ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 666
เนื่องจาก ACC Google Drive บินไปหลาย Email
เราจะทยอยไล่แก้ให้ยามว่างอยากให้แก้เรื่องไหนคอมเมนต์ไว้นะคะ
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
ตอนที่ 666 เป็นไงบ้าง
ห้องเพรสซิเดนท์สูทชั้นบนของโรงแรม ห้องได้ปิดสนิท ภายในห้องนั้นมีแต่หลงถิงและเหลียงจ้งซุน สองคน
บรรยากาศ น่ากดดัน
ลมหายใจ ได้กดต่ำมากๆ
หลงถิงได้ดื่มน้ำไปเยอะมาก มือนั้นได้แกะเนกไทด้วยความสั่น ท่อนล่างนั้นได้ขยับไปไหนไม่ได้
เหลียงจ้งซุน ช่วยเขาเอาแก้วไปเก็บ ค่อยๆ ไปนั่งตรงข้ามของเขา ระยะห่างของทั้งสองนั้นไม่ไกลมาก ได้เห็นความคิดภายในตาของทั้งสองได้ชัดเจน
“ท่านประธาน คุณไม่ยอมรับเรื่องคุณชายใหญ่ไปตรงๆ เพราะกลัวว่าจะมีคนไปขุดเรื่องตอนนั้นใช่ไหม?” น้ำเสียงของเหลียงจ้งซุน นั้นได้เบาและช้ามาก กลัวว่าถ้าเสียงดังไป ก็จะทำให้หลงถิงนั้นโมโห
หลงถิงหยักคิ้ว ตานั้นได้มองบนไปหนึ่งส่วนสาม “เหล่าเหลียง!”
เหลียงจ้งซุน ไม่กล้าพูดต่อ “ท่านประธานคิดจะทำยังไงต่อ? ตอนนี้เรื่องก็ได้หลุดออกมาแล้ว พวกนักข่าวนั้นไม่ยอมที่จะปล่อยเรื่องนี้ไปแน่ๆ ไม่นานพวกเขาก็จะรู้ ถ้าเกิดพวกเขาเชื่อที่คุณ….. โฉ พูดล่ะ ผลที่ตามมานั้นไม่กล้าที่จะคิด”
มือที่หนาของหลงถิงนั้นได้ไปนวดระหว่างคิ้วของเขา นางโง่สมควรตาย! โง่จริงๆ!
โฉหวั่นชิงรู้แค่ว่าหลงเซียวนั้นไม่ได้เป็นลูกแท้ๆ ของเขา รู้ว่าก่อนที่หยวนชูเฟินแต่งงานก็ได้ท้องก่อนแล้ว แต่เธอไม่รู้ว่าตัวเองนั้นกับพ่อของหลงเซียวนั้นมีความเป็นมายังไง!
นางโง่! ยี่สิบปีก็ทนมาแล้ว ก็ทนต่อไปอีกหน่อยไม่ได้เหรอ! อีโง่!
หลงถิงนั้นได้โมโหจนหน้านั้นได้เปลี่ยนไป ความคิดที่อยากจะฆ่าคนก็มีแล้ว
“บอกโฉหวั่นชิงว่าให้เธอนั้นสำรวมตัวเธอหน่อย ถ้าเกิดกล้าพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว วันนี้ฉันเอาเธอตายแน่!” หลงถิงนั้นปวดหัวมากๆ มือนั้นได้ไปตี “ปึ้ง” กับโต๊ะอย่างแรก
โต๊ะกลมไม้ขนาดใหญ่นั้นได้ถูกเขาตีจนสั่น น้ำชานั้นก็ได้หกออกมาจะแก้ว ทำให้โต๊ะนั้นเปียก
เหลียงจ้งซุน นั้นก็ได้รีบทำตาม ได้เอาโทรศัพท์ออกมาแล้วก็ไปโทรที่ระเบียง
แล้วในเวลาเดียวกัน โทรศัพท์ของหลงถิงนั้นก็ได้ดังขึ้น
หลินเหว่ยเย่เป็นคนโทรมา
หลงถิงเห็นชื่อของเขา ในใจที่วุ่นวายอยู่นั้นก็ได้สงบลงมาบ้าง “น้องชายหลิน นายเห็นข่าวแล้วใช่ไหม?”
หลินเหว่ยเย่นั้นได้ล็อกประตูห้องหนังสือ เดินไปที่หน้าต่าง แล้วก็ได้ปิดหน้าต่าง ปิดม่าน “นี่มันเรื่องอะไร? ผู้หญิงคนเดียวก็ปิดไม่อยู่แล้ว? ช่วงเวลาแบบนี้ทำไมถึงได้หลุด……เรื่องนี้ออกมา?”
