ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 634
ตอนที่ 634 โลกของผู้ใหญ่ช่างซับซ้อนจริงๆ
จู่ๆเสียงนาฬิกาปลุกก็ดังเอะอะโวยวายขึ้น จากนั้นก็มีมือข้างหนึ่งยื่นออกมากดหยุดบนนาฬิกาปลุกที่อยู่บนตู้หัวเตียงนอน
จากนั้นผ้าห่มก็ห่อหุ้มร่างสูงใหญ่หนึ่งอย่างแน่นขึ้น
แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาผ่านทางประตูหน้าต่าง คนที่อยู่บนเตียงรำคาญใจมากแล้ว จนดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดใบหน้าเกิดเสียงดัง “ฟรึบ” แล้วเสพสุขกับผ้าห่มที่นุ่มสบายอย่างผ่อนคลาย
ผ่านไปสิบนาที นาฬิกาปลุกก็เอะอะเสียงดังขึ้นอีกครั้ง
“โอ๊ย!”
หลงจื๋อดึงผ้าห่มออก แล้วหรี่ตามองเวลาบนนาฬิกาปลุกแวบหนึ่ง “เฮ้ย!”
เมื่อเห็นเลขเก้าบนนาฬิกาอย่างชัดเจน หลงจื๋อก็กระโดดออกมาจากผ้าห่มทันที แล้วเดินด้วยเท้าเปล่าบนพรมงานฝีมือระดับสูงของรัสเซียเดินไปห้องน้ำอย่างรวดเร็ว
เก้าโมงแล้ว! ตายแล้ว!
หลงจื๋อล้างหน้า แปรงฟัน โกนหนวดเคราอย่างรวดเร็ว จนสามารถทำลายสถิติปกติได้ จากนั้นก็เปิดตู้เสื้อผ้าหาเสื้อที่เหมาะสมของวันนี้
เวลาไม่ถึงสิบห้านาที หลงจื๋อก็เดินออกมาจากประตู “ลุงหวัง เตรียมรถครับ!”
ลุงหวังถูกหลงจื๋อเรียกขานจนตกใจ พร้อมกับเหลือบตามองบนนาฬิกาข้อมือของตัวเองด้วยสายตาประหลาดใจแวบหนึ่ง และพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า “คุณชายรองครับ ตอนนี้เวลาเพิ่งหกโมงเช้าครึ่งเองนะครับ คุณจะไปบริษัทตอนนี้หรอครับ?”
หลงจื๋อเผยสายตามึนงงเล็กน้อย จากนั้นใบหน้าหล่อเหลาก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าบิดเบี้ยวเพราะความตกใจ “คุณพูดอะไรหรอ? หกโมงครึ่งหรอ?”
ลุงหวังยกมือชี้ไปตรงนาฬิกาแขวนบนผนัง “ครับ ตอนนี้เวลาเพิ่งหกโมงเช้าครึ่งเองครับ อีกอย่างวันนี้เป็นวันอาทิตย์ด้วย คุณชายจะเข้างานอะไรหรอครับ?”
“ห่ะ!” หลงจื๋อยื่นมือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูครั้งหนึ่ง และพบว่าวันนี้เป็นวันอาทิตย์ และเพิ่งเวลาเป็นเวลาหกโมงเช้าด้วย โอ้พระเจ้า นาฬิกาปลุกเป็นบ้าอะไรของมัน!
“ฮ่าฮ่าฮ่า หลงจื๋อตื่นแล้ว” เสียงของหลงเซิ่งดังขึ้นจากมุมห้องโถงขึ้น เขาสวมชุดอาภรณ์สีขาวสะอาดและสวมสบายชุดหนึ่ง เหมือนกับกำลังเตรียมตัวออกไปกำลังตอนเช้า
หลงจื๋อหรี่ตาเล็กน้อย “ลุงใหญ่ ลุงเป็นคนแก้ไขเวลานาฬิกาปลุกของผมหรอ?”
หลงเซิ่งหัวเราะฮ่าฮ่าและพูดขึ้นว่า “ใช่ ฉันแก้ไขเวลานาฬิกาปลุกของนายเอง ไม่เช่นนั้นนายจะตื่นเช้าแบบนี้ไหม? ในเมื่อตื่นแล้ว งั้นก็ไปออกกำลังกายตอนเช้ากับฉันเลย คนอายุน้อยควรต้องออกกำลังตอนเช้า”
โอ้ แม่เจ้า!
หลงจื๋อคิดอยากด่าทอต่อหน้าเขาสักครั้ง!
