ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 637
ตอนที่ 637 พ่อรู้สึกกลัวนิดหน่อยกับการมาของลูกน้อย
เมื่อได้ยินเสียงร้องเรียกขานหาแม่อย่างน่าปวดใจของเถียนเถียน ต่อให้เป็นคนจิตใจแข็งกระด้างก็ต้องใจอ่อน พวกเขาย่อมรู้ดีว่า แม่ที่เถียนเถียนเรียกและไม่สามารถทดแทนได้นั้นหมายถึงใคร
หลงเซียวพลิกมือจับมือของลั่วหานไว้ และไม่อยากให้เหตุการณ์เบื้องหน้าในตอนนี้ส่งผลกระทบต่อจิตใจของเธอ
ไป่เวยมองบนใส่กู้เยนเซินด้วยสายตาจนปัญญาหนึ่งที สมควรตาย ล้อเล่นอะไรแบบนี้ เอาแม่ของเด็กน้อยมาล้อเล่น!
กู้เยนเซินจ้องมองเถียนเถียนที่กำลังร้องไห้อย่างเสียใจ ทำให้เขายิ่งรู้สึกสับสน เลยตัดสินใจใช้เทคนิคเกลี้ยกล่อมเด็กน้อยอย่างไม่ชำนาญขึ้น “เชื่อฟังนะค่ะ เถียนเถียนเป็นเด็กดี ลุงผิดไปแล้ว ลุงขอโทษนะค่ะ”
“อ๊าาา อ๊าาา!”
ใครจะไปรู้เถียนเถียนกลับยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม เธอร้องไห้อ้าปากกว้างเห็นฟันขาว และเห็นลิ้น แต่กลับไม่เห็นดวงตาเลย บนใบหน้าอันเล็กของเด็กน้อยเต็มไปด้วยคราบน้ำตาที่เช็ดเท่าไหร่ก็ไม่หมด
แต่บางครั้งเธอก็ลืมตาขึ้นมองกู้เยนเซิน ขณะเดียวกันก็ยิ่งออกแรงส่งเสียงร้องเหมือนกับเห็นผีอย่างนั้น
ในตอนนี้กู้เยนเซินขอยอมแพ้อย่างไม่มีข้อกังขา เขาพนมมือต่อ หวังเค่ย”หวังเค่ยฉันขอโทษจริงๆ นายช่วยรีบปลอบเถียนเถียนหน่อยเถอะนะ”
แน่นอนว่า หวังเค่ยไม่หยุดปลอบโยนเด็กน้อย แต่ไม่ว่าเขาพูดหรือเขาทำยังไง เถียนเถียนก็ไม่เชื่อฟัง เอาแต่กอดคอของเขาร้องไห้อย่างน่าสงสาร
“เถียนเถียนเชื่อฟังนะค่ะ ไม่เอา ไม่ร้องแล้ว เดียวพ่อพาหนูไปเล่นนะค่ะ”
ลั่วหานทนดูเด็กน้อยร้องไห้ไม่ไหว เลยพูดกับหลงเซียวว่า “เดียวฉันไปดูสักหน่อย”
หลงเซียวลื่นมือไม่สามารถจับมือของเธอไว้ แต่เพราะกลัวลั่วหานถูกเด็กน้อยที่กำลังโมโหทำร้าย เลยเดินตามไปด้วย
หวังเค่ยพูดอย่างเกรงใจว่า “คุณหมอฉู่ ปกติเถียนเถียนเป็นเด็กดี แต่วันนี้ผมเองก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร”
ผู้ชายจะเกลี่ยกล่อมเด็กน้อยดีกว่าผู้หญิงได้ยังไง หวังเค่ยเองก็จนปัญญาเหมือนกัน
ลั่วหานใช้มือเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าของเถียนเถียน และพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เถียนเถียน เดียวน้าอุ้มหนูไปพายเรือดีไหมคะ? พวกเราไปด้วยกัน อีกอย่างในท้องของน้ามีเบเบี้อยู่ด้วย เถียนเถียนอยากเล่นกับเบบี้ไหมคะ?”
บนใบหน้าของหลงเซียวแทบไม่เผยสีหน้าไม่พอใจเลย แต่เขาคิดไม่ถึงว่าลั่วหานจะอุ้มเธอ!
คนโง่!
