ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 674
ตอนที่ 674 เด็ดเดี่ยวไม่ยอมแพ้
คำพูดที่กึ่งจริงจังกึ่งประชดแสดงให้เห็นว่าแม่หลินหัวแข็งไม่ยอมให้สักนิด
หลินเหว่ยเย่ดึงกางเกงแล้วนั่ง เกลี้ยกล่อมเธอด้วยน้ำเสียงน่าฟัง “คุณ เหวินเหวินโตแล้วนะ สามารถตัดสินใจเองในหลายๆเรื่องได้แล้ว พวกเราไม่สามารถช่วยเธอตัดสินใจได้ตลอดหรอกใช่มั้ย? ในความคิดฉันหลงจื๋อก็เป็นเด็กที่ดีคนหนึ่ง เหมาะกับเหวินเหวินลูกสาวเรา”
แม่หลินกลอกตาด้วยความโกรธ “โอ้โห นี่คุณไปกินข้าวงานเลี้ยงตระกูลหลงมากี่งานแล้วล่ะ? ถึงได้พูดแบบนี้ ฉันจะบอกคุณให้นะหลินเหว่ยเย่ หลงถิงน่ะมันชั่ว ลองคิดดูนะ ก่อนหน้านี้ยังขับไล่หลงเซียวออกจาก MBK อยู่เลย พอตอนนี้มีเรื่องก็ไปแสดงความรักแบบพ่อลูกที่ตัดกันไม่ขาดต่อหน้าสื่อ ตั้งแต่ที่ฉันรู้จักผู้คนมามากมายนับไม่ถ้วน ฉันยังไม่เคยเห็นใครไร้ยางอายเท่านี้มาก่อน อย่าได้เจอกันอีกเลย! ครอบครัวแบบนี้ให้ตายฉันก็ไม่เอาด้วยหรอก ถ้าคุณชอบตระกูลหลงก็ไปแต่งงานเองเลย!”
แม่หลินพูดด้วยความโกรธจบก็หันหน้าหนีไม่มองสามี
หลินเหว่ยเย่ร้องเห้ย “คุณพูดบ้าอะไร? ถ้าฉันเป็นผู้หญิงนะฉันก็อยากแต่งงานเข้าตระกูลนั้น คุณอยู่ในตลาดการค้ามาหลายปี หรือคุณไม่เข้าใจความเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น? บางครั้งการเดินเกมก็ต้องใช้วิธีที่หมดวิธี”
แม่หลินส่งเสียงหึอย่างเย็นชา เธอถูเล็บสีแดงลงบนไหล่ของหลินเหว่ยเย่แล้วพูดด้วยท่าทีถากถาง “หลินเหว่ยเย่ นี่คุณหลงเวทมนตร์เสน่ห์ของตระกูลหลงแล้วหรอ? ทำไมอยู่ดีๆถึงพูดเรื่องไร้สาระได้? น้ำตระกูลหลงลึกขนาดไหนคุณไม่รู้จริงเหรอ?แล้วยังจะให้เหวินเหวินแต่งงานเข้าไปเนี่ยนะ! เหอะ! คุณเป็นพ่อจริงๆรึเปล่า!”
หลินเหว่ยเย่ทำอะไรไม่ถูก “ดูคุณสิๆ พูดแค่สามประโยคก็เป็นเดือดเป็นร้อน ถึงน้ำของตระกูลหลงนั้นลึก แต่นิสัยของลูกสาวเราก็ไม่ดีไปกว่าน้ำตระกูลหลงหรอก คุณเคยเห็นแค่นิสัยของเหวินเหวิน ผมไม่เสียเวลาพูดเรื่องไร้สาระกับคุณแล้ว บอกว่าจะเอายังไงกับเหวินเหวิน จะขังไว้งี้หรอ?”
หลินเหว่ยเย่มองขึ้นไปที่ห้องนอนชั้นสองที่กำลังมีเสียงเคาะต่อสู้อย่างปีติ หลินซีเหวินพยายามทุบประตูมาหนึ่งชั่วโมงแล้ว ถ้ายังทุบต่อไปแบบนี้ ไม่แน่ว่าประตูอาจจะโดนทุบพังก็ได้
แม่หลินลูบคิ้ว “ความรักทำให้ลูกตาบอด! ให้สงบสติอารมณ์ในนั้นแหละ”
จู่ๆหลินซีเหวินก็ตะโกนว่า “ถ้ายังไม่เปิดอีกหนูจะชนกำแพงแล้วนะ ถ้าหนูชนกำแพงชนประตูตาย พ่อแม่ก็ไม่รู้สึกอะไรหรอก!”
