ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 667
เราจะทยอยไล่แก้ให้ยามว่างอยากให้แก้เรื่องไหนคอมเมนต์ไว้นะคะ
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
ตอนที่ 667 ข่มขู่เหรอ หึๆ
ส้งชิงเซวี๋ยนนั้นไม่ได้เปิดประตูให้เกาหยิ่งจือเข้าไปทันที สองมือนั้นได้ไขว้หลังของเขา ยืนอยู่ในฐานะผู้ใหญ่แล้วก็ให้คางชี้อีกคน
“มีธุระ?”
คืนนี้คึกคักจริงๆ ขนาดคนที่หยิ่งขนาดนี้ก็ยังมาร่วมสนุกด้วย ส้งชิงเซวี๋ยนนั้นเคยได้ยินมาแล้วว่าเกาหยิ่งจือนั้นมีบทบาทอะไร ในใจนั้นก็มีความระแวงระวังอย่างช่วยไม่ได้
เกาหยิ่งจือนั้นได้ยิ้มออกมาอย่างสุขภาพเรียบร้อย ถึงแม้ว่าสีหน้านั้นยังขาวซีดอยู่ แต่ว่าหน้าตาของเธอที่ได้รับการรักษาแล้วนั้นก็ยังบดบังไม่ได้ พอยิ้มแบบนี้ ก็ได้เห็นความอ่อนโยนของคุณหนู แสดงถึงมารยาทของคนรุ่นหลัง “ศาสตราจารย์ส้งได้เดินมาจากตรงไหนเหรอคะ?”
พอถามแบบนี้ ก็ได้แสดงให้เห็นถึงความฉลาด ความรู้สึกไวของเกาหยิ่งจือ
ส้งชิงเซวี๋ยนยิ้มอ่อนๆ รอยยิ้มนั้นยาวนานมาก “เหมือนว่าหมอเกานั้นไม่ได้จะมาหาผมนะ อยากจะมาฟังอะไรบางอย่างจะผมเหรอ?”
เกาหยิ่งจือนั้นไม่เกรงใจส้งชิงเซวี๋ยนอีกต่อไป เธอมองซ้ายขวา ได้มีนางพยาบาลกับหมอเดินผ่านอยู่ตลอด ก็ได้ยิ้มแล้วพูดว่า “ศาสตราจารย์ส้ง พวกเราเข้าไปนั่งคุยกันข้างในดีกว่าไหมคะ?”
ส้งชิงเซวี๋ยนได้มีสายตาที่ไม่เป็นมิตรเล็กน้อย แต่ก็ยังเปิดประตูห้องทำงานให้ เข้าประตูแล้ว เขาก็ได้นั่งหลังโต๊ะทำงาน “เชิญนั่ง”
เกาหยิ่งจือนั้นได้นั่งตรงข้ามของเขา ระยะห่างของทั้งสองเหมือนหมอกับคนไข้ “ศาสตราจารย์ส้ง ฉันก็ไม่พูดอะไรอ้อมค้อมแล้ว ขอถามหน่อยค่ะ คุณแม่ของหลงเซียวอยู่ในโรงพยาบาลหวาเซี่ยใช่ไหม?”
ส้งชิงเซวี๋ยนได้ขมวดคิ้วเล็กน้อย “คุณแม่ของหลงเซียวอยู่ที่ไหน เกี่ยวอะไรกับเธอ?”
เกาหยิ่งจือยิ้ม เธอนั้นได้เอียงตัวไปพิงที่วางแขนของเก้าอี้ ให้ตัวเองนั้นผ่อนกำลังและความกดดันลง “พูดแบบนี้ คุณนายหลงอยู่ที่โรงพยาบาลหวาเซี่ยจริงๆ?”
ส้งชิงเซวี๋ยนยิ้ม “อยากจะพูดอะไร?”
เกาหยิ่งจือพูด “วันที่ฉู่ลั่วหานและหลงเซียวมาเยี่ยมคุณนายหลงที่โรงพยาบาลนั้น ฉันนั้นได้เห็นเข้าพอดี อีกอย่าง ฉันยังรู้มาอีกว่าคุณนายหลงนั้นเป็นโรคมะเร็ง”
ส้งชิงเซวี๋ยนใจเต้นแรง สีหน้ายังไม่เปลี่ยน “หมอเกาเองก็เป็น โรคมะเร็งเหมือนกัน มีเวลาขนาดนี้ ฉันว่าเอามาเป็นห่วงตัวเองจะดีกว่า โรคของคุณนั้น ต้องห้ามคิดแล้วก็ห้ามคิด!”