เขาคิดไปสักพัก ไม่ได้พูดออกมาตรงๆ
หลงถิงได้เตะฐานโคมไฟด้วยความโมโห “เธอนั้นไม่ได้ขอความเห็นของฉัน ก็ได้ทำไปเอง ไอ่ผู้หญิงทำให้เสียเรื่อง ฉันนั้นสั่งให้เล่าเหลียง ไปเตือนเธอแล้ว”
หลินเหว่ยเย่ได้สูดหายใจเข้าไป “ฉันบอกนายก่อนนะ ถ้าเกิดพวกนักข่าวรู้ว่าหลงเซียวนั้นไม่ใช่ลูกแท้ของนาย พวกเขานั้นต้องไปตามสืบพ่อแท้ๆ ของหลงเซียวแน่ ด้วยฝีมือของพวกนักข่าวนั้น บวกกับคนที่แอบทำอะไรในนั้นแล้ว ถ้าได้ขุดมันออกมา ไม่แน่ก็ได้สืบไปจนถึงมู่เส้าเอิน ถึงตอนนั้น เรื่องคดีการตายของตระกูลมู่ก็ได้ถูกขุดออกมาแน่”
ปีกเดียวได้ขยับ ก็จะทำให้มีพายุกลางทะเล
จะไม่ระวังตัวไม่ได้!
หลงถิงทำไมจะไม่รู้ผลลัพธ์นี้ เพราะงั้นเขาถึงได้มีท่าทางที่เปลี่ยนไปในงานไง “ฉันให้ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของบริษัทนั้นไปเจรจากับพวกนักข่าวแล้ว ข่าวนั้นจะถูกลบโดยเร็ว ก่อนที่ฉันจะจัดการหลงเซียวได้นั้น เขาต้องใช้นามสกุลหลง!”
หลินเหว่ยเย่นั้นร้อนรนมากๆ ได้สั่นไปทั้งตัว คิดไม่ถึงว่าแผนการที่วางไว้ทั้งหมดนั้นได้ถูกคนอย่างโฉหวั่นชิงนั้นได้พังไปหมด
“นายทำไมยังเก็บโฉหวั่นชิงอยู่?” หลินเหว่ยเย่โมโหจนได้นวดขมับ ในท้องนั้นเต็มไปด้วยไฟ แต่ไม่รู้ว่าจะไปลงที่ไหน
สายตาของหลงถิงได้หมองลง ภาพเหตุการณ์วันนั้นได้โผล่ขึ้น ราวกับเมื่อวาน “ฉันอยากฆ่าเธอ แต่อาเฟินบอกให้ฉันนั้นปล่อยให้เธอมีชีวิตอยู่ต่อ”
“อะไรนะ?!” หลินเหว่ยเย่นั้นได้ตกใจแล้วจริงๆ คิดไม่ถึงว่าเป็นหยวนชูเฟิน!
หลงถิงก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน ความใจอ่อนเมื่อยี่สิบปีก่อน ได้เป็นเหมือนระเบิดทำลายล้างเขาในตอนนี้ “ฉันรู้ว่านายอยากจะพูดอะไร ตอนนี้นั้นไม่ทันแล้ว ถ้าลงมือตอนนี้ ฉันนั้นต้องเป็น ผู้ต้องสงสัยที่ใหญ่ที่สุด”
หลินเหว่ยเย่นั้นได้ลากเก้าอี้นั่งลง “ใช่ ตอนนี้ลงมือก็ไม่ทันแล้ว เลี้ยงเสื่อจนเป็นผลร้าย เลี้ยงเสื่อจนเป็นผลร้าย!”
หลงถิงพูด “แผนตอนนี้ คือปฏิเสธข่าวบนโซเชียล ไม่ให้มันลามปามมากกว่านี้”
หลินเหว่ยเย่เห็นด้วย “อืม ไม่ว่ายังไงต้องเบี่ยงเบนความสนใจของพวกเขา พี่สะใภ้ล่ะ? เธอนั้นเป็นอะไรกันแน่?”
