ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 631
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
ตอนที่ 631 สงครามอันดุเดือด
ม่านยามค่ำคืนอันมืดมิดได้ปกคลุมทุกสารทิศแล้ว และทุกพื้นที่ก็เริ่มปรากฏแสงสว่างไสวขึ้น
เมืองมาเก๊ายามค่ำคืนสวยงามเหมือนดั่งสวรรค์ ในตอนนี้มีร่างเงาของคนสองคนที่มีท่าทางคล่องแคล่วและว่องไวเคลื่อนตัวตรงข้ามกับทิศทาง!
“ไล่ตาม! อย่าปล่อยให้เขาหนีไปได้!”
จู่ๆเกาจิ่งอานก็ได้ยินเสียงร้องตะโกนขึ้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังเอะอะโวยวายขึ้น และเห็นร่างเงาคนไม่กี่คนวิ่งกระโจนจากระเบียงทางเดินเข้ามา
บ้าจริง!
คนของเหลียงหยู้คุนมาจับตัวเขาแล้ว
ตำแหน่งที่เกาจิ่งอานอยู่ตอนนี้เป็นถนนคับแคบ เป็นถนนที่พนักงานบ่อนการพนันใช้ในการสัญจร ถึงแม้เป็นสถานที่ลับสายตา แต่ช่องว่างคับแคบมาก ดังนั้นหากมีเรื่องคงต่อสู้ไม่สะดวกแน่
และกลายเป็นลูกไก่ในกำมือ
เกาจิ่งอานไม่มีเวลาลังเล แต่รีบพุ่งตัววิ่งไปปลายทางด้วยความเร็วทันที จากนั้นก็เอาตัวแนบกับผนังกำแพงฟังเสียงเคลื่อนไหวอย่างตั้งใจ
“ไปไหนแล้ว?”
“ตามหาต่อไป!”
“พี่ใหญ่ออกคำสั่งแล้วว่า หากหาตัวพบให้ฆ่าได้เลย”
ห่ะ! ฆ่าให้ตายเลยหรอ?
แบบนี้เหมือนหน้าไม่อายเลย เหลียงหยู้คุนไอ้คนใจจืดใจดำ ทำไมลงมือได้โหดเหี้ยมแบบนี้
เกาจิ่งอานไม่กล้าวิ่งหนีสะเปะสะปะ เขาแนบแผ่นหลังกับผนังกำแพงอย่างแน่น มือขวายกถือปืนขึ้น ส่วนมือซ้ายเตรียมชักปืน ขณะเดียวกันก็กลั้นหายใจเล็กน้อย
แครก!
จากนั้นก็ออกแรงก้าวฝีเท้าหนีไป แล้วหายตัวไปทางปลายทางของระเบียงทางเดิน เกาจิ่งอานหลับตาสูบลมหายใจเข้าลึกๆหนึ่งเฮือก
บ้าจริง หากไม่ใช่วันนี้มีภารกิจพิเศษ เขาต้องออกไปฆ่าไอ้พวกขยะพวกนั้นแน่!
