ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 617
ตอนที่ 617 ตอบเถียงอีดอกโม่
แสงไฟยามค่ำคืนค่อยๆสว่างขึ้น ปกคลุมไปทั่วทั้งแผ่นดิน แสงไฟนีออนขัดกับแสงที่พลุกพล่านบนเมืองหลวงสว่างแยงตา
วิลล่าระดับไฮเอนด์ในทำเลที่ยอดเยี่ยม การตกแต่งภายในสว่างไสวด้วยโคมไฟระย้าขนาดใหญ่ราวกับแสงในเวลากลางวัน
เกาจิ่งอานยืนเท้าเปล่าอยู่หน้าหน้าต่าง ในมือถือแก้วยาวไว้ใบหนึ่ง นิ้วเรียวของเขาจับอยู่ตรงปลายของแก้วคริสตัลนี้เขย่าของเหลวที่อยู่ข้างในเบา ๆ
ใต้เท้าเหยียบพรมขนยาวราคาแพงของรัสเซียไว้ พรมสีขาวมีร่องรอยเท้าของเขา ใต้ความมืด ร่างของเขาดูเหมือนสูงขึ้นกว่าปกติเยอะเลย
สายตาของเกาจิ่งอานมองไปข้างหน้าด้วยความคิด ในสายตาของเขาเขาเหมือนมีอะไรบางอย่างอยู่ ยกแก้วไวน์ขึ้นและจิบไวน์ไปคำหนึ่ง จากนั้นเกาจิ่งอานก็หลับตาลงอย่างสวยงาม
มองไป เหมือนผู้ชายที่ค่อนข้างเงียบคนหนึ่งเลย
จู่ๆเสียงวุ่มๆๆๆก็ดังขึ้นรบกวนเวลาที่เขากำลังเงียบๆนี้อยู่ เกาจิ่งอานขมวดคิ้วขึ้น
เงียบสงบจนสามารถได้ยินเสียงหายใจของค่ำคืนนี้ โทรศัพท์ที่ดังและสั่นบนโต๊ะมาได้กะทันหันจริงๆ เกาจิ่งอานเดินไปอย่างหงุดหงิดมองลงไปดูชื่อบนหน้าจอ ปากของเขาก็ยิ้มแห้งๆมุมปากลากไปทางซ้าย!
โม่หรูเฟย เฮอเฮอ!
ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะยังกล้าโทรมาหาเขา อี่นังดอกนี่!
เกาจิ่งอานพลิกโทรศัพท์ด้วยความขยะแขยง ไม่สนใจเสียงเอะอะของเธอ
โทรศัพท์เงียบไปพักหนึ่ง เกาจิ่งอานยังไม่ทันเดินไปที่ระเบียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง
เหี้ยเอ้ย!
เกาจิ่งอานตะโกนอย่างโกรธจัด และหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างรุนแรงและพูดอย่างเยาะเย้ยเย็นชา “โม่หรูเฟย เธอทำอะไร!”
โม่หรูเฟยคิดไว้แล้วว่าโทรครั้งนี้ไปจะไปกระตุ้นความโกรธของเกาจิ่งอาน เพราะฉะนั้นเธอเตรียมใจพร้อมแล้ว
“พี่ชาย อย่ารีบโมโหสิ ฟังฉันพูดให้จบก่อน”
“เฮอเฮอ ไม่โมโห แค่เห็นชื่อเธอฉันก็อยากโมโหแล้ว ไม่อยากให้ฉันโมโหก็ไม่ต้องมารบกวนฉัน วางละ” หลังทิ้งคำพูดที่รุนแรงไว้คำหนึ่งเกาจิ่งอานเตรียมจะวางสายทิ้ง
“เดี๋ยวก่อน! พี่ชายรอก่อน!” โม่หรูเฟยกลัวเขาจะวางสายไปจริงๆ เลยรีบเรียกไว้ก่อน ตื่นเต้นจนมือที่จับโทรศัพท์ไว้สั่นเล็กน้อย
เกาจิ่งอานพูดอย่างเย็นชา จิบไวน์แดงอย่างหมดความอดทนไปคำหนึ่ง“ มีเรื่องก็รีบพูด มีตดก็รีบผาย”
โม่หรูเฟยถอนหายใจชะลอตัวลงให้มากที่สุดและยิ้มเบา ๆ “อยู่บ้านคนเดียวหรอ พี่ชาย?”
โย่ว ความหมายนี้ หมายความว่าเธอจะมาเขา?
