ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 641
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
ตอนที่ 641 หุบปากเดี๋ยวนี้
หลินซีเหวินเห็นลั่วหานก็ไปจับท้องของเขา ก้มลงไปพูดกับท้องอย่างใกล้ชิด “เด็กน้อย รู้ว่าฉันเป็นใครไหม? ฉันคือป้าซีเหวินนะ หนูคลอดแล้วต้องจำป้าได้นะ”
ลั่วหานไม่รู้จะพูดอะไรกับคนพวกนี้ ที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับชีวิตเล็กๆในท้องเลย แค่สามเดือน เขาจะไปได้ยินอะไร?
“ถ้าเขาเกิดมาฉันจะบอกเขาเอง ตอนที่เขายังไม่รู้เรื่องอะไรเลย ก็มีสาวซื่อคนหนึ่งมาแสดงความรักต่อเขา” ลั่วหานจัดเสื้อคลุมเตรียมทำงาน
หลินซีเหวินเบ้ปาก “พี่ลั่ว หนูไม่ได้โง่นะ”
ลั่วหานเห็นหลงเซียวกับหลงจื๋อนั่งลง เหมือนมีอะไรจะคุยกัน ก็ดึงหลินซีเหวินพูด “ได้ เธอฉลาด ไปเถอะ เราไปในครัวดูอะไรอร่อยๆกัน”
หลินซีเหวินกับหลงจื๋อมองหน้ากัน หลงจื๋อทำท่าแสดงให้เธอไปก่อน
ลั่วหานกับหลินซีเหวินจากไป บรรยากาศก็เปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม ห้องอันกว้างขวางเต็มไปด้วยแรงกดอากาศต่ำ โดยมีหลงจื๋อกับหลงเซียวเป็นศูนย์กลาง
หลงเซียวเก็บหมากรุกสีดำใส่กล่อง พูดขึ้นเสียงต่ำ “นายมาที่นี่ คงไม่ได้มาเพราะดูวิวหรอกนะ?”
หลงจื๋อนั่งลงตรงที่ลั่วหานเคยนั่ง เก็บหมากสีขาวทีละเม็ดใส่ในกล่อง “อืม ผมมาที่นี่ มีเรื่องจะคุยกับพี่ใหญ่?”
“เกี่ยวกับMBK?” หลงเซียววางหมากรุกลงทีละเม็ด ทั้งห้องมีแค่เสียงหมากรุกกระทบกัน
“ใช่ เป็นเรื่องเกี่ยวกับบริษัท และไม่ใช่แค่บริษัท ยังมีตู้หลิงเซวียน……” หลงจื๋อพูดถึงตรงนี้ ก็หันไปมองหลงเซียว ที่น่าแปลกใจคือ เขามองไม่เห็นอะไรผิดปกติเลย
เพราะฉะนั้นสายของหลงจื๋อก็หดหู่ลง “พี่ใหญ่รู้ใช่ไหม?”
หลงเซียวเหมือนคนไม่เกี่ยวข้อง เก็บหมากรุกเข้าที่ แน่ใจว่าเก็บทุกเม็ดแล้ว “รู้อะไร? พี่ไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องของMBKแล้ว ส่วนตู้หลิงเซวียน พี่ไม่ใช่แฟนคลับเขา ไม่ได้ติดตามเรื่องราวของเขา”
หลงจื๋อถูกคำพูดของพี่ชายทำให้อึ้งไป “ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น หลายวันก่อนผมได้ข่าวทางด้านพ่อ พ่อจะร่วมงานกับบริษัทหลันเทียน พ่ออยากฉวยโอกาสที่หลันเทียนกำลังวุ่นวายเข้าไปมีส่วนร่วมในโครงการของพวกเขา เวลาเดียวกัน โครงการในช่วงนี้ของMBKก็จะมีหลันเทียนเข้าร่วมด้วย พี่ใหญ่ พี่รู้ว่ามันหมายความว่ายังไงไหม? พ่อกับตู้หลิงเซวียนจะร่วมมือกัน เพื่อจะจัดการพี่”
จัดการเขา?