เกาหยิ่งจือนั้นเหมือนไม่ได้ยินที่เขาพูดประชด “ฐานะของคุณนายหลงนั้นไม่ธรรมดา คุณว่าถ้าเป็นคนอื่นรู้ว่าเธอเป็นผู้ป่วยโรคมะเร็งแล้วรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลหวาเซี่ยนั้น พวกนักข่าวคงมาปิดรอบที่นี่ถูกไหม? ถึงตอนนั้นคงรบกวนเวลาพักผ่อนของผู้ป่วยคนอื่นแน่ๆ”
ความอดทนสุดท้ายของส้งชิงเซวี๋ยนนั้นได้ถูกเธอกวนออกไปแล้ว หึๆ เย็นๆ “เกาหยิ่งจือ เธออยากจะพูดอะไรกันแน่? เธอคิดว่าข่าวที่มากกว่าตดในมือของเธอนั้น สามารถที่จะมาต่อรองกับฉันได้?”
เกาหยิ่งจือยิ้มออกมาอย่างสุภาพ “ฉันนั้นจะต่อรองคุณได้ยังไง ฉันก็แค่อยากให้คุณนั้นช่วยอะไรหน่อย แค่คุณช่วยฉัน ฉันรับรองว่าข่าวนี้นั้นจะอยู่ในท้องของฉันไม่ไปไหน ไม่มีทางที่จะไปบอกคนอื่น”
โอ้โห ข่มขู่ก็มาแล้ว?
ขนาดหลงถิงส้งชิงเซวี๋ยนก็ไม่กลัว จะมากลัวคนคนที่ตัวเล็กๆ ขนาดตัวเองนั้นก็ยังจะเอาตัวไม่รอดอย่างเกาหยิ่งจือ?! ตลก!
“เธออยากจะบอกใคร?” ส้งชิงเซวี๋ยนถามกลับ ได้ยิ้มออกมาอย่างสบายๆ ใบหน้านั้นได้มีรอยยิ้มที่น่ารักออกมา “บอกนักข่าว? ให้นักข่าวมาปิดรอบที่นี่แล้วสัมภาษณ์? หรือว่าอยากจะบอกกับหลงถิง? ให้หลงถิงนั้นมารับภรรยาของตัวเองกลับไป?”
มือของเกาหยิ่งจือนั้น ได้กำเบาๆ รอยยิ้มเริ่มเปลี่ยนเป็นทำตัวไม่ถูก “ศาสตราจารย์ส้ง คุณมองฉันโหดร้ายไปแล้วนะ ฉันไม่ทำแบบนั้นหรอกค่ะ”
“อย่า! เธออย่าสวมหมวกที่ดูดีให้ฉัน คนแก่อย่างฉันนั้นจินตนาการอะไรไม่เป็น พูดในสิ่งที่เห็นออกไปเท่านั้น ไม่มีทางที่จะแต่งเรื่องเองได้ ดึกขนาดนี้แล้วเธอมาหาฉันพูดคุยเจรจา เอาเรื่องเล็กน้อยแค่นั้นมาข่มขู่ฉัน เกาหยิ่งจือ ความคิดของเธอนั้น ไม่บริสุทธิ์”
เกาหยิ่งจือนั้นเหมือนโดนส้งชิงเซวี๋ยนตบหน้า เริ่มทำตัวไม่ถูก
“ขอโทษค่ะศาสตราจารย์ ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ฉันก็แค่คิดน้อยไป ที่จริงที่ฉันมาหาคุณ คือมีเรื่องอยากให้ช่วยจริง ฉันกลัวว่าคุณจะไม่รับปาก ถึงได้คิดวิธีเมื่อกี้ออก ฉันขอโทษจริงๆ” เกาหยิ่งจือได้ประคองตัวเองลุกขึ้น ท่าทางที่อ่อนแอและยืนไม่อยู่นั้นดูแล้วน่าสงสาร
เกาหยิ่งจือได้โค้งคำนับให้ส้งชิงเซวี๋ยน โค้งไปเก้าสิบองศา ความเคารพนี้ถึงใจมากๆ เธอโค้งตัวแล้วพูดว่า “ศาสตราจารย์ส้งคะ คุณเป็นอาจารย์ของฉู่ลั่วหาน และเป็นผู้ใหญ่ที่หลงเซียวนั้นเคารพ เรื่องนี้นอกจากคุณแล้วไม่มีใครช่วยฉันได้แล้ว”
หน้าของส้งชิงเซวี๋ยนได้ตึง ได้มองเธออย่างคิดวิเคราะห์ “พอได้แล้ว นั่งลงแล้วพูด แสดงละครน้ำเน่าให้ใครดู? ฉันนั้นใจแข็งมากๆ ไม่กินมุกนี้!”