ขณะที่รู้สึกเคียดแค้นในใจ เกาจิ่งอานก็เร่งฝีเท้าอย่างรวดเร็วด้วย โดยที่รองเท้าหนังสีดำที่ตกกระทบ และเสียดสีกับพื้นกลับมีเสียงแผ่วเบามาก
เขาเหลือบตามองตำแหน่งบนนาฬิกาข้อมือ และพบว่าของอยู่ชั้นบนสุด
เกาจิ่งอานกัดฟันแน่น และเงยหน้ามองป้ายหน้าห้องที่อยู่ไม่ไกลเขียนว่า “ห้องซักเสื้อผ้า” เขาก้าวเท้า หันหลัง เดินเข้าในประตู และล็อกประตูทันที
การเคลื่อนไหวของเขาคล่องแคล่วมาก หลังจากเข้าไปในห้องซักเสื้อผ้า ก็เลือกเสื้อสูทหนังสีเทาเข้มที่ทั้งสะอาดและสามารถพรางตัวง่ายตัวหนึ่งจากไม้แขวนเสื้อ
……
จางหย่งเดินเข้าลิฟต์ แล้วยื่นมือกดหมายเลขยี่สิบ จากนั้นลิฟต์ก็เคลื่อนตัวลงด้วยความรวดเร็ว
แต่ไม่กี่สิบวินาทีต่อมา จางหย่งก็มาถึงชั้นจุดหมาย เป็นห้องชุดระดับหรูชั้นยี่สิบ ถึงแม้จะเทียบกับชั้นบนสุดไม่ได้ แต่มาตรฐานการใช้จ่ายของที่นี้ก็ถือว่าสูงมาก เพียงใช้สิ่งของตามอำเภอใจชิ้นเดียวก็สามารถสิ้นเปลืองเงินได้
จางหย่งกัดฟันแน่น เมื่อเห็นจุดสีแดงกระพริบก็เดินเลี้ยวตรงไปห้องสุดท้ายสุดระเบียงทางเดิน
ขณะที่กวาดตามามอง จางหย่งเหลือบเห็นตรงมุมเลี้ยวมีกล้องวงจรปิดอยู่ตัวหนึ่ง
ขยับริมฝีปากเล็กน้อย จางหย่งยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์เล็กน้อย แล้วยื่นมือแกะหมากฝรั่งออกจากแผ่นอะลูมิเนียมชิ้นหนึ่ง และเคี้ยวในปากอยู่สักพัก หลังจากหมากฝรั่งเปลี่ยนเป็นสภาพเป็นของเหนี่ยว จางหย่งก็เล็งตรงจุดสีแดงบนกล้องวงจรปิดทันที
“เฟี้ยว––”
เขาออกแรงพ่นหมากฝรั่งอย่างแรง จนทำให้สิ่งของลักษณะสีขาวลอยตรงไปแปะบนจุดสีแดงอย่างแม่นยำ
จางหย่งยิ้มจางๆ จากนั้นก็เดินเลี้ยวตรงไปห้องสุดท้าย
ในหูฟังที่เสียบหูนั้นมีเสียงของเกาจิ่งอานดังขึ้น ซึ่งน้ำเสียงหอบแห้งเล็กน้อย “ฉันมาถึงชั้นบนสุดแล้ว ฉันไม่สามารถเข้าห้องได้ ฉันคงต้องปืนเข้าจากห้องข้างๆแล้วล่ะ”
จางหย่ง “พูดจาเหลวไหล เจ้านายได้จัดการห้องด้านข้างของคุณแล้ว รหัสคือหกห้าสี่สาม เมื่อเข้าไปแล้วจะมีเซอร์ไพรส์”
หลังจากจางหย่งพูดจบก็เดินเปิดประตูห้องด้านข้างที่เป็นห้องจุดหมายขึ้น
เกาจิ่งอานสะดุ้งตกใจ “อุ๊ย พี่ใหญ่รู้มากเลยใช่ไหม? คิดไม่ถึงแบบนี้ก็ได้ด้วย”
จางหย่งเดินไปที่ระเบียง ซึ่งสามารถเห็นระเบียงของห้องด้านข้าง เขายิ้มแย้ม “เห็นเซอร์ไพรส์หรือยัง? อยู่บนโต๊ะ?”
เกาจิ่งอานเดินเข้าประตู และกวาดตามองบนโต๊ะ “มีเพียงแค่เหล้ายี่ห้อบรั่นดีขวดหนึ่งเท่านั้น ไม่เห็นเซอร์ไพรซ์อะไรเลย?”
จางหย่งยื่นมือทั้งสองข้างเดินประตูกระจก และหัวเราะฮ่าฮ่าขึ้น “คณะกรรมการบริหารเกา เหล้าขวดนั้นแหละคือเซอร์ไพรส์ เจ้านายกลัวพวกเราสองคนหยุดงานประท้วง ดังนั้นเลยเตรียมเหล้าขาวให้ล่วงหน้า เพื่อเป็นปลุกความกล้าในตัว”
“อืมหรอ ฉันอยากต่อยนายให้ตายจริงๆ!”
เซอร์ไพรซ์อะไรนั้น แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่จางหย่งพูดเหลวไหลเท่านั้น เป็นเพียงกฎของบ่อนการพนันเท่านั้น นั้นคือวางเหล้าเกรดดีวางไว้ในห้อง
จางหย่งกวาดตามองข้างล่างแวบหนึ่ง “เชื่อฟัง ยี่สิบชั้นถือว่าไม่ต่ำนะ คุณอยู่ชั้นบนสุดความยากถือว่าสูงมาก แต่หน้าต่างห้องชุดข้างบนคงกว้างมากพอ อ๋อ คุณเห็นเชือกที่ห้อยลงมาข้างล่างหรือยัง?”