เถียนเถียนไม่ร้องแหกปากแล้ว แต่เพราะร้องไห้หนักมากเกินไป เลยไม่สามารถหยุดได้ทันที ดังนั้นบนบ่าเล็กยังคงสั่นเทาอยู่ และปากก็ยังสั่นเทาด้วยเหมือนกัน “จริงหรอคะ?”
ลั่วหานอ้าแขนสองข้างให้เธอดู “แน่นอนว่าจริง เถียนเถียนมาเร็ว”
เถียนเถียนจ้องมองหลงเซียวที่ยืนโอบไหล่ลั่วหานอยู่ด้านข้างด้วยสายตากังวล พร้อมกับกระพริบตาที่ดวงตาเต็มไปด้วยคราบน้ำตา โดยไม่ขยับตัว
ลั่วหานผลักหลงเซียวออกเพื่อบอกให้เขาอย่าทำตัวให้เด็กน้อยตกใจ จากนั้นก็พูดว่า “เถียนเถียนไม่ใช่ว่าชอบลุงคนหล่อหรอกหรอ? ให้ลุงอุ้มได้ไหม? บนตัวของลุงกลิ่นหอมไหม?”
เถียนเถียนพยักหน้าเล็กน้อย เธอยอมรับว่า บนตัวหลงเซียวมีกลิ่นหอมมาก ถึงแม้เด็กน้อยไม่ค่อยเข้าใจน้ำหอม แต่การได้กลิ่นหอมกลับทำให้เธอประทับใจจนจดจำ
หลงเซียวเดินผ่านลั่วหาน พร้อมกับอ้าแขนขึ้น “เถียนเถียนมาเร็ว มาให้ลุงอุ้มหน่อย”
ขณะที่พูด หลงเซียวก็ยิ้มแย้มอย่างอ่อนโยนต่อเถียนเถียน และเผยดวงตาอ่อนโยนของพ่อที่แปลกหน้าขึ้นด้วย สวรรค์ ความรักของพ่อ!
กู้เยนเซินจ้องมองอย่างนิ่งอึ้ง นี่เป็นหลงเซียวที่เขารู้จักหรอ? คิดไม่ถึงว่าจะมีความอดทนต่อเด็กมากขนาดนี้!
เถียนเถียนละทิ้งความรู้สึกหวาดระแวงลง แต่เธอยังคงอยากให้ลั่วหานอุ้มมากกว่า ดังนั้นเลยซักถาม หวังเค่ยว่า “พ่อค่ะ หนูสามารถให้น้าคนสวยอุ้มไหมคะ?”
แน่นอนว่า หวังเค่ยไม่กล้า เพราะตอนนี้ลั่วหานกำลังตั้งท้องอยู่ ถึงแม้เธอไม่พูด แต่ทุกคนต่างออกว่า หลงเซียวเห็นเธอเป็นของล้ำค่า ดังนั้นเขาเลยไม่กล้าตอบรับ
“เถียนเถียน เชื่อฟังนะค่ะ ให้คุณลุงอุ้มดีแล้ว ตอนนี้น้าคนสวยตั้งท้องอยู่ น้าคนสวยกำลังจะเป็นแม่แล้ว เข้าใจไหมคะ?”
เถียนเถียนพยักหน้าเล็กน้อย และเงยหน้าซักถามขึ้นว่า “น้าคนสวยจะเป็นแม่หรอค่ะ และในท้องของน้าคนสวยมีเด็กอยู่ใช่ไหมคะ แต่ว่า…..” เหมือนกับเถียนเถียนนึกอะไรบางอย่างออก เลยร้องไห้อีกครั้ง “หนูก็อยากได้แม่เหมือนกัน!”
ไปกันใหญ่แล้ว!
ทำไมถึงกลับมาที่เดิมอีกแล้วล่ะ!
ครั้งนี้เถียนเถียนแหกปากร้องเต็มแรง ตายยังไงก็ไม่ยอมปล่อยมือ ตายยังไงก็ไม่ยอมหุบปาก แต่กรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง จนเสียงร้องไห้อันน่าแสบหูแผ่กระจายไปเกือบทั้งสวน ราวกับเป็นเสียงเป่าแตรขั้นสูง
ไม่กี่คนต่างพากันผลักปลอบโยน หยิบของเล่นมาทุกประเภท ของล่อตาล่อใจทุกอย่าง แต่ล้วนไม่ได้ผล เด็กน้อยยังคงมีปราณนาเดียวนั้นคือต้องการแม่
โธ่ สวรรค์!
