ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 594
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
ตอนที่ 594 นายอบอุ่นจัง คุณชายหลงของฉัน
เขาถาม “นายรู้จักไหม” สองครั้งติดต่อกัน ถามจนหลงจื๋อสับสนไปหมด
ผ่านไปนาน ไอหมอกที่เหมือนว่าไม่มีทางจางหาย ชื้น หนา หยุดนิ่ง ถึงขั้นที่จะหยุดหายใจ
“พี่……พี่เป็นลูกชายของคุณมู่เส้าเอิน? พี่……พี่เป็นสายเลือดของตระกูลมู่?” พยายามอยู่นาน ในที่สุดก็ได้พูดประโยคนี้ออกมาจนหมด
ดวงตาของหลงเซียวหมองลงยิ่งกว่าใบไม้ร่วง พูดออกไปตรงๆ ว่า “ใช่ เขาเป็นพ่อแท้ๆ ของฉัน แต่ว่าน่าเสียดาย ชาตินี้ฉันคนไม่มีทางที่จะเห็นหน้าท่านแล้ว”
คำพูดที่ทำให้ปวดใจ เขาพูดออกมาราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนกับฝุ่นที่ล่องลอยไป ไม่เหลือร่องรอยอะไรเหลืออยู่
ในใจของหลงจื๋อเหมือนมีคลื่นขนาดใหญ่ ได้ซ่าซัดมาตีตรงใจของเขา อยู่ๆ เขาก็เริ่มกลัว ไม่กล้าที่จะไปคิดต่อ “เรื่องคดีที่น่าเศร้าของตระกูลมู่ พี่……พี่ได้ไปสืบมาบ้างไหม?”
“เสี่ยวจื๋อ……” หลงเซียวได้เรียกชื่อของเขา “อะไรที่นายควรรู้ ฉันจะบอกนายทั้งหมด แต่บางเรื่องมันไม่เกี่ยวกับนาย ไม่จำเป็นต้องไปใส่ใจ”
ไม่แน่เรื่องนี้อาจจะทำลายชีวิตของหลงจื๋อ เขากำลังเริ่มที่จะเติบโต หลงเซียวไม่อยากให้ต้นไม้ต้นนี้บิดเบี้ยวไป เพราะงั้น เรื่องที่เลวร้ายพวกนั้น เขาไม่รู้จะดีที่สุด
หลงจื๋อไม่กล้าที่จะถามต่อ จริงๆ เขาก็ไม่สามารถที่จะถามต่อไป ตระกูลมู่……นี่เป็นตระกูลที่คนที่ทำธุรกิจหลายคนไม่กล่าวที่จะเอ๋ยขึ้น ข่าวเมื่อปีนั้นได้ถูกปิด จากนั้นก็ห้ามที่จะเอามาพูดคุย
ต่อให้มีคนที่จะลองเขียนเกี่ยวกับเรื่องนั้น ก็จะถูกบล็อกไป
“ผมรู้แล้ว” หลงจื๋อพยักหน้า ทำตามความต้องการของหลงเซียว
หลงเซียวเดินออกไปก่อน ลมก็ได้พัดเข้ามา พัดเอาเสื้อโค้ตของเขาขยับ “เสี่ยวจื๋อ ฉันตั้งตารอวันที่เราจะได้แข่งขันกัน”
หลงจื๋อไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดี “ผม……”
คิดไปคิดมา ลูกธนูได้อยู่บนคันธนูแล้วไม่ยิงไม่ได้ ก็เลยเปลี่ยนคำพูด เขายิ้ม “ผมก็เหมือนกัน”
……
รถRolls-RoyceและรถLincolnได้ขับขนาดกัน บนถนนหลวงที่ตรงกลางได้มีแสงที่แสบตาตัดผ่าน ถึงทางแยก หลงเซียวได้เปลี่ยนทางขับ เลี้ยวเข้าไป
หลงจื๋อขับตรงไปต่อ
รถทั้งสองนั้นไม่เห็นกันและกันอีก
หลงเซียวได้โทรไปหาลั่วหาน
ตอนที่ได้ยินเสียงเรียกเข้านั้น ลั่วหานกำลังอยู่ในห้องฉุกเฉิน ตรวจคนไข้เสร็จ ลั่วหานถึงเอาโทรศัพท์ขึ้นมารับ ได้เซ็นใบตรวจไป แล้วรับโทรศัพท์แล้วเดินออกไป
“ที่รัก คุณไปไหนมา? ฉันโทรไปหาคุณ แต่โทรไม่ติด”
ลั่วหานได้เอาเครื่องฟังเสียงหัวใจใส่เข้าไปให้กระเป๋าเสื้อกาวน์ รองเท้าส้นเรียบได้เดินไปตามพื้น ฝีเท้านั้นเดินเร็วมาก ไม่นานก็เดินถึงหน้าลิฟต์
“ผมเปิดโหมดเครื่องบินไว้นะ คืนนี้ได้ไปนั่งดื่มชากับเสี่ยวจื๋อ ไม่สะดวกรับโทรศัพท์” หลงเซียวพูดจบ ข้างหน้าก็ติดไฟแดงพอดี เขาได้จอดรถ จับพวงมาลัยแล้วตั้งใจฟังเสียงทางนั้น
“ฉันเห็นในข่าวแล้ว ตอนนี้เสี่ยวจื๋อได้สานต่อMBKอย่างเป็นทางการ ต่อไปความสัมพันธ์ของพวกคุณจะยุ่งยากกว่านี้ ทางเสี่ยวจื๋อให้ฉันไปคุยด้วยไหม?”
