ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 662
ตอนที่ 662 โถ ให้ฉันกอดหน่อย
ร่างบางได้อ่อนแรงเหมือนทรายอยู่ในอ้อมกอด ร่างกายที่เป็นสีชมพูนั้นได้ย้ำเตือนสิ่งที่พึ่งเกิดขึ้นกับพวกเขาเมื่อกี้ หลงเซียวได้กอดเธอด้วยความรัก ค่อยๆ เอาหัวของเธอนั้นซบไปที่อกของเขาอย่างระมัดระวัง
“ไม่สบายตัวหรือ?” เขานั้นได้ลูบผมที่เปียกของเธอ ผมที่เปียกนั้นได้อยู่บนหน้าผากของเธอ ผิวที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อนั้นก็ได้ทำให้ผิวของเธอนั้นดูขาวกว่าเดิม ได้ขาวใสเหมือนเซรามิก
นานแล้วที่ลั่วหานไม่ได้ใกล้ชิดกันเขาแบบนี้ บวกกับว่ากลัวจะเป็นอันตรายกับลูก เพราะงั้นเมื่อกี้นั้นตื่นเต้นมากจริงๆ ไม่งั้นเหงื่อคงไม่ออกเยอะขนาดนั้น แต่ว่า ทุกครั้งที่ได้รวมเป็นหนึ่งเดียวนั้นก็ทำให้ใจของเธอนั้นได้รับการเติมเต็มอย่างมากที่สุด ทำให้เธอนั้นอดไม่ได้ที่จะไม่หลงใหล!
ลั่วหานนั้นได้นอนแบบขี้เกียจอยู่บนร่างกายของเขา น้ำเสียงได้อ่อนหวาน ได้ปนไปกับกลิ่นที่หวานที่อยู่นั้นห้องนอน “ไม่ได้ไม่สบายตัว มันมีความสุขมากค่ะ”
หลงเซียวเลิกคิ้ว ทำตัวของเขานั้นร้อน แผ่นหลังนั้นได้มีเหงื่อเล็กน้อย เธอได้พูดยั่วออกมาแบบนี้ ใต้ท้องของเขานั้นก็ได้เริ่มที่จะแข็งตัวอีกครั้ง “คุณพูดแบบนี้ ผมเข้าใจผิดได้นะ ลั่วลั่ว”
ลั่วหานมองเวลาสักพัก ได้ห้าทุ่มแล้ว เธอได้เข้าใกล้เขา หรี่ตาแล้วพูดว่า “คุณยังมีแรงเหรอ? เข้านอนกันดีกว่า พรุ่งนี้ยังต้องทำงานนะ”
หลงเซียวพลิกตัว จูบลงบนหน้าผากของเธอ “ลั่วลั่ว ช่วงนี้ผมงานยุ่งมากๆ เลยดูแลคุณได้ไม่ทั่วถึงหรือเปล่า? คุณมีเรื่องอะไรต้องบอกผมนะ”
เขาตื่นเต้นแบบนี้ ระวังขนาดนี้ ทำเอาลั่วลั่วรู้สึกผิดไปเลย
“คุณหลง ความระแวงระวังของคุณนี้มันอะไรกัน? ฉันยังหนีได้เหรอ? คุณนี่น้า หยุดคิดมากได้แล้ว ฉันก็แค่เห็นว่าคุณนั้นเหนื่อยมากๆ เพราะงั้นถึงได้ไม่อยากให้คุณนั้นเป็นห่วงฉัน โง่หรือเปล่า?”
ลั่วหานเริ่มง่วง ได้มุดไปที่อ้อมกอดของเขา พูดไปด้วยเสียงงัวเงีย
มุมปากของหลงเซียวได้ชี้ขึ้น หัวเราะแล้วพูดว่า “คุณเป็นภรรยาของผม เรื่องอื่นนั้นไม่สำคัญ เพราะงั้น คุณนั้นอยู่ในอันดับหนึ่ง การรับใช้คุณนั้นเป็นหน้าที่หลักของผม ต่อไปก็ใช้ผมได้แบบไม่ต้องกังวลอะไร ไม่ต้องเกรงใจ”
“ฮ่าๆ” ลั่วหานนั้นได้ถูกเขาหยอกจนขำ “คุณไม่ง่วง?”
เมื่อกี้หลงเซียวนั้นได้ผ่านการออกกำลังกายมาอย่างหนัก ตอนนี้นั้นกำลังตื่นตัวอยู่ จะนอนหลับได้ยังไง?
