ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 653
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
ตอนที่ 653 คุณชายหลงไม่มีเงินใช้เหรอ
หลังจากเดินเล่นเป็นเพื่อนหยวนชูเฟินเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองก็ไปยังห้องทำงานของแพทย์ใหญ่ที่รับผิดชอบหยวนชูเฟิน
หลังออกมาจากห้องทำงาน ก็พบกับส้งชิงเซวี๋ยนเข้า เขาไม่ได้ติดกระดุมชุดคลุมสีขาวนั้นทำให้มองดูผอมกว่าเดิม
เขาทำท่าลูบท้องตนเองคล้ายกับหิวมาก
“ลั่วลั่ว พวกคุณมาหาผมเหรอ แหมแล้วก็ไม่ยอมเตรียมของอะไรมากินบ้าง หิวจะตายอยู่แล้ว”
หลงเซียวเดินโอบลั่วหานไว้ สองสามีภรรยาปิดทางเดินของส้งชิงเซวี๋ยนอยู่ “คุณลุงอยากกินอะไรครับ?”
ลั่วหานหัวเราะแล้วเอ่ยว่า “คุณลุงอายุมากแล้ว ฟันฟางคงไม่ดีเท่าไหร่ ฉันให้น้ำเกลือผ่านสายซัก 2-3 ขวดน่าจะเหมาะกว่า ฉันมือเบาทำไม่เจ็บหรอกค่ะอยากดื่มกี่ขวดก็ดื่มได้ตามใจชอบเลย ทุกขวดนำเข้าทั้งนั้น กินแล้วอิ่มและแพงกว่าข้าวอีกนะคะ”
หลงเซียวหัวเราะอย่างขบขัน
ส้งชิงเซวี๋ยนหัวเราะเหอะๆ “เสี่ยวลั่ว ตอนนี้อยู่ในช่วงเริ่มต้นของการดูแลลูกน้อยในครรภ์นะ ดูสิปากร้ายจริงๆ เดี๋ยวลั่วลั่วน้อยของผมก็จำเอาไว้หรอก”
ถ้าหากลูกของเธอโตขึ้นมาพูดจาแบบนี้ก็พอดีกัน!
หลงเซียวหัวเราะแล้วพูดต่อไปว่า “คุณลุงส้งชี้แนะได้ดีจริงๆครับ ถ้าหากว่าต่อไปลูกผมปากร้ายแบบนี้คงไม่มีใครกล้ามารังแก ผมก็สบายใจขึ้นเยอะเลย”
ลั่วหานหันกลับไปมอง เขาช่างเป็นพ่อที่ดีจริงๆ
หลังจากเอ่ยทักทายกันสักครู่ ส้งชิงเซวี๋ยนจึงได้ขยับแว่นและถามพวกเขาอย่างจริงจังว่า “เมื่อกี้ไปดูแม่มาแล้วใช่ไหม เป็นยังไงบ้าง ถามคุณหมอแล้วหรือยัง?”
เมื่อพูดถึงหัวข้อนี้หลงเซียวก็ทำท่าทางเคร่งเครียดกว่าเมื่อสักครู่แล้วพูดว่า “ผลการรักษาออกมาไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ตอนนี้โรคร้ายไม่ได้ขยายวงกว้างกว่าเดิม แต่สุขภาพร่างกายของแม่ไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่ผมกังวลว่า……”
ลั่วหานจับมือเขาไว้กำแน่นขึ้นกว่าเดิม
ส้งชิงเซวี๋ยนพยักหน้า มือของเขาล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อคลุมสีขาว เขาอยากจะสูบบุหรี่ขึ้นมาแต่ก็อดทนเอาไว้แล้วพูดว่า “เรื่องที่ให้ไปทำ ถึงไหนแล้ว?”