ลิฟต์มาถึง ลั่วหานเข้าไปในลิฟต์ กดชั้นแปด
“ที่ควรพูดผมได้พูดไปแล้ว จิตใจเสี่ยวจื๋อนั้นบริสุทธิ์ เขาไม่มีทางเดินตามรอยหลงถิง” หลงเซียวได้มองไปทางจอในรถ เวลาหนึ่งทุ่มแล้ว
“งั้นก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอ? ดีไม่ดีการเก่งขันครั้งนี้ อาจจะเป็นเรื่องดีกับเสี่ยวจื๋อ ฉันเห็นในข่าว เสี่ยวจื๋อนั้นเหมือนจะหนักแน่นมาก มีความเป็นผู้นำสูงเลย”
ลิฟต์มาถึง ลั่วหานออกจากลิฟต์
“สวัสดีค่ะ คุณหมอฉู่!”
มีพยาบาลคนหนึ่งทักทายมาแต่ไกล
ลั่วหานพยักหน้า “สวัสดีจ้ะ”
ดึกขนาดนี้แล้วลั่วลั่วยังอยู่ที่โรงพยาบาล?
“ที่รัก คุณเอาคำพูดของผมเป็นแค่ลมที่ผ่านหูเหรอ? หนึ่งทุ่มแล้ว คุณน่าจะกลับบ้านไปทานข้าวอาบน้ำเข้านอนอย่างว่าง่ายได้แล้วนะ”
หลงเซียวไม่ใช่คนที่พูดอะไรง่ายๆ ได้ตลอดเวลาเหรอนะ!
ลั่วหานขมวดคิ้ว ตอนนี้ไม่รู้เลยว่าจะพูดอะไรดี “เดิมทีก็เลิกงานเช้าได้อยู่หรอก แต่ซีเหวินอยู่ๆก็มีธุระกลับก่อน เมื่อกี้ที่แผนกฉุกเฉินนั้นหาคุณหมอไม่เจอ ฉันก็เลยไปช่วยก่อน จะกลับบ้านตอนนี้”
หลงเซียวได้ขมวดคิ้วเล็กน้อย “หลินซีเหวิน……ผมนึกออกล่ะ เสี่ยวจื๋อที่จะแข่งขันกับผม เหมือนว่าจะเป็นไปได้ว่าจะชนะสูง”
ตระกูลของหลินซีเหวิน……ดูถูกไม่ได้
“ฉันก็คิดแบบนั้น แต่ว่า คุณมีฉัน กลัวอะไร?”
จากฝีมือแล้ว? เธอก็ไม่ใช่เบาๆ จริงไหม!
“ฮ่าๆๆ! ถูก!”
