ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 636
ตอนที่ 636 ตกได้สาวสวยเป็นแม่
เมื่อลั่วหานได้ยินเขาพูดแบบนี้ก็รู้สึกอบอุ่นใจ อีกอย่างมือของเขาก็ลูบหน้าท้องที่นูนเว้าของเธออย่างอ่อนโยน และเอ็นดูด้วย
แต่ที่พิเศษกว่านั้นคือ หลังจากที่พูดเจ้าชายน้อยจบ เขาหันหน้ามองเธอด้วยสายตาอ่อนโยน
ไม่แน่ใจว่าความรู้สึกอบอุ่นภายในใจมีมากขนาดไหน ทำให้เธออดใจไม่ไหวอยากลองสัมผัสทุกอย่าง
เหมือนกับเถียนเถียนเริ่มมึนงงแล้ว เธอคงไม่เข้าใจ เลยได้แต่เม้มปากและพูดว่า “งั้น…น้าคนสวยเป็นราชินีหรือเปล่าคะ?”
หลงเซียวพยักหน้าตอบรับอย่างสงบนิ่ง “ใช่สิ น้าคนสวยเป็นราชินีของลุง”
“ว้าว! จริงหรอค่ะ! ที่แท้น้าคนสวยก็คือราชินีนี่เอง!” เหมือนกับเถียนเถียนเห็นตัวละครในนิทานทะลุออกมาในโลกแห่งความเป็นจริงอย่างนั้น เธอดีอกดีใจจนปรบมืออย่างตื่นเต้น
ลั่วหานถึงกับยอมแพ้ความสามารถในการพูดของหลงเซียว เลยทำปากมุ้ยและพูดว่า “สามีค่ะ คุณหลอกเด็กน้อยแบบนี้ไม่ดีนะค่ะ เดียวจะชักจูงเด็กน้อยไปในทางที่ผิด”
หลงเซียวกับลั่วหานพากันจูงมือเถียนเถียนคนละข้าง ส่วนเถียนเถียนกระโดดโลดเต้นเดินตามจังหวะการเดินของพวกเขา หลงเซียวหันหน้าข้างจ้องมองเธอ และพูดอย่างจริงจังว่า “สิ่งที่ผมพูดเป็นความจริง คุณเป็นราชินีของผม ลูกของพวกเราก็คือเจ้าน้อยหรือเจ้าชายน้อยของผม แล้วผิดตรงไหน?”
ลั่วหานพยักหน้าเล็กน้อยหมดคำพูด “ค่ะค่ะค่ะ ที่คุณพูดถูกต้องทุกอย่างเลยค่ะ”
จากนั้นทั้งสามคนก็เดินตรงไปที่พุ่มหญ้าที่หนาแน่นอย่างช้าๆ
เมื่อมาถึงเบื้องหน้าภูเขาปลอม ลั่วหานก็เงยหน้าเห็นจี้ตงหมิงกับแอนดี้ ทั้งสองคนกำลังนั่งบนเก้าอี้ยาวอยู่ และตอนนี้จี้ตงหมิงกำลังปอกเปลือกส้ม และป้อนส้มใส่ปากของแอนดี้ ส่วนแอนดี้ก็ตอบรับอย่างอ่อนโยน แถมยังส่งยิ้มให้กับจี้ตงหมิงด้วย
ลั่วหานนึกว่าตัวเองมองผิดแล้ว เลยกระพริบตาปรับสายตาเล็กน้อย ไม่ผิดเป็นจี้ตงหมิงกับแอนดี้จริงๆ พวกเขาสองคนคงไม่จริงใช่ไหม?
“สามี คุณมองตรงนั้นสิ จี้ตงหมิงกับแอนดี้คบกันแล้วหรอ?”
หลงเซียงหันหน้ามองตามทิศทางที่เธอพูด เป็นจี้ตงหมิงกับแอนดี้ ทั้งสองคนนั่งตัวติดกัน และกำลังกินส้มอย่างร่าเริง คุณป้อนฉันหนึ่งคำ ฉันป้อนคุณหนึ่งคำ ส้มลูกเดียวถูกพวกเขาสองคนกินจนเลี่ยนอย่างไม่มีที่ติ
“ดูเหมือนว่าอาหมิงจะได้เปิดหูเปิดตาแล้ว ผมนึกว่าเขาจะยืดเยื้อจนถึงปีหน้า แต่คบกันตอนนี้ก็ดีแล้ว ผู้หญิงที่เก่งอย่างแอนดี้ หากไม่รีบคว้าก็จะถูกคนอื่นจ้องจับ ไม่เช่นนั้นของที่ดีจะตกไปอยู่ในกำมือของคนอื่น” หลงเซียวชื่นชมความสำเร็จของจี้ตงหมิงเป็นพิเศษ
ลั่วหานยื่นมือหยิกบนบ่าของหลงเซียวเล็กน้อย และยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ขึ้น “โอ้ อย่างกับคุณเป็นกองหนุนเลย หรือว่าคุณเป็นคนช่วยวางแผนให้กับจี้ตงหมิง? จากที่ฉันรู้มาจี้ตงหมิงเป็นคนที่คุยกับผู้หญิงไม่เป็นเลย คุณหลงบอกมาเร็ว คุณเป็นคนบอกเคล็ดลับหรอ?”