เกาหยิ่งจือนั่งลง เธอนั้นเหมือนจะรู้แล้วว่าส้งชิงเซวี๋ยนเป็นแบบไหน รู้ว่าเขานั้นกินไม้ไหน สายตานั้นได้แสดงว่าสั่นไหว ท่าทางที่อ่อนแอ แผลที่รักษาไม่ได้ ไม่ว่าทำอะไรก็ไร้เรี่ยวแรง ก็ได้แสดงออกมาให้เห็นว่าตัวเองนั้นเป็นฝ่ายที่อ่อนแอ
“ศาสตราจารย์ส้ง ผ่านเรื่องมามากมายขนาดนี้ และยังมีโรคในตัวของฉันอีก ฉันมองความจริงมาชัดเจนมากมายแล้ว ที่จริง ชีวิตของคนเรานั้นได้ไขว่คว้าชื่อเสียง มันมีความหมายอะไร? สุดท้ายแล้วก็เป็นแค่โลงศพโลงหนึ่งไม่ใช่เหรอ? เพราะงั้น ฉันคิด อยากจะออกไปจากสังคมที่วุ่นวายนี้ ต่อไปใช้ชีวิตที่เรียบง่าย”
ส้งชิงเซวี๋ยนนั้นได้เอาบุหรี่ออกมาหนึ่งอัน ไม่ได้จุด แต่เล่นอยู่ในมือ ดมไป “เธอพูดมาเยอะขนาดนี้ ฉันก็ยังไม่เข้าใจว่าเธอนั้นอยากจะพูดอะไร?”
มือของเกาหยิ่งจือนั้นได้วางอยู่บนโต๊ะ อยากจะไปจับมือของส้งชิงเซวี๋ยน แต่ว่าเธอนิ่งไป ลองใจ สุดท้ายก็วางลง “ศาสตราจารย์ส้ง ชื่อเสียงของฉันนั้นได้ป่นปี้ไปหมดแล้ว ฉันรู้ว่าการที่อยู่ในเมืองหลวงต่อ ก็จะเป็นแค่จุดด่าง เพราะงั้น รอให้ฉันผ่าตัดเสร็จ คุณช่วยออกใบมรณบัตรให้ฉันได้ไหม? นอกจากตายแล้ว ฉันคิดวิธีที่จะทำให้ตัวเองหลุดจากความผิดนี้ไม่ได้แล้ว”
ส้งชิงเซวี๋ยนนั้นได้หรี่ตาเป็นเส้นตรง ความไม่เข้าใจ สับสน สงสัยให้สายตาเขา ทั้งหมดนั้นได้เป็นความเงียบ
เกาหยิ่งจือพูดต่อว่า “เดิมทีฉันนั้นอยากจะเอาเรื่องของคุณนายหลงนั้นมาข่มขู่คุณ แต่ว่าคิดไปคิดมา วิธีการแบบนั้นมันน่าเกลียดเกินไป ชาตินี้ฉันนั้นได้ทำเรื่องที่ไม่ดีมามาก ฉันไม่อยากทำเรื่องไม่ดีอีกแล้ว หมอคนอื่นฉันนั้นเชื่อใจไม่ได้ ต่อให้ฉันเชื่อใจ พวกเขาก็ไม่มีทางเชื่อ เพราะงั้นฉันอยากจะขอร้องคุณ”
ส้งชิงเซวี๋ยนอยากจะพูดแค่ว่า แม่งเอ๊ย คืนนี้เมืองหลวงมีลมบ้าอะไรพัดเข้ามาว่ะ แค่ละคนว่างแล้วก็มาหาเรื่อง!
