ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 611
ตอนที่ 611 ชำระบัญชีเก่าแทนภรรยา
เจ้าหญิงวันที่ 7 เดือน 3?
เป็นครั้งแรกที่ได้ยินคำว่า “เจ้าหญิง” ที่แสดงถึงความอ่อนโยน“เจ้าหญิง” สองคำนี้ช่างทำให้หัวใจเต้นจังเลย เขารู้สึกถึงคำว่าเจ้าหญิงนี้มีเสน่ห์มากกว่าที่เขาคิดไว้อีก
ถึงแม้ว่าลั่วหานใกล้เข้า30แล้วก็จริง แต่ในใจลึกๆของเธอแล้วก็ยังคงมีฝันที่เป็นเจ้าหญิงอยู่ ฝันนั้นอาจจะไม่มีเจ้าชายขี่ม้าขาวหรือปราสาทหงส์มาเกี่ยวข้อง
แต่มันเกี่ยวกับความสุขที่ผู้หญิงคนหนึ่งแสวงหาโดยหวังจะมีใครคนหนึ่งมาปฏิบัติกับเธออย่างเป็นเจ้าหญิงสักมากกว่า
เพราะฉะนั้น ลั่วหานในวิดีโอคอลยิ้มออกมาอย่างมีความสุข รอยยิ้มนั้นมาปรากฏที่สายตาลึกเข้ามาเรื่อยๆ“ขอบคุณนะ หลงเซียว”
รอยยิ้มของหลงเซียวดูลึกกว่าของลั่วหาน “คิดยังว่าจะขอบคุณฉันยังไง ขอบคุณอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีการกระทำด้วยสิ เธอรู้ดีว่าฉันไม่ชอบใบเช็คอะไรที่เป็นแค่อากาศ”
จะเป็นลม! นี่นายจะเอาจริงใช่ไหม!
ให้ทำจริงเหรอ ?ลั่วหานเอียงหัวแล้วคิด เวลาเธอกำลังคิดอะไรจะมีนิสัยอยู่อย่างหนึ่งคือจะกัดไปที่ริมฝีปาก ซึ่งท่าทางน่ารักมาก
“นายอยากได้การตอบแทนแบบไหน นายพูด?” ลั่วหานให้หลงเซียวเป็นคนเลือก
“กินข้าวเยอะๆ กินให้อ้วนหน่อย”หลงเซียวยิ้มอย่างได้ใจ แล้วเอนตัวไปใกล้ๆเพื่อให้ตัวเองใกล้ชิดกับลั่วหานมากขึ้น
ลั่วหานขำแตกทันที “ไม่ได้ๆ เปลี่ยนวิธีใหม่ ฉันจะรักษาหุ่น อ้วนขึ้นไม่ได้ ไม่ได้ๆ”
รักษาหุ่นช่างยากเย็น ถ้าเกิดอ้วนขึ้นแล้วก็ยากที่จะลดกลับไปเหมือนเดิม เป็นบทเรียนของใครต่อหลายคน และเป็นสิ่งที่คนเคยท้องหลายคนรู้สึกเกลียดและสำนึกผิดตลอดชีวิต ลั่วหานจะไม่ยอมให้ตัวเองเป็นแบบนั้นแน่นอน
หลงเซียวทำท่าทียืนยันคำเดิม ลั่วหานตอนนี้ผอมเกินไป ถอดเสื้อออกก็เห็นแค่กระดูกที่เรียงตัวเป็นแถว เด็กทารกสามเดือนแล้วก็มีเพียงแค่รูปร่าง เขาไม่เพียงแต่สงสารทารก แต่สงสารผู้เป็นแม่มากกว่าอีก
“อย่างน้อยต้องเพิ่มขึ้นอีก2-3 โล 2-3โลนี้ถือว่าเป็นของฉัน ไม่เกี่ยวกับเธอ ฉันฝากไว้ที่ตัวเธอ เธอก็ช่วยฉันเก็บไว้ให้ดี การขอบคุณโดยวิธีอื่นฉันไม่ยอมรับ ฉันขอแค่ข้อนี้ข้อเดียวกับเจ้าหญิงของฉัน”
ทันใดนั้นลั่วหานก็มีความมึนงง ทำไมถึงมีเรื่องแปลกแบบนี้! นี่มันเป็นเรื่องอะไรกันเนี่ย ! น่าทึ่งจริงๆ!
