ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 633
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
ตอนที่ 633 ไม่โสด
ราวกับแสงจันทร์ไหลทะลักเข้ามาตกกระทบส่งแสงบนใบหน้าของหลงเซียว เขาปิดโน๊ตบุคลง และลุกขึ้นเดินไปเบื้องหน้าหน้าต่าง
หลงเซียวยืนอยู่หน้าหน้าต่างยังไม่ถึงสามนาที โทรศัพท์ก็ดังขึ้นแล้ว
บนหน้าจอแสดงหมายเลขที่คุ้นตาขึ้น นานมากแล้วที่ไม่ได้ติดต่อกัน แต่หมายเลขที่เรียบเรียงแสดงความสนิทสนมที่น่าประหลาดไม่น้อยเลย!
เมื่อโทรศัพท์สั่นต่อเนื่องได้ประมาณหนึ่งนาที หลงเซียวก็ค่อยๆปัดหน้าจอรับสาย
“หลงเซียว! คิดไม่ถึงว่านายกล้าแตะต้องสินค้าของฉัน!”
ในสายเป็นน้ำเสียงเคียดแค้นมาจากลูกน้อง คนของเหลียงหยู้คุน ซึ่งเป็นทั้งมือขวาและมือซ้ายที่เหลียงหยู้คุนฝึกฝนมาด้วยตัวเอง และเป็นนักฆ่าอันดับหนึ่งของเหลียงหยู้คุนด้วย
คนๆนี้เคยคิดต้องการพึ่งพาหลงเซียวมาก่อน แต่หลงเซียวสังเกตเห็นว่าคนๆนี้เป็นคนมักใหญ่ใฝ่สูง เรื่องมาก ดังนั้นเลยปฏิเสธ
เหลียงหยู้คุนไม่ได้ปรากฏตัว แสดงว่าคงถูกยิงแน่
หลงเซียวเปิดหน้าต่างเล็กน้อย ให้ลมจากข้างนอกพัดผ่านเข้ามา “คุณกำลังถามผมหรอ?”
เป็นน้ำเสียงเย็นชา และแฝงด้วยความดูถูก ประกอบกับลมที่พัดจากข้างนอก ฟังแล้วรู้สึกหนาวถึงกระดูกเลย
ผู้ชายทางนั้นกัดฟันและกระทืบเท้าขึ้น พร้อมกับกำหมัดทุบลงบนโต๊ะอย่างแรง ฟังจากในสายแล้วแหลมคมจนบาดหูมาก “หลงเซียว แกกล้ามากที่กล้าโจมตีพี่ใหญ่ของฉันกลับ!”
“หืม! โจมตีกลับหรอ?หวังซีไม่เจอกันไม่กี่เดือน ฉันฟังนายพูดไม่รู้เรื่องแล้วล่ะ พูดภาษาคนหน่อยสิ” หลงเซียวเอามือข้างซ้ายยัดใส่ในกระเป๋ากางเกง พร้อมกับขยับเล็กน้อย ขณะเดียวกันใบหน้าก็ถูกแสงจันทร์ส่งกระทบอยู่
หวังซีถูกหลงเซียวพูดยั่วโมโหจนอารมณ์คลุ้มคลั่ง เลยมีสีหน้าบิดเบี้ยว พร้อมกับยื่นมือข้างหนึ่งกำเบาะโซฟาอย่างแรง “บ้าจริง! นายคิดว่า เอาสินค้าไปแล้วทุกอย่างจะจบหรอ? ฉันขอบอกนายเลยนะ รอให้พี่ใหญ่ของฉันฟื้นขึ้นมาก่อนเถอะ คงเป็นเวลาตายของนายแน่!”
ฮ่า พูดจาโอ้อวดเสียใหญ่โตเลย
หลงเซียวยังคงพูดด้วยน้ำเสียงขี้เกียจ “ถ้าเขาฟื้นแล้วก็มาหาฉันเลย อยากหาสินค้าคืนหรอ มาเจรจากัน”
หวังซีนิ่งอึ้งชั่วขณะ และรีบซักถามขึ้นมาว่า “นายต้องการอะไรหรอ?”