“ที่จริง เรื่องนี้ฉันนั้นพิจารณามาตั้งนานแล้ว เรื่องคืนนี้นั้นก็แค่ถือโอกาสเท่านั้น ฉันกลัวว่าถ้าไม่พูดคืนนี้ ต่อไปก็ไม่มีโอกาสแล้ว ศาสตราจารย์ส้ง คุณคิดว่านี่เป็นคำพูดของคนที่ใกล้ตายแล้ว ขอร้องล่ะคุณรับปากเถอะ”
ส้งชิงเซวี๋ยนไม่รู้ว่าคำพูดไหนของเธอจริง คำพูดไหนของเธอนั้นเท็จ คิดไปสักพัก “ฉันรู้แล้ว เธอกลับไปพักผ่อนก่อน”
“ศาสตราจารย์ส้ง……”
“พอได้แล้ว กลับไปก่อน! รู้ว่าต้องมีวันนี้เมื่อก่อนไปทำอะไรอยู่ ใบมรณบัตรปลอบ? ฉันบอกอะไรเธอนะเกาหยิ่งจือ เธอนั้นร้ายกาจขนาดนี้ ไม่จำเป็นต้องพึ่งใบรับรองปลอบหรอก!”
พูดจบ ส้งชิงเซวี๋ยนก็ไม่ฟังที่เธอวิงวอนต่อ ได้ส่งแขกทันที
——
ห้องชั้นบนของโรงแรม
“เพี๊ยะ!”
หลงถิงได้ยื่นมือไปตบ ได้ตบไปยังหน้าของหลงจื๋ออย่างแรง รอยมือสีแดงนั้นก็เหมือนกับอะไรร้อนๆ ได้มาทับที่ใบหน้าครึ่งหน้าของหลงจื๋อ
หลงจื๋อโดนตบจนหน้านั้นได้หันไปอีกข้าง แล้วก็ได้หันกลับมาอย่างไม่เข้าใจ “พ่อ……”
หลงถิงยกมือหมายจะตบครั้งที่สอง แต่ถูกเหลียงจ้งซุน ห้ามไว้ “ท่านประธาน ตอนนี้มาตีคุณชายรองก็ไม่มีประโยชน์อะไร คุณชายรองอาจจะไม่รู้ก็ได้ คุณลองถามให้รู้เรื่องก่อนเถอะครับ”
แววตาของหลงถิงนั้นเต็มไปด้วยความโกรธ ลมหายใจนั้นได้ร้อนไปหมด “หลงจื๋อ นายวางแผนอะไรกับแม่ไว้! พูดมา!”
คำที่ว่าคนธรรมดานั้นไม่ผิดอะไร แต่ถ้าขโมยนั้นก็คือผิด คำที่โฉหวั่นชิงลงนั้นได้ถูกนักข่าวพูดออกมาจนหมด แน่นอนว่าหลงจื๋อนั้นก็หนีไม่รอด ต่อให้เขามีปากร้อยปาก เกรงว่าก็อธิบายไม่ชัดเจน
หน้าของหลงจื๋อนั้นได้แสบร้อน เขาได้ลูบไปสักพัก “ผมก็พึงรู้เมื่อกี้นี้ อีกอย่างผมนั้นได้คุยกับแม่ไปแล้วก่อนหน้าที่จะมา โพสต์นั้นเธอไม่ได้เป็นคนลง เธอได้อธิบายเรียบร้อยแล้ว”
“พูดมั่ว!”
คำด่านี้หลงถิงด่าได้ไม่เกรงใจ กำมัดแน่นแล้วแกว่งไปสักพัก พยายามอดทนไม่ตีเขาต่อ
“เป็นเรื่องจริง เธอก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็แค่เขียนแล้วบันทึกไว้ที่คอม ไม่คิดว่าจะโพสต์ออกมา”
หลงจื๋ออธิบายเสร็จ ก็รู้สึกว่าไม่มีประโยชน์
“หึๆๆ! หึๆ!” หลงถิงได้หัวเราะออกมาอย่างน่าสมเพช “หลงจื๋อนะหลงจื๋อ ลูกนั้นมันมีสมองไหม? คำพูดพวกนี้ลูกก็เชื่อ? พ่อว่าลูกน่ะน้ำมันหมูบังสมอง! เป็นเหมือนแม่ที่ไม่มีสมองของนายเหมือนกัน! ช่วงเวลาสำคัญได้ทำลายแผนของฉัน!”