คิดมากไปแล้ว!
“ไม่ว่าจะมีคนอยู่ที่บ้านกี่คน ก็ไม่ต้อนรับเธอมา” มีอะไรก็พูดในโทรศัพท์เนี่ยแหละ” น้ำเสียงของเกาจิ่งอานเย็นชาอย่างมาก ถ้าเทียบกับความกระตือรือร้นของโม่หรูเฟย
การกระทำโม่หรูเฟยเหมือนเอาหน้าร้อนๆไปแนบกับก้นเย็นๆ แต่เธอเลือกเป็นคนที่ติดต่อกับเขาอย่างกระตือรือร้นเอง โม่หรูเฟยก็พร้อมที่จะกำจัดอารมณ์ที่ไม่ดีทั้งหมดของเขา
“ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนี้ ที่พี่ชายอยู่ฉันจะกล้าไปรบกวนได้ไง เพียงแค่ ไม่ได้ติดต่อกับชายสักพักแล้ว เลยอยากถามว่าพี่ชายว่าเป็นไงบ้าง? ดีหรือเปล่า?”
โม่หรูเฟยกัดไปที่ริมฝีปาก เข้าใกล้กับคนที่กำลังโมโหแรงอยู่แบบระมัดระวัง กลัวจะไปยั่วโดนเขาอีก
“โม่หรูเฟย ต่อหน้าฉันนังชาเขียวพวกนี้ก็เก็บเข้าไปเหอะ เธอเป็นคนยังไงฉันจะไม่รู้? หาฉันอยากพูดเรื่องผีอะไร รีบๆพูด ฉันให้เวลาสามนาที รีบพูดเสร็จละไปให้พันสัก”
“ได้ๆ พี่ชายเป็นคนตรงๆดี ฉันก็จะไม่พูดมากแล้ว สองทุ่มคืนนี้ช่องการเงินจะมีรายงานพิเศษจากตู้หลิงเซวียน พี่ลองดู แล้วก็ ครั้งนี้ที่ตู้หลิงเซวียนล้ม มาจากฝีมือของหลงเซียวทั้งหมด แค้นระหว่างตู้หลิงเซวียนและหลงเซียวในครั้งนี้ใหญ่แล้ว”
คิ้วของเกาจิ่งอานขมวดขึ้นมาทันที “ทำไมฉันต้องสนใจเรื่องกระจอกพวกนั้นของตู้หลิงเซวียนด้วย ก็แค่คนเจ้าเล่ห์คนหนึ่งที่โดนผู้ร่วมมือด้วยทำร้ายแค่นั้นเอง! ”
“พี่ชาย ตู้หลิงเซวียนเป็นประธานของบริษัทหลันเทียน ทรัพย์สินภายใต้ชื่อของเขามีจำนวนมาก แล้วคนๆนี้ก็เป็นคู่แข่งของหลงเซียว ก็เท่ากับว่าเขาจะใช้ทั้งหมดของบริษัทหลันเทียนมาสู้กับบริษัทฉู่ซื่อ พี่คิดว่าหลงเซียวจะมีโอกาสชนะหรือไม่?”
มาทำร้ายฟิวจริงๆเลยแม่งเอ้ย! ทำลายบรรยากาศในการดื่มไวน์และชมทิวทัศน์ยามค่ำคืนของเขา!
“โม่หรูเฟย ใจเธออยากจะทำอะไร? มาทำให้ฉันกับพี่ชายเป็นคู่ศัตรูกัน? เฮอเฮอ ฟังจากความหมายเธอแล้ว เหมือนกับว่าอยากร่วมมือกับฉันจัดการกับพี่ชาย”
คำพูดห้วนๆของเกาจิ่งอานทั้งหมดกระแทกลงไปแบบไม่เหลือหน้าไว้ให้โม่หรูเฟยเลยสักนิด ตบลงไปทีหนึ่ง เจ็บไปทั้งหน้าของโม่หรูเฟย
“ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้นพี่ชาย ฉันแค่เป็นห่วงพี่ มีเพื่อนเพิ่มคนหนึ่งดีกว่ามีศัตรูเพิ่มคนหนึ่งนะ พี่ชายคนโตที่พี่ว่าตอนนี้ไม่ใช่ประธานของMBKแล้ว แล้วเขาก็ไม่ได้สืบทอดMBKแน่นอน พี่อย่าไปตามผิดคนล่ะ. ”
น่ารำคาญจริงๆแม่งเอ้ย!