เหอะๆ
หลงเซียวอยากเทน้ำชา จับขอบแก้ว น้ำชาเย็นแล้ว เขาเล่นหมากรุกกับลั่วลั่ว ไม่ได้ดื่มชา ก็เลยลืมเติมน้ำ
“พี่ไปเติมน้ำ” หลงเซียวลุกขึ้น เดินไปเทน้ำ ใส่ดอกเก๊กฮวยลงกากาน้ำชา เสียงน้ำไหล
หลงจื๋อจ้องเขาไม่ขยับ ไม่เข้าใจว่าเขาคิดอะไรอยู่ “พี่ใหญ่ MBKจะจัดการพี่ พ่อจะเจาะจงพี่ พี่ไม่ห่วงสักนิดเลยเหรอ?”
กลิ่นน้ำชามีความเย็นเยือก แค่ครู่เดียวก็มีความหนาวเย็นฤดูใบไม้ผลิแล้ว
หลงจื๋อยิ่งเบิกตากว้างอย่างไม่เข้าใจ “พี่ใหญ่ ถึงแม้ว่าเราจะเป็นคู่แข่งกัน แต่พูดตามตรง ผมไม่อยากเห็นพี่ล้มเหลว ผมไม่อยากให้เราทั้งสองพ่ายแพ้บาดเจ็บสาหัส ถ้าเป็นไปได้ ผมหวังว่าบริษัทฉู่ชื่อกับMBKจะได้ร่วมงานกัน”
หลงเซียวเทน้ำชาให้หลงจื๋อ ท่าทางของเขาดูเชื่องช้าสบาย “นายคิดว่าเป็นไปได้เหรอ? ตอนนี้พ่อร่วมมือกับตู้หลิงเซวียนแล้ว ออ เขายังร่วมมือกับตระกูลเสิ่น ตอนนี้บริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งสามร่วมมือกัน ก็เตรียมจะรับซื้อทำลายพวกบริษัทเล็กๆในประเทศ ถ้าพี่ไม่แข่งกับMBK จะรอให้MBKมากลืนหรือไง?”
หลงจื๋อโดนคำพูดเขาจนไม่รู้จะตอบยังไง “แล้วพี่จะเตรียมทำยังไง? MBKเพิ่งได้รับโครงการพลังงานทดแทน เงินทุนก้อนใหญ่กำลังจะไหลออกไป ยังมีกำลังพอไหม?”
หลงเซียวจิบน้ำชา เงยหน้าขึ้นมองร่างนอกหน้าต่าง ลั่วหานกับหลินซีเหวินนั่งคุยกันบนเก้าอี้ อยู่มุมเฉียงกับพวกเขา
หลินซีเหวินยกถาดน้ำชาในมือ ในนั้นมีขนมของหวานหลายอย่าง ทั้งสองคนกินไปด้วยคุยไปด้วย ภาพนั้นสวยงามมาก
หลงเซียวมองจนปากยิ้มเป็นแนวโค้ง
“บริษัทฉู่ชื่อเงินทุนไม่เยอะ ส่วนแบ่งก็ไม่เยอะ เพราะฉะนั้นบริษัทฉู่ซื่อจะเข้าไปเสี่ยงไม่ได้ MBKกับหลันเทียนอยากทำอะไรก็ทำไป อย่ามาทำอะไรที่ถิ่นของพี่ พี่ก็จะทำเป็นมองไม่เห็น”
หลงจื๋อจิบน้ำชา รสชาติฝาดเล็กน้อย “พี่ใหญ่ ผมรู้สึกว่าพี่เปลี่ยนไป เมื่อก่อนพี่ฆ่าฟันกันในแวดวงธุรกิจอย่างเด็ดขาด ตอนนี้เหมือนพี่จะมีความเมตตามากขึ้นนะ”
ไม่รู้ว่าดีหรือไม่ดี
หลงเซียวพูด “ฆ่าฟันตัดขาด ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลา อีกาอย่าง นายเอาเรื่องพวกนี้มาเล่าให้พี่ฟัง ไม่กลัวพ่อรู้เหรอ? ถ้าเขารู้ว่านายเอาข่าวมาส่งให้พี่ลับหลังแบบนี้ ต้องให้ออกจากตำแหน่งแน่”
หลงจื๋อยิ้ม มือจับแก้วหมุนไปมา หัวเราะพูดขึ้น “พูดแล้วก็เหมือนเสียดสี พ่อร่วมงานกับตู้หลิงเซวียน ไม่ได้ผ่านการยินยอมของผม เขาแค่แจ้งให้ผมรู้ อีกอย่างเขายังให้คุณลุงช่วยเหลือ เฮอะๆ พี่ว่าคนอย่างคุณลุงจะทำเรื่องดีอะไรได้?