เกาจิ่งอานพูดว่าอืม “เห็นแล้ว”
“เชือกนี้ได้จัดเตรียมล่วงหน้า เจ้านายสืบพบห้องที่เหลียงหยู้คุนพักบ่อยแล้ว ซึ่งแบ่งตามสถานการณ์ที่ไม่เหมือนกัน”
เกาจิ่งอานหัวเราะฮ่าฮ่า “พี่ใหญ่ของฉันร้ายกาจที่สุด!”
จางหย่งเผยสีหน้าเหนื่อยใจ เพราะห้องที่เขาจะไปไม่ได้อยู่ในแผนการ ห้องนี้ไม่ใช่ห้องที่เหลียงหยู้คุนพักบ่อยเลย โธ่ เจ้าโง่!
เกาจิ่งอานจับเชือกอย่างมั่นคง แล้วเหยียบเท้าลงบนชั้นปูนซีเมนต์ที่มีความกว้างไม่กี่เซนติเมตร และค่อยๆเดินไปห้องข้างๆ โดยที่ร่างกายแนบชิดกับผนังกำแพง
ไม่นานเขาก็เดินมาถึงนอกระเบียงห้องข้างๆ แล้วยื่นหน้ามองข้างในแวบหนึ่ง “อืม สี่คน มีแต่ลูกน้อง แต่ไม่มีเหลียงหยู้คุน”
จางหย่งกำลังปืนขึ้นด้วยมือเปล่า โดยที่นิ้วเกี่ยวสายยางอยู่ “เหลียงหยู้คุนน่าจะอยู่ชั้นที่ยี่สิบ”
เกาจิ่งอานไม่พูดอะไร แต่เขารีบก้าวเท้าข้ามเข้ามาในระเบียง แล้วรีบหลบข้างหลังม่านประตูที่มีความหนาอย่างรวดเร็ว
จางหย่งเองก็ข้ามระเบียงเข้ามาเหมือนกัน “บ้าจริง มีอยู่แปดคน เหลียงหยู้คุนก็อยู่ข้างในด้วย”
ระดับความยากมากเกินจินตนาการ
เกาจิ่งอานหรี่ตาเล็กน้อย “เดียวฉันขอจัดการตรงนี้ให้เรียบร้อยก่อน แล้วจะรีบไปช่วยนาย”
จางหย่งไม่คาดหวังให้เขามาช่วย “คุณเก็บทักษะหมาแมวที่เรียนมาช่วยตัวเองเถอะ”
“สินค้าล็อตนี้เป็นรุ่นที่ใหม่ล่าสุด เป็นสินค้าเกรดดี”
คนข้างในเริ่มเจรจาแล้ว
“ฮ่าฮ่า! เป็นสินค้าเกรดดีหรือเปล่า ต้องทดลองถึงจะรู้” ผู้ชายคนหนึ่งหัวเราะและพูดขึ้น
เกาจิ่งอานดึงผ่านม่านตรงมุมเล็กน้อย แล้วก้มหน้ามองผู้ชายคนหนึ่งเปิดกระเป๋า และหยิบผงสีขาวจากข้างใน จากนั้นผู้ชายที่นั่งตรงข้ามก็ใช้ช้อนขนาดเล็กตักผงสีขาวเล็กน้อย แล้วป้อนในปากของใครคนหนึ่ง จากนั้นเขาก็ตัวสั่นเทาอย่างรุนแรงราวกับระบบประสาทถูกของบางอย่างกระตุ้น
เขาดูผ่อนคลายเป็นอย่างมาก
“ฮ่าฮ่า เป็นของเกรดดีจริงๆ ซานเอ๋อหยิบเงินมา”
ผู้ชายคนหนึ่งออกคำสั่ง ซานเอ๋อที่ถือกระเป๋าจนเปลื้องแรงวางกระเป๋าลงบนโต๊ะ แล้วเปิดกระเป๋าขึ้น ปรากฏเป็นธนบัตรยูโรที่วางอย่างเป็นระเบียบ
เกาจิ่งอานขมวดคิ้วขึ้น
“ยินดีที่ได้ร่วมงานกัน!” ผู้ชายคนหนึ่งยื่นมือขึ้น
“เราจะร่ำรวยไปด้วยกัน!” ผู้ชายที่อยู่ตรงข้ามยื่นมือจับมือทักทายกับเขา
ร่ำรวยหรอ? ฝันไปเถอะ!