เถียนเถียนตัวเล็กเลยมองในสิ่งที่พวกเขาพูดถึงไม่เห็น ดังนั้นเลยรีบร้อนใจ เขย่งเท้าซักถามขึ้นว่า “คุณน้า คุณลุงค่ะ หนูก็อยากดูด้วยค่ะ” อืม ความอยากรู้อยากเห็นครอบคลุมทุกคน ไม่เว้นแม้แต่เด็กน้อย
หลงเซียวหันข้างอุ้มเถียนเถียนขึ้นมา เพราะเถียนเถียนเหยียบโคลนที่อยู่ในสวนดอกไม้ ดังนั้นเมื่อหลงเซียวยกเธอขึ้นมาอุ้ม พื้นรองเท้าที่ติดโคลนของเธอก็เปื้อนบนเสื้อของหลงเซียวที่สั่งทำจากอิตาลี
หลงเซียวที่เป็นคนรักความสะอาดอย่างบ้าคลั่งยังมองไม่เห็น เลยตอบลั่วหานว่า “เคล็ดลับหรอ? ผมจะบอกเคล็ดลับให้อาหมิงยังไงกัน? เพราะเรื่องแบบนี้ต้องเก็บไว้ใช้กับตัวเอง”
ริมฝีปากบางเซ็กซี่ของเขายิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้น พร้อมจ้องมองลั่วหานอย่างมีนัยยะ
“ฮ่าฮ่า! ฉันต้องขอบคุณเคล็ดลับของคุณแล้วล่ะ”
“ขอบคุณเคล็ดลับหรอ?” หลงเซียวยิ้มขึ้น
ลั่วหานเลียริมฝีปากเล็กน้อย แล้วลูบหน้าท้อง “ขนย้ายสินค้า”
หลงเซียว : “……”
ไม่รู้จะตอบกลับยังไงจริงๆ
เมื่อเถียนเถียนเห็นส้ม เด็กน้อยก็เกิดความอยากขึ้นมา เลยกัดฟันพูดว่า “คุณลุงค่ะ หนูอยากกินด้วยค่ะ”
“ฮ่าฮ่า! เถียนเถียนอยากกินส้ม เดียวน้าไปหยิบเป็นเพื่อนนะค่ะ แต่ส้มในมือของคุณลุงคนนั้นไม่สามารถกินได้ หากกินแล้วจะมีปัญหา” ลั่วหานหยิกแก้มของเถียนเถียนเล็กน้อย
หลงเซียวยกเถียนเถียนขึ้นมาอุ้มและเดินจากไป “ใช่ กินแล้วจะมีปัญหา ส้มลูกนั้นเปรี้ยวมาก”
เถียนเถียนคิดว่าเป็นเรื่องจริง “เปรี้ยวหรอคะ? งั้นพวกเราไปหยิบส้มลูกสดใหม่กันดีกว่า!”
เถียนเถียนคิดว่าเป็นเรื่องจริง “เปรี้ยวหรอคะ? งั้นพวกเราไปหยิบส้มลูกสดใหม่กันดีกว่า!”
ส้มก็ต้องเปรี้ยวอยู่แล้ว มีไม่เปรี้ยวด้วยหรอ?
