่แล้วสิ! แต่ว่านะ วันนี้พี่สาวคนนี้ก็ต้องบินกลับไปแล้ว ช่วงนี้ก็ไม่มีวันหยุดด้วย คงมาอเมริกาไม่ได้สักพักนะคะ”
หลงจื๋อรู้สึกทำใจไม่ค่อยได้ จึงได้เลื่อนคางลงไปซุกอยู่ในอ้อมอกของเธอ “ผมรู้ครับ คุณต้องกลับไปทำงาน ผมจะรีบตกแต่งร้านให้เสร็จให้เร็วที่สุดครับ”
หลินซีเหวินกัดริมฝีปากล่างของตัวเอง ยังคงลังเลที่จะเก็บงำความลับเอาไว้
หลงจื๋อได้เตรียมการที่จะถอดมาตั้งรกรากที่อเมริกาแล้ว ถ้าตอนนี้เธอบอกตัวตนที่แท้จริงของหลงจื๋อไป มันจะดูโหดร้ายเกินไปหน่อยหรือเปล่านะ?
“ได้ค่ะ! รอวันที่คุณเปิดร้านฉันก็จะลาออกทันที แล้วมาหาโรงพยาบาลสักแห่งที่นี่ทำงาน ด้วยความสามารถระดับเจ้แล้ว การจะหางานใหม่นั้นไม่ใช่เรื่องยากเลยสักนิด” หลินซีเหวินพูดด้วยเสียงหัวเราะ
“ได้ครับ! เพื่อชีวิตใหม่! สู้โว้ย!” หลงจื๋อหยิกแก้มของเธอ ดึงแก้มที่นุ่มนวลของเธอจนเกิดเป็นจุดแดงเล็กๆ ทำให้หน้าของเธอตอนนี้เหมือนกับลูกซาลาเปาเลย มันน่ารักดี
“เพื่อชีวิตใหม่! สู้โว้ย!” หลินซีเหวินกอดหลงจื๋อไว้ แล้วจูบเข้าที่คางของเขา
ทั้งคู่เอ้อระเหยอยู่นานกว่าจะยอมลุกออกจากเตียง หลังจากที่หลินซีเหวินจัดการตัวเองเสร็จ อาหารเช้าก็จวนจะเสร็จแล้ว
โฉหวั่นชิงทำกับข้าวไปสามอย่างแล้ว กับข้าวอย่างที่สี่ก็เตรียมเสร็จเป็นที่เรียบร้อย ขึ้นฉ่ายที่กองอยู่ กับต้นหอมอีกหน่อยหนึ่ง
หลินซีเหวินพูดออกมาด้วยความสุภาพเรียบร้อย “คุณน้ามีอะไรให้ฉันช่วยไหมคะ?”
โฉหวั่นชิงหันมามองหลินซีเหวิน โดยที่มือกำลังคนน้ำซุปในหม้ออยู่ “ผัดเป็นไหม?”
หลินซีเหวิน “……”
ผัดอย่างนั้นเหรอ? พูดกันตามตรง คุณหนูที่ไม่เคยได้รับความลำบากอะไรมาก่อนอย่างเธอ เกิดมายังไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าการผัดผักนั้นมันรู้สึกยังไง อย่าว่าแต่ทำกับข้าวเลย แม้แต่ห้องครัวเธอยังแทบจะไม่เดินผ่านเลยด้วยซ้ำ ปกติคนรับใช้จะเป็นคนจัดการทุกอย่างอยู่แล้ว
แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าว่าที่แม่ผัวแบบนี้ แล้วมาบอกว่าทำอาหารไม่เป็นเลยมันจะดูขายหน้าไปหน่อยนะ
ว่าแล้ว เธอก็ทำหน้าด้านๆ แล้วตอบไปว่า “ค่ะ ทำได้ค่ะ อาหารง่ายๆ ฉันพอทำได้ค่ะ”
“งั้นก็ผัดอาหารอย่างสุดท้ายให้หน่อยแล้วกัน ใช้น้ำร้อนลวกก่อนรอบหนึ่งค่อยผัดนะ ชอบกินเห็ดหอมรึเปล่าล่ะ? ฉันแช่เห็ดหอมไว้ด้วย ใส่ลงไปด้วยก็ได้นะ”
หา?
อะไรกับอะไร? เอาอะไรไปลวกนะ?
“อื้ม! ค่ะ ค่ะ……” หลินซีเหวินกัดริมฝีปาก พระเจ้าช่วย ทำยังไงดีเนี่ย ไปดูในไป๋ตู้หน่อยดีกว่ามั้ยนะ?
แม่งเอ๊ย รู้อย่างนี้ไม่ทำตัวขยันแต่แรกก็ดีแล้ว ตอนนี้จะทำยังไงดี?
