ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 596
เราจะทยอยไล่แก้ให้ยามว่างอยากให้แก้เรื่องไหนคอมเมนต์ไว้นะคะ
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
ตอนที่ 596 ได้กินความกล้าของหมีมา
“ติ้ง!”
เครื่องตรวจได้ดัดขึ้นมาอีกครั้ง หัวใจของหยวนชูเฟินนั้นได้กลับมาเต้นเหมือนเดิม ตัวเลขความดันและชีพจรได้กลับมาเป็นเหมือนเดิม
โฮเท่อได้เช็ดเหงื่อ แล้วก็ได้ดันแว่นกรอบทองเข้าไปอีก ได้ถามออกไปด้วยความสงสัย “คุณครับ ไม่ทราบมาคุณเป็นใคร? คุณรู้ได้ยังไงว่าจะต้องฉีดอะดรีนาลีนที่เส้นเลือดดำที่คอ?”
ลั่วหานได้ยินเครื่องตรวจกลับมาดังเหมือนเดิม ก็ได้ออกจากไหล่ของส้งชิงเซวี๋ยน ก็ได้เดินไปที่เตียงของหยวนชูเฟิน ก็ได้ตรวจให้เธออย่างละเอียด
ส้งชิงเซวี๋ยนได้จัดคอเสื้อของเขา แล้วก็ได้สะบัดเสื้อของตัวเอง ถึงได้พูดออกมา “คุณโฮเท่อ คุณไม่รู้จักผม แต่ผมเห็นได้ยินชื่อเสียงของคุณมาตั้งนาน ผู้เชี่ยวชาญโรคมะเร็ง ตรงหน้าเนื้องอกบนโลกนั้นก็ได้ดังจนรู้จัก เก่งมากๆ!”
โฮเท่อฟังออกว่านั้นไม่ให้คำชม ไม่ได้อวยอะไร ใบหน้าได้อึดอัดกว่าเดิม “ขอโทษจริงๆ ครับ ฝีมือทางการแพทย์ของผมยังไม่ได้ดีมาก”
ส้งชิงเซวี๋ยนรู้ดีว่าโฮเท่อนั้นไม่ธรรมดา ถึงแม้ว่าเกือบทำผิดพลาดไปครั้งใหญ่
“ก็จริง ว่าฝีมือทางการแพทย์ของนายนั้นยังไม่ดีมาก! เพราะงั้นก็มุ่งมั่นให้มากกว่านี้หน่อย ฉันไม่อยากที่จะเจอเรื่องนี้เป็นครั้งที่สอง!”
ส้งชิงเซวี๋ยนนั้นเริ่มโมโหนิดหน่อย จับเสื้อกาวน์ของโฮเท่อ แล้วหึๆ อย่างเย็นชา
โฮเท่อพยักหน้า “แน่นอนครับ แต่ว่าคุณบอกกับผลหน่อยได้ไหมครับ คุณเป็นใคร?”
ส้งชิงเซวี๋ยนโบกมือ “ฉันเป็นใครไม่สำคัญ ที่สำคัญก็คือ คนไข้คนนี้ห้ามเป็นอะไรเด็ดขาด อีกอย่าง ไหนๆ หมอโฮเท่อฝีมือการแพทย์ยังไม่ถึงขั้น ถ้างั้นการรักษาของคุณหยวนชูเฟิน ฉันจะมาร่วมด้วย”
ทีมแพทย์ของโฮเท่อได้จ้องมองส้งชิงเซวี๋ยน ทั้งหมดได้มองหน้ากัน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“นี่เกรงว่าจะไม่เหมาะ ทีมแพทย์ของผมนั้นได้มีประสบการณ์การร่วมงานกันมาหลายปี ความร่วมมือนั้นมีสูง อยู่คุณก็มาร่วมทีมด้วย กลัวว่าพวกเราจะร่วมมือกันได้ไม่ดีพอ” โฮเท่อพยายามพูดให้อ่อนน้อมที่สุด แต่ร่วมๆ แล้วก็คือปฏิเสธ
“ไร้สาระ! ความร่วมมือบ้างปู่แกเหรอ!” สองประโยคนี้ส้งชิงเซวี๋ยนนั้นใช้ภาษาจีนพูดออกมา พวกนั้นฟังไม่รู้เรื่อง