หลงเซียวยิ้มจางๆ และพูดด้วยน้ำเสียงปกติว่า “วางใจเถอะ ของที่ผมต้องการนายมีอยู่แล้ว จริงสิ ตอนนี้ศุลกากรตรวจสอบเข้มงวดมาก แม่น้ำโขงถูกปิดกั้นหมดแล้ว เบิกสินค้าคงยากมาก ดังนั้นซื่อสัตย์หน่อย”
หวังซีก้มตัวนั่งลง พร้อมกำหมัดอย่างแน่น “หลงเซียว ตกลงนายคิดจะทำอะไรหรอ?”
“ไม่คิดทำอะไร ตักเตือนพี่ใหญ่ของนายด้วย ของบางอย่างอย่าแตะต้องดีที่สุด เพราะหากแตะต้องแล้ว คงได้ตายเร็วแน่” พูดจบ หลงเซียวปัดหน้าจอวางสายทันที
เหลียงหยู้คุนทำเรื่องผิดกฎหมายมาไม่น้อย แต่เขาลืมอย่างหนึ่งว่า ไม่สามารถยุ่งกับยาเสพติด!
ไม่เช่นนั้นเขาจะไม่ยื่นมือเข้าช่วย
ปกป้องสินค้าให้พ้นจากมือของเหลียงหยู้คุนถือเป็นเรื่องหนึ่ง ส่วนอีกมือหนึ่งหลงเซียวไม่อนุญาตให้มีการหมุนเวียนเสพติดแน่
คราบเลือดบนมือของเขาล้างไม่ออก แต่อย่างน้อยก็สามารถลดกลิ่นคาวเลือดได้อยู่
ในตอนนี้เป็นเวลากลางคืนแล้ว แสงจันทร์ส่องแสงร่ำไร อากาศเริ่มมีอุณหภูมิต่ำ ค่ำคืนนี้ช่างยาวนานจริงๆ
หลงเซียวเดินกลับห้องอย่างช้าๆ ผ้าห่มบนเตียงนูนข้างหนึ่งขึ้น เป็นลั่วหานที่นอนตะแคงข้าง ซึ่งในอากาศอบอวลเต็มไปด้วยกลิ่นดอกพุดซ้อน
หลงเซียวยกผ้าห่มขึ้น แล้วมุดตัวซุกเข้าไป อาจเป็นเพราะคนที่อยู่ด้านข้างสัมผัสถึงความอุ่น เลยหันข้างเข้ามาโอบกอดหลงเซียว โดยที่วางหัวบนบ่าของเขา พร้อมกับหายใจยาวๆอย่างผ่อนคลาย
หลงเซียวอดใจยิ้มไม่ได้ จากนั้นความเครียดที่สะสมเมื่อกี้ก็สลายหายไป และเขาก็โอบกอดเธอและนอนหลับอย่างสบายใจ
……
ข้างนอกหน้าต่างลมพัดแรงมาก เพราะเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิด้วย แถมอากาศตอนกลางคืนก็มีอุณหภูมิต่ำกว่าตอนกลางวันมากด้วย ดังนั้นแอนดี้จึงสวมเสื้อคลุมอย่างแน่น ซึ่งในตอนนี้เธอกำลังเดินเล่นบนถนนที่โปรยด้วยหินไข่ห่านข้างนอกคฤหาสน์
แสงจันทร์สาดส่องแสงกระทบบนต้นไม้ที่เป็นพุ่มเกิดเป็นลายพร้อยบนถนน เธอใช้เท้าเหยียบจุดแสงสีขาวอย่างซุกซนเหมือนกับเด็กน้อยอย่างนั้น เมื่อกระโดดเหยียบสักพักก็รู้สึกติดใจ เลยกระโดดโลดเต้นบนถนนที่โปรยด้วยหินไข่ห่าน
เธอเองก็ไม่ได้อยากกระโดดตอนเที่ยงคืนไม่หลับไม่นอนแบบนี้หรอก เพียงแต่เมื่อวางหัวบนหมอนกลับพลิกตัวไปมานอนไม่หลับ และในหัวสมองเอาแต่คิดถึงใครบางคน แค่หลับตาก็เห็นเป็นเขา ลืมตาขึ้นมาก็ยังเห็นเป็นเขา และเอาแต่คิดถึงเขาเหมือนกับถูกเสน่ห์อย่างบ้าคลั่ง
แอนดี้ไม่เคยคิดถึงใครคนหนึ่งมากขนาดนี้มาก่อนเลย
แต่เมื่อครุ่นคิดอีกก็พบว่า คนๆนั้นไม่ใช่ว่าอยู่ที่นี้หรอกหรอ แถมอยู่ห่างกันไม่กี่ผนังกำแพงเอง
แอนดี้ส่ายหน้าสุดแรงเพื่อดึงสติของตัวเองกลับมา “แอนดี้! ฉันออกคำสั่งให้เธอมีสติหน่อย! อย่าเอาแต่คิดถึงเขา!”