หลินซีเหวินเอากระทะต้องไว้บนเตาแก๊ส “คือว่า คุณน้าคะ……”
โฉหวั่นชิงพอเห็นว่าเธอไม่ได้มีอะไรคืบหน้า เลยนึกว่าเธอใช้เครื่องครัวพวกนี้ไม่เป็น จึงได้ก้มลงไปติดเตาให้เธอ “ต้มน้ำก่อนนะ”
“ค่ะ ต้มน้ำฉันทำได้ค่ะ”
แม่งงงง ตื่นเต้น ต้องมาเบียดอยู่ในห้องครัวกับว่าที่แม่ผัวแบบนี้ เป็นความตื่นเต้นที่ไม่เคยพบเจอมาก่อนเลย รู้สึกเลยว่าอากาศไม่เพียงพอให้หายใจเลย ไหวพริบไม่พอใช้
ด้วยไอคิวระดับร้อยห้าสิบอย่างเธอ ก็ยังดูเงอะงะๆ ทำอะไรไม่ถูกเลย
ระหว่างรอน้ำเดือด โฉหวั่นชิงมองไปทีหนึ่ง จากนั้นก็พูดขึ้นมาลอยๆ ว่า “ซีเหวิน พ่อแม่ของเธอยังสบายดีอยู่ใช่ไหม? พวกเขาทำอะไรอยู่ที่เมืองจีนเหรอ?”
หลินซีเหวินคิคในใจ การสัมภาษณ์ครัวเรือนในตำนานเหรอ?
“พวกเขาสบายดีค่ะ ตอนนี้พ่อเขาไม่ได้ทำอะไร พักผ่อนอยู่บ้านค่ะ”
ว่างๆ ก็ไปตีกอล์ฟ พักผ่อนๆ ออกทัวร์ไปเที่ยวอะไรประมาณนี้ บางทีก็ไปปาร์ตี้กับลุงๆ กลุ่มหนึ่งที่ดูไบ
โฉหวั่นชิงร้องอ๋อออกมา จากนั้นก็ประเมินเธอให้อีกรอบ ที่แท้ก็เป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ต่อไปจะมาช่วยเสี่ยวจื๋อบริหารงานในบริษัทได้ยังไง?
“แล้วแม่ล่ะ?”
หลินซีเหวินลองนึกดู แม่อย่างนั้นเหรอ?
หม่ามี้ของเธอเป็นสาวแกร่งคนหนึ่ง เรื่องทุกอย่างในบ้านเธอจะเป็นคนตัดสินใจหมด งานส่วนใหญ่ในบริษัทแม่ก็เป็นคนจัดการ
“คือ……แม่เขา เปิดธุรกิจเล็กๆของตัวเองค่ะ ปกติก็ยุ่งน่าดูเลยค่ะ”
ก็ยุ่งจริงๆ นี่นา เรื่องทุกอย่างในบริษัทก็ต้องผ่านมือเธอหมดเลย บริษัทแม่ สาขา โรงงาน คู่ค้า ตรวจสินค้าก่อนส่งออกทุกๆ อย่างเธอก็ทำเองหมดเลย
มือที่กำลังเคี่ยวซุปอยู่ของโฉหวั่นชิงก็ได้หยุดลง เหมือนว่ารอยยิ้มบนใบหน้าจะฝืนต่อไปไม่ไหวแล้ว “หือ……ธุรกิจเล็กๆ อย่างนั้นเหรอ? ธุรกิจอะไรล่ะ?”
เออ……ธุรกิจอะไรเหรอ? ธุรกิจที่ตระกูลหลินทำคือเพชรพลอยกับวัตถุโบราณ ในวงการก็ถือว่าอยู่ในระดับต้นๆ เหมือนกัน แต่ว่าตอนนี้จะให้เธอกล้าพูดออกไปได้ยังไงล่ะ?
“คือว่า……แม่เขาก็ทำเกี่ยวกับของที่ระลึกอะไรพวกนี้แหละค่ะ เงินทุนไม่ได้มากมายอะไร” หลินซีเหวินยิ้มออกมาอย่างหวานแหวว
ธุรกิจเล็กๆ ที่มีทรัพย์สินหลายหมื่นล้านมันดูใช้ได้เลยว่าไหม?
รอยยิ้มของโฉหวั่นชิงถูกแช่แข็งไวบนหน้า เธอฝืนยิ้มต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว งั้นก็แสดงว่า พ่อของหลินซีเหวินเป็นตาแก่ที่ปลดเกษียณแล้ว ส่วนแม่ของเธอก็ใช้ชีวิตด้วยการขายของที่ระลึกกิ๊กก๊อกสินะ?