เป็นเรื่องที่ทำให้หลงถิงปวดหัวอีกเรื่อง “อาเฟินนั้นเป็นโรคมะเร็ง อยู่โรงพยาบาลหวาเซี่ย ตอนนี้ยังไม่ได้บอกกับคนภายนอก”
หลินเหว่ยเย่ “……”
น้ำของตระกูลหลงนั้นลึกเกินไป
หลงถิงถอนหายใจ ตัวนั้นได้อ่อนลงไป “หลงเซียวต้องคว้าโอกาสนี้ไว้แน่ๆ ดีไม่ดีต้องเล่นงานจนถึงที่สุดแน่ๆ”
“ไม่มีทาง!” หลินเหว่ยเย่ได้พูดขัดออกไปทันที อธิบายไปว่า “ในมือของหลงเซียวนั้นได้ถือหุ้นส่วนของMBK อยู่ ถึงแม้ว่าหุ้นส่วนนั้นได้ยกให้ฉู่ลั่วหานไปหมดแล้ว แต่ว่าถ้าเขาออกจะตระกูลหลง หุ้นส่วนในมือนั้นโดยปกติแล้วนั้นก็ต้องคืนให้MBK ทั้งหมด แล้วยังสินทรัพย์ภายใต้ชื่อของเขาอีก อยากน้อยมีครึ่งหนึ่งที่เสียไป เขาไม่ได้โง่ขนาดนั้น”
“แต่สินทรัพย์ของเขาได้ให้ฉู่ลั่วหานไปหมดแล้ว” หลงถิงปวดหัว
“สินทรัพย์ของสามีภรรยา เขามีครึ่งหนึ่ง” หลินเหว่ยเย่ได้จับจุดนี้
ได้ยินที่หลินเหว่ยเย่อธิบาย หลงถิงก็ได้ถอนหายใจอย่างยากลำบาก “ยังดีที่เขาก็ต้องมีเรื่องให้กังวลบ้าง ไม่งั้นเขาต้องเอาฉันตายแน่ๆ”
หลินเหว่ยเย่พูดออกไปอย่างใจเย็น “อีกอย่าง ลูกพี่ตอนนี้ก็ไม่ต้องกลัวอะไรมาก ต่อให้ตอนนี้รู้แล้วว่าหลงเซียวไม่ใช่ลูกชายของนาย ต่อให้ทุกคนรู้ว่าหลงเซียวนั้นเป็น ลูกชายของมู่เส้าเอิน คดีลับเมื่อสามสิบปีก่อนนั้น การที่จะสืบรู้เรื่องนั้นยาก นายก็อย่าให้ตัวเองนั้นร้อนรนจนเผลอตัว”
เวลานั้นผ่านมานานเกินไป หลักฐานนั้นก็ได้หายไปหมดแล้ว ยังจะจับใครได้อีก?
หลงถิงนั้นได้กินยาโรคหัวใจไปเม็ดหนึ่ง หน้าอกไม่ได้เจ็บขนาดนั้นแล้ว “น้องชายหลิน นายนั้นเป็นพี่น้องที่ดีกับฉันจริงๆ พ่อสะใภ้ที่ดี! ซีเหวินนั้นเป็นโชคดีของตระกูลหลงของพวกเรา!”
หลินเหว่ยเย่นั้นหัวเราะไม่ออก “นายจัดการเรื่องประชาสัมพันธ์ให้ดีๆ ก่อน ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมีพูดเรื่องความรู้สึกของพวกลูกๆ”
หลงถิงได้วางสาย เหลียงจ้งซุน ก็ได้กลับมา
“เล่าเหลียง ให้คุณชายลองมาหาฉันเดี๋ยวนี้”
——
ลั่วหานวางโทรศัพท์ หน้าผากนั้นได้เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่ออย่างไม่รู้สึกตัว ยังดีที่ส้งชิงเซวี๋ยนนั้นบอกว่าหยวนชูเฟินนั้นได้นอนไปแล้ว แล้วก็ได้ฉีดยานอนหลับไป พรุ่งนี้ก่อนสิบโมงเช้านั้นไม่มีทางตื่น
ไม่อย่างนั้น เธอนั้นต้องเป็นบ้าแน่
ลั่วหานนั้นได้ไปเอาเสื้อกันหนาวขนสัตว์บางๆ ออกมาจากตู้เสื้อผ้า ใส่ไปพร้อมเดินลงไปชั้นล่าง “อาเซียง ฉันออกไปสักพัก”
อาเซียงเหมือนว่าได้บินออกมาไม่ปาน สองมือได้ห้ามเธอไว้ “ดึกขนาดนี้แล้วคุณนายจะไปไหนคะ? คุณชายสั่งไว้แล้ว คุณออกจากบ้านต้องมีคนขับรถไปด้วย”
ลั่วหานนั้นได้เอากุญแจรถMaybach บนตู้ “ฉันไปหาเขาที่บริษัท ไม่เกิดเรื่องอะไรหรอก ตอนนี้อาการฉันดีมากๆ”
“ไม่ได้ค่ะ! คุณชายบอกแล้ว ถ้าคุณไม่ฟังที่ดิฉันห้าม ดิฉันก็จะโทรไปหาคุณชาย!” อาเซียงยืนยันหนักแน่นไม่มีเปลี่ยนแปลง คางนั้นได้เชิดขึ้นมาสูงมากๆ
ลั่วหานนั้นหมดหนทาง “ก็ได้ก็ได้ ฉันให้คนขับมารับ”
“ค่ะ! ดิฉันโทรเรียกคุณหยัง!”