ถ้าแบบนี้แล้ว? หลงเซียวก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ตระกูลหลงบรรยากาศน่าอึดอัด
“ไม่ว่ายังไง นายเป็นผู้สืบทอดMBK สิ่งที่พวกเขาทำ เป้าหมายก็คือทำให้นายเป็นผู้สืบทอดที่เหมาะสม”
หลงเซียวดื่มชาคำหนึ่ง แล้วมองไปนอกหน้าต่าง
ใต้แสงแดด ลั่วหานลิ้มรสของอร่อย ท่ามกลางรอยยิ้มกับหลินซีเหวิน บางครั้งยังมีท่าทางควบคู่ไปด้วย
หลงเซียวยิ้มอีกครั้ง เขาก็เหมือนถูกพาไปใต้แสงแดด ห่างไกลจากความเคร่งเครียดทุกอย่าง มีเพียงเธออยู่เคียงข้าง
หลงจื๋อไม่มีอารมณ์ชื่นชมวิว พูดขึ้นอย่างเคร่งเครียด “พี่ใหญ่ ถ้าพ่อจะทำร้ายพี่ พี่ก็เอาผมเป็นเครื่องมือกั้นพ่อ ไม่ว่ายังไง ผมเป็นลูกแท้ๆของเขา ยังไงเขาก็ต้องเห็นแก่ผม ถ้าเขาจะจัดการกับบริษัทฉู่ซื่อ ผมจะช่วยพี่เอง”
นี่มันไม่ใช่คำพูดที่เหมาะสมของคู่แข่ง
“เสี่ยวจื๋อ นายลืมแล้ว? พี่เคยบอกนาย การแข่งขันครั้งนี้พี่จะทุ่มเทเต็มที่ ทำอะไรอย่ามองแค่สิ่งที่อยู่ตรงหน้า อย่าปิดกั้นขอบเขตตัวเอง นายจะไปรู้ได้ยังไงว่า MBKจะยืนหนึ่งไม่ล้มได้ตลอด? นายรู้ได้ยังไงว่าหลันเทียนที่ดูมั่นคงจะไม่มีวันเกิดเรื่อง?”
ได้ยินคำพูดนี้แล้วยิ่งทำให้หลงจื๋อตะลึงอีกครั้ง “พี่ใหญ่ พี่……พี่ทำอะไรอยู่ใช่ไหม?”