เกาจิ่งอานอยากเตะโม่หรูเฟยผ่านโทรศัพท์ไปบนตึกบริษัทจริงๆ!
“ถ้าพูดถึงตามผิดคน การที่ครอบครัวเกาของเราเป็นญาติกับพ่อของเธอนั่นแหละเป็นความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุด! จะมีอะไรที่น่ารังเกียจไปกว่านี้อีกไหม ฉันว่านะโม่หรูเฟยอย่าใช้ไอคิวอย่างเธอนี่มาพูดกรอกหูคนอื่นเลย อยู่เงียบๆ อย่าก่อเรื่อง ถ้างี้เธอกับแฟนชายพิการเธอก็อาจจะมีช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันได้ดีอยู่ แต่ถ้าคิดยังจะทำอะไรอีกล่ะก็ ไม่ต้องรอถึงมือพี่คนโตหรอก ฉันเนี่ยแหละจะจัดการเธอด้วยมือของฉัน!”
เกาจิ่งอานพูดจบด้วยลมหายใจเดียว! ความเยือกเย็นเย็นชาทำให้โม่หรูเฟยไม่ตอบสนองอึ่งไปชั่วขณะ เธอคงคิดไม่ถึงว่า ปฏิกิริยาของเกาจิ่งอานจะมากขนาดนี้ !
หลงเซียวให้เขากินน้ำหลงกลอะไรเข้าไปกันแน่ จึงทำให้เขาภักดีหัวปักหัวปำอย่างนี้!
“พี่ชาย พี่คงไม่ได้ลืมพี่หยิ่งจือไปใช่ไหม พี่หยิ่งจือยังอยู่ในคุกอยู่นะ ที่พี่หยิ่งจือมาถึงก้าวนี้ ก็เพราะถูกหลงเซียวทำ นี่พี่ไม่ได้เฝ้านิ่งดูดายกับพี่หยิ่งจือใช่ไหม ความลำบากของเธอพี่ก็จะปล่อยไปอย่างนี้เหรอ? ”
เชี้ย!
โม่หรูเฟยนี่ไม้กวนขี้จริงๆ!
“แกหุบปาก เรื่องพี่ของฉัน ถ้าแกยังกล้าเอ่ยพูดอีกคำละก็ ฉันให้แกโม่หรูเฟยได้หายไปอย่างไม่รู้ตัวแน่ แกเชื่อไม่เชื่อ!”
โม่หรูเฟยตกตะลึงไปชั่วขณะ เธอเชื่อแน่นอน เธอเชื่อ เกาจิ่งอานดูเหมือนจะจริงจังกับทุกอย่าง แต่วิธีการนั้นรุนแรงมาก และความสำเร็จของเขาในวงการธุรกิจในใจของโม่หรูเฟยก็เข้าใจดี
“พี่ชาย ฉันไม่พูดแล้ว แค่ว่า แค่ว่าวันนี้ฉันไปเยี่ยมเธอมา พี่สาวดูโทรมลงมากกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย ฉันเอ็นดูเธอมาก”
โม่หรูเฟยพูดออกมาด้วยน้ำเสียงจะร้องไห้ “พี่ชาย พี่สาวเป็นญาติใกล้ชิดคนเดียวของพี่ พี่สามารถเกลียดฉันได้ แต่พี่ไม่สามารถละทิ้งเธอได้ ”
ไวน์แดงในมือของเกาจิ่งอาน “เปี๊ยะ” แตกลงไปกับพื้นทั้งแก้ว!
เสียงที่รุนแรงทำให้โม่หรูเฟยตกตะลึง เธอรีบวางสายโทรศัพท์ราวกับจะวิ่งหนีไป
ดวงตาของเกาจิ่งอานเป็นสีแดงเข้ม ราวกับไวน์แดงที่เขาดื่มนั้นกลั่นตัวอยู่ในรูม่านตาของเขา เลือดสีแดงก็ทำให้ดวงตาของเขาถูกย้อมจนมีสีอื่น ๆ
น่ารำคาญจริงๆแม่งเอ้ย อยากตีคน
เขากับพี่สาวของเขา ยังต้องการคนนอกคนหนึ่งมาเตือนอีกเหรอ?! โม่หรูเฟยนี่คิดว่าตัวเองเป็นอะไรจริงๆ!