“คุณนอนเถอะ ผมอยู่เป็นเพื่อน”
ลั่วหานพยักหน้า “ทางฟางหลิงหยู้ คุณทำอะไร? ลงมือหรือยัง?”
หลงเซียวนั้นได้เล่นผมของเธอในมือ “ใกล้แล้ว ฟางหลิงหยู้นั้นลงมือเร็ว เธอลงมือเร็วเท่าไหร่ ตายก็จะเร็วเท่านั้น”
ลั่วหานนั้นได้จับมือที่ใหญ่ของเขาไปจับที่ท้องของเธอ “ชู่ว เลือดสาดเกินไป อย่าให้ลูกน้อยได้ยิน”
“ฮ่าๆ!” หลงเซียวนั้นหัวเราะออกมา จับหน้าของลั่วหานแล้วก็จูบลงไป “งั้นก็ไม่พูดแล้ว ทำดีกว่า เขาไม่ได้ยิน”
“นี่! หลงเซียว ง่วงแล้ว ง่วงแล้ว นอนได้แล้ว!” ลั่วหานได้ไปแงะมือของเขา แต่ก็ไม่เป็นผลเขาแรงเยอะเกินไป แงะไม่ออกจริงๆ
“คุณนอนของคุณไป ผมทำของผมไป ไม่รบกวนการนอนของคุณ” หลงเซียวพลิกตัว แป๊บเดียวก็ได้ทับลั่วหานลง
โทรศัพท์นั้นก็ได้สั่นอย่างเร่งรีบ เสียงสั่นนั้นได้ขัดจังหวะการพลอดรักของทั้งสอง
หลงเซียวนั้นได้ขมวดคิ้ว ให้ตายเถอะ!
ลั่วหานอาศัยจังหวะนี้แยกมือของเขาออก “รับสายเถอะ กล้าที่จะโทรมาหาคุณตอนดึกขนาดนี้ ต้องเป็นเรื่องด่วนแน่ๆ”
ถ้าไม่ใช่เรื่องด่วน หลงเซียวจะลงมือบีบคอเขาให้ตายแน่ๆ!
หลงเซียวนั้นได้จูบที่ปากของเธออย่างเสียดาย “รอผม”
ใครจะรอ! ฉันจะนอน!
ลั่วหานพูดในใจ ได้เอาผ้าห่มมาปิดร่างของเธอ แอบยิ้ม “ได้ ฉันจะรอ”
หลงเซียวได้เปิดผ้าห่มแล้วลงจะเตียง บนโทรศัพท์ได้โชว์ชื่อของเจิ้งซิน เขาขมวดคิ้วจนระหว่างคิ้วนั้นมีรอยสามรอย ได้ใส่เสื้อคุมพร้อมความไม่สบอารมณ์ ได้ใช้มือข้างเดียวมัดเสื้อคลุมอย่างหลวมๆ ที่เอว ได้มัดปมง่ายๆ
เลื่อนไปเปิดประตูกระจกที่ระเบียง แล้วก็ได้ปิดตาม แบบนี้เขาถึงได้รับสาย “ฮะโหล”
เจิ้งซินรออยู่นาน คิดแล้วว่าหลงเซียวคงจะไม่รับสายเธอ ตอนที่จะถอดใจนั้นในที่สุดก็ได้ยินเสียงที่ไพเราะมากๆ ดังเข้ามา ดีใจจนแทบจะร้องไห้ออกมา!
“หลงเซียว ในที่สุดคุณก็รับสาย! คือว่า……ฉันไม่ได้รบกวนเวลาพักผ่อนของคุณใช่ไหม”
“รบกวนแล้ว” หลงเซียวตอบด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาอย่างไม่พอใจ ใบหน้าที่หล่อเหลานั้นได้มีความไม่สบอารมณ์แสดงอยู่
เจิ้งซินได้ยินที่เขาตอบก็ทำตัวไม่ถูกเลยทันที พยายามที่จะยิ้มออกมา “ขอโทษมากจริงๆ ดึกขนาดนี้แล้วยังโทรหาคุณ เป็นเพราะว่าฉันคิด……”
“คุณเจิ้ง พูดธุระ” หลงเซียวไม่มีเวลาที่จะมาคุณเรื่องความรู้สึกกับเธอ และยิ่งไม่มีอารมณ์มาเกรงใจเธอ
ใบหน้าของเธอนั้นได้ถูกหลงเซียวทุบจนละเอียด เมื่อกี้ตอนที่อยู่หน้าของเสิ่นเหลียวนั้นได้มีท่าทางของคุณหนู เวลานี้นั้นไม่เหลืออยู่อีกเลย “ได้ วันนี้เสิ่นเหลียวมาหาฉัน ได้ซื้อรถมาให้ฉัน รถราคาสิบล้าน”
“แล้ว?” หลงเซียวตอบไปอย่างขี้เกียจ เขานั้นได้เทน้ำให้ตัวเองครึ่งแก้ว ดื่มไปอึกหนึ่ง นอกหน้าต่างนั้นได้มีวิวค่ำคืนที่สวยราวกับน้ำ ค่ำคืนได้สงบมาก ทำให้เสียงของเจิ้งซินนั้นน่ารำคาญ
เจิ้งซินพูดต่อ “เสิ่นเหลียวอยากจะได้โปรเจคพัฒนาของเขตเมืองเก่า เขานั้นอย่างจะให้ฉันช่วยเขาโดยวิธีการที่ไม่สะอาด”
หลงเซียวพยักหน้า คิดอะไรได้ “เพราะงั้น?”