เมื่อเดินขึ้นบนขั้นบันได หลงเซียวก็ปล่อยเถียนเถียนลง จากนั้นลั่วหานกับเถียนเถียนก็นั่งกินผลไม้ในศาลา ส่วนเขาหยิบโทรศัพท์ออกมา
เมื่อกี้มีข้อความส่งมา เขาไม่สนใจเปิดอ่าน แต่เมื่อเปิดอ่านก็เผยสายตาแหลมคมเล็กน้อย
“พี่ใหญ่ สินค้าได้จัดการเรียบร้อยแล้ว ล้วนกลายเป็นเถ้าถ่านหมดแล้ว” ข้อความส่งมาจากเกาจิ่งอาน
แสดงว่าการค้าของเหลียงหยู้คุนคว้าน้ำเหลวแล้ว
หลงเซียวพิมพ์ตอบกลับว่า “อืม”
เพิ่งส่งไปไม่นาน เกาจิ่งอานก็ส่งข้อความมาอีกครั้ง “พวกเรากลับประเทศแล้วครับ”
ห่ะ เร็วขนาดนี้เลย สงสัยคงอยากกลับบ้านใจแทบขาดแน่
“งั้นมาหาเลย”
หลังจากตอบเสร็จ หลงเซียวก็ยัดโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกง แล้วเดินบนขั้นบันได แต่จู่ๆเขาก็เหลือบเห็นโจวโร่หลินนั่งตากลมที่ริมแม่น้ำคนเดียว โดยที่รอบข้างไม่มีใครเลย เห็นได้ชัดว่าเธอโดดเดี่ยว
หลงเซียวยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์ขึ้น
……
จู่ๆโจวโร่หลินก็รู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นคนหัวเดียวกระเทียมลีบแล้ว ตื่นเช้าขึ้นมาก็ไม่พบแอนดี้แล้ว กินข้าวเสร็จอยากชวนเธอไปว่ายน้ำ แต่ใครจะไปรู้ว่าเธอจากไปตั้งแต่เช้าแล้ว
ต่อมาเพิ่งรู้ว่า เธอกับจี้ตงหมิงคบกันแล้ว!
ไม่ซื่อสัตย์! ไม่มีความเด็ดเดี่ยวเอาเสียเลย!
สรุปคือ โจวโร่หลินด่าแอนดี้จนสาแก่ใจแล้ว ด่าจบก็เพิ่งนึกปัญหาสำคัญบางอย่างออก––โอ้ แม่เจ้า เธอไม่มีคู่!
ในตอนนี้โจวโร่หลินอารมณ์ไม่ดีเลย เธอดึงหญ้าเหี่ยวริมแม่น้ำตบลงในแม่น้ำไปมา โดยในแม่น้ำมีร่างเงาสะท้อนของเธออยู่ ด้วยเหตุนี้ร่างเงาของเธอที่สะท้อนบนผิวน้ำก็ส่ายเป็นคลื่นตามสายลมด้วย
ข้อความล่าสุดยังคงเป็นของเมื่อวาน โจวโร่หลินกัดริมฝีปากเล็กน้อย และเอาแต่อ่านเนื้อหาสุดท้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ค่ำคืนนี้คงมีหิมะตกเหงาเดี่ยวดาย สามารถดื่มเหล้าสักแก้วไหม?”
เกาจิ่งอาน ผู้ชายที่เที่ยวเตร่ตามซอกซอยอย่างนักเลง คิดไม่ถึงว่าจะส่งกวีนิพนธ์มาให้กับเธอ!
โจวโร่หลินถึงกับต้องค้นหาความหมายในเว็บไซต์เลย และพบว่ากวีมีความหมายว่า โดดเดี่ยวเหงาเดี่ยวดาย คนอย่างเกาจิ่งอานมีมุมโดดเดี่ยวด้วยหรอ?
ไม่เข้าใจ
“สาวสวย คนหนึ่งหรอ?”
ขณะที่เธอดูสถานะของข้อความ จู่ๆบนหน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งข้อความขึ้นมา ทำเธอตกใจจนเกือบทำโทรศัพท์ตกหล่นในน้ำแล้ว
แม่เอ๋ย!
ข้อความส่งมาจากเกาจิ่งอาน!
โจวโร่หลินหันหน้ามองรอบข้าง แต่ก็ไม่พบเห็นใครเลย นอกจากพุ่มหญ้าและต้นไม้ที่พริ้วไหวตามสายลม
ทำเธอตกใจแทบตาย!
“อะไรหรอ?” โจวโร่หลินตอบกลับ
เกาจิ่งอานนั่งบนรถยนต์ที่กำลังไปคฤหาสน์ ในตอนนี้เขากำลังนั่งไขว้ขาข้างพิงเบาะรถยนต์ส่งข้อความอยู่อย่างสบายใจ และบางครั้งก็แอบหัวเราะคนเดียวด้วย “ยังจำคำพูดที่ผมเคยพูดกับคุณไหม?”
โจวโร่หลินนิ่งอึ้งชั่วขณะ “คุณพูดเยอะแยะมาก แล้วฉันจะรู้ไหมว่าเป็นประโยคไหน?”