รำคาญเลยพลิกดูรายชื่อที่อยู่ของโทรศัพท์ของเขา นิ้วของเกาจิ่งอานก็หยุดลงที่ชื่อหนึ่ง
แม่บ้านตัวน้อย……
“ฮัลโหล แม่บ้าน รีบมาหาฉันหน่อย”
“อะไรทำไม ?แผลบนตัวของฉันกำเริบ เจ็บจนจะตายแล้ว นังร้ายอย่างเธอต้องรีบมาช่วยฉันดู คำถามเยอะแยะมาจากไหน รีบเลย” ”
“หนึ่งชั่วโมงอะไร มาให้ถึงภายในยี่สิบนาที!”
“ถ้ามาช้าฉันตายแน่!”
เกาจิ่งอานวางสายโทรศัพท์ด้วยเสียงคำราม ในเวลานี้โจวโร่หลิน เป็นยารักษาหมื่นโรคของเขาจริงเลย สามารถทำให้เขาสดชื่น สมองปลอดโปร่ง และยังช่วยปรับอารมณ์ได้
ไม่เจอกันหลายวันเลย ยัยเจ้าอารมณ์!
เกาจิ่งอานหยิบอาหารและเครื่องดื่มจากตู้เย็นมาวางไว้ในห้องนั่งเล่น เขานั่งบนโซฟาเปิดทีวีโดยกดสวิตช์อัจฉริยะและปรับไปที่ช่องการเงิน บนจอกำลังฉายข้อมูลส่วนตัวของตู้หลิงเซวียนอยู่พอดี
วิดีโอนี้คล้ายกับเป็นวิดีโอโปรโมตส่วนตัวของบริษัทหลันเทียนและตู้หลิงเซวียน เห็นได้ชัดว่า VCR ที่สร้างขึ้นนั้นสวยงามมากและน่าจะทำเสร็จมาก่อนหน้านั้นแล้วด้วย เนื้อหาแนะนำสถานประกอบการ การเริ่มต้นขอบเขตธุรกิจ อิทธิพลในระดับนานาชาติชื่อเสียงในอุตสาหกรรม ฯลฯ ของบริษัทหลันเทียนและอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับชื่อเสียงของบริษัทหลันเทียนอีกมากมาย
“หน้าด้านจริงๆ หาคนกลุ่มหนึ่งมาคุยโม้เกี่ยวกับตัวเอง คิดว่าแบบนี้จะทำให้ล้างความผิดตัวเองได้เหรอ?”
เกาจิ่งอานหัวเราะเยาะและบ่นเกี่ยวกับสิ่งที่เขาเห็น ปฏิเสธไม่ได้ว่าบริษัทหลันเทียนมีอิทธิพลอย่างมาก และประวัติส่วนตัวของตู้หลิงเซวียนก็สวยงามมากเช่นกัน
ฐานะ การศึกษา ระดับการศึกษา รางวัลที่ได้รับตำแหน่งในวอลสตรีทที่โดดเด่น ฯลฯ เป็นแสงสว่างแยงตาจริงๆ ดั่งกับโรยทองบนตัวตู้หลิงเซวียน
ผู้ที่ไม่รู้เรื่องราวภายในจะต้องประทับใจกับวิดีโอความยาวสิบห้านาทีนี้เป็นอย่างมาก เพราะมันดูเว่อร์และสูงเกินไปจริงๆ
เบื้องหลังของวิดีโอ มีแต่เรื่องที่ตู้หลิงเซวียนปฏิบัติการจัดการเรื่องที่เกิดขึ้นในบริษัทไห่ลุน เขารับผิดชอบกับเรื่องทั้งหมด ชดเชยเงินให้แก่ผู้ถือหุ้นด้วยเงินของตัวเอง ตัดเนื้อของตัวเองเพื่อเลี้ยงผู้ถือหุ้น หลังจากได้รับเงินผู้ถือหุ้นก็ไม่บ่นเกี่ยวกับเขาอีก ทิศทางของลมนี่เปลี่ยนได้เร็วมาก
“เชี่ย! เป็นพวกที่เห็นแก่ผลประโยชน์แล้วลืมสัจธรรมจริงๆ ถ้าได้รับเงินนี่คงจำพ่อแท้ๆของตัวเองไม่ได้ละมั้ง!”
เกาจิ่งอานโมโหจนปอดจะแตก แม่งเอ้ย ก็เพราะตู้หลิงเซวียนให้เงิน ทุกๆวินาทีก็ไม่เอาบรรพบุรุษแล้วก็ได้?!