ครอบครัวเรียบง่ายแบบนี้ ที่ประเทศจีนคงถือว่าใช้ได้แล้วสินะ!
เสี่ยวจื๋อไปหลงรักผู้หญิงอย่างนี้ได้ยังไงนะ!
“อ้า! น้ำเดือดแล้ว!” ด้วยความตกใจหลินซีเหวินจึงยื่นมือไปเปิดฝาหม้อที่ทำจากสเตนเลสออก แต่ฝาหม้อได้ถูกไอน้ำลนจนร้อนแล้ว เธอยื่นมือไปจับทั้งอย่างนั้น ฝาหม้อสเตนเลสเสียดสีเข้ากับมือของเธอ ความแสบร้อนพุ่งผ่านมือขึ้นมา___
แคร๊ง___!!
ฝาสเตนเลสกระทบพื้นจนเกิดเสียงดังสนั่น
“โอ้ย!!!”
หลินซีเหวินตกใจ รีบก้มลงไปเพื่อจะเก็บมันขึ้นมา แต่ใครจะไปคิดว่าสเตนเลสที่ยังร้อนฉานอยู่จะจี้เข้าที่นิ้วอันเล็กเรียวของเธออีกครั้ง
“ซี้ดดดดก!”
หลินซีเหวินเจ็บจนต้องเอานิ้วเข้าไปอมในปาก สีหน้าเปลี่ยนเป็นความเขินอาย
“เกิดอะไรขึ้นครับ?!”
หลงจื๋อที่เพิ่งโกนหนวดเสร็จ ลากรองเท้าแตะมาอย่างรีบร้อนจนถึงหน้าห้องครัว ก้มลงไปเห็นหลินซีเหวินกำลังนั่งอยู่ตรงพื้น ดูน่าสงสารเหมือนกับเด็กน้อยเลย
โฉหวั่นชิงปิดฝาหม้อนึ่งลงอย่างแรง แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ซีเหวิน ทำไมถึงไม่ระวังอย่างนี้ล่ะ?”
หลงจื๋อรีบอุ้มหลินซีเหวินขึ้นมา แววตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด “เป็นยังไงบ้างครับ? โดนลวกเหรอครับ?”
โฉหวั่นชิงกัดฟัน “แค่ฝาหม้อตก ไม่ใช่เรื่องหรอก”
หลินซีเหวินส่ายหน้า “ไม่เป็นไรค่ะ คุณออกไปก่อนเถอะ ฉันจะผัดผักค่ะ”
ผัดผักอย่างนั้นเหรอ?! หลินซีเหวินจะทำกับข้าวเหรอ? ล้อเล่นใช่ไหมเนี่ย!
หลงจื๋อกำมือของเธอไว้ในมือ นิ้วที่นุ่มนวลทั้งห้าตอนนี้มันแดงไปสามนิ้วแล้ว “ยังจะบอกว่าไม่เป็นไรอีก ดูซิแดงหมดแล้วไม่ต้องทำแล้วครับ เดี๋ยวผมปฐมพยาบาลให้”
“ไม่ต้องไม่ต้อง เรื่องเล็กน้อยค่ะ คุณออกไปเถอะค่ะ ฉันจะผัดขึ้นฉ่าย” หลินซีเหวินผลักหลงจื๋อออกไป ภาพลักษณ์ตอนนี้มันดูแย่พออยู่แล้ว ถ้ายังไม่ทำอะไรอีกละก็มันจะไม่แย่ยิ่งกว่าเดิมอีกเหรอ?
หลงจื๋อพูดเสียงต่ำด้วยความไม่สบายใจ “คุณทำอาหารเป็นจริงๆ เหรอครับ? แน่ใจนะ?”
เท่าที่เขาจำได้ ตอนที่พี่สะใภ้แต่งเข้าบ้านมาใหม่ๆ เธอก็ทำอาหารเก่งมากแล้ว เพราะว่าตอนไปเรียนที่อเมริกาพี่สะใภ้เธอใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพัง ต้องดูแลตัวเอง แต่กับหลินซีเหวินมันไม่ใช่อย่างนั้นเลย เธอเป็นคุณหนูที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวง โตที่เมืองหลวง ไม่เคยมีโอกาสได้ใช้ชีวิตอยู่คนเดียวเลย”
“พูดมาก ฉันก็ต้องทำเป็นอยู่แล้วสิ! แค่ผัดผักจานเดียวฉันทำได้อยู่แล้ว” ในทางทฤษฎีมันเป็นอย่างนั้น
สุดท้ายหลงจื๋อก็ถูกเธอไล่ออกจากห้องครัวไป แต่หลินซีเหวินก็เชื่อมั่นในตัวเองสูงเกินไป แถมยังเชื่อมั่นในไป๋ตู้ของตัวเองไว้มากด้วย ก็ที่เขาชอบพูดกันว่า กับสิ่งที่เคยอ่านเจอแค่ในหนังสือ ถ้าไม่ได้เจอเข้ากับตัวก็ไม่มีทางเข้าใจถึงมันได้หรอก!