คงเป็นตอนที่เขาโทรศัพท์พูดแปลกๆเมื่อวานแน่เลย!
เกาจิ่งอานยกมือมายันหน้าผากขึ้น “โอเค”
เขาตอบกลับแล้ว แต่กลับไม่ได้รับการตอบกลับ
ในตอนนี้โจวโร่หลินรู้สึกอึดอัดใจมาก ตกลงเกาจิ่งอานคิดจะทำอะไรกันแน่?
เกาจิ่งอานเก็บโทรศัพท์ลง แล้วยื่นมือหยิบกล่องใบหนึ่งในกระเป๋าชุดกันฝน หลังจากเปิดกล่องก็พบว่า ข้างในเป็นสร้อยคอสั่งทำจากแบรนด์ทิฟฟานี โดยบนสร้อยฝังเพชรขนาดเล็กไว้หกสิบสี่เม็ด ส่วนข้างหลังใช้เทคนิคนาโนเทคโนโลยีแกะสลักเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษสองคำ
“ขับให้มันเร็วๆหน่อย” เกาจิ่งอานพูดกำชับคนขับรถ
“คณะกรรมการบริหารครับ ถนนเส้นนี้จำกัดความเร็วครับ นี่ถือเป็นความเร็วสูงสุดแล้วครับ เพราะหากขับเร็วกว่านี้คงถูกหักคะแนนแน่ครับ” คนขับรถหัวเราะเล็กน้อย
เกาจิ่งอานขับรถเคยสนใจเรื่องความเร็วและเรื่องหักคะแนนตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ยิ่งไปกว่านั้นวันนี้เป็นวันพิเศษด้วย “หักคะแนนมาคิดกับฉัน แต่ตอนนี้ขับให้เร็วหน่อย”
“ได้ครับ คณะกรรมการบริหาร! แต่คณะกรรมการเพิ่งออกมาจากสนามบิน มีเรื่องด่วนอะไรต้องไปคฤหาสน์ก่อนครับ?” คนขับรถเพิ่มความเร็วแล้ว
เกาจิ่งอานเผยสีหน้าเก้อเขินเล็กน้อย “มีคนๆหนึ่งรอฉันอยู่ ฉันไม้สามารถปล่อยให้เธอรอนานได้”
กวีบทนั้นที่เขาส่งให้กับโจวโร่หลิน ไม่รู้เลยว่าเธอเข้าใจหรือเปล่า?
ทันใดนั้นโทรศัพท์ของเกาจิ่งอานก็ดังขึ้น เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาด้วยท่าทางไม่พอใจ ซึ่งบนหน้าจอปรากฏเป็นหมายเลขโทรศัพท์ของเครื่องบินส่วนตัวลำหนึ่ง และอยู่ในพื้นที่เมืองหลวง
“ใครหรอครับ?”เกาจิ่งอานพูดขึ้น
คนในสายค่อนข้างใจเย็นกว่าเกาจิ่งอานมาก เพราะมีน้ำเสียงอ่อนโยนมาก “คุณเกา ที่นี่เป็นคุกแห่งแรกของเมืองหลวง คุณคือน้องชายของนักโทษเกาหยิ่งจือใช่ไหม?”
จู่ๆเกาจิ่งอานก็กำโทรศัพท์ในมืออย่างแน่นขึ้น!
“ครับ”
“สวัสดีครับ คุณเกา จู่ๆวันนี้คุณเกาหยิ่งจือก็สลบหมดสติครับ ตอนนี้ถูกส่งไปโรงพยาบาลหวาเซี่ยแล้ว เชิญคุณไปโรงพยาบาลสักหน่อยนะครับ”
“ว่ายังไงนะครับ!” เกาจิ่งอานเบิกตากว้างด้วยความตกใจ จากนั้นก็กัดฟันด่าว่าสมควรตาย!
“กลับรถ ไปโรงพยาบาลหวาเซี่ย” เกาจิ่งอานวางโทรศัพท์ลง แล้วรีบสั่งคนขับรถทันที
คนขับรถนิ่งอึ้งชั่วขณะ “คณะกรรมการบริหารไม่ใช่จะไปคฤหาสน์หรอกหรอครับ? ทำไมถึงเปลี่ยนไปโรงพยาบาลกะทันหันแล้วล่ะครับ?”
“หยุดพูดไร้สาระ! รีบกลับรถด่วน!” เกาจิ่งอานกำหมัดไว้อย่างแน่น พร้อมกับทุบลงบนเบาะที่นั่งอย่างแรง
“ครับครับ!”
