ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 650
ตอนที่ 650 ได้ ผมรับปากคุณ
นิวยอร์ก คอนโดหรู
ถังจิ้นเหยียนยืนอยู่หน้าหน้าต่างในห้องนอน โทรศัพท์ในมือหน้าจอสว่างอยู่ สายตาที่อบอุ่นของเขามองไปเบอร์โทรที่เพิ่งบันทึกไว้ในโทรศัพท์
แสงจันทร์สว่างเป็นพิเศษ เวลานี้เป็นเวลาสี่ทุ่มในอเมริกา เบอร์โทรนี้ทำให้เขาคิดหนักไปหลายชั่วโมง แต่ก็ยังตัดสินใจไม่ได้สักที
ความคิดของเขาในเวลานี้ รู้สึกสับสนมาก
ถ้าโทรศัพท์ไป เหตุผลหลักเป็นเพราะเกาหยิ่งจือ และถ้าเกาจิ่งอานมีเรื่องขอร้องเขา เขาจะตอบตกลงหรือจะปฏิเสธดี?
แต่ถ้าไม่โทรศัพท์ไป เกิดเกาหยิ่งจือมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้น และเขาเกิดพลาดขึ้นมาควรทำยังไง? ถ้าเป็นเรื่องที่ต้องเสียใจภายหลัง เขาต้องโทษตัวเองเป็นแน่
ผ่านไปนานมาก ถังจิ้นเหยียนได้เปิดหน้าต่างออก เพื่อให้ลมพัดเข้ามา แล้วสูดลมเย็นๆเข้าไปลึกๆ แสงจันทร์สีเขาที่ส่องลงมาทำให้ผิวของเขาแลดูขาวขึ้นและสะอาด
มือที่สะอาดของหมอศัลยแพทย์ ท้ายที่สุดแล้วก็เลือกที่จะกดปุ่มสีเขียวสัญลักษณ์ของโทรศัพท์ลงไป
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นไม่ถึงสามครั้งก็มีคนรับสายขึ้นมา
เกาจิ่งอานที่อยู่ในโรงพยาบาลอีกฟากของมหาสมุทร มือที่จับโทรศัพท์อยู่ดีใจมากจนกระโดดโลดเต้นขึ้นมา เกือบจะเต้นตามทำนองของเพลงออกมา
ถังจิ้นเหยียน เป็นถังจิ้นเหยียน เขายอมโทรศัพท์มาแล้ว
“ฮัลโล ฮัลโล……”
เกาจิ่งอานเก็บอาการดีใจไว้ แล้วเอามือไปปิดโทรศัพท์ไว้ ใช้ปากพูดกับเกาหยิ่งจือที่ป่วยนอนอยู่บนเตียงว่า
คือเกาจิ้นเหยียน
ใบหน้าของเกาหยิ่งจือที่นอนห่มผ้าห่มอยู่บนเตียงนั้นมีความหวังและร้อนผ่าวขึ้นทันที ดวงตามืดมนคู่นั้นเหมือนโดนจุดไฟให้แตกกระจายขึ้นมา ประกายไฟขนาดเล็กนับไม่ถ้วนทำให้ใบหน้าที่ซีดเซียวของเธอมีสีสันขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
เกาจิ่งอานรู้สึกตกใจกับอาการที่เปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนของพี่สาว เขาไม่เคยรู้มาก่อน ว่าความรักมันมีจะพลังมากขนาดนี้
เกาหยิ่งจือจับนิ้วมือตัวเองด้วยความตื่นเต้น และเม้มปากที่ซีดเซียวนั้นเล็กน้อย
เมื่อเปิดลำโพง น้ำเสียงที่อ่อนโยนของถังจิ้นเหยียนดังผ่านเข้าไปในหู
“อืม ต้องขอโทษด้วยที่เพิ่งโทรมาตอนนี้ รอนานเลยสิ” ถังจิ้นเหยียนพูดขอโทษขึ้นก่อนอย่างมีมารยาท
“ไม่ ไม่ช้าไม่ช้า ขอแค่โทรมาหาก็ดีมากแล้ว ไม่ช้าเลยสักนิด” เกาจิ่งอานเสมือนแฟนคลับที่เห็นดาราดัง กลายเป็นแฟนคลับไปโดยปริยาย
เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยของถุงจิ้นเหยียน เกาหยิ่งจือรู้สึกตื้นตันมาก เสมือนจะร้องไห้ออกมา เธอกลัวเสียงตัวเองดังออกมา จึงรีบเอามือปิดปากไว้
เกาจิ่งอานถอนหายใจออกมา “พี่จิ้นเหยียน พี่……ช่วงนี้พี่จะกลับมาจีนไหม?”