จากนั้นเขาถึงใช้ภาษาอังกฤษพูด “พอเถอะ! ฉันยังไม่รู้ว่าพวกคุณคิดอะไรอยู่หรือไง? ฉันมารักษาคุณหยวนชูเฟินโดยไม่เอาเงินสักบาท อีกอย่าง เรื่องที่ทีมแพทย์ของพวกคุณ ฉันไม่ยุ่งด้วย ฉันใช้วิธีการของฉันรักษาเธอ คุณฉันไม่เกี่ยวข้องกัน”
นี่……นี่เป็นการรักษาแบบไหนกันเนี่ย? คนไข้คนเดียวกัน แต่ไม่ใช่หมอคนเดียวกัน วิธีรักษาไม่เหมือนกัน? โฮเท่อไม่เคยเจอมาก่อน แน่นอนว่าเขาก็ไม่รู้ถึงความเสี่ยงเหมือนกัน
“ต้องขอโทษคุณด้วยนะครับ ถึงแม้ว่าผมนับถือฝีมือของคุณ แต่ว่าพวกเราได้เตรียมแผนการรักษาไว้เรียบร้อยแล้ว เกรงว่า……”
“ฉันเห็นด้วยกับความคิดของเขา ต่อไปให้คุณส้งอยู่ที่นี่”
คำพูดของโฮเท่อยังไม่ทันพูดจบ เสียงทุ้มต่ำของหลงเซียวได้ตัดคำพูดของเขา
หมอส้งชิงเซวี๋ยนและพวกหมอของโฮเท่อได้เงยหน้าขึ้นมาพร้อมกัน พอเงยหน้าขึ้นไปมอง ร่างสีดำก็ได้เดินเข้ามา เสื้อสูทสีดำสนิทได้ปล่อยบรรยากาศเย็นออกมา ได้สูดเข้าไป
โฮเท่อยิ้มออกมาอย่างเกรงใจ “สบายดีครับคุณหลง”
ส้งชิงเซวี๋ยนพูดออกมาอย่างบึ้งตึงว่า “เขาดีสิแปลก!”
หลงเซียวนั้นไม่ได้มีสีหน้าที่ดีให้โฮเท่อ ได้เดินตรงไปที่เตียงคนไข้ เดินเข้าไปใกล้ลั่วหาน “แม่เป็นยังไงบ้าง?”
ลั่วหานที่เอาเครื่องฟังเสียงหัวใจฟังเสียงใจเต้นของหยวนชูเฟิน เห็นเขาเดินเข้ามา จ้องหน้าเขาไม่กี่วิ ขอกำลังใจจากสายตาของเขา “ไม่ค่อยดี ร่างกายแม่ตอนนี้อ่อนแอมาก วันนี้แม่ทำเคมีบำบัดครั้งที่สี่ แต่เธอทนไม่ไหว”
มือของลั่วหานนั้นได้สั่น เทียบจะถือเครื่องฟังเสียงหัวใจไม่อยู่ สภาพแวดล้อมจิตใจของแพทย์เป็นสิ่งสำคัญในการวินิจฉัยอาการของผู้ป่วย และสภาพของเธอตอนนี้ไม่เหมาะที่จะดูแลคนไข้
หลงเซียวได้เอาเครื่องฟังเสียงหัวใจของเธอไว้ ส่งให้หมอผู้ชายผมบลอนด์ ส่งมือได้ประคองลั่วหานไปนั่ง “อืม ผมรู้แล้ว”
เขาบอกว่ารู้แล้ว แล้วก็คิดถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด ไม่ต้องการให้เธออธิบายอย่างละเอียด
ลั่วหานนั้นประคองหัวตัวเองแบบมีลมแต่ไร้แรง “พวกเราตอนนี้คงต้องเตรียมรับมือสำหรับสิ่งที่เลวร้ายที่สุด”
หลงเซียวเข้าไป ขาทั้งสองข้างพันกัน นั่งลงกับพื้น จับมือของหยวนชูเฟิน เอาวางไว้ในผ้าห่ม “อืม ท่านจะตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่?”
“พึ่งให้ยาไป คลื่นหัวใจของเธอนั้นอ่อนมาก ไม่เหมาะที่จะตื่น ให้เธอนอนพักผ่อนเงียบๆ ไปก่อนดีกว่า เธอเสียแรงไปเยอะ นอนนั้นเป็นเรื่องที่ดี”
“อืม”
เยี่ยมหยวนชูเฟินเสร็จ หลงเซียวก็ได้ลุกขึ้นเดินเข้าไปที่ห้องนั่งเล่น
“หมอโฮเท่อ แม่ของผมทำไมหัวใจอยู่ๆ ถึงได้หยุดเต้น?! แผนการรักษาของคุณนั้น เป็นผลลัพธ์เป็นแบบนี้!”