เจิ้งซินไม่อยากพูดอะไรไร้ประโยชน์ “ฉันอยากจะมาถามความคิดเห็นของคุณ ตอนนี้ในมือของคุณมีงบประมาณพอไหม? คุณสามารถที่จะคว้าโปรเจคนั้นมาได้ไหม? ถ้าเกิดคุณเอามาได้แล้วแต่ว่ามีงบประมาณไม่พอละก็ ต้องเกิดความวุ่นวายแน่ๆ”
เจิ้งซินนั้นได้พูดเตือนกับหลงเซียวในฐานะตัวแทน และเป็นการตักเตือนหลงเซียว งั้นไงซะขอให้เป็นโปรเจคที่ทำกำไรได้มากพอแบบนี้ พวกนักธุรกิจนั้นก็ได้เตรียมใจที่จะแย่งมันมาแน่นอน
“อือ? คุณเจิ้งนั้นเตรียมตัวที่จะขายของขวัญที่พึ่งได้มาจากการติดสินบนแล้วเอามาเป็นทุนให้ผม?” หลงเซียวได้ดื่มน้ำอึกที่สอง ได้พูดประชดออกไป
“ไม่ ไม่ใช่แน่นอน! เงินแค่นี้จะพอทำอะไรได้อ่ะ? ฉันก็แค่จะถามคุณก่อน ว่างบประมาณให้มือของคุณนั้นมันมีเพียงพอที่จะทำให้โปรเจคนี้ดำเนินการจนจบได้หรือเปล่า? ถ้าไม่ได้จริงๆ ฉันของเตือนคุณอย่ามายุ่งเรื่องนี้”
ความนัยแอบแฝงก็คือ ความโลภก็เหมือนงูกลืนช้าง
หลงเซียวพูดออกไปเรียบๆ ว่า “พูดออกมาแบบนี้ เธอไปได้ยินอะไรมา?”
เป็นสิ่งที่เจิ้งซินนั้นไม่กล้าที่จะคิดไปเองจริงๆ เธอกลัวว่าตัวเองนั้นจะพูดอะไรผิดไป คนที่ซวยก็เป็นตัวเอง เพราะงั้นเธอก็ได้พูดออกไปอย่างระวังว่า “เสิ่นเหลียวบอกฉันมาว่า งบประมาณในมือของคุณนั้นกำลังลงไปกับโปรเจคพลังงานใหม่ การประมูลโปรเจคคราวก่อนก็เพราะว่าราคามันแพงกว่าเจ็ดสิบล้านคุณก็ไม่เอาแล้ว เพราะงั้น……ตอนนี้ในมือของคุณนั้นไม่มีเงิน เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?”
เหอะๆ!
พูดออกมาแบบนี้ นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่ฟางหลิงหยู้นั้นไปบอกข่าวให้กับเสิ่นเหลียว การทำงานของเธอนั้นถือว่าไม่เลว!
“คุณเจิ้ง คุณเป็นคนฉลาด เวลาสำคัญนั้น ฟังน้อยๆ มองมากๆ ไม่ต้องเชื่อความข้างเดียว”
ในหัวของเจิ้งซินนั้นได้มีอะไรแวบขึ้น “พูดแบบนี้……”
“เสิ่นเหลียวนั้นอยากจะได้โปรเจคของเมืองเจียงเฉิง รถคันเดียวเกรงว่าจะไม่พอล่ะมั้ง ผมจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่เขาต้องการสิทธิ์ในการพัฒนาเมืองหลินเจียงอันดับหนึ่งนั้น ได้ให้พ่อคุณหนึ่งร้อยล้าน เงิน……สด”
เจิ้งซินนั้นเหมือนกับว่าตัวเองได้มีปืนมาจ่อที่หัว วินาทีนั้นเธอนั้นไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมาแม้แต่นิดเดียว เขา……เขารู้รายละเอียดชัดเจนพวกนี้ได้ยังไง!