“หลงเซียว นายรีบทำงานเถอะ ฉันไม่มีอารมณ์จะคุยกับนายต่อละ”
ถึงบอกว่าไม่มีอารมณ์ แต่ในใจของลั่วหานก็มีความสุขอย่างที่ไม่มีสิ่งใดมาทดแทนได้
รอบนี้หลงเซียวไม่ได้ยึดเวลา ควรจบได้แล้ว เพราะเขาก็ยังมีงานอีกหลายอย่างที่ต้องไปจัดการ “โอเค งั้นฉันทำงานก่อนนะ เดี๋ยวกลางคืนกลับบ้านแล้วเจอกัน พักผ่อนดีๆล่ะ หิวก็กิน ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องหุ่น ฉันชอบเธอในแบบที่อ้วนมากกว่า จะอ้วนขึ้นสองสามโลฉันก็อุ้มไหว”
ลั่วหาน:“……”
หลังวิดีโอคอลจบแล้ว ถึงแม้ลั่วหานจะเป็นคนอยากให้วาง แต่เมื่อมองไปที่กล้องจอดำๆ ในลึกๆใจเธอก็ยังรู้สึกถึงความว่างเปล่า ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่เธอเริ่มอะไรแล้วไม่อยากให้มันจบลง
——
หลงเซียวหยิบมือถือขึ้น บนจอปรากฏมีสองข้อความที่ยังไม่ได้อ่าน
หลังจากนั้นไม่นาน หลงเซียวก็หยิบโทรศัพท์ภายในของสำนักงานขึ้นมา โทรไปที่โต๊ะเลขา
“แอนดี้ เตรียมรถให้พร้อม ฉันจะออกไปข้างนอก”
“รับทราบค่ะท่านประธาน จะจัดเตรียมเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”
คนๆนี้ ถึงเวลาที่หลงเซียวควรนัดมาพบโดยการส่วนตัวแล้ว ถึงแม้ว่าหลงเซียวจะไม่ได้สนใจในตัวเธอเลยสักนิด
หลงเซียวเปิดลิ้นชัก แล้วหยิบเอกสารที่หวังเค่ยให้มา สวมเสื้อสูทแล้วเดินออกจากออฟฟิศ
เมื่อออกมาแล้วขึ้นลิฟต์ ในระหว่างที่รอลิฟต์หลงเซียวก็เห็นคนหนึ่งวิ่งขึ้นมาจากบริเวณสำนักงานด้านนอก สวมรองเท้าส้นสูงสีดำชุดทำงานสำหรับฤดูใบไม้ร่วงChanel ผมยาวมัดเป็นหางม้าสูงดูแล้วช่างเรียบร้อยและความสามารถ มีบุคลิกทำงานที่ดูดีในตัวเธอ คนๆนี้คือโจวโร่หลิน
เธอเติบโตได้เร็วจริงๆ จากเด็กใหม่กลายเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาในเวลาไม่กี่เดือน
“ใบที่บัญชีจะเอาล่ะ? ตอนเช้าฉันคุยกับฝ่ายการตลาดแล้ว ทำไมตอนนี้ยังไม่เอาให้เราอีก?”
โจวโร่หลินพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ต่ำและไม่สูง แต่พูดตรงประเด็น ไม่แสดงถึงความอ่อนแอและเก่งกล้า คุณภาพทางจิตใจถือว่าใช้ได้
ดูท่าสายตาเกาจิ่งอานนี่ก็ไม่แย่
หลงเซียวยิ้มอ่อนๆ ในใจเขาให้คะแนนโจวโร่หลิน ระดับหนึ่งเลย
เลขาผู้อำนวยอธิบายสาเหตุให้โจวโร่หลินว่า เหมือนเครื่องแฟกซ์จะเสีย เลยทำให้เอกสารยังส่งไม่ออกไป
โจวโร่หลินพูด“คุณพี่ เครื่องแฟกซ์เสีย คุณสามารถส่งอีเมล์หรือถ่ายเอกสารส่งให้ก็ได้มั้ง วิธีง่ายๆแบบนี้คุณสามารถ ปรับเปลี่ยนกับสถานการณ์หน่อยไหม? ”
คนฝั่งนี้ล้วนเป็นผู้อาวุโส โจวโร่หลินเป็นเด็กใหม่ ก็ไม่กล้าที่จะพูดมากเกิน แต่พูดแบบนี้ก็เหมือนจะได้ผล
“เฮอเฮอ ได้ๆ เรายุ่งจนลืม ขออภัยด้วย เดี๋ยวเราจะทำการส่งอีเมล์ตอนนี้” พนักงานที่รับผิดชอบยุ่งจนยิ้มออกมา
“โอเคร! งั้นรบกวนหน่อยนะ !ไว้วันหลังฉันเลี้ยงกาแฟคุณ ช่วงนี้ Starbucks เพิ่งเปิดตัวกาแฟใหม่ รสชาติดีมากเลยนะ!”