“อ๊วก!”
เถียนเถียนร้องไห้หนักมาก จนของที่อยู่ในกระเพาะไหลออกมา ขณะที่ร้องไห้ก็อ้วกออกมาหมดแล้ว ขณะเดียวกันใบหน้าของเด็กน้อยก็แดงก่ำด้วย
“เถียนเถียน ไม่ร้องแล้ว ไม่ร้องแล้วนะ โอเคไหม หากลูกร้องไห้อีก พวกเราจะพาไปโรงพยาบาล” ลั่วหานลูบหน้าผากของเด็กน้อยเบาๆ เพราะกลัวเธอร้องไห้จนขาดสติ
เดิมทีเธอก็มีสภาพหัวใจไม่ดีอยู่แล้ว ถ้าหากเกิดการกระทบกระเทือนทางอารมณ์มากเกินไปจะทำให้อาการกำเริบได้ ถึงตอนนั้นศาสตราจารย์ส้งคงหมดไร้ซึ่งหนทางแล้ว
ภายใต้สถานการณ์ที่อับจนหนทาง ลั่วหานหันหน้าพูดกับหลงเซียวว่า “ที่รัก หรือว่า….ให้ หวังเค่ยโทรศัพท์หาจ้าวฟางฟางดีไหม? หรือวีดีโอคอลกันก็ได้ เถียนเถียนจะได้ไม่ร้องไห้”
เมื่อหลงเซียวเห็นสถานการณ์เป็นแบบนี้ก็พูดว่า อืม “โทรเถอะ เด็กน้อยสำคัญที่สุด”
หวังเค่ยไม่อยากมีความเกี่ยวข้องกับจ้าวฟางฟางอีกแล้ว และไม่อยากเปิดประตูที่ตัวเองเป็นคนปิดไว้ด้วยมือของตัวเองด้วย แต่เมื่อเห็นสภาพของลูกสาวตอนนี้ หวังเค่ยก็ตัดสินใจถอยหนึ่งก้าว
ดังนั้น หวังเค่ยเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
……
จ้าวฟางฟางกัดฟันแน่น และใช้สำลีที่เต็มไปด้วยยาฆ่าเชื้อเช็ดบนบาดแผลตรงที่ขาเบาๆ เพราะเจ็บมาก เธอเลยมีสีหน้าขาวซีด ทุกครั้งที่สัมผัสบาดแผลก็จะรู้สึกเจ็บปวดสักพัก เจ็บจนเธอตัวแข็งทื่อ
เสิ่นคั่วสมควรตาย! ไอ้แก่วิปลาส!
ตัวเองไร้ความสามารถ แต่กลับเอาความรู้สึกเคียดแค้นมาลงที่ตัวเธอ หากไม่รู้สึกพอใจก็มักใช้ความรุนแรงมาลงบนตัวเธอเพื่อให้ตัวเองรู้สึกไม่ไร้ความสามารถ!
เสิ่นคั่วกับเสิ่นเหลียวล้วนเป็นคนไม่ดี!
ซี๊ด!
จ้าวฟางฟางก้มหน้าลงมองบาดแผลบนขาที่น่าตกตะลึง โดยที่มีน้ำตาคลอเบ้า
เธอนึกถึงช่วงเวลาตอนอยู่อเมริกา ในตอนนั้นเป็นชีวิตที่เรียบง่ายและมีความสุขมาก แทบเป็นความทรงจำที่ดีที่สุดในชั่วชีวิต แต่กลับไม่สามารถกลับไปได้
“ภรรยา หากร่างกายไม่สบายก็อย่าขยับ เดียวผมอุ้มคุณเอง”
ทุกเดือนที่เธอมีประจำเดือน เพราะเจ็บหน้าท้องมากจนหมดเรี่ยวแรง หวังเค่ยเลยมักอุ้มเธอเสมอ อุ้มเธอไปกินข้าว กลับห้อง ไปห้องน้ำ
และจัดเตรียมน้ำชาขิงอุ่นๆให้เธอด้วย แถมยังไปซื้อขนมเค้กหน้าถั่วแดงที่เธอชอบที่สุดตามท้องถนนให้กับเธอด้วย
ในตอนนั้น บาดแผลเล็กน้อยบนตัวเธอจะเป็น หวังเค่ยจัดการ ทุกครั้งเขาจะเป่าบนบาดแผลของเธออย่างเอ็นดู แถมช่วยทายาให้ด้วย
ในตอนนั้น….