ลั่วหานเดินเข้าห้องทำงาน หวาเทียนยังเฝ้าเวรอยู่ เห็นเธอกลับมา หวาเทียนก็ได้เอาเอกสารให้ พูดเสียงเบาว่า “นี่เป็นเอกสารเข้าทำงานของศาสตราจารย์ส้ง คณบดีได้เซ็นแล้ว คุณดูว่าจะเตรียมการอะไรยังไง”
ลั่วหานดูเอกสาร เอียงหัวแล้วพูดว่า “ที่รัก คุณรอแป๊บหนึ่งนะ”
“ได้”
ไฟเขียวแล้ว หลงเซียวก็ได้ขับรถต่อ ตอนขับรถ ก็ได้ฟังเหตุการณ์ทางนั้น
สักพัก เสียงของลั่วหานก็ได้ดังเข้ามา อบอุ่น ชัดเจนแล้วก็ชำนาญ “ศาสตราจารย์ส้งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านแพทย์แผนจีน อยู่แผนกภายในเป็นสำคัญ พรุ่งนี้ให้ศาสตราจารย์ส้งไปดูที่แผนกภายในก่อน เขาอย่างจะทำอะไรก็ให้เขาทำอะไร อีกอย่าง ศาสตราจารย์ส้งมาโรงพยาบาล รับผิดชอบแค่เคสอานอานคนเดียว ส่วนงานอื่นไม่ต้องมอบหมายให้เป็นพิเศษ”
หวาเทียนได้ยิน หัวเราะแล้วพูดว่า “คุณหมอฉู่ คุณสั่งงานอาจารย์ของตัวเองอย่างนี้ จะดีเหรอครับ? ศาสตราจารย์ส้งต้องเสียใจทีหลังจนลำไส้เขียวแน่ๆ”
ลั่วหานพูด “เขาไม่เสียใจทีหลัง ลำไส้ก็น่าจะเขียวแล้วล่ะ กลับไปฉันจะไปพูดกับเข้าหน่อย ให้เลิกบุหรี่ไปก่อน”
“ใช่! ต้องพูดให้รู้เรื่อง เรื่องที่ทำลายสุขภาพ ทำให้น้อยๆ หน่อย” หวาเทียนได้เอาเอกสารกลับคืน แล้วก็หัวเราะตอบไปด้วย
ทางหลงเซียวนั้นก็ได้ยิ้มที่มุมปาก ลั่วลั่วมีความมั่นใจจริงๆ ถึงขั้นที่จะให้คนที่ติดบุหรี่มาสามสิบปีเลิกบุหรี่?
เขาจะรอดู!
ทางนั้นพูดจบ ลั่วหานก็ได้เอาโทรศัพท์ขึ้นมาต่อ “ที่รัก ยังอยู่ไหมคะ?”
หลงเซียวยิ้มอ่อนๆ “อยู่ครับ ยังรอฟังคำสั่งจากคุณหมอฉู่อยู่ เทียบกับเสี่ยวจื๋อแล้ว คุณนั้นมีความเป็นผู้นำมากกว่าอีก ผมตั้งตารออยู่นะครับ”
หลงเซียวได้เร่งความเร็วของรถ พอเลี้ยวในทางสี่แยกเสร็จ ข้างหน้าก็เป็นทางตรงยาว มองไปไกลๆ ก็จะเห็นแผ่นป้ายที่มีไฟส่อง “โรงพยาบาลหวาเซี่ย” สว่างอยู่
“เลิกหยอกฉันได้แล้วคุณประธานใหญ่ คือว่า ไม่คุยกับคุณแล้ว ฉันเปลี่ยนเสื้อก่อน” ลั่วหานเอาเสื้อโค้ตของตัวเองออกมา แต่ว่ารับโทรศัพท์ไม่สะดวกที่จะเปลี่ยน
หลงเซียวได้ยินเสียงกรอบๆ แกลบๆ รอบยิ้มบนใบหน้าที่หล่อเหลาก็ยังไม่ได้จางหายไป “เอาโทรศัพท์วางไว้ข้างๆ ผมรอคุณ”
ลั่วหาน “……”
แบบนี้ก็ได้เหรอ? ต้องขนาดนี้เลยเหรอท่านเซียว?
ที่ว่ากันว่าแต่งงานสิบปีก็ยังติดกับ ห่างกันแป๊บเดียวก็ไม่ได้?!
ลั่วหานเปลี่ยนเสื้อเสร็จ เป็นไปอย่างที่คิดสายนั้นยังไม่ตัด มองชื่อ “ที่รัก” สองคำตรงหน้าจอโทรศัพท์สักพัก ลั่วหานก็อยากหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้
“ฉันเปลี่ยนเสร็จแล้ว ออกไปตอนนี้” ลั่วหานถึงกระเป๋าเดินออกประตู ได้โบกมือให้หวาเทียน
“ตรงออกมาเลย ผมอยู่ล่างตึก”
หลงเซียวที่นั่งในรถเหมือนหัวเราะแต่ก็ไม่ สายตาได้มองไปทางตึกผู้ป่วยนอก ความอ่อนโยนนั้นแทบล้นออกมา
“อ่า?!”