ความกดดันนั้นได้เข้ามาทันที กดดันจนโฮเท่อหายใจไม่ออก นิ่งไปสักพัก ถึงได้เรียบเรียกคำพูดเสร็จ “คุณหลง แผนการรักษาที่ผมออกนั้นมันเหมาะกับคุณนายที่สุดแล้ว ที่คุณนั้นช็อกไปนั้นก็เพราะได้รับผลกระทบทางอารมณ์ อันนี้มันควบคุมไม่ได้ พวกเราก็คาดไม่ถึงเหมือนกัน”
สายตาที่อันตรายของหลงเซียวได้หรี่ลง “ผลกระทบทางอารมณ์?”
ส้งชิงเซวี๋ยนพยักหน้า “โฮบี่เท่อไม่ได้หลอกนาย ก่อนที่แม่นายจะสลบไปนั้นอารมณ์ได้แปรปรวนอย่างมาก”
โฮเท่อมองส้งชิงเซวี๋ยน อยากจะบอกว่า ฉันไม่ได้ชื่อโฮบี่เท่อ!!
ส้งชิงเซวี๋ยนนั้นไม่อยากสนใจเขา
โฮเท่อพูด “คนไข้ต้องการที่จะพักผ่อน ครอบครัวคนไข้ให้ออกไปก่อนดีกว่า”
คนกลุ่มนั้นได้ออกไปจากห้องพักคนไข้ ตลอดทางนั้นหลงเซียวได้ดูแลลั่วลั่ว ส่งเธอไปที่ห้องพักผ่อน เทน้ำสองแก้ว ให้เธอและส้งชิงเซวี๋ยน
“คุณลุงส้ง อาการของแม่ผมคุณคิดว่ายังไง ควรทำยังไงดี?” หลงเซียวนั้นนั่งข้างลั่วหาน ถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่ต่ำ
ส้งชิงเซวี๋ยนได้จับกระเป๋าเสื้อ เจอบุหรี่กับไม้ขีดไฟ ตอนที่เตรียมจุดบุหรี่อยู่นั้น สายตาของลั่วหานก็ได้มองมา ส้งชิงเซวี๋ยนก็ได้ทำใจเก็บบุหรี่ลง
“ไม่ว่าจะเป็นผลตรวจด้านไหน หรือว่าอาการของแม่นายตอนนี้ ก็ดูไม่ดีทั้งนั้น หรือจะให้พูดอีกอย่าง เวลาของเธอนั้นมีไม่มาก”
“นานเท่าไหร่?”
“สามเดือน”
สามเดือน……
“ที่จริง แผนการรักษาตอนนี้เป็นการรักษาที่ดีและปลอดภัยสุดแล้ว วันนี้แม่ของเธอนั้นอยู่ๆ ก็อารมณ์แปรปรวนถึงได้เป็นแบบนั้น” ส้งชิงเซวี๋ยนนั้นได้มองบุหรี่ของตัวเอง จิ๊ปาก
ความอยากบุหรี่ขึ้นมาแล้ว รู้สึกไม่ดีเท่าไหร่
ลั่วหานได้เทลูกอมออกมาหนึ่งเม็ดจากขวดแก้ว เอาไปยัดในมือส้งชิงเซวี๋ยน ทำให้เขานั้นทำตัวไม่ถูก
อารมณ์แปรปรวน?
จะเป็นเพราะอะไร?
หลงเซียวนิ่งคิดไปสักพัก เดินไปที่ระเบียง กดเบอร์โทรศัพท์แล้วโทรไป
“ฉันเอง……ไปสืบมาว่าวันนี้มีใครบ้างเขาห้องพยาบาล……ใช่ ทั้งวัน……ไปเช็กกล้องวงจรปิดมาทั้งหมด แม้แต่แมลงวันตัวเดียวก็อย่าให้ล่ะสายตา!”
——
ตึกบริษัทMBK ห้องทำงานประธาน
หลงจื๋อได้จับแก้วกาแฟ มองไปที่ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคลที่รอคำสั่งจากเขาอย่างกล้าๆกลัวๆ “นี่เป็นเลขาและผู้ช่วยที่นายเป็นคนเลือกมาให้ฉัน?”
ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคลหัวเราะแห้งๆ “ประธาน คนพวกนี้ได้จบการจัดการธุรกิจจากมหาลัย211 เฉลี่ยอายุประมาณยี่สิบสอง พูดได้อยากน้อยสามภาษา……”
“ไร้สาระ!” หลงจื๋อได้โยนเอกสารลงที่โต๊ะ “สามภาษา? ขนาดฉันพูดอะไรพวกเขายังฟังไม่รู้เรื่องเลย! รู้อะไรรู้!”
“ถ้าประธานไม่พอใจ……พวกเรารับสมัครต่อ” ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคลไม่กล้าทำอะไรขัดใจ
หลงจื๋อได้ดื่มกาแฟเข้าไปอย่างรำคาญ รู้สึกว่ารสชาติของกาแฟนั้นแปลกๆ “ตอนที่พี่ชายฉันนั้นรับสมัครเลขานั้นรับสมัครยังไง? เอาตามเงื่อนไขของเขาเลือกมาให้ฉัน! อะไรเด็กจบปริญญา! พวกเขาทำอะไรได้บ้าง! เลือกคนที่มีประสบการณ์มาให้ฉัน มีประสบการณ์มาอย่างน้อยสามปี!”
ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคลไม่กล้าที่จะเชื่อ “แต่ว่า คนพวกนี้อายุจะมากไปหน่อย……”
ถ้าให้พูดนอกเรื่อง พวกเขาเลือกเลขาให้หลงจื๋อนั้น ไม่ได้เลือกแค่สาขาวิชาที่จบ ยังมีอายุของพวกเธอ หน้าตาต่างๆ ยังไงซะหลงจื๋อยังหนุ่ม……ความลับให้ธุรกิจ ไม่ใช่เพราะเลขาหญิงที่ทำให้ประโยชน์กับผู้นำชายไม่ใช่หรือ?
“ฉันเลือกเลขา! ไม่ใช่เมีย! นายดูคนที่นายเลือกมา ดูสิเป็นยังไงบ้าง! เห็นบริษัทเป็นเวทีเดินแบบหรือไง? ใส่มาซะลายขนาดนั้นเพื่ออะไร? มาเดินแบบ!”
หลงจื๋อได้เคาะโต๊ะตึ้งๆๆ เคาะซะใจของผู้จัดการนั้นสั่นไปด้วย คุณชายรองทำไมอยู่ก็จริงจังขึ้นมาแบบนี้?
“ครับ ผมจะทำตามที่คุณร้องขอไปคัดคน จะรีบมารายงานคุณโดยเร็ว”
พอหลงจื๋อระบายอารมณ์เสร็จ ก็ได้ให้ผู้จัดการออกไปจากห้องทำงาน โมโหจนหยักคิ้วอยู่ตลอด
ประสาน!
เขาจะไปถามพี่ชายดีไหม? ไม่ถามความคิดเห็นของเขา?
แต่ว่าถ้าไปถามพี่ชายตอนนี้ มันก็น่าขายหน้าเกินไป
หลงจื๋อคิดไปคิดมา ก็ตกลงที่จะไปคุยกับหลงถิงข้างบน ตอนนี้พวกเขานั้นเดินอยู่บนทางเดียวกัน หลายๆ เรื่องถ้าได้พูดคุยกันน่าจะดีกว่า
หลงจื๋อขึ้นไปชั้นบน พบว่าประตูนั้นปิดไม่สนิท ได้แง้มอยู่ ตอนที่เขาเตรียมที่จะเปิดประตูนั้น ข้างในนั้นก็ได้มีเสียงของหลงถิงดังออกมา
“พวกไร้ประโยชน์! อะไรสามปี! ที่ฉันอยากได้คือให้เธอมีชีวิตอยู่! ไม่ว่าจะใช้วิธีอะไร! ต้องช่วยเธอให้ได้!”
หลงจื๋ออึ้งไป อะไรสามเดือน? พ่อกำลังพูดอะไรอยู่?
“เธอเป็นภรรยาของฉัน! ฉันไม่อยู่ให้เกิดอะไรขึ้นกับเธอ!”
“ไม่ต้องพูดเรื่องเนื้องอกกับฉัน! ฉันไม่สนว่าความสามารถทางการแพทย์เป็นยังไง ที่ฉันอยากได้คือข้อยกเว้น!”
“ถ้ายังพูดเรื่องเดินอีก ก็ให้ฉันออกไปเลย!”
ฝีเท้าของหลงจื๋อนั้นนิ่งอยู่กับที่ ขยับไม่ได้!
ภรรยา?