หลงเซียวยิ้ม “เสี่ยวจื๋อ พี่ขอบใจนะที่เอาเรื่องพวกนี้มาบอกพี่ แต่นายเหมือนจะเข้าใจความสัมพันธ์นี้ผิดไปนะ”
“ผม……”
“เสี่ยวจื๋อ พี่มีหนทางของพี่ นายก็ต้องสร้างทีมงานของนาย ใจของนายไม่อยู่ที่MBK แบบนี้อันตราย”
หน้าหลงจื๋อไร้เงา กัดฟันอย่างอึดอัด “ผมไม่ชอบวิธีทำงานของพ่อ มัน……ไม่มีประสิทธิภาพ”
“งั้นก็เข้าไปแทนที่เขาซิ ทำให้MBKเป็นบริษัทที่มีประสิทธิภาพ”
“ผม……”
“พอแล้ว นานๆมาที่นี่ที ออกไปเดินดูกันหน่อย” หลงเซียวไม่คุยเรื่องงานกับหลงจื๋ออีก และไม่อยากรู้ข่าวสารเกี่ยวกับMBKจากปากหลงจื๋ออีก”
ถ้าจะแข่งขันกัน ก็ต้องใช้ความสามารถของตัวเอง หลงจื๋อเอาข่าวมาบอกลับหลังแบบนี้ ถึงแม้เขาจะชนะแล้วก็ไม่ภูมิใจ
“ครับ”
ผู้ชายสองคนเดินออกไป ออกไปแล้วก็เห็นผู้หญิงของตัวเองคุยกันอย่างสนุกสนาน
อากาศข้างนอกดีมาก ค่อยๆเจือจางความวุ่นวายในใจของทั้งสอง
“หลงจื๋อ ขนมเปี๊ยะไข่เค็มนี้อร่อยมาก พ่อครัวใหญ่ก็คือพ่อครัวใหญ่ ทำได้อร่อยมากเลย คุณชิมดู”
หลินซีเหวินหยิบเปี๊ยะไข่เค็มชิ้นหนึ่งยื่นไปที่ปากของหลงจื๋อ หนังเปี๊ยะกรอบหล่นไปไม่น้อย หล่นไปบนตัวเขาหมด
ลั่วหานก็หยิบชิ้นหนึ่ง ใช้มือรองไว้ “พี่รัก ชิมหน่อย”
หลงเซียวไม่ชอบกินของหวาน……
“ได้” ชิมไปคำหนึ่ง พยักหน้าพูด “อร่อยจริง”
ทั้งสี่คนกินไปคุยไป เหมือนกับเมื่อกี้ไม่ได้เกิดอะไรขึ้นเลย
เวลาเดียวกัน ที่ไม่ไกลนักกู้เยนเซินฮัมเพลงเดินมาหาหลงเซียว ตะโกนมาแต่ไกล “หลงเซียว คืนนี้เล่นไพ่นกกระจอกไหม”
ใครจะไปรู้ว่าหลงจื๋อก็อยู่ โห อะไรเนี่ย?”
หลงจื๋อรู้จักกู้เยนเซิน ยิ้มพูด “คุณชายกู้ก็อยู่นี่ สนุกสนานกันดี”
“เหอะๆ สนุกสนาน”
จะไม่สนุกสนานได้อย่างไร? เป็นคนสนิทสนมกันทั้งกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นญาติหรือไม่ แต่ก็เป็นเพื่อนสนิท
ตามคำร้องขอของกู้เยนเซิน คืนนี้พวกเขาก็เล่นไพ่นกกระจอกกันในคฤหาสน์
ครั้งที่แล้วเล่นด้วยกันถูกหลงเซียวชนะจนเงินหมดตัวกัน เพราะฉะนั้นครั้งนี้จึงรวมตัวกันมาเอาคืน ตั้งใจจะเอาเงินที่แพ้ไปครั้งที่แล้วคืนมา
แต่คิดไม่ถึงว่าหลงจื๋อก็มาด้วย สายตาหลายคนดูคลุมเครือ
ภายในคฤหาสน์เฮฮากันขึ้นมา มีเรื่องให้คุยไม่หยุด
เรื่องที่ให้พูดเยอะที่สุดก็คือ “ไหนบอกว่าสองพี่น้องตระกูลหลงไม่ถูกกันไง? ทำไมดูแล้วเหมือนไม่ใช่?”
หลงจื๋อมาครั้งนี้ คือแสดงความรักของสองพี่น้อง หรือมีอะไรแอบแฝง?