เกาจิ่งอานดึงคันจับและเปิดประตูขึ้น จากนั้นก็ถือปืนยิงดัง “ปัง” ใส่แขนของผู้ชายหนึ่งในนั้น
ตูม!
คนๆนั้นโห่ร้อง พร้อมล้มลงบนพื้น
“บ้าจริง! มีคน!” ผู้ชายคนหนึ่งรีบปิดกระเป๋า และเตรียมตัวหนี
“บ้าจริง!” ส่วนผู้ชายอีกคนจับปืนขึ้นมา พร้อมเล็งยิงตรงระเบียงดัง “ปัง” กระสุนนัดนี้ยิงกระจกแตกกระจัดกระจาย
เกาจิ่งอานกระโดดเข้ามาในห้อง พร้อมถือปืนด้วยมือข้างเดียวเล็งยิงใส่หน้าอกคนๆหนึ่งสองนัดดัง “ปังปัง”
“ฆ่ามัน!” มีคนๆหนึ่งร้องตะโกนด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองขึ้น ขณะเดียวกันก็เล็งปืนยิงใส่เกาจิ่งอานเหมือนกัน
เกาจิ่งอานเตะโซฟาด้วยเท้าข้างเดียว โซฟาขนาดใหญ่ถูกเขาเตะตรงไปที่ผู้ชายตรงข้าม ทำให้กระสุนยิงเข้าทะลุโซฟาดัง “ปัง”
……
จางหย่งขมวดคิ้ว เพราะได้ยินเสียงต่อสู้อย่างดุเดือดทางเกาจิ่งอาน แต่อีกไม่นานเขาต้องต่อสู้ดุเดือดกว่านั้นแน่
เหลียงหยู้คุนกำลังนั่งอยู่บนโซฟา ในปากคาบซิการ์อยู่ ลูกน้องของเขาได้ทดสอบสินค้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว และกำลังเตรียมแลกเงินกับสินค้ากัน
จางหย่งค่อยๆเปิดประตูหน้าต่างเบาๆ เขาคิดอยากกำจัดแปดคนในครั้งเดียว ซึ่งถือว่าเป็นภารกิจที่ยากจะเป็นไปได้ที่จะสำเร็จ ดังนั้นต้องลงมือจัดการกับตัวหลักก่อน
ปืนกระบอกสีดำเล็งไปที่เหลียงหยู้คุน จางหย่งหรี่ตาเล็งด้วยตาข้างเดียว “เฟี้ยว!”
กระสุนแหวกและเสียดสีกลางอากาศพุ่งไปที่เป้าหมายอย่างรวดเร็ว!
“พี่ใหญ่!”
ผู้ชายชุดดำมีสายตาแหลมคม เมื่อเห็นกระสุนพุ่งเข้ามาวินาทีแรกก็กระโดดตัวเข้ามา แต่ถึงยังไงการเคลื่อนไหวของเขาก็เร็วไม่เท่ากระสุน กระสุนพุ่งเข้าแผ่นหลังของผู้ชายคนหนึ่งดัง “เฟี้ยว”
เหลียงหยู้คุนบีบซิการ์ในมืออย่างเคียดแค้น “บ้าจริง! กล้าลอบยิงฉันหรอ! ฆ่ามันซะ!”
หลังจากที่ได้ยินเสียงร้องคำรามด้วยความชันเคือง อีกเจ็ดคนก็ยกปืนขึ้น พร้อมเล็งไปที่จางหย่งที่อยู่นอกหน้าต่างคนเดียว ขณะเดียวกันก็เผยท่าทางเตรียมยิงจางหย่งให้เลอะเทอะ
จางหย่งยิ้มมุมปากเล็กน้อย แล้วกระโดดเตะกระถางต้นไม้เสริมบารมีที่อยู่ข้างนอกหน้าต่าง จนบินเข้ามาภายในห้อง
“ปังปังปัง!”