เขาหมายถึงเรื่องการรวบรวมภาพวาดของหยวนชูเฟิน
หลงเซียวขมวดคิ้วและตอบว่า “ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลใดๆ ผมให้คนไปที่อังกฤษแล้ว เขาบอกว่ารูปภาพของแม่ผมถูกทำลายไปกว่าครึ่ง ที่ไม่ถูกทำลายก็ถูกซื้อไปจนหมด แต่พวกที่ซื้อไปกลับบอกว่าพวกเขาไม่มีรูปภาพอยู่ในมือ”
ส้งชิงเซวี๋ยนนำมือลูบคางแล้วพูดว่า “อืม รูปภาพของแม่เราเมื่อก่อนก็มีไม่มากเท่าไหร่ เธอทำลายทิ้งเองไปกว่าครึ่ง อีกที่เหลือลุงก็ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน ลองหาดูต่อแล้วกัน หาเจอกี่รูปก็คือกี่รูป”
“ครับผมจะหาต่อไป”
สายตาของหลงเซียวกับส้งชิงเซวี๋ยนสบตากัน ทั้งสองคนเข้าใจในความหมายนั้นดี ทุกคนที่เข้ามามีส่วนร่วมไม่ว่าจะเป็นคนหรือสิ่งของ คล้ายกับมีใครบางคนกำลังปิดบังอยู่
“เราสองคนกลับบ้านไปก่อนเถอะ เดี๋ยวลุงจะไปดูแม่เราสักหน่อย ลุงจะใช้วิธีการแพทย์แผนจีนช่วยเสริมการบำบัดรักษา หวังว่าจะมีสีหน้าที่ดีขึ้น” ใบหน้ายิ้มแย้มของส้งชิงเซวี๋ยนบัดนี้ปรากฏถึงความกังวลใจไม่น้อย
เมื่อทั้งสามคนแยกทางกัน หลงเซียวและหลงเซียวก็ขึ้นรถไป หลงเซียวขับรถให้กับเธอด้วยตัวเอง
ลั่วหานพิงไปที่พนักเก้าอี้อย่างสบายใจ แต่เธอไม่กล้าหลับตาลงเนื่องจากกลัวว่ากลางคืนจะนอนไม่หลับ จึงได้พูดคุยกับเขาว่า “วันนี้คุณไปที่ห้องของแม่แล้วใช่ไหมคะ?เห็นภาพที่เธอวาดไหม”
หลงเซียวพยายามใช้สมาธิในการขับรถ เขาไม่มองแม้กระทั่งกระจกมองหลัง “เห็นแล้วครับ แม่วาดรูปพวกเราทั้งครอบครัว ที่จริงเธอวาดอยู่นานมากแต่ไม่ให้พยาบาลบอกพวกเรา”
“คุณรู้ได้ยังไงกันคะ?ฉันเพิ่งจะรู้วันนี้เอง”
หลงเซียวหัวเราะแล้วตอบว่า “หลายต่อหลายครั้งที่ผมไปเยี่ยมแม่ ก็มักจะได้กลิ่นสีน้ำมันตลอด”
ลั่วหานไม่เคยคิดมาก่อน เธอเข้าใจว่าหยวนชูเฟินล้มเลิกการวาดรูปไปตั้งนานแล้ว
ดูจากตอนนี้ หยวนชูเฟินน่าจะวาดรูปขึ้นมาอีกครั้งก่อนที่ตัวเองจะจากไป
เมื่อขับกลับมาถึงบ้าน หลงเซียวก็อุ้มลั่วหานไปที่ห้องโถง แม่บ้านได้เตรียมอาหารเย็นเอาไว้แล้ว แต่หลงเซียวกลับขึ้นไปยังห้องหนังสือชั้นสอง
เมื่อเขาเปิดคอมพิวเตอร์ดูก็พบว่ามีอีเมลเข้ามา 2-3 ฉบับจริงๆ
ฉบับที่ 1 มาจากจางหย่ง มีเนื้อหาด้านในว่าคนของเหลียงหยู้คุนรู้เรื่องที่เราปราบปรามยาเสพติดอย่างเข้มงวดในเมืองหลวงจึงไม่กล้าลงมืออีก ที่มาเก๊าก็เช่นกัน