หลายคนมีคำถามในใจ ไม่กล้าด่วนสรุป
ลั่วหานไม่เล่นไพ่ นั่งดูอยู่ข้างๆ ดูไปรอบหนึ่งก็มีแต่หลงเซียวชนะ ไม่มีอะไรใหม่ๆให้ดู จึงออกไปเดินเล่นข้างนอก
ลั่วหานเพิ่งเดินออกมาได้ไม่กี่ก้าว มือถือในกระเป๋าก็ดังขึ้น
หน้าจอแสดงว่าเป็นเบอร์ของโม่หรูเฟย
น่าแปลกใจจริง โม่หรูเฟยโทรหาเธอ
“คุณโม่ มีธุระ?” เสียงลั่วหานเย็นชา สำหรับโม่หรูเฟยแล้วไม่จำเป็นต้องเกรงใจ
เวลานี้โม่หรูเฟยกำลังอยู่ในห้องผู้ป่วย เขาเพิ่งเยี่ยมเกาหยิ่งจือเสร็จ “ฉู่ลั่วหาน ตอนนี้เธอพอใจแล้วซิ เธอทำให้หยิ่งจือกลายเป็นแบบนี้ เธอคงหัวเราะแม้แต่เวลาฝันซินะ”
นางบ้า มาโวยวายอะไรกับเธอ
“โม่หรูเฟย ปากเอาไว้พูด ไม่ได้เอาไว้ขี้” ลั่วหานไม่มีเวลามานั่งฟังเธอระบายอารมณ์
“เฮอะๆ ฉู่ลั่วหาน ไม่ต้องมาทำตัวเป็นแม่พระ ปากเธอยิ่งกว่าฉันอีก ใจเธออำมหิตกว่าฉันเยอะ” โม่หรูเฟยเวลานี้มีแต่โกรธกับไม่พอใจ เธออยากบีบคอลั่วหานให้ตายเพื่อระบายความโกรธ
ลั่วหานด่าในใจ
“โม่หรูเฟย มีอะไรก็รีบพูด เกาหยิ่งจือเป็นอะไร?” ไม่ใช่อยู่ในคุกดีๆเหรอ?
“เธอไม่สบาย มะเร็ง มะเร็งเต้านม เพราะว่าติดคุกทำให้ซึมเศร้าจนป่วย ตอนนี้รักษาอยู่ที่โรงพยาบาลหวาเซี่ย เธอดีใจหรือยัง พอใจรึยัง คงดีใจแล้วซินะ เธอเห็นคนพวกนี้โชคร้ายตามๆกันไป เธอคงพอใจมาซินะ เธอคงคิดว่า คนที่เคยรังแกเธอกรรมตามสนองตายไปคงดี เธอถึงพอใจ ฉู่ลั่วหาน เธอหัวเราะเลย หัวเราจนตายเลย”
เธอมาบ้าอะไร
“มะเร็งเต้านม? ระยะแรกหรือระยะสุดท้าย? หมอว่ายังไง?”
เมื่อเทียบกับคำพูดโม่หรูเฟยแล้ว ลั่วหานใจเย็นมาก เธอไม่อยากสนใจมั่วหรูเฟยที่ปากเสียพูดจาต่ำ
แต่ทำไมเกาหยิ่งจือถึงป่วยกะทันหัน?
เก็บความตกใจ ลั่วหานคิดผลของมะเร็งเต้านม ถ้ารักษาได้ทันไม่เป็นอันตรายต่อชีวิต
“ฉู่ลั่วหาน เธอยังมีมโนธรรมอยู่ไหม พี่สาวฉันป่วยขนาดนี้แล้ว เธอยังไม่มีความเห็นใจอีก” โม่หรูเฟยกำลังจะด่า
นางบ้า ลั่วหานไม่ได้ให้เธอด่าไปเลื่อย
“นางบ้าหุบปากเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่อยากให้เธอตาย ก็ฟังฉัน ฉันเป็นหมอ”