อึ๋ม?
ถังจิ้นเหยียนไม่เข้าใจ ทำไมช่วงนี้ลั่วหานและเกาจิ่งอานชอบถามเขาว่าจะกลับจีนเมื่อไหร่? เขาไม่มีแผนจะกลับประเทศจีนในระยะสั้นนี้
“คุณเกามีธุระอะไรไหม? ถ้ามีธุระคุยทางโทรศัพท์ก็ได้เหมือนกัน ช่วงนี้ผมจะอยู่ทำงานที่อเมริกาก่อน เร็วๆนี้คงกลับไปไม่ได้”
หลอดไฟในดวงตาของเกาจิ่งอานเหมือนดับลงทันที “พี่จิ้นเหยียน ผมพูดความจริงกับพี่เลยนะ พี่สาวผม พี่สามผมไม่สบาย ป่วยหนักมาก ดังนั้นผมอยากให้พี่หาเวลาบินกลับมาสองสามวัน ค่าเสียหายทั้งหมดของพี่ผมชดใช้ให้เอง ผมชดใช้ให้พี่สองเท่า ค่าเสียหายเท่าไหร่?”
เกาหยิ่งจือก้มหน้าลง ไม่พูดอะไร
ไม่สบายเหรอ?
ถังจิ้นเหยียนพอจะทายออกแล้ว“ป่วยเป็นอะไร? อาการตอนนี้เป็นไงบ้าง? หาหมอแล้วหรือยัง?”
ในเมื่อไม่สบาย ดูแล้วน่าจะออกมาจากเรือนจำแล้ว
เกาจิ่งอานเล่าความจริงออกมา และอธิบายอย่างละเอียด
ดังนั้น เป็นผลทำให้คนอีกฝั่งเงียบลงทันที มีเพียงลมหายใจของต่างฝ่ายต่างดังแผ่วเบาผ่านมาจากหูฟังของโทรศัพท์ เสียงแล้วเสียงเล่า ทั้งอึดอัด รีบร้อน เก็บกด และลังเล
“คุณเกา ผมคิดว่าการกลับไปของผมนั้นไม่มีความจำเป็น อีกอย่างผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้ แต่ถ้าจะให้เชิญหมอผู้เชี่ยวชาญทางอเมริกากลับไปจีน ผมสามารถติดต่อให้ได้ แต่สำหรับเรื่องอื่นนั้น ผมคงช่วยอะไรไม่ได้”
เขาเลือกที่จะปฏิเสธอย่างสุภาพ ถ้าไม่ปฏิเสธ อาการป่วยของเกาหยิ่งจือจะกลายเป็นตัวผูกมัดระหว่างเขาทั้งสองคน และจะอยู่กับเขาไปตลอด ทางที่ดีที่สุดคือเลือกออกไปกลางคันจะดีกว่า
เขาเคยมีประสบการณ์ยืดเยื้อ ทำให้เจ็บปวดปางตาย ครั้งนี้เขาเลือกที่จะเด็ดขาดกับมัน
สุดท้ายแล้วเกาหยิ่งจือก็เก็บความรู้สึกของตัวเองไว้ไม่อยู่ เธอใช้มือทั้งสองข้างปิดปากไว้แล้วร้องไห้ออกมาเสียงต่ำ เสียงอ่อนแรงมาก แต่เนื่องจากโทรศัพท์สมาร์ทโฟนที่ถ่ายทอดเสียงได้ดีเยี่ยมถ่ายทอดเสียงออกมาให้ถังจิ้นเหยียนได้ยิน
ถังจิ้นเหยียนรู้สึกตกใจ เกาหยิ่งจืออยู่ในเหตุการณ์ได้ยังไง?
“คุณหมอเกา? คือคุณใช่ไหม?”