“ออกกำลังตอนเช้าหรอ? ลุงใหญ่ไปคนเดียวเถอะครับ ผมจะกลับไปนอนต่อ วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ใครต่างก็ไม่สามารถลากผมตื่นได้” หลงจื๋อหาวหนึ่งที แล้วเตรียมเดินจากไป
“หลงจื๋อ นายลืมไปแล้วหรอว่าพ่อของนายพูดอะไรกับนาย? นับตั้งแต่ตอนนี้ไป ฉันจะเป็นครูฝึกของนาย ฉันจะเริ่มต้นจากการใช้ชีวิตประจำวัน และทุกๆด้านเพื่อช่วยเหลือนาย นายอยากกลับไปนอนก็ได้ แต่นายต้องคุยกับพ่อของนายก่อน ถ้าหากเขายินยอม ฉันก็ไม่มีข้อกังขาอะไร”
หลงเซิ่งยิ้มแย้มขึ้น และเผยท่าทางวางมาดเป็นผู้อาวุโส
“พวกคุณนี่สุดยอดจริงๆ!” หลงจื๋อกัดฟันแน่น กำหมัด ปล่อยมือ และพูดปลอบโยนกับตัวเองไม่ให้ตัวเองระเบิดอารมณ์
“เก็บความไม่พอใจของนายไว้ เดียวออกวิ่งระบายอารมณ์กัน ทำไมอากาศวันนี้ดีขนาดนี้ หากได้ออกกำลังกายคงผ่อนคลายมากน่าดูว่าไหม?
หลงเซิ่งยื่นมือบิดขี้เกียจ แล้วเผยท่าทางสบายใจขึ้น
ส่วนหลงจื๋อเดินกลับไปเปลี่ยนชุดออกกำลังกายด้วยท่าทางน่าเวทนา เมื่อก่อนเขาชอบการวิ่งนอกบ้านมาก แต่หลังจากรับตำแหน่งประธานบริษัท MBK เขาก็มีงานยุ่งทุกวัน แล้วจะมีเวลาออกกำลังที่ไหน จนเขาอยากให้วันหนึ่งมีเวลาห้าสิบชั่วโมง
ยิ่งคิดยิ่งกังวล ยิ่งคิดยิ่งเจ็บใจ
หลงจื๋อถอนหายใจออกต่อหน้าหน้าต่าง “พี่ใหญ่ พี่ดูผมสิ ผมถูกทรมานจนกลายเป็นผีบ้าอะไรไปแล้ว?”
หลงจื๋อเดินลงบันไดด้วยสีหน้าหม่นหมอง โดยที่มือทั้งสองข้างยัดใส่ในกระเป๋ากางเกง ขณะเดียวกันก็บ่าก็เคลื่อนไหวตามจังหวะการเดิน “ลุงใหญ่ คุณพอใจหรือยังครับ?”
เป็นน้ำเสียงประชดประชัน แทบไม่มีน้ำเสียงเกรงใจเลย!
หลงเซิ่งมองออกว่า หลงจื๋อโมโหแล้วจริงๆ ดังนั้นเขาเลยหัวเราะกลบเกลื่อน และตบบนบ่าของหลงจื๋อเบาๆ แล้วหยิกแขนของเขา ยิ้มและพูดชื่นชมว่า “ดีมาก มีร่างกายแข็งแรงกำยำ หากออกกำลังมากๆก็คงมีกล้ามแน่!”
หลงจื๋อฉีกปากยิ้ม ซึ่งเป็นการยิ้มที่ไม่จริงใจเลย “ตอนนี้ผมก็มีอยู่แล้ว”
“ห่ะ? งั้นก็ดี! ฉันให้ลูกพี่ลูกน้องของนายออกกำลังกายตลอด แต่เขาไม่ยอมเลย หากเขาออกกำลังกายดีๆ ไม่แน่เขาคงมีกล้ามไปแล้ว! ฮ่าฮ่า!”
เห็นได้ชัดว่าหลงเซิ่งอยากทำความคุ้นเคยกับหลงจื๋อ แต่หลงจื๋อแทบไม่หลงกลเลย เขาก้าวเท้าเดินไปข้างหน้า และพูดในใจว่า ลูกชายของตัวเองยังสั่งสอนไม่ดีเลย บังอาจคิดอยากมาสอนลูกชายของคนอื่น ไม่รู้จริงๆว่าหัวไปกระทบอะไรมา!