ตอนโกรธนั้นคนเราสามารถพ่นคำพูดออกมาได้หมด เมื่อคนเราโกรธคำพูดที่ออกมามักจะไม่ได้ใช้สมองกลั่นกรอง ไม่ว่าคำพูดจะไม่น่าฟังยังไงก็จะพูดออกมาไม่น่าฟังอย่างนั้น
แม่หลินทนไม่ไหวจึงเงยหน้าตะโกนกลับไป “ได้ ชนกำแพงใช่ไหม? ชนสิ ชนให้ตายไปเลย ชาตินี้ก็ไม่ต้องเจอไอ้คนรักของแกแล้ว! ชน ชนแรงๆ บ้านเราไม่มีอะไรดีอยู่แล้ว นอกจากบ้านที่แข็งแรง”
นี่แม่แท้ๆใช่มั้ย!
หลินซีเหวินกัดฟัน กำหมัดแน่น “หนูไม่ได้เจอแล้ว! ก็ขอเป็นผีไปเจอแทนแล้วกัน! ดูสิว่าจะห้ามหนูได้มั้ย!”
“ได้ แกเป็นผีฉันคงจะกังวลน้อยกว่านี้ เปลี่ยนสิ เปลี่ยนตอนนี้เลยนะ แล้วรีบลอยออกไป ออกไปได้ไกลแค่ไหนก็ไปเลย” แม่หลินยังปากแข็งไม่ยอม
“อ้ากกก! คุณไม่ใช่แม่แท้แท้ของฉัน! คุณแค่เก็บฉันมา!” หลินซีเหวินทุบประตู กระทืบเท้า ตีโต๊ะ
แม่หลินพูดอย่างไม่เร่งรีบ “ใช่ ฉันเก็บแกมา ตอนเดินออกบ้านมา 500 เมตร”
หลินซีเหวินคิดอยู่ครู่หนึ่ง นั่นมันโรงพยาบาลสัตว์เลี้ยงไม่ใช่หรอ?!!
อ๋อ! ที่แท้ก็ไม่ใช่แม่แท้ๆ!
หลังจากที่หลินเหว่ยเย่ได้ฟังคำพูดของภรรยา สมองของเขาก็มืดหมด “คุณพูดแบบนี้ตั้งใจจะให้ลูกโกรธตายเลยใช่มั้ย? พูดอย่างงี้ได้ไง? ลูกสาวของเราได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี เลี้ยงดูอย่างดี จุดมุ่งหมายของบ้านเราเป็นแบบนี้เสมอมาไม่ใช่เหรอ? จู่ๆคุณมาหักดิบใช้ไม้แข็ง ลูกก็ทนไม่ไหวหรอกนะ”
“เลี้ยงดูอย่างดี หมายถึงการให้ลูกได้รับการศึกษาที่ดีที่สุดและมีความสุขกับสภาพแวดล้อมที่ดีที่สุด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำอะไรก็ได้! ฉันจะบอกคุณให้นะว่าเรื่องนี้ฉันจะไม่มีวันยอม ฉันเลี้ยงซีซีโตมาขนาดนี้ เรื่องใหญ่ที่สำคัญเรื่องแรกในชีวิตแต่ลูกปฏิเสธที่จะฟังฉัน การจัดการธุรกิจก็ไม่เรียน IBMก็ไม่อ่าน เอาแต่ดึงดันเข้ามหาวิทยาลัยแพทย์ห่วยๆนั่น คุณไม่ควรยอมเธอตั้งแต่แรก ดูตอนนี้สิ เรียนหมอแล้วดีจริงๆ! เรียนมา 6 ปีญาติก็ไม่รู้จักแล้ว แถมมาพูดกับฉันเรื่องผีอีก!”
แม่หลินเป็นคนปากไว สมองก็คิดได้ไว หากทะเลาะกันหลินเหว่ยเย่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ด้วยจึงเสียเปรียบ “ได้ๆๆ ตอนนี้ยังไม่ต้องพูดถึงตระกูลหลง แต่วันนี้ซีเหวินยังต้องไปทำงาน ลูกต้องดูแลคนไข้ที่โรงพยาบาลจริงมั้ย?”