บรรยากาศเหมือนแข็งตัวขึ้นในทันที ทำให้ทั้งสามคนต่างรู้สึกอึดอัด
เกาหยิ่งจือเช็ดน้ำตาออก “คุณหมอถัง……คุณไม่มีเวลาไม่เป็นไร ฉันไม่เป็นไรหรอก”
“อะไรไม่เป็นไร? พี่กลายเป็นแบบนี้แล้ว” เกาจิ่งอานรู้สึกสงสารพี่สาว จึงรีบพูดขัดเธอขึ้นมาอย่างหยาบคาย
ใบหน้าของเกาหยิ่งจือร้อนผ่าวขึ้นมาทันที “พี่บอกว่าไม่เป็นไรก็คือไม่เป็นไรสิ”
เขาไม่ยอมให้เกาหยิ่งจือฟังต่ออีก หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเดินออกไประเบียงด้านนอก จากนั้นปิดประตูระเบียง และใช้ล็อคประตูให้เรียบร้อย
“พี่จิ้นเหยียน พี่สาวผมชอบพี่ คนทั้งโลกรู้หมด พี่ไม่ได้ชอบเธอ ผมก็รู้เหมือนกัน แต่ว่า ตอนนี้พี่สาวผมเป็นมะเร็ง และกำลังจะจากไป พี่มีความเห็นใจหน่อยได้ไหม? หรือสงสารเธอก็ได้ และช่วยให้เธอมีแรงจูงใจที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ไหม?
พี่สาวผมตอนนี้ไม่ยอมรักษาตัว คุณหมอบอกว่าเธอมีอันตรายได้ตลอดเวลา ถ้าผมมีวิธีอื่น ผมคงไม่หน้าด้านโทรศัพท์หาพี่หรอก ถังจิ้นเหยียนพี่ฟังผมนะ สิ่งที่พี่สาวผมเป็นห่วงกังวลที่สุดในตอนนี้ก็คือพี่ ถ้าพี่ไม่ยอมว่า สิ่งที่พี่กลับมาแล้วเห็นคงจะเป็นแค่ร่างศพร่างหนึ่งเท่านั้น”
ถังจิ้นเหยียน “……”
สิ่งที่เขาระบายออกมานั้น ทำให้ถังจิ้นเหยียนพูดอะไรไม่ออก
เกาจิ่งอานระบายตอบโต้ออกมา และพูดคำพูดที่ไม่น่าฟังออกมามากมาย หลังจากพูดจบแล้วจึงรู้ตัว——เหี้ยเอ๊ย ฉันกำลังขอร้องคนอยู่ ฉันจะทำตัวเหมือนนักเลงได้อย่างไร?
“คือว่า……ความหมายของผมคือ พี่ให้โอกาสพี่สาวผมสักครั้งได้ไหม?”
เกาหยิ่งจือทุบประตูกระจกในระเบียง แต่เธอเปิดไม่ออก ข้างในมีกระจกกั้นอยู่ทำให้เธอได้ยินไม่ชัดเจน ไม่รู้ว่าเกาจิ่งอานพูดอะไรไปบ้าง
สีหน้าของเกาจิ่งอานเดี๋ยวก็รู้สึกหมดหวัง เดี๋ยวก็รู้สึกโกรธ เดี๋ยวก็รู้สึกมีความหวังขึ้นมา
“จิ่งอาน นายเปิดประตู นายเปิดประตูให้ฉันเดี๋ยวนี้”
เกาจิ่งอานไม่สนใจเธอ พูดต่อ“พี่จิ้นเหยียน พี่สาวผมจะทำคีโมเดือนนี้ ที่ผลออกมาดี ทำคีโมสามครั้งก็สามารถผ่าตัดได้ ก่อนรับการผ่าตัด พี่สามารถตรึกตรองให้ชัดเจนก่อนได้ และเมื่อถึงวันที่พี่สาวผมผ่าตัด หวังว่าพี่จะมาอยู่เป็นเพื่อนเธอ——ผมเกาจิ่งอานไม่ชอบขอร้องคนอื่น แต่เพื่อพี่สาวผมแล้ว ผมข้อร้องพี่หล่ะ”
เขาลดทิฐิลง ไม่แสดงอาการก้าวร้าวอีก และในเวลาเดียวกัน เขายอมทำลายเส้นฟางสุดท้ายของเขาเพื่อพี่สาว
ถังจิ้นเหยียนก้มหน้าลง ดวงตาเต็มไปด้วยความเย็นและเย็นยิ่งไปกว่าแสงจันทร์และเศร้าโศก “จิ่งอาน ผมไม่ได้รักพี่สาวของคุณ”
“ผมรู้ ผมไม่ได้ขอให้พี่รักเธอ ขอให้พี่เสียสละแค่ครั้งนี้……”
ปังๆ
เกาหยิ่งจือยังคงเคาะประตูกระจกอย่างตั้งใจ เธอไม่อยากให้น้องชายตัวเองต้องลดตัวไปขอร้อง เธอรู้สึกเป็นทุกข์
ได้ยินเสียงเคาะประตูกระจกดังขึ้น ทำให้เสียงกลองในใจของถังจิ้นเหยียนดังขึ้นไปอีก “ได้ ผมรับปากคุณ ก่อนผ่าตัดผมจะกลับจีนเพื่อดูอาการของเธอ”