“แอนดี้?”
เมื่อได้ยินเสียงแอนดี้ จี้ตงหมิงก็เดินเข้ามาจากปลายทางบนถนนสายเล็ก เขาสวมชุดนอนอยู่ และสวมเสื้อคลุมตัวหนึ่งข้างนอกด้วย จากนั้นก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าสงสัย
“คุณ….ทำไมคุณถึงอยู่ที่นี้ล่ะ?” แอนดี้ถึงกับตกใจเมื่อเห็นคนที่พบตัวเอง ไม่ใช่หรอกมั้ง
จี้ตงหมิงยกมือกำเส้นผมอย่างแน่น “เออ….นอนไม่หลับ เลยออกมาเดินเล่น”
แอนดี้กัดริมฝีปากเล็กน้อย โชคดีที่แสงจันทร์สาดส่องไม่ถึงใบหน้าแดงระเรื่อของเธอ ”
จี้ตงหมิงรู้สึกว่าตัวเองกระสับส่าย และเมื่ออยู่ต่อหน้าแอนดี้ เขากลับไม่เป็นตัวเองด้วย “คุณล่ะ?”
แอนดี้ยกมือเกี่ยวหูเล็กน้อย และพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงความแหบแห้งเล็กน้อย “ฉันก็นอนไม่หลับเหมือนกับคุณค่ะ”
จี้ตงหมิงเผยสีหน้าดีใจขึ้น “ถ้าเช่นนั้น….เดินด้วยกันไหมครับ?”
“ได้สิค่ะ” แทบไม่ลังเลเลย แอนดี้ก็ตอบรับอย่างไร้กังวลขึ้น
ทั้งสองคนเดินเข้าไปในเงาต้นไม้ที่มืดมิดพร้อมกัน แถมก้าวเท้าเดิน หายใจลึกพร้อมกันด้วย เหมือนกับต้องออกแรงมากเพื่อถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือก
“คุณ….”
“ผม….”
เมื่อนิ่งเงียบอยู่สักพักใหญ่ ทั้งสองคนก็เอ่ยปากพร้อมกัน แถมหัวเราะพร้อมกันด้วย
จี้ตงหมิงหัวเราะฮ่าฮ่า “คุณพูดก่อนเลย”
แอนดี้พูดอย่างเก้อเขินว่า “คุณพูดก่อนเถอะค่ะ”
จี้ตงหมิงกลั้นหายใจอย่างยากลำบากขึ้น ในตอนนี้เขาอยากดื่มเหล้าเพิ่มความกล้าให้กับตัวเองมาก “อืม…วันนี้ตอนอยู่บนรถ ไม่สิ ตอนอยู่คฤหาสน์และ….ตอนการแสดงกลางคืน สิ่งที่พวกเขาพูด คุณคิดยังไงบ้าง?”
จี้ตงหมิงทำปากมุ้ย ปกติจี้ตงหมิงเป็นคนพูดเก่ง แต่ในตอนนี้กลับพูดติดอ่างเสียแล้ว!
“พวกเขาพูดอะไร? พูดยังไงหรอ?” แอนดี้รู้อยู่แล้ว แต่ตั้งใจซักถาม
จี้ตงหมิงหยุดฝีเท้าลง แล้วตั้งใจจ้องมองดวงตาของแอนดี้ขึ้น โดยที่รอบข้างล้วนมืดสนิท แต่ในดวงตาของเธอกลับเปล่งประกาย เหมือนกับมีดาวดวงหนึ่งแฝงอยู่ข้างใน
“พวกเขาบอกว่า….คุณเป็นแฟนของผม” จี้ตงหมิงรวบรวมความกล้าพูดขึ้น
แอนดี้ก็เงยหน้าสบสายตากับเขาเหมือนกัน เธอมองเห็นเพียงดวงตาจริงใจจากเขา “อืม พวกเขาบอกว่าฉันเป็น แล้วคุณคิดยังไงหรอ?”