พอถึงเวลาทำจริง หลินซีเหวินก็ถึงคราวพินาศแล้ว!
สิบนาทีหลังจากนั้น ได้มีกลิ่นเหม็นไหม้โชยมาจากทางห้องครัว ขึ้นฉ่ายใบสีเขียวสดถูกเธอผัดจนดำปี๋ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะใส่ซีอิ้วมากไปหรือเปิดไฟแรงไป จึงทำให้ผัดในจานนั้นเป็นเหมือนเต้าหู้เน่าที่ถูกตากแห้งไปแล้ว
พอโฉหวั่นชิงเห็นอาหารที่หลินซีเหวินทำออกมา เธอก็รู้สึกแย่ขึ้นมาทันที
แต่หลงจื๋อกลับยิ้มแฉ่งแล้วเอาอาหารของเธอมาวางไว้บนโต๊ะ “ใช้ได้ใช้ได้ มันสุกได้ที่แล้ว”
ฮึๆ ไหม้ไปหมดแล้ว ยังจะไม่สุกได้ยังไง?
หลินซีเหวินรู้ว่าตัวเองทำกับข้าวล้มเหลว จึงไม่มีกระจิตกระใจขำขำตาม “คุณน้าคะ ฉันว่าเอาไปเททิ้งเถอะค่ะ”
โฉหวั่นชิงไม่ได้สนใจในขึ้นฉ่ายจานนี้แล้ว ยิ่งไม่ได้มีอะไรประทับใจในตัวของหลินซีเหวินเลย “งั้นก็เอาไปเท……”
“ห้ามเท! ผมว่ามันน่ากินออก เดี๋ยวผมกินเอง!” หลงจื๋อตักผักที่ดำปี๋พวกนั้นไป แล้วกินเข้าไปคำใหญ่ “ถึงกลิ่นจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ว่ารสชาติดีมากๆ เลยครับ! ผมจะกินคนเดียวเองห้ามใครมาแย่งนะ!”
ทำไมหลินซีเหวินจะไม่รู้ล่ะว่ารสชาติของมันแย่ขนาดไหน แต่หลงจื๋อกลับให้ความร่วมมือมากขนาดนี้ เธอก็รู้สึกอบอุ่นและมีความสุขมาก
หลงจื๋อกินต่อไปอีกหลายคำ ดึงมือของหลินซีเหวินให้เธอมานั่งข้างๆ เขา ที่หางตาของเธอมีหยดน้ำเล็กซึมออกมา เขารู้สึกปวดใจ หลินซีเหวิน บนใบหน้าก็มีซีอิ๊วสีเข้มติดเป็นรอยอยู่ หลงจื๋อใช้มือของตัวเองค่อยๆ เช็ดมันออก
“มันอร่อยมากจริงๆ นะครับ จริงๆ!”
ดวงตาของหลินซีเหวินร้อนฉานจนแทบจะร้องไห้แล้ว “หยุดโกหกได้แล้วค่ะ ครั้งนี้ฉันทำได้ไม่ดี ไว้ครั้งหน้าฉันจะต้องทำให้ดีกว่านี้ให้ได้ค่ะ” “ไม่ครับ อาหารที่คุณทำมันอร่อยหมดแหละครับ!” หลงจื๋อลูบผมเธอ แล้วถอดแว่นสายตาของเธอออก
โฉหวั่นชิงมองดูพวกเขาสองคนจีบกันอยู่อีกฟากของโต๊ะอาหารด้วยสายตาที่เย็นชา ยิ่งเห็นลูกชายของตัวเองทำดีต่อผู้หญิงคนนี้ที่ไร้ฐานะ ไร้มารยาท ไร้ความสามารถ แม้แต่ผัดผักยังทำให้กินไม่ได้ มันช่างน่าเจ็บใจยิ่งนัก!
เธอกินข้าวอย่างไม่สงบอารมณ์ “ซีเหวิน เธอบินกลับวันนี้ใช่ไหม?”
“ใช่ค่ะ คุณน้า ฉันกลับวันนี้”
โฉหวั่นชิงเคี้ยวอาหารอย่างช้าๆ แล้วแกล้งพูดไปอย่างเอ็นดูว่า “กลับไปที่จีนแล้วก็ตั้งใจทำงานนะ เด็กผู้หญิงนั้น ถึงแม้ว่าจะเลือกเกิดไม่ได้ แต่เราก็สามารถพยายามได้ไขว่คว้าสิ่งที่ดีกว่าได้นะจริงไหม