ก็ได้ คนที่พิสูจน์ด้วยการกระทำของหลงเซียวนั้นปิดไม่อยู่
ลั่วหานเดินลงบันได เป็นไปอย่างที่คิดหลงเซียวได้อยู่ตรงนั้น เขาได้เก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋า ทั้งสะอาดแล้วชัดเจนได้ยืนอยู่หน้ารถ
ร่างสูงที่สวมเสื้อโค้ตนั้นได้เขียนถึงเสน่ห์ของเขา รอยยิ้มที่อ่อนโยน เกือบทำให้คนมองนั้นเหมือนจมน้ำตาย
“คุณไปดื่มชากับเสี่ยวจื๋อไม่ใช่เหรอ?! ฝ่ามากี่ไฟแดงแล้วเนี่ย?!” ลั่วหานยิ้มไปให้เขา ได้เอากระเป๋าสะพายของตัวได้แขวนไปที่ไหล่ของเขา
การกระทำแบบนี้ เธอทำมาอย่างชำนาญ
“ผมเป็นประชาชนที่ทำตามกฎระเบียบนะครับ ไม่ฝ่าไฟแดง แต่ว่า ความเร็วน่าจะเกิน” คิ้วเขาขมวดเล็กน้อย แขนก็ได้ไปโอบเอวที่บางของเธอ
เดิมลั่วหานก็ไม่ได้เหนื่อยอะไรมากมาย แต่พอเขามา ตัวเธอก็อ่อนไปหมด อ่อนจนเหมือนกับหญ้าเลย อยากจะอยู่ในอ้อมกอดของเขา
“ถอนใบขับขี่ของคุณ! ดูสิว่าคุณจะทำหล่อยังไง!” ลั่วหานได้หัวเราะเยาะเขา
ถ้าบอกว่าเหนื่อย เห็นเขาแล้ว ก็ยังมีความกระตือรือร้นอยู่นะ!
ถ้าบอกว่าไม่เหนื่อย เห็นเขาแล้ว ทำไมถึงไม่มีแรงกันนะ?
หลงเซียวเปิดประตูรถให้เธอขึ้นรถ แล้วก็ได้จูบไปที่หน้าผากของเธอ “อันนี้ร้ายแรงอยู่นะ แต่คิดคิดดูแล้วถอนใบขับขี่นั้นไม่เป็นไร ผมมีคนขับรถให้อยู่แล้ว แต่ทะเบียนสมรสถอนไม่ได้เด็ดขาด”
“เชอะ!” ลั่วหานนั่งลง ได้นวดคอของตัวเอง “จริงด้วย กลับไปบ้านไปหารูปถ่ายติดบัตรของคุณ ควรที่จะทำใบอนุญาตคลอดให้ลูกแล้ว”
“ทำเสร็จตั้งนานแล้ว” หลงเซียวหันตัว มองลั่วหานที่ไม่เจอแค่วันเดียวอย่างไม่รู้เบื่อหน่าย
“อ่า?!”
“ตอนที่ผมรู้ว่าคุณท้องวันที่สองก็ไปทำแล้ว ตอนนี้นอกจากชื่อของลูกแล้ว อย่างอื่นผมได้เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว เพราะงั้นที่รัก คุณก็แค่ทำหน้าที่ดูแลตัวเองให้ดีๆ ถ้าว่างไม่มีอะไรก็คิดชื่อของลูกไว้ เรื่องอื่นให้ผมจัดการเอง”
สายตาของเขาได้มีแสงที่อบอุ่นของวันอาทิตย์ ทำให้เธออยู่ในนั้นได้อย่างไม่ต้องกังวล
“อบอุ่นจัง คุณชายหลงของฉัน!” ลั่วหานหรี่ตา ยิ้มจนสายลมในฤดูใบไม้ผลิได้เมา
“อืม? งั้นผมก็ไม่เปิดฮีตเตอร์แล้ว”
“ฮ่าๆ!!”