หลงเซียวตอบกลับเพียงคำเดียวว่า :ดีมาก
ฉบับที่ 2 มาจากเจิ้งซิน หลังจากที่เธอส่งอีเมลเข้ามาให้หลงเซียวแล้วก็ส่งข้อความมาด้วย แต่ตอนนั้นหลงเซียวกำลังเดินเล่นกับภรรยาของเขาอยู่จึงไม่ได้สนใจเธอ
เนื้อหาด้านในกล่าวว่าที่เมืองเจียงเฉิงกำลังจะปรับปรุงครั้งใหญ่ พวกเขาต้องการวัสดุจำนวนมาก นี่เป็นโอกาสในการค้าที่ดีหากสามารถใช้วัสดุจากธุรกิจของตระกูลโม่ก็จะให้กำไรแก่เขาไม่หน่อย
ภายในอีเมล์ได้แนบเอกสารประกอบเข้ามาด้วย อาทิเช่นคุณภาพของวัตถุดิบ ข้อมูลด้านต่างๆและเวลา
อีกทั้งใบเสนอราคา ที่กล่าวอย่างชัดเจนว่าผู้มีอำนาจตัดสินใจระดับสูงของบริษัทที่เข้าร่วมมือในครั้งนี้จะต้องเป็นผู้ร่วมในการเสนอราคา
หรือแปลอีกอย่างได้ว่า หากหลงเซียวต้องการทำความร่วมมือในครั้งนี้ เขาจะต้องเดินทางไปที่เมืองเจียงเฉิงด้วยตัวเอง
เหอะๆ!
หลงเซียวอ่านจบแล้วตอบกลับไปว่า :ผมจะพิจารณาดู
เขาจะพิจารณาแน่นอน เนื่องจากตอนนี้ตระกูลฉู่ต้องการเงินทุนจำนวนมาก และต้องการความร่วมมือไม่น้อย การที่สามารถช่วยเหลือตระกูลฉู่ได้ เขาจะต้องพิจารณาแน่นอน
ฉบับที่ 3 มาจากประธานของบริษัทไห่ลุน เป็นจดหมายขอบคุณหลงเซียวให้ความเอื้อเฟื้อในครั้งก่อน ทำให้เขาสามารถตีตัวออกห่างจากวิธีที่น่ารังเกียจของตู้หลิงเซวียนได้ ทั้งยังกล่าวว่าต่อไปหากมีปัญหาใดๆเกิดขึ้นกับหลงเซียวเขาสามารถช่วยได้ก็จะช่วยสุดกำลังเพียงแค่หลงเซียวเอ่ยปาก
หลงเซียวเคาะนิ้วลงที่โต๊ะสองสามที ดูจากสถานการณ์แล้วตอนนี้เขาคงจะกลับขึ้นมาแข็งแกร่งอีกครั้ง แม้ยังดูอ่อนแอกว่าเดิมแต่ก็ดีกว่าถูกถอนรากถอนโคน
หลงเซียวตอบกลับว่า :ครับ
แน่นอนว่าคำตอบของเขาก็หมายถึงการยอมรับความช่วยเหลือ
สุดท้ายหลงเซียวหยิบมือถือขึ้นมาโทรออกไป
เมื่อกู้เยนเซินเห็นว่าเป็นเบอร์ของหลงเซียวก็หัวเราะเหอะๆแล้วพูดขึ้นว่า “โอ้โหคุณชายหลง โทรมาหาผมแบบนี้ ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรกัน ดึกดื่นค่ำคืนแบบนี้ทำไมไม่ใช้เวลาอยู่กับครอบครัว?”
หลงเซียวตอบกลับไปว่า “คุณชายกู้ ค่ำคืนนี้ช่างสั้นนักตอนนี้ผมแค่คิดถึงคุณ”
หา!
กู้เยนเซินแทบกระอักเลือดและตอบกลับไปว่า “ให้ตายเถอะ คุณอย่ามาทำให้ผมตกใจได้ไหมเนี่ย ผมแมนทั้งแท่งนะ!”