“แน่นอนว่าผมรู้สึกว่าคุณเป็น!” จี้ตงหมิงพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นขึ้น พูดจบก็พบว่าเมื่อกี้ตัวเองซื่อบื้อมาก อายุก็ตั้งสามสิบกว่าปีแล้ว ทำไมยังทำตัวโง่เง่าอีก
แอนดี้แค่นเสียงหัวเราะขึ้น “ฉันเป็น….อะไรหรอ?”
จี้ตงหมิงถูกแอนดี้รุกล้ำเข้ามาทีละก้าว สุดท้ายเขาก็หยุดฝีเท้าลง “คุณเป็นแฟนของผม ผมคิดแบบนี้ แต่ผมไม่รู้ว่าคุณคิดยังไง?”
จี้ตงหมิงอดใจไม่ไหวยกมือกำเส้นผมเล็กน้อยขึ้น บนหัวของเขามีกลิ่นหอมของแชมพูกลิ่นสะระแหน่จางๆ ซึ่งรู้สึกหอมสดชื่นมาก
แอนดี้ยกมือกอดอกตัวเองอย่างแน่น “ฉันจะหนาวตายแล้ว คุณคิดว่าฉันต้องทำยังไง?” แอนดี้ไม่ตอบโดยตรง แต่บอกนัยยะให้กับจี้ตงหมิง
จี้ตงหมิงไม่เคยมีความรักมาก่อน ไม่รู้จักนัยยะ แต่เมื่อสัมผัสได้ว่าอากาศหนาว หัวสมองของเขาก็ผุดประกายความคิดหนึ่งขึ้น ไม่รู้ว่าเอาความกล้ามาจากไหน เขาอ้าแขนกอดแอนดี้อย่างแน่นกะทันหันขึ้น
แอนดี้สัมผัสถึงความอบอุ่น เพราะในตอนนี้เธออยู่ในอ้อมกอดที่กว้างหนาของผู้ชายคนหนึ่งอยู่ เธอตื่นเต้นมากจนหัวใจเต้นแรง ขณะเดียวกันหัวใจของจี้ตงหมิงก็เต้นแรงเหมือนกัน ราวกับหัวใจของทั้งสองคนกำลังเต้นบรรเลงกันอยู่
แอนดี้เอาหัวซบลงในอ้อมอกของจี้ตงหมิง “ผู้ช่วยจี้ค่ะ คุณมากอดฉันทำไมหรอ?”
จี้ตงหมิงถอนหายใจออก “เออคือว่า…..ผมไม่อยากให้คุณหนาว แบบนี้อบอุ่นดีออก”
“อ๋อ แต่ผู้ชายไม่ควรกอดผู้หญิงตามอำเภอใจนะค่ะ คุณรู้ไหม?” แอนดี้ยิ่งซบบนตัวเขาอย่างแน่น
จี้ตงหมิงได้กลิ่นหอมหวานของผู้หญิงในอ้อมกอดขึ้น ในใจเลยยิ่งรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา “ผมไม่ได้กอดคุณตามอำเภอใจสักหน่อย ผมอยากให้คุณเป็นแฟนของผม––แอนดี้ คุณมาเป็นแฟนผมเถอะนะครับ ผมไม่เคยมีความรักมาก่อน อาจจะเอาใจใส่คนไม่ค่อยเป็น แต่ผมสามารถเรียนรู้…. ดังนั้นคุณตอบรับได้ไหม?”
จู่ๆแอนดี้ก็รู้สึกเหมือนหัวใจจะทะล้นออกมา “……”
“โอ้พระเจ้า! โอ้แม่เจ้าช่วย!”
แอนดี้ยังไม่ทันตอบ จู่ๆเสียงของโจวโร่หลินก็ดังขึ้นในสวนที่เงียบสงบอย่างเสียงดังฟังชัด
แอนดี้ตกใจนิ่งอึ้ง “โร่หลิน?”
จี้ตงหมิงด่าทอในใจเงียบๆขึ้น! โจวโร่หลิน คนไม่รู้จักเวลา! เดี๋ยวจะกลับไปเพิ่มงานให้หนึ่งเดือนเลย!