เมื่อทั้งสองคนเดินมาถึงลานบ้าน ข้างในก็มีเครื่องออกกำลังครบครัน และริมสระว่ายน้ำก็มีเครื่องวิ่งออกกำลังกายเครื่องหนึ่งวางอยู่ด้วย
ฮ่าฮ่า จัดเต็มมาก
หลงเซิ่งบิดขี้เกียจเล็กน้อย และพูดเอาอกเอาใจว่า “เสี่ยวจื๋อ อากาศวันนี้ถือว่าดี งั้นก็วิ่งที่นี้แหละ นายวิ่ง ส่วนฉันเล่นไทเก็ก อีกอย่างฉันมีเรื่องอยากคุยกับนายด้วย”
เล่นใหญ่มากขนาดนี้เพียงเพราะอยากคุยกับเขาหรอ?
โลกของผู้ใหญ่ช่างซับซ้อนจริงๆ!
วิ่งไม่รอบข้างนอกก็ได้แล้ว แต่กลับขบคิดหาวิธีการทุกอย่างมาวิ่งที่นี้ บ้าจริง! คงว่างมากแน่เลย!
หลงจื๋อด่าทอในใจเงียบๆ จากนั้นก็วิ่งบนเครื่องวิ่ง เขาวิ่งประมาณสี่กิโลเมตรก่อนเพื่อวอร์มร่างกาย “ลุงใหญ่มีเรื่องอะไรอยากคุยกับผมครับ ว่ามาเถอะครับ พูดจบหากคุณปล่อยผม ผมก็จะปล่อยคุณเหมือนกัน”
หลงเซิ่งยกมือทั้งสองข้างขึ้นเป็นวงกลม แล้วยกขึ้นสูง ไทเก็กเป็นการเน้นความอ่อนโยนพิชิตความแข็งกร้าว ทุกกระบวนท่าล้วนอ่อนโยนมาก จากนั้นเขาก็เอามืออีกข้างจับข้อมือด้านขวา แล้วกดต่ำลง ยิ้มและพูดว่า “หลงจื๋อ โครงการใหญ่ของบริษัท MBK ในตอนนี้ นายดำเนินการราบรื่นไหม?”
หลงจื๋อเริ่มเพิ่มความเร็วของฝีเท้า เขาปรับความเร็วเป็นหกกิโลเมตร “ราบรื่นครับ มีลูกพี่ลูกน้องดีแบบนี้ช่วยเหลือผม แล้วผมจะดำเนินการไม่ราบรื่นได้ยังไง?”
เมื่อพูดถึงหลงยี่ หลงจื๋อก็คิดอยากต่อยหน้าเขาสักหมัด มีคนหัวสมองกลวงอยู่บริษัทแบบนี้ถือเป็นภัยร้าย
หลงเซิ่งทำกระบวนท่าเมฆผ่านสายน้ำ ถือเป็นกระบวนท่าที่เชื่องช้า ดังนั้นเขาเลยผ่อนคลายและกระชับกระเฉง
“ความสามารถของลูกพี่ลูกน้องนาย คิดว่าฉันไม่รู้หรอ? นายไม่พอใจที่เขาอยู่บริษัทใช่ไหม ฉันรู้ แต่เสี่ยวจื๋อ นายควรรู้ว่า สายเลือดข้นกว่าน้ำ อย่างน้อยมีลูกพี่ลูกน้องอยู่ก็ดีกว่ามีคนนอก จริงไหม?”
หรอครับ เขาไม่คิดแบบนั้น เขารู้เพียงว่าไม่ควรกลัวคู่ต่อสู้ที่เป็นเทพ แต่ควรกลัวหมูที่เป็นเพื่อนร่วมรบ ซึ่งหลงยี่เป็นหมูที่หมายถึงเพื่อนร่วมรบ
“ฮ่าฮ่า!” หลงจื๋อหัวเราะฮ่าฮ่า และเพิ่มความเร็วเป็นระดับแปดกิโลเมตร ขณะเดียวกันก็เริ่มยกแขนขึ้นมาวิ่ง จากนั้นรองเท้าก็เกิดเสียงลงน้ำหนักดังอย่างบ้าคลั่งจากความตั้งใจของเขาขึ้น
หลงเซิ่งยังคงออกกำลังกายไทเก็กอย่างผ่อนคลาย ส่วนหลงจื๋อวิ่งอย่างบ้าคลั่ง ซึ่งทั้งสองคนมีรูปแบบไม่เหมือนกันเลย
“เรื่องบริษัทไห่ลุนของเมืองหนิงไห่ นายคงรู้ใช่ไหม? ส่วนตู้หลิงเซวียน….”