หลงเซียวไม่ได้ล้อเล่นกับเขาอีกต่อไปและพูดว่า “มีบางเรื่องต้องให้คุณไปจัดการด้วยตนเอง ช่วยสืบหาข้อมูลให้หน่อย ผมมีแผน”
กู้เยนเซินมองไปยังไป๋เวยที่กำลังทำอาหารอยู่แล้วพูดว่า “ผมจะต้องไปหาสถานที่เงียบๆคุยไหม?ผิดกฎหมายหรือเปล่า?สะดวกคุยไหม?”
หลงเซียวเริ่มปวดหัวเขา ตอบกลับไปว่า “คุณคิดว่ายังไงล่ะ”
เอาล่ะ คาดว่าคงจะไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่นัก
“ตอนนี้ผมเข้าห้องมาแล้วล็อคประตูเรียบร้อย พูดได้!” ครั้งที่แล้วที่ต่อสู้กับเหลียงหยู้คุนที่มาเก๊า คุณชายกู้ไม่ได้ไปร่วมด้วย ตอนนี้เขาเริ่มคันไม้คันมือ
ครั้งที่แล้วหลังจากช่วยเหลือไป๋เวยออกมาเขาก็ไม่ได้หยิบปืนอีก
หลงเซียวเปิดโน๊ตบุ๊คออกมาและกรอกรหัสเข้าไป รหัสที่เขากรอกไปเมื่อสักครู่เป็นรหัสของตู้เซฟ แน่นอนว่าไม่ใช่ตู้เซฟของเขา
“ไปสวิตเซอร์แลนด์ให้หน่อย และไปพบกับผู้จัดการใหญ่ของธนาคารสวิตเซอร์แลนด์ ให้เขาช่วยเปิดตู้เซฟให้ทีจากนั้นนำของข้างในออกมา” หลงเซียวพูดพร้อมกับเคาะนิ้วลงไปบนโต๊ะ
เมื่อกู้เยนเซินได้ยินคำว่าสวิตเซอร์แลนด์ แววตาเขาก็เป็นประกายแล้วพูดว่า “ไม่ได้ไปสวิตเซอร์แลนด์ตั้งนานแล้วสินะ ผมก็อยากจะไปดูเหมือนกันว่าพ่อเก็บตังค์ไว้ให้ผมเยอะขนาดไหนแล้ว คุณเข้าใจดีว่าในสายตาพ่อของผม ผมมันก็แค่คนไร้ประโยชน์กินอยู่ไปวันๆ”
หลงเซียวพูดอย่างไม่เกรงใจว่า “อืม พ่อของคุณมองคนถูกมาก มองคนเก่งมากจริงๆ” หลงเซียวหัวเราะ
“ยังต้องการความช่วยเหลือจากผมไหม?”
“แน่นอนสิ แต่เรื่องนี้ก็มีความเสี่ยงอยู่ นี่คือตู้เซฟของหลงถิง ผมกรอกรหัสไปแล้ว ตอนที่คุณไปถึงอาจจะถูกพนักงานเพ่งเล็ง ดังนั้นผมจึงต้องการให้คุณเข้าไปในฐานะที่มาตรวจสอบตู้เซฟของตัวเอง”
“ผมเข้าใจน่า คุณจะให้ผมไปเอาอะไร?”
หลังจากครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ หลงเซียวก็ตอบกลับมาว่า “รูปภาพ”
“เป็นผลงานด้านศิลปะหรือ? หลงถิงซื้อรูปภาพของใครไว้กัน? ดาวินชี? ราฟาเอล? หรือแวนโก๊ะ? รูปภาพที่มีคุณค่าต่อการสะสมพวกนี้ถึงจะสามารถทำให้คุณปวดหัวแบบนี้ได้ นี่ตอนนี้คุณแย่ขนาดนี้เลยหรือไง ถึงขั้นจะขโมยรูปภาพไปขาย! ต้องการความช่วยเหลือจากผมไหมซัก ห้าล้านสิบล้านผมยังมีบ้าง”
หลังจากที่หลงเซียวฟังเขาพูดจบก็กล่าวออกมาด้วยสีหน้าจริงจังว่า “รูปของแม่ผมเอง”
หา?!