“โอเครๆ เฮอเฮอ!”
มุมปากหลงเซียวยิ้มโดยไม่รู้ตัว ก้าวเท้าเดินเข้าลิฟต์ เขาเริ่มรู้สึกว่าโจวโร่หลินจัดการงานได้ดี เป็นคนที่ดีต่อการพัฒนาในอนาคตคนหนึ่งเลย
เพราฉะนั้นในตอนนี้ เธอและเกาจิ่งอานอยู่ด้วยกัน ก็ไม่ถือว่าเล่นของสูงสิ ถึงแม้ฐานะจะไม่ดี แต่ก็มีความสามารถที่มากพอ
ไม่มีใครให้พึ่งพา ตัวเองเป็นที่พึ่งพาตัวเอง ไม่แย่นะผู้หญิงคนนี้
คิดอยู่ๆ ลิฟต์ก็ลงมาถึงชั้นจอดรถ B1แล้ว หยังเซินเปิดประตูไว้รอส่งเขาแล้ว
“ไปไหนครับ ท่านประธาน?”หยังเซินขึ้นรถแล้วสตาร์ทเครื่องยนต์
“หลันเจี๋ย”
“ครับ”
ร้านกาแฟหลันเจี๋ย
ฟางหลิงหยู้นั่งอยู่ฝั่งริมหน้าต่างอย่างกระวนกระวายใจ ข้างๆมือเธอวางคาราเมลมัคคิอาโตไว้แก้วหนึ่ง กาแฟนี้มีรสชาติค่อนข้างหวาน แต่เธอกลับรู้สึกยิ่งดื่มยิ่งขม ยิ่งดื่มยิ่งใจไม่นิ่ง
ยิ่งเวลานัดใกล้เข้ามา เธอก็วิตกกังวลเพิ่มมากขึ้น ตื่นเต้นจนราวกับหัวใจจะกระโดดหลุดออกมาจากช่องปาก!
ในขณะที่เธอกำลังรอด้วยความกังวลใจประตูกระจกของร้านกาแฟก็เปิดออกจากด้านนอกและมีร่างสีดำเดินเข้ามา ร่างนั้นสูงมากและไม่เพียงแค่สูง แต่ยังมีความน่าเกรงกลัวไม่กล้าชะล่าใจอยู่ในนั้น
ฟางหลิงหยู้รีบลุกยืนขึ้น แล้วพูดด้วยเสียงสั่นๆว่า “หลง เซียว นายมาแล้วเหรอ”
หลงเซียวจัดสูทนั่งลงอย่างเรียบร้อย แสงแดดส่องเข้ามาจากนอกหน้าต่าง แสงไปตกกระทบที่ใบหน้าอันเย็นชาของเขาโดยเฉพาะดวงตาคู่นั้นที่มืดลงเรื่อย ๆ
“คุณหลง ไม่ทราบว่าวันนี้คุณอยากดื่มอะไร?” พนักงานถามด้วยน้ำเสียงที่เกรงๆ ทำตัวเคารพแขกVIP นี้เป็นอย่างมาก
“ตามเดิม ขอบคุณ”
ตามเดิมที่เขาว่า ก็คือบลูเมาเท่นคอฟฟี่แก้วหนึ่ง ที่ไม่เติมทั้งน้ำตาลและนม
ฟางหลิงหยู้เห็นว่าพนักงานเสิร์ฟในร้านกาแฟธรรมดายังปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพอย่างนี้ เธอก็ยิ่งรู้สึกเกรงขึ้นไปอีก“ หลงเซียวคุณนัดฉันออกมากะทันหันแบบนี้ ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไร?”