“ผมรู้ครับ ลุงใหญ่อยากพูดอะไรหรอครับ พูดตามตรงก็ได้ครับ ไม่ต้องพูดอ้อมค้อมหรอกครับ” บ้าเอ่ย เขารำคาญคนที่พูดจาไร้สาระมากที่สุด อ้อมไปอ้อมมา อ้อมอยู่ทั้งวันแต่ไม่เข้าประเด็นสักที
หลงเซิ่งยังคงทำตัวใจดีสู้เสืออย่างอดทนอยู่ ครั้งก่อนตู้หลิงเซวียนเคยมาเยี่ยมบ้านของพวกเรา ตอนนี้บริษัท MBK กับบริษัทหลันเทียนมีโอกาสทำงานร่วมกันแล้ว การทำงานร่วมกันครั้งนี้จะช่วยบริษัทสร้างผลประโยชน์ไม่น้อยเลย อีกอย่างยังสามารถสร้างตลาดในเมืองนิวยอร์กของบริษัทมั่นคงด้วย บริษัทหลันเทียนมีอิทธิพลในชาวจีนอพยพที่อยู่ในอเมริกาอยู่ไม่น้อยเลย หากบริษัท MBK สามารถมีบริษัทหลันเทียนเป็นเกราะกำบังก็เท่ากับเป็นการปกป้องบริษัทได้ระดับหนึ่งเลย นายคิดว่ายังไง?”
จู่ๆหลงจื๋อก็ออกแรงเหยียบบนเครื่องวิ่งอย่างแรงไม่กี่ก้าว พร้อมกับกัดฟันแน่น “ลุงใหญ่ครับ ตู้หลิงเซวียนให้ผลประโยชน์ต่อคุณมากเท่าไหร่กันครับ ลุงถึงมาพูดเกลี้ยกล่อมผมแบบนี้!”
หลงเซิ่งหยุดการกระทำลง และเผยท่าทางไร้กังวล “ควรพูดแบบนี้ การทำงานร่วมกันระหว่างบริษัทเป็นเรื่องที่ยากจะหลีกเลี่ยง ทำไมถึงพูดว่าฉันเกลี้ยกล่อมนายล่ะ? ในเมื่อทำงานร่วมกันกับใครล้วนเหมือนกัน ทำไมถึงไม่เลือกบริษัทหลันเทียนล่ะ? ตอนนี้บริษัทหลันเทียนเพิ่งได้รับความเสียหายอย่างหนัก ซึ่งเป็นโอกาสที่พวกเราควรคว้าไว้!”
“ลุงใหญ่!” หลงจื๋อฟังไม่ไหวแล้ว เลยพูดตะคอกขัดจังหวะหลงเซิ่งขึ้น “บริษัท MBK เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ซึ่งโควต้าที่ครอบครองเป็นที่รู้กันหมด ต้องการฉวยโอกาสเมื่อไหร่ก็ได้! ลุงใหญ่ คุณก็เคยใช้ชีวิตอยู่ออสเตรเลียมาหลายปี ไม่เข้าใจสถานการณ์ภายในประเทศหรอครับ! อีกอย่างผมขอเตือนลุงใหญ่หน่อยนะครับ ตู้หลิงเซวียนเป็นเจ้าชายจอมปลอม ผมไม่มีทางร่วมงานกับเขาแน่ครับ หากคุณอยากให้บริษัท MBK ร่วมงานกับบริษัทหลันเทียน งั้นก็ต้องเตะผมออกจากตำแหน่งประธานก่อนนะครับ!”
ตึง!
หลงจื๋อหยุดการวิ่ง จากนั้นก็เดินจากไปโดยไม่หันหน้ากลับมาอีก เขาเดินอย่างเร็ว ขณะเดียวกันก็ลงน้ำหนักเท้าแรงด้วย ส่วนหลงเซิ่งแทบยังไม่ได้ปฏิกิริยาตอบสนองเรื่องเมื่อกี้เลย
“เสี่ยวจื๋อ! นายฟังฉันพูดให้จบก่อน!”
หลงจื๋อไม่หันหน้ากลับมา แต่พูดว่า “ไม่มีอะไรต้องฟังครับ ในเมื่อความคิดเห็นต่างกันก็อย่าบาดหมางกันเลย!”
“เสี่ยวจื๋อ!”