แม่หลินกลอกตาแล้วพูดว่า “จะเปลี่ยนแผนงั้นหรอ? ฉันลาโรงพยาบาลให้แล้ว ลาหยุด 1 เดือน อยู่ในนั้นดีๆไปเถอะ!”
พูดจบแม่หลินเห็นว่าดึกแล้วจึงหยิบกุญแจพวงหนึ่งแล้วสั่งคนรับใช้ว่า “ป้าหวัง คอยดูเธอไว้ ถ้าไม่ยอมกินข้าวก็ไม่ต้องส่งอาหารให้ ให้หิวอย่างนั้นแหละ แล้วอีกอย่างไม่ว่าจะโวยวายยังไงก็ไม่ต้องเปิดประตูให้”
ป้าหวังมองแม่หลิน จากนั้นก็มองไปที่หลินเหว่ยเย่แล้วพยักหน้า “ค่ะคุณผู้หญิง”
แม่หลินหันหน้าไปบอกหลินเหว่ยเย่อีกครั้งว่า “อย่าคิดนะว่าถ้าฉันไม่อยู่บ้านคุณสามารถช่วยลูกออกไปได้ ฉันเก็บกุญแจทั้งหมดไปหมดแล้ว”
…
บ้านเงียบแล้ว ไม่มีเสียงทะเลาะอีก
จ๊อกก จ๊อกกก
ท้องของหลินซีเหวินเริ่มร้อง ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้ที่เธอถูกขัง เธอยังไม่ได้กินอาหารเลยสักมื้อ หลังจากทะเลาะกันเสร็จ ความหิวก็มาเยือน แล้วมันก็หนักขึ้นเรื่อยๆ
เอาไงดี? วิธีอดอาหารดูเหมือนจะไม่ได้ผล แถมแม่ยังไปทำงานแล้วด้วย ต่อให้เธอหิวตายแม่ก็ไม่รู้ โดยปกติแล้วเธอไม่เคยชนะแม่เลยสักครั้ง
ครั้งสุดท้ายที่เธอสมัครเข้ามหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์เธอชิงทำก่อนแล้วค่อยบอกถึงผ่านมาได้ แต่หลังจากนั้นเธอก็ทะเลาะกับแม่มาไม่น้อย
คราวนี้จะทำอย่างไรดี?
หลินเหว่ยเย่เคาะประตูเบาๆ “ซีเหวินเป็นไงบ้างลูก?”
พอได้ยินเสียงพ่อ หลินซีเหวินก็ยืนขึ้นอย่างร้อนรน “แด๊ดดี้! หม่ามี๊ไปรึยัง?”
“ไปแล้ว แต่กุญแจก็ไปด้วย แด๊ดดี้เปิดประตูไม่ได้เลยปล่อยหนูออกไปไม่ได้” หลินเหว่ยเย่รู้สึกปวดใจกับลูกสาว น้ำเสียงของเขาก็ค่อนข้างเสียใจ
ความหวังของหลินซีเหวินที่เพิ่งถูกจุดขึ้นก็แตกเป็นเสี่ยงๆทันที “แด๊ดดี้ ฮือๆๆช่วยคิดหาวิธีอาศัยจังหวะที่หม่ามี๊ไม่อยู่ปล่อยหนูออกไปหน่อยได้มั้ย? แค่ให้หนูกลับเข้าไปก่อนที่หม่ามี๊จะกลับมาก็โอเคแล้ว”
มุกเก่าๆที่ยอมอ่อนให้
หลินเหว่ยเย่จะไม่รู้จักเธอดีงั้นหรอ? ไม่มีทางที่ปล่อยแล้วจะกลับมาแน่
“แด๊ดดี้ช่วยไม่ได้ลูก หรือว่าเหวินเหวินลูกก็รับปากกับหม่ามี๊ก่อน แกล้งเลิกกับหลงจื๋อไปก่อนดีมั้ย?”
“ไม่ได้! แค่แกล้งเลิกก็ไม่ได้! หนูไม่เลิก!”
หลินซีเหวินหันหน้ามองไปที่หน้าต่าง ตรงนี้คือชั้นสอง ถ้าเธอทุบกระจกแล้วกระโดดลงไป เธอคงไม่ตายใช่ไหม?