หรือว่าเป็นแม่ของพี่ชาย?! เนื้องอก? สามเดือน? ถ้าเป็นแบบนี้ แม่ของพี่ชายนั้นเป็นมะเร็ง? อีกอย่างกำลังชีวิตกำลังแย่!
พระ……เป็นแบบนี้ได้ยังไง……ทำไมถึงเป็นแบบนี้!
หลงจื๋อไม่กล้าเข้าไป ได้เดินถอยหลังอย่างระมัดระวัง ได้ยืนสูดหายใจเข้าลึกๆ คนเดียว……สูดหายใจเข้าลึกๆ ……
และเวลานี้ โทรศัพท์ของหลงจื๋อก็ได้ดังขึ้น
เสียงเรียกเข้านั้นดังกะทันหันเกินไป ตกใจจนเขาสะดุ้ง
หน้าจอนั้นเป็นชื่อของโฉหวั่นชิง หลงจื๋อขมวดคิ้ว
“แม่ครับ ดึกขนาดนี้แล้ว แม่ทำไมยังไม่นอน?”
โฉหวั่นชิงพูดออกมาอย่างอ่อนโยน “ลูกพึ่งไปประเทศจีน แม่ไม่วางใจ การทำงานเป็น ยังไงบ้าง? กินอยู่ดีไหม?”
“ดีครับ” หลงจื๋อไม่มีอารมณ์คุยกับเธอ มีเรื่องให้คิดเยอะแยะ
“ลูกเป็นอะไรไป? กดดันเกินไปเหรอ?” แม่นั้นเป็นคนที่อ่อนไหวเลยฟังออก
หลงจื๋อได้ปฏิเสธ “ไม่เป็นไรครับ ผมสบายดี ไม่มีอะไรผมวางก่อนนะ”
“อ้อ……พ่อของลูกสบายดีนะ”
คำพูดนี้พูดอย่างระวังมาก กลัวว่าจะแตะโดนสิ่งต้องห้าม
ดีไหม?
“ไม่ดี” หลงจื๋อไปสองคำง่ายๆ
“อ่า? ไม่ดี เขาเป็นอะไร? ร่างกายหรือเรื่องงานที่มีปัญหา?”
โฉหวั่นชิงถามเยอะไป หลงจื๋อเริ่มรำคาญ “ไม่ใช่เขา เป็นคนอื่น! ไม่มีอะไรผมวางก่อนนะ”
หลงจื๋อวางสายด้วยความรำคาญ เดินกลับห้องทำงานด้วยสีหน้าที่ไม่ดีนัก
“เสี่ยวจื๋อ! พอดีเลย ฉันมาหาพ่อเธอ?”
เจ้ากรรมนายเวรจริงๆ!
หลงจื๋อได้จับกระเป๋ากางเกงด้วยมือข้างเดียวแน่น ได้มองหลงยี่ด้วยความเย็นชา “พี่ชายนี่ดีกับพ่อฉันจริงๆ วันหนึ่งมาสามสี่ครั้ง”
หลงยี่หัวเราะเหอะๆ “นี่เป็นเพราะเรื่องงานไม่ใช่เหรอ? ฉันก็อยากจะหลบไปพักเหมือนกัน”
มองไปที่เอกสารในมือของเขา หลงจื๋อก็ได้พูดออกมาง่ายๆ “ให้ฉันดูก่อน ไม่ต้องไม่ว่าเรื่องอะไรก็ไปรบกวนพ่อ”
“นี่…..นี่เป็นของที่ให้ประธานให้ดูโดยตรง” หลงยี่เริ่มบ่ายเบี่ยง ไม่ยอมให้
เขายิ่งบ่ายเบี่ยง หลงจื๋อก็คิดว่าในนี้มีอะไร ก็เลยได้พูดออกคำสั่งไป “พี่ชาย พี่น่าจะลืมไป! ตอนนี้ผมนั้นเป็นประธานของMBK! งานของพี่ผมสามารถมาตรวจดูได้ มาเช็ก และหยุดได้ตลอดเวลา”
หลงยี่นั้นโดนขู่จนเขาทำตัวไม่ถูก พยายามที่จะฝืนยิ้ม “เสี่ยวจื๋อ นายจะทำอะไร……นาย……”
“พูดมากไร้สาระ!”
หลงจื๋อได้แย่งเอกสารมา แล้วก็ได้เปิดมาดูต่อหน้าหลงยี่
ตัวหนังสือข้างในนั้น หลงจื๋อดูไปเรื่อย สายตาเริ่มหรี่ลง ยิ่งดูไปเลื่อนๆ หน้าก็ยิ่งเสีย!