——
วันต่อมา เมืองเจียงเฉิง
ฉู่ซีหรานได้สวมหมวกแก๊ป ปลายหมวกได้กดลงต่ำที่สุด บนหน้าก็ยังได้สวมแว่นกันแดดสีดำอันใหญ่จนเว่อร์ แว่นนั้นได้ปิดบังใบหน้าของเธอไม่หนึ่งส่วนสาม โผล่ออกมาแค่จมูกกับปาก
เธอได้ก้มหัวอยู่ตลอด ฝีเท้าได้เดินเข้าไปให้ร้านอาหารที่มีคนมาไม่ค่อยเยอะร้านหนึ่ง ไม่ได้ฟังพนักงานทักทาย ก็ได้ตรงไปที่ห้องอาหารชั้นสอง
“หรานหราน!”
เสียงกรอบแกรบจากส้นสูงของฟางหลิงหยู้ได้ดัง สองสามก้าวก็ได้เดินเข้าไปกอดฉู่ซีหราน ปวดใจจนได้ร้องไห้ออกมา
“หรานหราน ลูกสาวที่น่าสงสารของแม่! หื้อๆ!”
ฉู่ซีหรานได้ถอดหมวกและก็แว่นตาออก ใบหน้าที่เขียวช้ำได้แสดงออกมา ตาทั้งสองข้างได้บวมจนดำ จมูกได้มีผ้าพันแผล ด้านข้างแก้มซ้ายได้มีร่องรอยยาวห้าเซนติเมตร เห็นได้ชัดว่าเป็นรอยแส่
รอยช้ำที่ริมฝีปาก รอยแผลพวกนี้ได้ทำลายโครงหน้าเดิมที่เธอเคยมี
ฟางหลิงหยู้ได้ฟังที่เธอโทรมาระบายทางโทรศัพท์ แต่คิดไม่ถึงว่ามาเห็นกับตาแล้วน่าตกใจแบบนี้!
“เสิ่นเหลียวมันสมควรตาย! ฉันจะไปฆ่ามัน! หรานหราน แม่จะไปฆ่ามัน!!” ฟางหลิงหยู้ได้ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้จนถึงขีดสุด ร้องไห้แล้วตะโกนว่าจะไปฆ่าคน
ฉู่ซีหรานกลับยิ้มออกมาเศร้าๆ พอเธอยิ้ม ก็จะขยับโดนแผลที่มุมปาก ความเจ็บปวดได้แผ่ไปทั่วร่างกาย
“แม่ นี่เป็นคนที่แม่ให้หนูแต่งงานด้วย นี่เป็นคนที่แม่บอกให้หนูคว้าของสูงเอาไว้ เป็นยังไง?” กรอบตาของฉู่ซีหรานได้เปียก น้ำตาได้ไหลออกมาไม่หยุด อาบไปทั้งสองแก้มของเธอ
ฟางหลิงหยู้ได้เสียใจมากๆ “ขอโทษ หรานหราน แม่ขอโทษ แต่ว่า ตอนนั้นลูกเองก็……ช่างเถอะ เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว พวกเรายังจะพูดถึงเรื่องนี้อีกทำไม”
ฟางหลิงหยู้ได้ประคองฉู่ซีหรานไปนั่ง ก็ได้มองไปที่คอของเธออย่างไม่ได้ตั้งใจ เหมือนว่าจะมีรอยโดนรัด มีรอยเขียวเข้มๆ สองรอย
ฉู่ซีหรานได้เช็ดน้ำตา “ใช่ ตอนนั้นหนูเป็นคนเลือกทางนี้เอง แต่ว่าหนูใช้ชีวิตแบบนี้มามากพอแล้ว! หนูอยากจะหลุดจะตระกูลเสิ่น! ฉันอยากให้เสิ่นเหลียวไปตาย!”
ฉู่ซีหรานได้กำหมัดแน่น แถวข้อมือก็ได้มือเส้นเอ็นสองเส้นปูดขึ้น มองตามเส้นเอ็นขึ้นไป ก็มีแผลเป็นอีกที่!
ฟางหลิงหยู้นั้นร้องไห้จนไม่เป็นภาษา “ได้ แม่จะช่วย! แม่จะให้หนูออกมาจะตระกูลเสิ่น!”
“เหอะๆ? ออกไป? หนูโดนทรมานในบ้านตระกูลเสิ่นมาตั้งขนาดนั้น เสิ่นเหลียวทำท่าว่าหนูเป็นโสเภณี ทรมานหนูแทบตาย! ออกมาแล้วก็แล้วไป? เหอะๆ! ที่หนูอยากได้คือตระกูลเสิ่น! หนูจะให้เสิ่นเหลียว เสิ่นคั่วสองเดรัจฉานนี้ไปตาย!”