——
โรงพยาบาลหวาเซี่ย
ส้งชิงเซวี๋ยนเดินหาวออกมาจากห้องทำงานกำลังจะไปที่ห้องพยาบาลเพื่อดูว่าหยวนชูเฟินตื่นแล้วหรือยัง
มีคนๆหนึ่งออกจากลิฟต์พร้อมกับถุงกระดาษสองใบในมือ พอเธอเห็นส้งชิงเซวี๋ยนก็ยิ้มแล้วกล่าวทักทาย “ศาสตราจารย์ส้งคะ ศาสตราจารย์ส้ง”
ส้งชิงเซวี๋ยนงงงวย “มีอะไรรึเปล่า?”
พยาบาลหยิบถุงกระดาษในมือยื่นให้ “นี่คืออาหารเช้าที่คุณเกาจากห้องผู้ป่วยวีไอพีขอให้ฉันเอามาให้ค่ะ เยอะแยะมากเลยนะคะ อิอิ เมื่อก่อนคุณเกาเคยเป็นหมอผ่าตัดหัวใจมาก่อนเหมือนหมอฉู่เลยค่ะ ดังนั้นเธอจึงเป็นลูกศิษย์ของศาสตราจารย์ส้งด้วยหรือเปล่าคะ?”
ส้งชิงเซวี๋ยนกระแอมแล้วล้วงมือเข้าในกระเป๋าเสื้อคลุมสีขาว ไม่ได้คิดที่จะหยิบของแล้วยิ้มอย่างปฏิเสธ “ผมโชคร้ายขนาดนั้นเลยหรอ”
นางพยาบาลเข้าใจสิ่งที่เขาพูด ยังไงซะเกาหยิ่งจือก็เคยติดคุกมาก่อน จะพูดออกไปก็มาน่าฟัง จึงได้แต่ยิ้มอย่างอึดอัด “เอ่อ…ศาสตราจารย์ส้งรับอาหารเช้าก่อนเถอะค่ะ เป็นน้ำใจจากคุณเกา”
นางพยาบาลยัดของใส่มือส้งชิงเซวี๋ยนแล้วหันหน้าวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
ส้งชิงเซวี๋ยนตะโกนจากด้านหลังจนกระทั่งมองไม่เห็นร่างนั้น
ส้งชิงเซวี๋ยนถือถุงกระดาษด้วยมือข้างหนึ่งแล้วเบะปาก เมื่อวานเพิ่งมาข้อร้องเขาแล้ววันนี้ยังมาติดสินบนอีก? การกระทำนี้นับว่ารวดเร็วสมกับเป็นคนตระกูลเกาจริงๆ
หวาเทียนเดินมาจากฝั่งตรงข้ามโบกมือทักทาย “ศาสตราจารย์ส้ง”
ส้งชิงเซวี๋ยนหัวเราะเหอะๆ “ยังไม่ได้กินอาหารเช้าใช่มั้ย?”
หวาเทียนพูดตามจริง “กินมาที่บ้านก่อนไปทำงานแล้ว”
ส้งชิงเซวี๋ยนมอบอาหารสองถุงให้เขา “คนหนุ่มสาวต้องกินเยอะๆถ้าไม่หมดก็ให้เสี่ยวหลินก็ได้”
หวาเทียนเปิดถุงกระดาษออกดู “โห น่ากินมาก อาจารย์ไปซื้ออาหารเช้าแต่เช้าเลยเหรอครับ? ลาภปากพวกผมจริงๆ?”
“ลาภปากบ้าอะไรกัน! นี่มันของติดสินบน!”
ติดสินบน!
ใบหน้าหวาเทียนก้มต่ำลง “ของติดสินบน? ให้ผมกินหรอ?”
เอ่อ…เหมือนมีบางอย่างผิดปกติ
ส้งชิงเซวี๋ยนไม่ได้อธิบายอะไรแล้วส่ายหน้าเดินออกไป
หวาเทียนไม่รู้ที่มาที่ไปจึงถือถุงเข้าไปในห้องทำงาน เขาพบว่าหลินซีเหวินไม่อยู่ เขาจึงวางของทุกอย่างไว้บนโต๊ะทำงานของเธอ
หัวหน้าพยาบาลจากภาควิชาศัลยศาสตร์หัวใจเดินเข้ามาเพื่อส่งข้อมูล พอเห็นอาหารร้อนๆบนโต๊ะหลินซีเหวินก็ยิ้ม “หมอหวาคะ ซื้ออาหารเช้าให้หมอหลินทำไมคะ? หมอหลินได้ยื่นลากับโรงพยาบาลแล้วค่ะ ลาตั้งเดือนนึงแหนะ ถ้ารอเธอกลับมาอาหารเช้าคงจะกลายเป็นฟอสซิลแล้วนะคะ”
หวาเทียนขมวดคิ้ว “ขอลางั้นหรอ?”