ลั่วหานเอามือปิดหน้า เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่า ถูกดูแลจนดีเกินไปนั้นก็ไม่ใช่เรื่องดี เธอท้องได้สามเดือนกว่าเอง ไม่ได้ท้องเจ็ดแปดเดือน!
อาเซียงเข้าห้องรับแขกข้างในโทรไปหาหยังเซิน ลั่วหานอาศัยจังหวะนี้แล้วก็ได้ผลักประตูออกไป
รอให้อาเซียงโทรเสร็จ หันหน้าไปดูก็ไม่เห็นคนแล้ว ได้รีบตามขึ้นไป เห็นแต่หางรถ Maybach
“คุณหญิง! คุณหญิง! คุณต้องระวังตัวนะคะ! ดิฉันจะพูดกับคุณชายยังไงดีเนี่ย!”
——
“หึๆ! หึๆๆ! คึกคักจริงเลย!” โม่หรูเฟยได้ควงแขนของซุนปิงเหวิน
แสงสีน้ำเงินบนจอโทรศัพท์นั้นได้ส่องกระทบไปยังใบหน้าของพวกเขาทั้งสอง ส่องซะเม็ดเหงื่อนั้นได้ส่องประกาย
ซุนปิงเหวินได้ยิ้มด้วยมุมปากข้างเดียว “นี่เป็นหลงเซียวที่เธอคิดถึงมาโดยตลอด เห็นทีก็เป็นแค่ลูกชู้!”
ใบหน้าของโม่หรูเฟยนั้นได้แดง “ข่าวนี้อาจจะไม่จริงก็ได้ ยังไงซะหลงเซียวนั้นก็เป็นถึงคุณชายใหญ่ของตระกูลหลง สามสิบปีแล้ว ถ้าเขาไม่ได้เป็น ลูกของหลงถิงจริงๆ เขานั้นจะยอมให้อยู่ในตระกูลหลงตั้งสามสิบปี?”
ซุนปิงเหวินหัวเราะเรียบๆ “กีบเท้าน้อย มีต้นเขย่าเงินอยู่ตรงนั้นหลงถิงจะไม่มีทางไม่เอา เขาเป็นคนโง่เหรอ?”
โม่หรูเฟยร้องออกมา “ฉันรู้สึกว่าแม่ของหลงจื๋อนั้นใจร้อนเกินไป เรื่องนี้ไม่แน่ แต่ว่า หึๆ พรุ่งนี้ผลหุ้นของMBK และบริษัทฉู่ซื่อนั้น ต้องลงจนไม่น่าดูแน่ๆ”
“หลงถิงไม่ได้เชิญพวกเราไปร่วมงาน คงไม่ได้เป็นเพราะกลัวขายหน้าหรอกนะ?”
โม่หรูเฟยได้ดูข่าวไปทีล่ะหน้า ข่าวดาราข่าวซุบซิบที่ดังๆ นั้นขนาดอันดับสิบก็บีบไม่ขึ้นไป ตระกูลหลงนี้เป็นตระกูลหลงจริงๆ เกิดเรื่องแค่นิดเดียวก็กลายเป็นข่าวเด็ดในประเทศได้
แต่ช่วงที่เธอนั้นดัง อยากเป็นข่าวท๊อปยังต้องพยายามเลย!
“ขายหน้า? คนที่ต้องขายหน้านั้นเป็นพวกเขา!” โม่หรูเฟยได้ยิ้มแบบมีเล่ห์นัยน์ “ฉันโทรไปหาลูกพี่ลูกน้องก่อนดีกว่า”
“เห้ย! เธอสนใจเขาทำไม? เขานั้นเป็นคนที่ใกล้ตายแล้วนะ!” ซุนปิงเหวินพูดด้วยความโมโห
โม่หรูเฟยยิ้ม “นายเข้าใจอะไร? ก็เพราะว่าเธอนั้นใกล้ตาย ฉันถึงได้เป็น ห่วงเธอ อย่าลืมสิ ในมือของเธอนั้นมีหุ้นส่วนของบริษัทอึนเคออยู่”
——
ห้องผู้ป่วยเกาหยิ่งจือ
“จิ่งอาน รู้เรื่องนี้ไหม?”