ปืนทุกกระบอกต่างพากันเล็งยิงใส่กระถางต้นไม้ที่ลอยเข้ามา จนทำให้กระถางต้นไม้แหลกกระจาย
จางหย่งฉวยโอกาสถือปืนด้วยสองมือกวาดยิงอย่างกระหน่ำดัง “ปังปังปังปัง!”
แต่คนของเหลียงหยู้คุนก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เมื่อเห็นสถานการณ์ผิดปกติก็รีบเปิดประตูเตรียมถอย
คิดหนีหรอ?
จางหย่งพลิกตัวตลบหนึ่งกลิ้งบนพื้น พร้อมเล็งปืนยิงใส่เหลียงหยู้คุนดัง “ปังปังปังปัง”
“ปังปังปัง!” เจ็ดคนถือปืนยิงใส่บนพื้น จนกระสุนกระทบและเกิดเสียงดังสนั่นขึ้น ซึ่งมีกระสุนฝังอยู่บนพื้นด้วยไม่กี่นัด
“เฟี้ยว!”
เหลียงหยู้คุนถูกจางหย่งยิงใส่ ขณะเดียวกันก็ล้มตัวลงบนโซฟา
“พี่ใหญ่!”
“พาพี่ใหญ่ไปเร็ว!”
ผู้ชายชุดดำสองคนประคองเหลียงหยู้คุนขึ้น พร้อมเดินออกไปข้างนอก ส่วนคนที่เหลือก็ยิงกลับจากที่ไกลอย่างบ้าคลั่ง
“เงิน!”
“สินค้า!”
ขณะเดียวกันทั้งสองคนก็ยื่นมือหยิบเงินและสินค้า มือขวาถือกระเป๋า ส่วนอีกมือถือปืน ต้องป้องกันไว้ไม่สามารถดูถูกศัตรู
“ตึง!” จางหย่งถีบโต๊ะตัวหนึ่งอย่างแรง มีหนึ่งคนในจำนวนนั้นในมือปืนอยู่ เลยกระโดดลงบนพื้น และรับดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็ว พร้อมโจมตีอย่างบ้าคลั่ง
“ไอ้บ้า!”
คนๆนั้นด่าทอขึ้น พร้อมเล็งปืนใส่หัวของจางหย่ง!
ทันใดนั้นในห้องก็เงียบสงบลงทันที เงียบสงบจนน่าหวาดกลัว
จางหย่งเงยหน้าขึ้น แล้วหันหน้ามองรูปืนสีดำกระบอกนั้น กระสุนนัดนี้สามารถเอาชีวิตของเขาได้เลย ไม่ใช่เรื่องเล่น
“นายเป็นใคร?” ผู้ชายที่ถือปืนนั้นถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“วางปืนลง!” ผู้ชายที่อยู่ข้างหลังก็จ่อปืนที่หัวของจางหย่งเหมือนกัน พร้อมจ้องมองอาวุธในมือของเขาและพูดขึ้น
จางหย่งหัวเราะขึ้น “ทุกคนจะตื่นเต้นอะไรกัน? ทุกคนจะร่ำรวยกัน ผ่อนคลายหน่อย”
“พูดจาเหลวไหล! วางปืนลง!”
“เอามือกุมหัว!”
จางหย่งด่าทอในใจเงียบๆ บ้าเอ่ย สั่งให้ฉันเอามือกุมหัวหรอ? พวกแกอยากตายหรอ!
แต่ตอนนี้เขาไม่มีสิทธิ์โต้เถียง
ตึง!
จางหย่งวางปืนลงบนพื้น และเหลือบมองสถานการณ์รอบข้าง “ทุกคน สินค้าดีแบบนี้ ฉันให้ราคาเป็นสองเท่า โอเคไหม?”
“ขณะที่พูดเขาก็เดินเข้ามาข้างหน้าหนึ่งก้าว”
ตึง!
กระสุนนัดหนึ่งยิงใส่บนพื้นข้างหน้าเท้าของเขาไม่กี่เซนติเมตร
“คุกเข่าลง!”
คนๆนั้นวางปืนบนหัวของจางหย่ง ปืนที่เย็นเฉียบทับบนเส้นเลือดหน้าผากของเขา
จางหย่งด่าทอในใจเงียบๆว่าบ้าเอ่ย!
“หู่จื่ออย่าเสียเวลาพูดกับเขาเลย ยิงเลย!”