ฐานะทางครอบครัวของพวกเขาไม่ถือว่าร่ำรวยมาก แต่อยู่ที่อเมริกาก็ไม่ถือว่าเป็นครอบครัวยากจน แต่ทุกวันเต็มไปด้วยความโรแมนติก
ต่อมาเมื่อเธอตั้งท้อง หวังเค่ยก็ยิ่งเป็นเธอเป็นของล้ำค่า จะอยู่ไหนไปไหนล้วนอยู่เป็นเพื่อนเธอ และปกป้องเธอด้วย
ภาพเก่าๆย้อนกลับมาทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดใจ ความรู้มากมายขัดแย้งอยู่ภายในใจของจ้าวฟางฟาง เหมือนกับมรสุมที่พัดกระหน่ำ
จ้าวฟางฟางมือสั่นเล็กน้อย ทำให้สำลีหลุดร่วงตกลงบนพื้น จากนั้นเธอก็ยกมือสองข้างวางบนหัวเข่า ขณะเดียวกันฝ่ามือก็ยันใบหน้าไว้ และร้องห่มร้องไห้อยู่คนเดียว
ทันใดนั้น โทรศัพท์ที่เธอวางบนโซฟาในห้องนอนก็ดังขึ้น เสียงกริ่งจากโทรศัพท์ทำจ้าวฟางฟางตกใจจนรีบเช็ดน้ำตา แล้วหยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดขี้มูกจนสะอาด จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้น
เพียงแต่เมื่อเห็นหมายเลขบนหน้าจอ จ้าวฟางฟางก็ถึงกับแข็งทื่อ
เธอจ้องมองหมายเลขบนหน้าจอราวกับกำลังฝันอยู่ หมายเลขไม่ได้บันทึก แต่เพียงแค่เห็นปลายหมายเลขแวบเดียวก็จำได้ทันทีว่าเป็นหมายเลขโทรศัพท์ของหวังเค่ย!
จ้าวฟางฟางยื่นมือจับหมอนรองบนโซฟาอย่างแน่น พร้อมกับเผยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
“ฮาโหล….” จ้าวฟางฟางรีบกลับคืนสีหน้าเป็นสูงส่งและสงบนิ่งขึ้น
เมื่อ หวังเค่ยได้ยินเสียงของเธอก็ขมวดคิ้ว “ยุ่งไหม?”
เขาทักทายอย่างสุภาพ เหมือนกับคนแปลกหน้าสองคนทักทายกัน
จ้าวฟางฟางสูบลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วถกกระโปรงลงปิดบาดแผล เพราะกลัว หวังเค่ยเห็น “เปล่า ไม่ยุ่ง มีอะไรหรอ?”
“แม่ค่ะ!”
ไม่รอ หวังเค่ยตอบกลับ เสียงของเถียนเถียนก็ดังในสายขึ้น เพราะแหกปากตะโกนเรียกสุดเสียง น้ำเสียงเลยเกือบหาย แต่ในน้ำเสียงแฝงน้ำเสียงดีใจที่ยากจะปกปิด
“แม่ค่ะ! แม่ค่ะ!”
เถียนเถียนร้องตะโกนเรียกอีกสองครั้ง พร้อมกับยื่นมืออันเล็กแย่งโทรศัพท์ “หนูต้องการแม่!”
จ้าวฟางฟางออกแรงกำหมอนแน่นยิ่งขึ้น จนหมอนเปลี่ยนรูปทรงแล้ว “เถียนเถียน….เถียนเถียน….”
เมื่อได้เห็นแบบนี้ ลั่วหานกับหลงเซียวก็เดินจากไป ส่วนกู้เยนเซินกับไป่เวยก็ไปที่อื่นด้วย ชั่วพริบตาเหลือเพียงสามคนครอบครัว
หลงเซียวโอบเอวของลั่วหานไว้ และเดินลงบนชั้นหินอย่างระมัดระวัง “เรื่องของจ้าวฟางฟาง คุณคิดยังไงหรอ?”