“ใช่ค่ะ ฉันก็เพิ่งเห็นข่าว ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”
…
ส้งชิงเซวี๋ยนอ้อมไปที่ประตูด้านหลังผ่านสวนและทางเดินไปยังห้องพยาบาล ตอนนี้อยู่ในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง พอเดินออกจากอาคารผู้ป่วยนอก ลมในฤดูใบไม้ร่วงก็พัดโชยมาจนแยกความต่างระหว่างร้อนกับหนาวได้ชัดเจนบ่งบอกว่าอากาศนั้นเย็นมากขนาดไหน
ส้งชิงเซวี๋ยนกระชับปกเสื้อคลุมสีขาวแล้วเดินไปที่มุมสวน เขามองเห็นรถLincolnสีดำคันหนึ่งแล่นเข้าผ่านทางรั้วเหล็ก
รถคันนั้นคุ้นมากๆ!
ไม่ใช่เพราะตัวรถนั้นยาว แต่เป็นเพราะเลขป้ายทะเบียนรถ นี่เป็นรถของหลงถิง!
ส้งชิงเซวี๋ยนนึกถึงข่าวทันที แล้วยังที่หลงถิงให้ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ MBK แถลงข่าวในตอนกลางคืนอีก ดังนั้น…พวกเขารู้ที่อยู่ของหยวนชูเฟินแล้วใช่มั้ย?
ไอ้เชี่ยเอ้ย!
ส้งชิงเซวี๋ยนก้าวไปสามก้าวแล้วเดินไปข้างหน้าอีกสองก้าวเมื่อเห็นรถของหลงถิงแล่นเข้ามาทางประตูหลัง เนื่องจากหุ้นส่วนใหญ่ของโรงพยาบาลหวาเซี่ยมี MBK ถือครอง จึงไม่มีใครกล้าหยุดรถของหลงถิง
ไม่นานรถของหลงถิงก็จอด เมื่อประตูก็เปิดออก คนแรกที่ลงมาจากรถคือ หลงจื๋อ
หลงจื๋อ?
ส้งชิงเซวี๋ยนผงะไปชั่วขณะ ทำไมเขาถึงมาด้วยล่ะ?
จากนั้นหลงถิงก็ลงจากรถ ทั้งสองยืนคุยอะไรบางอย่างอยู่ข้างรถ ท่าทางของ หลงถิงดูจริงจัง ส่วนหลงจื๋อก็ก้มหัว พยักหน้าราวกับกำลังฟังคำสั่งอยู่
นี่มันอะไรกัน!
ส้งชิงเซวี๋ยนไม่กล้าลังเลใจ เขาจึงซ่อนตัวอยู่ที่มุมบันได หยิบโทรศัพท์ออกมา หาเบอร์ที่มีเครื่องหมายดอกจันอยู่
ในห้องนอนรีสอร์ทหยีจิ่งโทรศัพท์ของหลงเซียวสั่นขึ้น
หลงเซียวที่เก็บของเสร็จพร้อมออกไปข้างนอกหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วหันพูดกับลั่วหานที่ใส่ผ้าพันคอไหม “สายของลุงส้ง”
“รีบรับเถอะ แม่มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?” ลั่วหานไม่สนใจผ้าพันคอไหมที่ไหลลงมา
หลงเซียวเปิดลำโพง “ลุงส้งครับ”
“เซียวเอ๋อ อยู่ไหน? พ่อของเธอ…ถุ้ย! หลงถิงกับหลงจื๋อมาที่โรงพยาบาล พวกเขาตรงเข้าไปในห้องพยาบาลจากประตูหลังกำลังรีบไปหาแม่ของเธอ รีบมาที่นี่ด่วนเลยนะ ฉันกลัวหลงถิงจะทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง!”
สีหน้าของหลงเซียวเปลี่ยนกะทันหันแล้วพูดอย่างจริงจังว่า “ผมจะไปเดี๋ยวนี้ ลุงส้งช่วยถ่วงเวลาพวกเขาไว้ก่อนนะครับ”