หลงเซียวไม่คิดที่จะพูดกับเธอเยอะ หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นแล้วยื่นให้เธอ แล้วตัวเองก็ยกขาไขว้ข้างหนึ่ง พูดอย่างเชียวๆว่า “ ดูนี่สิ”
ฟางหลิงหยู้มองเขา แล้วมองไปที่เอกสาร ใจวูบไปทันที “ได้……”
กาแฟมาอย่างรวดเร็ว หลงเซียวถือถ้วยพอร์ซเลนพิเศษระดับไฮเอนด์และจิบรสชาติหวานไปคำหนึ่ง แล้วมีรสขมกระเพื่อนๆเล็ดลอดเข้าปากของเขา
ฟางหลิงหยู้เปิดเอกสาร แล้วเปิดไปที่หน้าสอง หลังดูเสร็จสีหน้าดูมึนงง “อันนี้คืออะไร? รุ่นเอินคือใคร?”
หลงเซียวนิ่งไปครู่หนึ่ง “เธอไม่รู้จักเขา?”
ฟางหลิงหยู้ยืนยันพร้อมกับส่ายหัว “ไม่รู้จัก คนๆนี้ฉันไม่เคยเจอเขามาก่อน จะรู้จักเขาได้ไง? นี่นายเล่นตลกกับฉันหรือเปล่าหลงเซียว?”
“เล่นตลก? คุณผู้หญิงฟางคิดว่าผมจะมีเวลาว่างนั้นเหรอ?”
ฟางหลิงหยู้ยิ้มแข็งๆ ความรู้สึกกระวนกระวายนี้เพิ่มมากขึ้นอีก “แล้ว คนๆนี้เป็นใครกันแน่?”
“เขาเคยโอนเงิน2ก้อนให้ตระกูล ฉู่ ตอนบริษัทฉู่ซื่อยากลำบากเขาเป็นคนที่ทำให้พวกเธอผ่านอุปสรรคนั่นแหละ เป็นผู้มีบุญคุณของบริษัทฉู่ซื่อ เธอกล้าพูดว่าไม่รู้จักได้ไง?”
หลงเซียวมีขีดจำกัดไม่เยอะ เพราะฉะนั้นเวลาคุยกับฟางหลิงหยู้ก็จะพูดตรงประเด็น
ฟางหลิงหยู้หลังเกร็งขึ้นมาทันที “นายว่าไงนะ? เงิน2ก้อนที่ให้บริษัทฉู่ซื่อในตอนนั้นไม่ใช่นายเป็นคนโอน? แต่เป็นคนนี้?”
ฟางหลิงหยู้เหมือนกินระเบิดอันใหญ่ทั้งอันเข้าไป ความคิดเธอสับสนไปหมด
“ฉัน?”
“ตอนนั้นที่บริษัทฉู่ซื่อตกลำบาก ฉันเคยไปหาเงินกับลั่วหาน หล่อนให้ฉันมาก้อนหนึ่ง แต่ก้อนนั้นมันน้อยเกินที่จะกู้บริษัทฉู่ซื่อไว้ ฉันเลยให้เธอ….ให้เธอขอเงินกับนาย จากนั้นบริษัทฉู่ซื่อก็ได้รับเงินก้อนมหาศาลหนึ่ง ฉันเลยคิดว่านายเป็นคนให้ จากนั้น ก็ไม่ได้ทำการตรวจสอบอะไรอีก” ฟางหลิงหยู้เสียงเบาขึ้น จนกระทั่งไม่กล้ามองหน้าหลงเซียว
ตอนนั้นที่เธอขอให้ลั่วหานเอาเงินเก็บทั้งหมดให้เธอ ลั่วหานตกลำบากถึงขั้นจนจนไม่เหลืออะไร ทั้งหมดที่เธอทำตอนนั้น ขาดอยู่ก็แค่ผลักลั่วหานตกตึกแหละ
เพราะฉะนั้นฟางหลินยู้จึงรู้สึกผิดและหวั่นๆ
ตาของหลงเซียวรางปรากฏพายุสีดำขึ้นมาลูกใหญ่ “คุณฟางฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่ผ่านมาคุณจะมีอดีตที่รุ่งโรจน์ขนาดนี้ ฉันจะจัดการเรื่องนี้ดีๆกับคุณแน่ แต่ตอนนี้คุณควรคิดให้ดีว่า ก่อนพ่อตาเสียมีเพื่อนเก่าคนไหนบ้าง คิดแต่ละคนให้ดีๆล่ะ”
เมื่อหลงเซียวพูดประโยคนี้เสร็จ แต่ละถ้อยคำล้วนทำให้ฟางหลิงหยู้ยากที่จะตอบกลับ
“ฉัน …… ฉันกำลังคิด เขา…… ก่อนเขาเสียเพื่อนสนิทเขาก็ไม่น้อย แต่หลังจากที่เขาเสียแล้ว คนพวกนั้นก็ไม่ค่อยเข้าหากับบริษัทฉู่ซื่อสักเท่าไหร่”
มันก็เป็นเพราะเธอทำไม่ใช่เหรอ!