รถยนต์กลับรถที่ทางแยกต่างระดับ แล้วขับตรงไปจากตรงข้ามทางไปคฤหาสน์
……
โจวโร่หลินรอเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้ว แต่โทรศัพท์ยังไม่มีการแจ้งเตือนอะไรเลย ไม่เห็นแม้แต่เงาของคนด้วย ตอนนี้เธอเลยเริ่มเกิดความโมโหขึ้น ไอ้บ้าเกาจิ่งอาน หยอกเล่นเธออะไรอีก!
กู้เยนเซินถือปลาตัวหนึ่งที่ หวังเค่ยตกได้ ปลาตัวนี้มีน้ำหนักประมาณสองกรัมได้ ลำตัวเป็นสีขาวสะอาด แถมมีเกล็ดเรียงสวยและเป็นระเบียบด้วย “หวังเค่ยความสามารถการตกปลาของคุณไม่ธรรมดาเลย!”
เถียนเถียนปรบมือด้วยความดีใจ “คุณพ่อเก่งที่สุด! คุณพ่อเก่งที่สุด!”
หลงเซียวเองก็รู้สึกว่าปลาตัวนี้มีขนาดใหญ่มาก เลยแสดงความคิดเห็นกับลั่วหานเกี่ยวกับอาหารค่ำว่า “คุณชอบกินปลานิ่งไหม?”
ลั่วหานพูดขึ้นว่า “อันที่จริงต้มก็ดีนะค่ะ”
ไป่เวยพูดขึ้นว่า “พวกคุณสองคนชอบรสชาติจืดเกินไปแล้ว? ทำราดพริก หรือไม่ก็ผัดเปรี้ยวหวานอร่อยกว่าเยอะ”
หวังเค่ยไม่พูดอะไร แต่ตั้งใจตกปลาต่อไป
กู้เยนเซินจ้องมอง หวังเค่ยแล้วหันหน้าจ้องมองเด็กน้อย จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลว่า “หวังเค่ยคุณตกปลาได้เก่งกาจมาก เมื่อไหร่จะตกได้สาวสวยสักทีล่ะ?”
เถียนเถียนเบิกตากว้าง “คุณลุงค่ะ ในน้ำมีผู้หญิงด้วยหรอคะ?”
อืม….
กู้เยนเซินเอาปลาใส่ไว้ในถังน้ำ แล้วตบมือเบาๆ จากนั้นก็นั่งยองลงเบื้องหน้าเด็กน้อย ยิ้มและพูดว่า “เด็กน้อย ในน้ำไม่มีผู้หญิงหรอก แต่บนถนนใหญ่มีแน่นอน หนูอยากให้พ่อตกได้สักคนไหม? ตกเป็นแม่ให้กับหนู ว่ายังไง?”
เถียนเถียนก้มหน้าลง แล้วโน้มตัวเข้ามาซบบนหน้าอกของหวังเค่ย”หนูมีแม่แล้ว”
กู้เยนเซินยิ้มและพูดว่า “ให้พ่อของหนูหาแม่คนสวยคนใหม่ดีไหมคะ? สาวสวยที่ทั้งสูงและผอม”
จู่ๆเถียนเถียนก็สะอื้นออกมา แล้วโอบกอด หวังเค่ยอย่างแน่นโดยไม่ปล่อยมือ “เถียนเถียนมีแม่แล้ว! ฮือฮือ หนูต้องการแม่ของหนู! ฮือฮือฮือ! ฮือฮือ!”
กู้เยนเซินเผยสีหน้าเก้อเขิน “โอเค ไม่ต้องหาแล้ว”
หวังเค่ยวางเบ็ดตกปลาลง แล้วโอบกอดกล่อมเถียนเถียน “พ่อไม่หาแม่คนใหม่ให้เถียนเถียนหรอก เถียนเถียนไม่ร้องไห้นะค่ะ”
เถียนเถียนร้องไห้จนใบหน้าเล็กแดงระเรื่อหมดแล้ว “พ่อค่ะ หนูคิดถึงแม่ ฮือฮือ ฮือฮือฮือ หนูอยากไปหาแม่”
ลั่วหานจับมือของหลงเซียวไว้ แล้วเผยสายตานัยยะขึ้น
หวังเค่ยเห็นลูกสาวร้องไห้จนรู้สึกเอ็นดู แต่ต้องปลอบใจก่อน “โอเค ไปหาแม่ พวกเราจะไปหาแม่กัน ไม่ร้องแล้วนะค่ะ เถียนเถียนเป็นเด็กดี ไม่ร้องนะ เราจะไปหาแม่ด้วยกัน