หลงจื๋อเดินเร็วอย่างกับกำลังบิน จากนั้นก็มีร่างคนๆหนึ่งปรากฏขึ้นมาขว้างทางของเขา เขาสัมผัสถึงบางสังหรณ์ไม่ดีจากผู้มาแล้ว
ทันใดนั้นหลงจื๋อก็เงยหน้าขึ้น และเห็นหลงถิงเอามือทั้งสองข้างไขว้หลัง ขณะเดียวกันก็จ้องมองเขาอยู่
“พ่อ”
หลงถิงมีสีหน้ามืดครึ้ม บรรยากาศรองข้างถูกเขากดดันจนน่าอึดอัด “นายจะปฏิเสธร่วมงานกับบริษัทหลันเทียนหรอ?”
หลงจื๋อไม่กล้าแข็งกระด้างต่อหน้าพ่อ แต่ก็ยังคงพูดว่า “ครับ ผมไม่ยินยอม”
หลงถิงยื่นกระดาษใบหนึ่งจากข้างหลัง แล้วขว้างใส่หน้าอกของหลงจื๋อ “แกดูเอาเอง!”
“อะไรครับ?” หลงจื๋อซักถามขึ้น แล้วหยิบกระดาษขึ้นมาคลี่เปิด หัวข้อเรื่องเขียนสะดุดตาเป็นอย่างมาก
“ผลสำเร็จไตรมาสนี้ของบริษัท MBK ตกต่ำลงมาก ในเวลาเดียวกันตกต่ำลงถึงสิบสี่เปอร์เซ็นต์เลย”
ข้างใต้ของหัวข้อเป็นแบบร่างข่าวใหญ่ที่ร่างยาวมาก เป็นการเล่าเรื่องโศกนาฏกรรมผลสำเร็จของบริษัท MBK ที่เกิดขึ้น อีกอย่างยังยกตัวอย่างมาคิดวิเคราะห์ในสายอาชีพเดียวกันด้วย”
ความหมายประมาณว่า ขณะที่มีแนวโน้มการพุ่งสูงขึ้นของอาชีพอสังหาริมทรัพย์ไปทั่วทั้งเมือง แต่บริษัท MBK กลับตกต่ำลงอย่างน่าตกใจ ตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
หลงจื๋อเผยสายตาเป็นกังวลที่สะสมขึ้น “พ่อครับ เรื่องนี้ผมสามารถอธิบายได้ครับ ผลสำเร็จของบริษัทในตอนนี้ไม่มั่นคงจริงๆครับ แต่ผมสัญญาว่า ในไตรมาสนี้ผมจะแก้ไขให้ดีขึ้น ส่วนปัญหาที่พูดถึงไม่กี่ข้อนั้น ผมหวังว่าพ่อจะช่วยจัดการให้นะครับ”
หลงถิงแค่นเสียงไม่พอใจขึ้น “เสี่ยวจื๋อ นายนังอายุน้อย ประสบการณ์น้อย ฉันยังพอเข้าใจ แต่ฉันคงทนดูผลสำเร็จตกต่ำลงโดยไม่ทำอะไรไม่ได้ ในเมื่อบริษัทหลันเทียนมีจุดประสงค์อยากร่วมลงทุน และสามารถสร้างตลาดให้กับบริษัท MBK ได้ ดังนั้นฉันเลยยินยอม”
หลงจื๋อตกใจจนพูดอะไรไม่ออกชั่วขณะ!
ไม่นานเขาก็จับแขนเสื้อของหลงถิง “พ่อครับ ตู้หลิงเซวียนน่ากลัวกว่าเสิ่นเหลียวนะครับ ทำไมถึงยังอยากร่วมงานกับเขาล่ะครับ!”
หลงถิงสะบัดมือออก แล้วตบลงบนบ่าของหลงจื๋อเบาๆ “เสี่ยวจื๋อ หากเราลงทุนเองมันมีความเสี่ยง ส่วนตู้หลิงเซวียนเป็นใครกันหรอ? ตอนที่ฉันสร้างธุรกิจ คนแบบไหนฉันล้วนเจอมาหมดแล้ว?”
ในหัวสมองของหลงจื๋อผุดโผล่คำพูดของพี่ใหญ่ขึ้น ตระกูลมู่…..ตระกูลมู่เคยอยู่อเมริกาเมื่อสามสิบปีก่อน
ลางสังหรณ์ที่ไม่ควรคิดผุดโผล่ขึ้นมาในหัวสมอง แต่หลงจื๋อก็ยังไม่กล้าคิด เลยพูดเปลี่ยนเรื่องว่า
“ในเมื่อพ่อตัดสินใจดีแล้ว แล้วทำไมต้องให้ลุงใหญ่ลงทุนลงแรงอีกล่ะครับ? ผมมองออกแล้ว ประธานบริษัท MBK เป็นแค่หุ่นเชิดของบริษัทเองใช่ไหมครับ!”