เกาจิ่งอานโมโหไม่ไหว วิดีโอยังไม่ทันจบก็โทรหาหลงเซียว
หลงเซียวยังกำลังทำงานอยู่ที่บริษัทฉู่ซื่อ เห็นสายเข้าโทรศัพท์ของเกาจิ่งอาน ก็รับหนีบไว้ตรงไหล่ “เป็นอะไร?”
“พี่ชาย ตู้หลิงเซวียนนี่ไม่เอาหน้าจริงๆ เขาซื้อช่องทางการเงินยี่สิบนาทีเพื่อโปรโมตตัวเองจริง ๆ เนื้อหาวิดีโอนี่โม้ตัวเขาขึ้นลอยฟ้าได้แล้ว พี่รู้หรือเปล่า? ”
มือข้างหนึ่งหลงเซียวกดเอกสารไว้ มืออีกครั้งก็เซ็นชื่อ “รู้แล้ว ตู้หลิงเซวียนจัดการเรื่องได้ดี ผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทไห่ลุนก็เงียบไปเกือบหมดแล้วนะ”
เกาจิ่งอานเริ่มไม่นิ่งใจ“ พี่ชาย ในเมื่อพี่รู้แล้วทำไมไม่ทำอะไรสักอย่าง พี่ปล่อยให้เขาล้างความผิดของเขา?”
หลังหลงเซียวเซ็นชื่อเสร็จ วางปากกาและถือโทรศัพท์ “ตู้หลิงเซวียน ใช้เงินหลายหมื่นล้าน เพื่อชำระล้างความผิดตัวเองเพื่อรักษาภาพลักษณ์ที่ดีไว้ ในอนาคตเขาต้องการที่จะลงทุนมากขึ้นและต้องการตีตัวเข้าสู่ตลาดจีน ในเวลาอันสั้นฉันกลัวว่าจะไม่มีทางออกสำหรับเขา เขาแบบนี้ นายคิดว่าเราควรจะทำอะไรอีก ”
เกาจิ่งอาน:“……”ตะลึงไปชั่วขณะ“เพราะฉะนั้น ก็เท่ากับขับตู้หลิงเซวียนออกจากจีน”
“ใช่ ประมาณนี้แหละ”
เกาจิ่งอานตบต้นขาของเขา “ดี! ให้ตู้หลิงเซวียนออกจากประเทศจีนได้! ถ้างั้นฉันก็โล่งใจแล้ว”
หลงเซียวยิ้ม “นายกังวลอะไร? คนที่ตู้หลิงเซวียนจะจัดการด้วยเป็นฉัน ไม่ใช่นาย”
“เขาจัดการกับพี่ ฉันกังวลใจพี่ไง พี่เป็นพี่ชายผมนะ!
ติงลิ่งลิ่ง!
เสียงกริ้งประตูบ้านเกาจิ่งอานดังขึ้น
หลงเซียวดูเวลาดึกแล้ว เตรียมตัวจะกลับบ้าน “ดึกขนาดนี้แล้ว มีแขก?”
เกาจิ่งอานหัวเราะฮ่าๆ “ไม่ใช่ ไม่ใช่ ฉันสั่งอาหารไว้หน่า”
หลงเซียวยิ้มอ่อนๆ “แผลที่หลังดีขึ้นยัง? ร่างกายยังไม่ดีขึ้น ก็กินอาหารขยะน้อยน่อย”
เกาจิ่งอานหยักหน้า “ครับ ฉันไม่กินของไปเรื่อย”
หลงเซียวพูดขึ้นมาอีกว่า “ฉันฟังลั่วลั่วพูด โจวโร่หลินทำกับข้าวเก่ง”
“ห้ะ? เธอ เธอทำกับข้าวเป็น? เกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ? เกาจิ่งอานคิดไปด้วยตอบไปด้วย คำพูดอย่างติดๆขาดๆ
“ไม่มีความเกี่ยวข้องเหรอ?”
“……”
เกาจิ่งอานลุกขึ้นไปเปิดประตู บนหน้าจอแสดงผลใบหน้าของ โจวโร่หลินที่กำลังมองซ้ายมองขวา ด้วยดวงตาวาวๆใหญ่ๆ ช่างดูน่ารัก ระยิบระยับเหมือนจุดไฟแวววาว ดูน่ารักนิด ๆ โง่ ๆนิดๆ
“พี่ชายพูดถูก เกี่ยวข้องกันอยู่!