ภาพที่กู้เยนเซินคิดอยู่เมื่อครู่ถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ
รูปภาพของหยวนชูเฟินจะต้องเก็บไว้ในตู้เซฟที่สวิตเซอร์แลนด์เชียวเหรอ?
หลังจากวางสายลง หลงเซียวก็ปิดคอมลงเขามั่นใจในความสามารถของกู้เยนเซิน
……
ความมืดปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า
รถหรูสีดำคันยาวขับผ่านไปในซอยหนึ่ง และเนื่องจากรถมีขนาดยาวเกินไปจึงให้ทำให้เข้าไปไม่ได้ คนขับรถจึงดับเครื่องลง
เหลียงจ้งซุนพูดว่า “ท่านประธานครับ ข้างในเข้าไปไม่ได้แล้ว”
หลงถิงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมเถอะ”
“ครับ”
เหลียงจ้งซุนถือกล่องโบราณอันสวยงามประณีตมอบให้หลงถิงแล้วพูดว่า “ท่านประธานครับ ระวังตัวด้วย”
“อืม”
คนขับรถลงมาเปิดประตูรถ หลงถิงก้าวขาออกมา ลมในฤดูหนาวอันหนาวเหน็บลอยมาปะทะกับตัวเขา ชายเสื้อคลุมสีดำปลิวไสว ลมหนาวยิ่งพัดมายิ่งหนาวเหน็บและเยือกเย็น
เขามองเข้าไปในซอยที่ไร้ผู้คน มีเพียงแสงไฟส่องสว่างอยู่ข้างทาง หลงถิงเดินถือกล่องเข้าไปด้านในทีละก้าวทีละก้าว กระทั่งร่างของเขาหายเข้าไปลับตา
ร้านนั้นเป็นร้านที่ไม่มีชื่อเสียง ไม่มีแม้กระทั่งป้ายชื่อที่ตั้งอยู่ในตรอกเล็กๆแห่งหนึ่งของเมืองหลวง แต่ละวันต้อนรับลูกค้าเพียงแค่โต๊ะเดียว อีกทั้งไม่มีบริการใดๆ มองแล้วช่างลึกลับเสียจริง หลายๆคนให้ขนานนามที่แห่งนี้ว่าเป็นที่ลึกลับ
ร่างสูงใหญ่ก้าวเข้าไปในประตูอันคับแคบ เขาเดินตามทางเข้าไปด้านใน
หลงถิงมองเห็นชายผู้หนึ่งยืนหันหลังให้กับเขา ชายผู้นั้นนำมือไขว้หลังและยืนมองรูปภาพที่แขวนอยู่บนกำแพง
เขารู้สึกได้ว่ามีคนเดินเข้ามา แต่ไม่ได้หันหลังกลับมา เพียงก้มหน้าแล้วถามว่า “วัวในรูปภาพนี้คล้ายกับไม่ยินดีที่จะทำงานให้เจ้านาย อีกทั้งดูไร้เรี่ยวแรง”
หลงถิงมองไปที่รูปภาพนั้น เป็นรูปภาพที่มีชื่อว่า “วัวไถนา”
“อาจเป็นเพราะว่าอาหารที่เจ้าของให้กินนั้นไม่เพียงพอหรือแย่เกินไป หากให้อาหารในปริมาณที่เพียงพอแก่มัน มันอาจจะทำงานด้วยแรงทั้งหมดที่มี”
เขาผู้นั้นหัวเราะเหอะๆ “หากให้อาหารมากเพียงพอแก่มัน เกรงว่าจะยิ่งไม่อยากทำงานกว่าเดิม ไม่ว่าคนหรือว่าสัตว์ล้วนมีความละโมบอยู่ในจิตใจ”
หลงถิงหัวเราะด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นแล้วพูดว่า “หากการเพิ่มอาหารให้มันยังช่วยไม่ได้ ก็คงจะต้องใช้แส้ตีแล้ว”