“เสิ่นเหลียวอยากจะได้โปรเจคพัฒนาเขตเมืองเก่านี้ เกรงว่าจะคงไม่ได้ประจบพ่อของคุณคนเดียว ยังคงต้องไปแสดงหน้าให้รัฐมนตรีเฉินด้วยล่ะมั้ง? รัฐมนตรีเฉินมีบทบาทแบบไหน? เธอยังไม่ชัดเจนอีกเหรอ?” หลงเซียวได้พูดออกไปง่ายๆ ไม่ได้มีความกังวลรีบร้อนเลยสักนิด ขนาดน้ำเสียงนั้นก็ไม่ได้มีอะไรแปลก
เจิ้งซินเริ่มกลัว “คุณรู้ได้ยังไงว่าเขาจะไปหารัฐมนตรีเฉิน”
เฉินว่านเหนียนนั้นหัวโบราณ แต่ว่า……แต่ว่าไม่ใช่ว่าเขานั้นจะไม่โลภ โดยเฉพาะตอนนี้ลูกชายและลูกสะใภ้ของเขานั้นได้พักผ่อนที่บ้านเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ หลานของเขายังต้องทำการผ่าตัดหัวใจ เขาร้อนเงินมาก
“เขาไม่ไป คุณสามารถที่จะแนะนำให้เขาไป ส่วนเรื่องที่จะเกิดขึ้นตามมานั้น คุณเป็นมืออาชีพ” หลงเซียวได้พูดเยาะเย้ย
“คุณต้องการหลักฐานที่เสิ่นเหลียวนั้นติดสินบน?”
“อือ? หรือว่าจะให้ผมนั้นเอารถของคุณไปบอกกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริต?”
“ไม่ ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น ฉันจะจับตามองเสิ่นเหลียว เอาหลักฐานที่เขานั้นติดสินบนกับรัฐมนตรีเฉิน”
“อืม รัฐมนตรีเฉินไม่รับ แต่ พฤติกรรมติดสินบนของเสิ่นเหลียว ต้องเอามาให้ได้”
“ได้ ทางรัฐมนตรีเฉินนั้นฉันจะไปพูดให้ก่อน”
พูดเรื่องสำคัญเสร็จ เจิ้งซินก็ได้เม้นปากลงพูดเสียงอ่อนโยนว่า “หลงเซียว การมาเมืองเจียงเฉิงอาทิตย์หนึ่งนั้น คุณจะพักที่ไหน? ฉันเตรียมการให้คุณ?”
“ไม่ต้อง คนขอผมจะจัดการเอง” หลงเซียวง่วงแล้ว ไม่อยากที่จะพูดมาก
“แต่ว่า……” เจิ้งซินนั้นที่จะเอาสิทธิ์นั้นมา
“ดึกมากแล้ว คุณเจิ้งรีบพักผ่อนเถอะ”
หลงเซียวได้วางสายเลยทันที สายตาที่คมนั้นได้มองไปนอกหน้าต่าง มองไปไกล มองแล้วเหมือนว่าจะเป็นท้องฟ้าที่สงบ ใครจะรู้ว่าภายหลังก้อนเมฆนั้นได้ซ้อนพายุอะไรไว้บ้าง? ใครจะรู้ว่าในจักรวาลที่ไกลออกไปนั้นได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง?