“จริงเหรอ คุณพูดกับพี่สาวผมเอง คุณพูดกับเธอเอง”
เกาจิ่งอานเหมือนเด็กที่เก็บของมีค่าได้ เปิดประตูกระจกที่ระเบียงออก และยื่นโทรศัพท์ไปแนบติดไว้ที่ข้างหูของเกาหยิ่งจือ
ถังจิ้นเหยียนพูดซ้ำอีกครั้ง “คุณหมอเกา คุณให้ความร่วมมือในการทำเคมีบำบัด ตอนที่คุณผ่าตัดนั้น ผมกลับจีนเยี่ยมคุณแน่นอน ก่อนหน้านั้น คุณต้องดูแลตัวเองดีๆ รักษาทัศนคติที่ดีแบบนี้ไว้ ต้องดีขึ้นมาแน่นอน”
หลังจากที่เกาหยิ่งจือฟังจบ หมดแรงและลงไปนั่งอยู่ที่พื้น กอดตัวเองไว้แล้วร้องไห้ออกมาไม่หยุด
“ขอบคุณคุณมาก จิ้นเหยียน ขอบคุณคุณมาก……”
——
โรงพยาบาลหวาเซี่ย แผนกหัวใจ
คนไข้ของลั่วหานช่วงเช้ามีแค่สองคน คนไข้ที่มาลงทะเบียนเสมือนจะนัดกันก่อนแล้ว ต่างพากันไปลงทะเบียนให้คุณหมอหวังตรวจ ห้องตรวจตรงข้ามของคุณหมอหวังแทบจะหัวกระไดไม่แห้ง ส่วนตรงนี้ของเธอแทบจะไม่มีคนเลย คนที่ไม่รู้อาจคิดว่าเธอเป็นหมอต้มตุ๋นเลยมั้ง
คนไข้หลายคนมีอาการร้อนรน ต่างพากันสนทนาขึ้นมา“ฉันอยากลงทะเบียนเป็นคนไข้ของคุณหมอฉู่มากเลย คุณหมอฉู่ตรวจอาการได้แม่นยำมาก เป็นคุณหมอที่เก่งที่สุดและเชี่ยวชาญทางด้านหัวใจเลย”
“ใช่แล้วๆ เดือนที่แล้วเพื่อนร่วมงานฉันลงทะเบียนเป็นคนไข้ของเธอ ตรวจอาการเร็วและแม่นยำ อีกอย่าง คุณหมอฉู่หน้าตาสะสวย พูดจาน่าฟัง เพื่อถูกเธอตรวจอาการไม่รู้สึกตื่นเต้นอะไรเลย”
“ไอ้หย๋า แต่น่าเสียดายวันนี้ตอนที่ฉันไปลงทะเบียน คุณหมอที่อยู่เวรบอกว่าคนไข้ของคุณหมอฉู่เต็มแล้ว”
เจ้าตัวคุณหมอฉู่บอกว่าไม่เรื่องแบบนี้เลย
ลั่วหานใช้โทรศัพท์บนโต๊ะโทรหาหมอที่รับหน้าที่ลงทะเบียนชั้นล่าง อีกฝ่ายบอกว่าวันนี้ได้รับการแจ้งจากผู้อำนวยการโรงพยาบาล คราวหลังทุกครั้งที่เธออยู่เวร ต้องบอกคนไข้ว่าคนไข้ที่ลงทะเบียนกับคุณหมอฉู่เต็มแล้ว
ลั่วหานรู้สึกอึดอัดใจมาก วันนี้ทั้งช่วงเช้าเธอมีคนไข้แค่สองคน ทำเหี้ยอะไร
คนที่ทำเรื่องแบบนี้ได้ ก็มีแค่หลงเซียวเท่านั้น
ลั่วหานวางสายลง แล้วใช้มือถือโทรออกมาหลงเซียว
——
ตระกูลฉู่ ห้องประชุมรวม
โทรศัพท์มือถือของหลงเซียวกำลังเชื่อมต่อกับเครื่องฉายภาพ เพื่อฉายแผนงานพลังงานใหม่ที่เขาทำโอเร่งออกมาเมื่อคืนนี้ ภาพวาดบนจอที่ฉายออกมาดูละลานตาไปหมด และเขาใช้ปากกาเลเซอร์สีแดงเพื่ออธิบายภาพรวมขั้นสุดท้าย
ทุกคนจ้องไปที่หน้าจออย่างตั้งใจ กู้เยนเซินซึ่งมองว่าการประชุมทุกครั้งเป็นการลงโทษครั้งยิ่งใหญ่มาโดยตลอดกำลังฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ
ทันใดนั้น มือถือของหลงเซียวที่วางอยู่บนโต๊ะได้สั่นขึ้นมา เบอร์โทรที่โชว์ที่หน้าจอ เขียนระบุไว้ “คุณภรรยาผู้ยิ่งใหญ่”。
เหี้ยเอ๊ย
กู้เยนเซินรีบนั่งตัวตรงทันที
คนอื่นๆในห้องประชุมต่างมองอย่างไม่น่าเชื่อ
ประธานที่เย็นชาและเผด็จการของพวกเขา คิดไม่ถึง คิดไม่ถึงว่าจะระบุชื่อของคุณหมอฉู่ว่าคุณภรรยาผู้ยิ่งใหญ่? ผู้ยิ่งใหญ่?