โจวโร่หลินหยิบโทรศัพท์ขึ้น “โอ้พระเจ้า เล่นหายตัวอะไรกัน! แล้วทำไมถึงพูดจาแปลกด้วย ไม่สบายหรอ!”
แอนดี้กับจี้ตงหมิงหันหน้าสบตากัน และฟังต่ออย่างมึนงง
“ฉันไม่ฟัง! ฉันไม่ฟังคำอธิบาย หยอกฉันเล่นสนุกกันมากนักหรอ? สนุกมากใช่ไหม?”
“ไปนอนไป!”
“ไสหัวไปเลย!”
หลังจากพูดประโยคสุดท้ายจบ ในที่สุดเสียงของโจวโร่หลินก็หายไป จากนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าขึ้น และค่อยๆจางหายไป
โจวโร่หลินเดินขึ้นบนขั้นบันได เกิดเสียง “ตึง” เธอเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองเดินอยู่ข้างนอกมาเกือบสามชั่วโมงแล้ว
“เกาจิ่งอานคนบ้า! ทำไมต้องพูดอะไรแปลกๆด้วย ทำฉันไม่หลับต้องมาตากลมแบบนี้!” โจวโร่หลินพูดระบายอารมณ์ต่อโทรศัพท์ที่วางสาย ด่าจบตัวเองก็ยิ้มแห้งๆขึ้น
“ทางที่ดีที่สุดคุณต้องรีบกลับมา! หากกลับมาเร็วฉันจะยกโทษให้!” โจวโร่หลินเตะนิ้วมือลงบนหน้าจอโทรศัพท์ โดยที่บนหน้าจอเป็นหมายเลขโทรศัพท์ของเกาจิ่งอาน
ครุ่นคิดสักพัก โจวโร่หลินก็เปลี่ยนชื่อเป็น––คุณเกา หลังจากเขียนเสร็จรู้สึกไม่ค่อยพอใจ เลยแก้ไขอีก––ไอ้คนตูดหมึกจองหอง!
อืม แบบนี้ถึงจะพอใจหน่อย
แอนดี้กระพริบตาเล็กน้อย “ว้าว เกิดอะไรขึ้น? เดียวฉันไปดูเธอสักหน่อย”
เธอเพิ่งก้าวเท้าขึ้นก็ถูกจี้ตงหมิงที่อยู่ข้างหลังดึงแขนไว้
“แอนดี้ เมื่อกี้คุณยังไม่ตอบคำถามผมเลย” จี้ตงหมิงซักถามอย่างเก้อเขินขึ้น
แอนดี้หัวเราะเล็กน้อย ไม่รู้ทำไม เธอรู้สึกว่าจี้ตงหมิงในตอนนี้น่ารักมาก!
แอนดี้ไม่พูดอะไร เอาแต่จ้องมองเขาอยู่สิบกว่าวินาที จู่ๆเธอก็เขย่งเท้าขึ้น พร้อมเงยหน้าขึ้นจูบบนริมฝีปากของจี้ตงหมิง
วินาทีที่สัมผัสกัน เหมือนกับกระแสไฟฟ้าภายในร่างกายของทั้งสองคนแลกเปลี่ยนกันอย่างรวดเร็ว และในหัวสมองก็รู้สึกกระปี๋กระเป้า และโลดแล่นมาก
จี้ตงหมิงถึงกับตกใจกับการ “จูบ” ครั้งแรก เขาตกใจจนเบิกตากว้างขึ้น และจ้องมองปลายจมูกของแอนดี้อย่างเหม่อลอย
“ตอบแบบนี้เป็นยังไงบ้าง?” แอนดี้เตะริมฝีปากของเขาเล็กน้อย
จี้ตงหมิงนิ่งอึ้งชั่วขณะ “นี่คุณ….”
“ฉันขอตัวกลับไปนอนก่อนนะ!” แอนดี้ส่ายมือเล็กน้อย แล้วเดินจากไป
ส่วนจี้ตงหมิงฉีกปากยิ้มไม่หุบ พร้อมยื่นมือลูบริมฝีปากที่ถูกแอนดี้จูบเล็กน้อย และพูดคนเดียวอย่างเหม่อลอยว่า “ฉัน…ไม่โสดแล้วหรอ?”