เกาหยิ่งจือนั้นได้ทิ้งโทรศัพท์ลง ไม่อยากที่จะดูต่อ
เกาจิ่งอานส่ายหน้า เขาก็งงเหมือนกัน “ไม่รู้ พี่ชายผมนั้นไม่ได้เป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลหลงได้ยังไง? พูดอะไรไร้สาระ”
เกาหยิ่งจือกลับหัวเราะอย่างมั่นใจ “เท่าที่ฉันดูนะ ข่าวนี้มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นเรื่องจริง คิดดู ถ้าเกิดหลงเซียวเป็นลูกของหลงถิง เขาทำไมถึงได้ไล่เขาออก? ทำไมถึงได้ประคองหลงจื๋อที่ไม่ได้เรื่องขึ้นมาแทน”
“เขาลำเอียง!” เกาจิ่งอานขัดเธอ
เกาหยิ่งจือส่ายหน้า “จิ่งอาน ใช้สมองหน่อย พี่หลงของนายนั้น อาจจะเป็นแค่ลูกชู้ก็ได้ใครจะรู้ นายอย่ามาใส่อารมณ์กับฉัน ฉันว่าเขานั้นเป็น ลูกชู้ เพราะว่าพ่อแท้ๆของเขาไม่ดี บนเน็ตถึงไม่มีใครพูดถึง”
เกาจิ่งอานกัดฟัน “พี่สาว เป็นคนนั้นต้องพูดถึงสัจจะ พี่ชายนั้นไม่ได้เอาเรื่องพี่ต่อแล้ว พี่อย่าไปลอบกัดเขา”
เกาหยิ่งจือไม่สนใจ “นั้นมันคนล่ะเรื่อง ฉันนั้นคงไม่เป็นเพียงเพราะหลงเซียวช่วยไว้ครั้งเดียว ก็จะเดินตามเขา”
เกาจิ่งอานนั้นได้สวนกลับ “พี่ ผมนั้นสงสัยจริงๆ ว่าการที่ปล่อยพี่ออกมานั้นถูกหรือผิด”
พูดจบ เกาจิ่งอานก็ได้เอาเสื้อกันหนาวแล้วก็เดินออกไป
“นายไปไหน!”
“ไปหาพี่ชายผม! ไม่ว่าพี่ชายผมนั้นเป็นใคร ผมก็จะปกป้องเขาให้ถึงที่สุด ผมเชื่อใจเขา ไม่ใช่เพราะว่าเขานามสกุลหลง!” เกาจิ่งอานได้เปิดประตูออกไป เสียงฝีเท้าบนทางเดินนั้นก็ได้ห่างออกไป
เกาหยิ่งจือนั้นได้เอาโทรศัพท์มาอีกครั้ง อารมณ์ทางสายตานั้นเดาไม่ได้ เธอได้เลื่อนไปดูข่าวหน้าใหม่ ได้คิดไปสักพักเธอก็ได้เปิดผ้าห่มออก ใส่รองเท้าแตะแล้วก็เดินออกจากห้องพัก
ตอนที่เกาหยิ่งจือนั้นออกไปจากห้องนั้นเวลาเดียวกัน ส้งชิงเซวี๋ยนก็ได้ปิดประตูห้องของหยวนชูเฟิน ค่อยๆ ก้าวเดินออกไป
ร่างกายของเกาหยิ่งจือนั้นอ่อนแอ เธอนั้นเดินเร็วไม่ได้ เธอเดินจากห้องพักไปแผนกผ่าตัดหัวใจนั้นใช้เวลาเกือบสิบนาที
ตอนที่เธอเตรียมที่จะเคาะประตูนั้น ก็ได้เห็นส้งชิงเซวี๋ยนค่อยเดินมาจากอีกฝั่ง
เกาหยิ่งจือได้พิงกำแพง ริมฝีปากที่ขาวซีดนั้นได้ยิ้ม “ศาสตราจารย์ส้ง”
ส้งชิงเซวี๋ยนนั้นรู้สึกตัว ก็ได้มอง “เกาหยิ่งจือ เธอทำไมมาอยู่ที่นี่?”
เกาหยิ่งจือพยักหน้า “ไม่ได้เจอกันนานนะคะศาสตราจารย์ส้ง เป็นไงบ้าง?”