ลั่วหานรู้สึกกลุ้มใจเล็กน้อย พร้อมกับกวาดตามองก้อนเมฆและนกที่โผบินอยู่ที่ไกล จากนั้นก็ส่ายหน้า “จ้าวฟางฟาง ผู้หญิงคนนี้….หากในมุมมองของฉันแล้ว ฉันคิดว่าเธอไม่คู่ควรให้อภัย เธอเคยพยายามหลอกเถียนเถียนไปเปลี่ยนหัวใจให้กับลูกชายของเธอ ผู้หญิงคนนี้ใจจืดใจดำมาก”
“แต่ว่า?” หลงเซียวคาดเดาออกว่า เธอต้องมีการหักมุม
ลั่วหานยิ้มจางๆ ยิ้มจนเขาเข้าใจความคิดของเธอ “แต่ว่า ยังไงเธอก็เป็นแม่แท้ๆของเถียนเถียน ความสัมพันธ์ทางสายเลือดไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ยิ่งไปกว่านั้นเถียนเถียนยังเด็กอยู่ เด็กมักมีความรู้สึกอยากพึ่งพาแม่เป็นเรื่องธรรมดา แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานแล้วคงคิดได้”
หลงเซียวพยักหน้าเล็กน้อย แล้วยื่นมือลูบบนหน้าท้องนูนเว้าของลั่วหาน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนกับเด็กน้อยว่า “ลูกรัก พ่อกลัวการมาของหนู และพ่อก็หวังอยากให้หนูมาเร็วๆด้วย”
ลั่วหานเอามือวางทับบนมือของเขา แหวนของทั้งสองคนเคียงคู่กัน “กลัว? คุณกลัวลูกน้อยร้องไห้น่าตกใจเหมือนเถียนเถียนหรอ? งั้นคุณคงน่าสงสารแล้วล่ะ เพราะเด็กน้อยร้องไห้เก่ง”
หลงเซียวส่ายหน้า “เปล่าสักหน่อย ผมกลัวว่าหลังจากคลอดลูกน้อย คุณจะเอาใจใส่แต่ลูกน้อย และในสายตาไม่มีผม แล้วผมจะไม่ถูกรักอีก!”
“เป็นไปได้ไง! หลังจากคลอดลูก บนโลกนี้ก็จะเพิ่มคนรักคุณคนหนึ่ง! ถือเป็นกำไรนะค่ะ คุณหลง” ลั่วหานตบบนบ่าของเขาเบาๆ พร้อมยิ้มแย้ม
“คุณนี่พูดเก่งทุกอย่างเลยจริงๆ ต่อไปลูกน้อยต้องพูดเก่งเหมือนคุณจะได้ไม่ถูกคนอื่นกลั่นแกล้ง” หลงเซียวจูบลงบนริมฝีปากของเธออย่างเอ็นดู และอ่อนโยน
……
ณ โรงพยาบาลหวาเซี่ย
เกาจิ่งอานเดินเข้าโรงพยาบาลด้วยท่าทางรีบร้อน คุณหมอบอกว่า เกาจิ่งอานได้พ้นขีดอันตรายแล้ว และถูกส่งไปพักผ่อนที่ห้องผู้ป่วยแล้วด้วย เกาจิ่งอานเลยรีบขึ้นลิฟท์และไปที่ห้องผู้ป่วย
เมื่อมาถึงนอกห้องผู้ป่วย ก็เห็นเกาหยิ่งจือมีสีหน้าขาวซีดนอนพิงบนเตียงอยู่ผ่านทางกระจก
ทันใดนั้นเขาก็สูญเสียความมั่นใจเคาะประตูทันที
เมื่อกี้ยังเดินมาด้วยท่าทางรีบร้อนบ้าคลั่งตลอดทาง คิดไม่ถึงว่าเมื่อเขาเห็นสภาพของพี่สาวที่มีสีหน้าขาวซีดเหมือนกระดาษ และมีรูปร่างผอมซูบ กลับรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเหมือนกำลังแตกเป็นเสี่ยงๆ
เขาสูบลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วยื่นมือจับคันจับประตูเบาๆด้วยสีหน้าหม่นหมอง จากนั้นก็เดินเข้าห้องผู้ป่วยอย่างเงียบๆ