หลงเซียวปิดบลูทูธอย่างใจเย็น หน้าจอและโทรศัพท์ถูกตัดออกโดยอัตโนมัติ เขากดรับโทรศัพท์ และใช้มือส่งสัญญาณให้พวกเขารอสักครู่
กรึบ!
ทุกคนกลืนน้ำลายลงคอ และต่างพากันซุบซิบเงี่ยหูแอบฟัง ฮ่า ๆ ๆ ท่านประธานและคุณหมอฉู่คุยโทรศัพท์กัน อยากรู้เรื่องจัง!
“ลั่วลั่ว” น้ำเสียงที่พูดออกมาของประธานที่เย็นชานั้นทำให้กระดูกเกือบละลายได้เลยทีเดียว
ลั่วหานเอ็นหลังกับเก้าอี้ “คุณหลง คุณใช้อำนาจโดยพลการให้ผู้อำนวยการโรงพยาบาลลดปริมาณงานของฉันลง ไม่ทำตัวเป็นแบบอย่างเลยนะคะ?”
หลงเซียวยิ้มออกมาอย่างสวยงามและมีเสน่ห์ “ดี ผมก็รู้สึกเหมือนกันว่าไม่ทำตัวเป็นแบบอย่างเลย”
ทุกคนต่างหลงใหลในรอยยิ้มของหลงเซียว และหัวหน้าที่สวยงามหลายคนในแผนกประชาสัมพันธ์จ้องมองตาวาว
“แล้วไงเหรอ?”
“แล้วไง ไม่เป็นแบบอย่างก็ไม่เป็นแบบอย่างสิ เพื่อลูกของเราแล้ว ไม่จำเป็นต้องเป็นแบบอย่างหรอก” หลงเซียงตอบออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ
ลั่วหาน:“……”
หลงเซียวไม่ได้หันไปมองผู้คนที่กำลังล้อมรอบดูเหตุการณ์อยู่ ” คุณจะยอมรับปริมาณงานในตอนนี้ หรือจะกลับบ้านไปพักผ่อนดีๆ แล้วแต่คุณเลือก”
ลั่วหาน:“……แม่งเอ๊ย”
เฮ้อ?
กู้เยนเซินเอนตัวอยู่ด้านข้าง แต่เขาไม่ได้ยินอะไรเลย
แต่ว่า สีหน้าของคุณชายหลงที่ยิ้มออกมาเหมือนฤดูผสมพันธุ์นั้นหมายถึงอะไรเหรอ?
หลงเซียวก้มหน้าดูเวลา ถึงเวลากินมื้อเที่ยงแล้ว “โกรธเหรอ?จะให้ผมชดเชยยังไงเหรอ?ผมเตรียมทางเลือกไว้ให้คุณหลายทางเลย ทางเลือกที่หนึ่ง ผมไปหาคุณแล้วกินข้าวด้วยกัน ทางเลือกที่สอง ผมให้หยังเซินไปรับคุณแล้วไปส่งที่ร้านอาหาร ทางเลือกที่สาม”
“ฉันเลือกทางเลือกที่สาม” ลั่วหานกลัวว่าถ้าเกิดเขาบ้าขึ้นมาอาจก่อเรื่องดังไปทั่วทั้งโรงพยาบาลได้ แค่รถRVก็เท่ห์มากแล้ว แต่เขาเท่ห์กว่ารถRVอีก
“ทางเลือกที่สามคือ ตอนนี้ตอบตกลงทางเลือกที่หนึ่ง”