ฟางหลิงหยู้คิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วคิดรายชื่อคราวๆ ทั้งคนที่มีชีวิตและไม่มีชีวิตอยู่ เธอล้วนรู้จักทุกคนเป็นอย่างดี แต่ไม่มีชื่อรุ่นเอินนี้
“เธอแน่ใจ ไม่มีรุ่นเอิน?”ขีดจำกัดหลงเซียวค่อยๆลดลง
ฟางหลิงหยู้พยักหน้า กุมมือทั้งสองไว้อย่างแน่น เป็นเพราะตื่นเต้นมากจนทำให้กาแฟที่กำอยู่ในมือสั่นไปสั่นมา
“ฉันแน่ใจ ไม่มีคนๆนี้”
ฟางหลิงหยู้กัดฟัน แอบมองหน้าอันเย็นชาของหลงเซียว ไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมาอีก
อารมณ์ของหลงเซียวเศร้าลง ฟางหลิงหยู้ไม่รู้ และลั่วหานก็ไม่น่าจะรู้ ลั่วหานเรียนที่เมืองนอกมาหลายปี ไม่ค่อยสนใจการคบหาเท่าไหร่
ดูท่าต้องเข้ามือจากทางอื่นแล้ว
“ถ้างั้นคุณฟาง ตอนนี้เรามาเคลียร์บัญชีอื่นดีกว่า ”กาแฟอุ่นๆของหลงเซียวไม่มีความร้อน แต่มือของเขายังคงมีความร้อนอยู่
ฟางหลิงหยู้ตกใจ หน้าเปลี่ยนเป็นสีม่วงทันที “นาย จะเคลียร์บัญชีอะไรกับฉัน?”
หลงเซียวยกเปลือกตาขึ้น“ คุณฟางอยากทำธุรกิจขนาดใหญ่ในเร็ว ๆ นี้และกำลังพยายามดึงภรรยาผมเข้าร่วมด้วย?”
ว่าไงนะ?!
เขารู้เรื่องได้ไง?
“ฉัน……”
“คุณฟาง วางแผนที่จะเล่นได้ค่อนข้างดี ให้ลั่วลั่วเข้าร่วมแคมป์ของคุณเพื่อชนะก้าวขึ้นสู่ฟ้า แต่ถ้าแพ้ก็ให้คนที่อยู่สูงกว่ารับผิดชอบแล้วตัวเองก็สามารถตบมือแล้วเดินจากไปได้ ฉันพูดถูกหรือเปล่า? “”
หลงเซียวดูเฉียบคมมาก จนฟางหลิงหยู้มือไม้ตัวสั่นไปหมด
“ไม่ใช่! ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนี้ ฉันอยากร่วมมือกับลั่วหานทำให้ตระกูลเสิ่นล้มละลาย เพื่อที่ทั้งสองฝั่งจะได้ชนะ! ฉันสาบาน !ฟางหลิงหยู้รีบอธิบาย และชูมือขึ้นสาบาน”
“พอแล้ว แสดงต่อหน้าลั่วลั่วยังไม่พออีกเหรอ มาแสดงความซื่อสัตย์อะไรที่ฉัน หลงเซียววางแก้วกาแฟลง หน้าอันเย็นชาของเขาพูดขึ้นมา แต่ถ้าเธออยากแก้แค้น ฉันสามารถช่วยเธอได้ ไม่ทราบว่าคุณฟางจะยอมรับหรือเปล่า”