หลงถิงกำลังโมโหอยู่ ตอนนี้เขาคิดอย่างเดียวว่าจะยิงโฉหวั่นชิงให้ตาย แต่ว่าตัวเธอนั้นไม่อยู่ เพราะงั้นความโกรธของเขานั้นก็ได้เอาไปลงที่หลงจื๋อคนเดียวทั้งหมด
หลงจื๋อก้มหน้า ไม่กล้าที่จะเถียง “ผมผิดไปแล้ว ผมจะไปอธิบายให้นักข่าวเอง”
“นายจะเอาอะไรไปอธิบาย?” หลงถิงได้ปล่อยคำพูดออกมา เอาซะหลงจื๋อนั้นโค้งตัวลงอยู่นาน
“ผม……” หลงจื๋อพูดไม่ออก
ใช่ อธิบายยังไง? ถ้าเขานั้นออกหน้าไปจริงๆ สถานการณ์ได้ไม่น่าดูกว่าเดิมแน่ ตอนนี้เขานั้นไม่ควรที่จะออกตัว
คนที่มีความคิดนั้นก็คิดออกมาได้ การที่ออกมาบอกว่าหลงเซียวนั้นไม่ได้เป็นลูกแท้ๆ ของหลงถิง ใครที่ได้รับผลประโยชน์มากที่สุด เขาน่าสงสัยที่สุด
เขาออกไปได้หนักกว่าเดิมแน่
“นายอยู่เฉยๆไปเลยนะ รอฉันจัดการจนสงบแล้วค่อยมาคิดบัญชีอีกที!” หลงถิงโมโห ได้ทิ้งตัวเองนั่งที่โซฟาอย่างแรง
เหลียงจ้งซุน อาศัยจังหวะนี้ลากหลงจื๋อออกมานิดหน่อย พูดขึ้นอยู่ระหว่างทั้งสอง “ท่านประธาน คุณชายรองอาจจะไม่รู้เรื่องจริงๆ ก็ได้ ผมนั้นได้ให้ฝ่ายประชาสัมพันธ์นั้นไปจัดการแล้ว งานที่จะแถลงการณ์อธิบายนั้นก็ได้ออกกำหนดเร็วๆ นี้ ไม่ว่าจะยังไง พวกเรานั้นต้องกดข่าวลงไปก่อน”
หลงถิงถอนหายใจอย่างแรง แล้วมองบน “กดข่าวลงไปก่อน ติดต่อพวกนักข่าวแล้วก็บริษัทIT ให้ลบข่าวข้างบนออกไป”
“ครับ ท่านประธาน ตอนนี้ได้ไปทำแล้ว” เหลียงจ้งซุน นั้นได้จัดการเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้งแล้ว การกระทำนั้นไวมาก
ตึ้งๆๆ!
ได้มีคนเคาะประตูอย่างเร่งรีบได้ทำลายความเงียบในห้อง
หลงถิงกัดฟัน “ใครอีก!”
เหลียงจ้งซุน ได้ค่อยๆ วิ่งไปเปิดประตู คนที่อยู่นอกประตูนั้นเป็น หลงยี่
“ลุงรอง นักข่าวยังดักรออยู่ข้างนอก เยอะกว่าเมื่อกี้อีก พวกเขาพูดว่าจะพบกับคุณให้ได้ ให้คุณนั้นออกไปอธิบายด้วยตัวเอง”
หลงจื๋อเงยหน้าจ้องหลงยี่ “นายกินอะไรเป็นอาหารหา? เรื่องแค่นี้ก็จัดการไม่ได้? ไม่ว่าเวลาไหนก็มารบกวนพ่อของฉัน เอานายไว้ทำไม?!”
หลงถิงได้พูดว่า “หลงยี่ เรื่องประกาศตำแหน่งนั้นถึงแม้ว่าฉันยังไม่ได้พูดออกไป แต่ว่าเวลาแบบนี้ นายควรที่จะแสดงฝีมือกับความสามารถในการจัดการปัญหาแบบนี้ออกมาถูกไหม?”
หลงยี่ถูกสองพ่อลูกนั้นว่าจนตัวนั้นแข็งไปหมด “ลุงรอง…….ผม ผมไปเดี๋ยวนี้”
“เดียวก่อน ทางหลงเซียวมีปฏิกิริยาอะไรหรือยัง?” หลงถิงปวดหัวจนเอามือมาจับหน้าผาก ในใจนั้นได้โกรธจัด สีหน้าก็ไม่ดี
หลงยี่ได้พยายามยิ้มออกมาอย่างไม่น่าดู “ลุงสอง พูดมาก็แปลก ถึงตอนนี้นั้นหลงเซียวไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรทั้งนั้น ไม่มีการแถลงข่าวอะไรทั้งนั้น ไม่มีท่าทางอะไร เขานั้นรอท่าทีของลุงหรือเปล่าครับ”
หลงจื๋อกัดฟัน พี่ชายไม่มีท่าทีอะไร? เดิมที่ชายนั้นเป็น ช่วยไม่ชอบเป็นฝ่ายถูกตี ทำไมถึงไม่ทำอะไร?