ได้เอาโทรศัพท์วางไว้บนที่นั่งที่ระเบียง หลงเซียวได้เปิดประตูกระจก เดินกลับไปที่เตียง
ลั่วลั่วได้หลับตาลง เหมือนว่าจะนอนแล้ว
หลงเซียวได้เข้าไปในผ้าห่ม ความเย็นบนร่างกายนั้นได้ทำให้ผ้าห่มนั้นเย็น เขากลัวที่จะโดนลั่วหาน ก็ได้ขยับไปข้างๆ เตียง ใครรู้ แขนข้างหนึ่งนั้นก็ได้ขยับเข้ามา กอดเขาไว้
“เย็นขนาดนี้? ออกไปรับโทรศัพท์ทำไมไม่สวมเสื้อ?” ลั่วหานให้ใช้ตัวเองให้ความอบอุ่นเขา มือนั้นได้ลูบเขาอย่างระวัง ลูบจนร้อน จะได้ช่วยให้เขานั้นอุ่นเร็วๆ
หลงเซียวกลัวว่าเธอจะไม่สบาย “ไม่เป็นไร คุณไปนอนตรงนู้น ผมตัวอุ่นแล้วไปกอดคุณ”
“โอ๊ย! ลีลาอะไร ฉันไม่กลัวหนาว รีบมาให้ฉันกอด อุ่นแล้วจะได้นอนด้วยหัน” ลั่วหานได้พูดออกไปไม่หยุดแล้วเอาตัวเองไปติดกับเขา ทั้งสองคนหนึ่งร้อนคนหนึ่งเย็น ไม่นานก็ได้อุ่นเหมือนกัน
หลงเซียวได้กอดเธอเงียบๆ “เจิ้งซินโทรมาหาผมแล้ว พูดเรื่องโปรเจคการพัฒนาเขตเมืองเก่า ผมต้องไปทำงานนอกสถานที่หนึ่งอาทิตย์”
ลั่วหานได้พูดอืมออกไป “การพัฒนาเขตเมืองเก่านั้นได้กำไรมาก เสิ่นเหลียวต้องอยากได้แน่ๆ”
“ใช่ เขาได้ติดสินบนด้วยการให้รถเจิ้งซินหนึ่งคัน”
ลั่วหานหัวเราะออกมา “คุณล่ะ? คุณคิดจะเอาอะไรไปติดสินบนเธอดี? เอางี้ ร่างกาย?”
“พูดไปเรื่อย!” หลงเซียวนั้นได้จับปากของเธอ ได้เอาริมฝีปากบนล่างของเธอปิดเข้าด้วยกัน ท่าทางนั้นน่ารักมาก “โปรเจคที่ผมอยากได้ ไม่จำเป็นต้องติดสินบน เจิ้งซินนั้นทนไม่ไหวที่จะให้ผมนั้นไม่ได้ผลประโยชน์จากเธอ”
ลั่วหานหัวเราะออกมา เหมือนว่าจะมองแผนของเขาออกแล้ว “ไม่มีข้าราชการที่ไม่โลภ คุณนั้นมีหลักฐานความผิดของพ่อเธออยู่ใช่ไหม?”
“ฉลาด!”
ลั่วหานนั้นรู้ว่าความโลภนั้นในพวกข้าราชการแล้วหมายความว่าอะไร ก็พูดไปว่า “เจิ้งเฉิงหลินนั้นเป็นข้าราชการที่เมืองเจียงเฉิงมาสิบกว่าปี ลูกน้องก็มีค่อนข้างเยอะ คุณเป็นนักธุรกิจ อย่าไปหาเรื่องกับเขาง่ายๆ ถ้าเกิดเขาเอาคืนขึ้นมา โปรเจคของคุณได้ถูกสั่งหยุดจนหมดแน่ๆ”
หลงเซียวนั้นได้จัดผ้าห่มดีๆ เอาขานั้นพันปลายผ้าห่ม ได้ห่มขาของลั่วหานอย่างดี มั่นใจว่าไม่มีลมเข้ามา “รอให้ผมจัดการเรื่องที่เมืองเจียงเฉิงจนเสร็จก่อน เจิ้งเฉิงหลินสำหรับผมแล้วไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว”
“คุณจะล้มเขา?” ลั่วหานได้หาว ได้ง่วงจริงๆ
หลงเซียวได้หลับตาลง ได้นวดไปที่หัวของเธอช่วยให้เธอหลับ “ใช่ คนอย่างเจิ้งเฉิงหลิน เก็บไว้ก็จะเป็นอันตราย ผมจะให้เขาใช้ชีวิตอย่างสุขสบายไม่ได้”
“ถ้าพูดถึงอันตราย เขาเป็นที่สอง คุณนั้นที่หนึ่ง” ลั่วหานหาท่าที่สบาย พูดไปพูดไปก็ไม่มีเสียงแล้ว
หลงเซียวได้หลุดหัวเราะออกมา “ใช่ ผมก็เป็นอันตราย ตัวอันตรายนั้นต้องมีคนมาเก็บ ผมนั้นถูกคุณเก็บแล้วไม่ใช่เหรอ?” เขาพูดจบ คนในอ้อมกอดนั้นก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไร ก้มหน้าไปดูก็ได้นอนไปแล้ว