ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 676
เราจะทยอยไล่แก้ให้ยามว่างอยากให้แก้เรื่องไหนคอมเมนต์ไว้นะคะ
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
ตอนที่ 676 ยอมรับด้วยปากตัวเองว่าไม่ใช่ลูกคนโตของตระกูลหลง
เสียงของหลงเซียวขัดจังหวะหลงถิงไว้ ทำให้หลงถิงที่กำลังบึ้งตึงโกรธมีสีหน้าอึดอัดทันที แต่ความอึดอัดนั้นเกิดขึ้นเพียงชั่วครู่เท่านั้น ไม่นานเขาก็ปรับอารมณ์ให้กลับมาเป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว พอหันหน้ากลับมาเขากลับไปเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดูน่าเกรงขามเช่นเดิม
“หลงเซียวมาแล้วหรอ จะมาทำไมไม่เห็นบอกกันก่อนเลย” หลงถิงทำตัวเหมือนไม่รู้เรื่อง พอคุยกับหลงเซียวเสร็จ ก็หันหน้าไปมองลั่วหานที่เดินเข้ามาพร้อมกัน แล้วก็พยักหน้าให้เธออย่างอารมณ์ดี
ลั่วหานรู้สึกขยะแขยงจนอยากจะอ้วกออกมา!
สีหน้าของหลงเซียวยังคงตึงเครียด ดวงตาสีเข้มส่งออร่าที่รุนแรงออกมา “นั่นเป็นคำถามที่ผมควรจะถามคุณมากกว่า ทำไมคุณหลงไม่คิดจะบอกผมล่วงหน้าเรื่องที่บุกเข้ามาห้องพักผู้ป่วยของแม่ผมล่ะครับ?”
หลงจื๋อยืนอยู่ข้างๆ ตอนนี้เขาไม่กล้าพูดอะไรออกมาชุ่ยๆ ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรมันก็ผิดทั้งนั้น ไม่ว่าจะเข้าข้างฝ่ายไหนมันก็บาดเจ็บทั้งนั้น
หลงจื๋อเฝ้าดูอย่างระมัดระวัง รอจังหวะที่จะคลายความขัดแย้งข้างหน้า
สายตาของหลงจื๋อสบเข้ากับลั่วหานโดยไม่ตั้งใจ ลั่วหานยิ้มให้เขา รอยยิ้มของลั่วหานกลับทำให้ความวิตกกังวลของเขาถูกระบายออก เขายิ้มแห้งไปให้ในขณะเดียวกันสูดลมหายใจเข้ายาวๆ
กล้ามเนื้อบนใบหน้าของหลงถิงสั่น “เมื่อกี้แกพูดอะไรนะ?”
หลงเซียวสอดมือข้างหนึ่งไว้ในกระเป๋ากางเกง ก้มลง ค่อยๆดึงผ้าห่มของหยวนชูเฟินออกด้วยจากนั้นใช้นิ้วลูบผมของเธอให้เรียบ แล้วถึงหันหน้ามาพูดอย่างไม่รีบร้อนว่า “คุณหลงไม่ได้หูหนวกใช่มั้ยครับ? ถึงไม่ได้ยินที่ผมพูด”
แน่นอนว่าเขาได้ยินแถมยังได้ยินชัดมากด้วยถึงได้รู้สึกตกใจที่เมื่อกี้หลงเซียวเรียกเขาว่าคุณหลง! ไอ้เด็กเวร!
“หลงเซียว ยังโกรธพ่ออยู่หรอ? เรื่องเมื่อวานพ่อได้ชี้แจงกับสื่อไปแล้ว ให้เรื่องมันจบลงเท่านี้เถอะ มันดีสำหรับลูกและพ่อแล้ว”
นั่นหมายความว่า ทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลัง วันข้างหน้าจะได้ดีต่อกัน
แต่สิ่งที่เขาได้กลับมาจากคำพูดมีเพียงรอยยิ้มเย็นๆที่มุมปากของหลงเซียว เขาก้าวเข้าไปหาหลงถิงเพื่อลดระยะห่างระหว่างพวกเขาทั้งสองคน มองหลงถิงจากบนไปล่างด้วยสายตาขุ่นเคือง
“คุณหลง คุณมีประโยชน์อะไรกับผม?” เขาทำหน้าอยากรู้ราวกับไม่เข้าใจจริงๆ
หลงถิงส่งเสียงหึ “แกจะแกล้งโง่กับฉันไปทำไม? แค่แกใช้นามสกุลหลงแกถึงสามารถมีทรัพย์สินเช่นนี้ได้ไงล่ะ ถ้าแกไม่ใช่คนตระกูลหลง งั้นทรัพย์สินในมือของแกกับลั่วหานก็คงต้องส่งคืนตระกูลหลงกับ MBK ไปกว่าครึ่งแล้ว การงานแกก็จะตกต่ำลง”
เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังพูดถึงเงื่อนไขที่น่าดึงดูดที่สุด หลงถิงเงยหน้าสบสายตาหลงเซียวด้วยแววตาที่แฝงด้วยการเยาะเย้ย
หลงเซียวพยักหน้าอย่างมีนัย “ฟังดูดีมากจริงๆ สมบัติครึ่งหนึ่งที่หลายๆ คนใช้เวลาทั้งชีวิตยังไม่สามารถหามาได้ ผมล่ะตัดมันไม่ลงจริงๆ”
เมื่อคิดว่าเขาซาบซึ้งมาก หลงถิงก็ยิ่งแน่ใจว่าจะชนะ “ดังนั้นจากนี้ก็มาเป็นลูกชายของฉันต่อเถอะ อยู่ในบ้านตระกูลหลงอย่างมีความสุขไปตลอดชีวิต ไม่มีคิดเห็นอย่างอื่นอีก นอกจากนี้ฉันตัดสินใจแล้วว่าวันนี้พาแม่แกกลับบ้าน แล้วฉันจะจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้องอกวิทยาที่ดีที่สุดมารักษาเธอที่บ้าน”
ลั่วหานกัดฟันเงียบๆ แม่มึงสิหลงถิง! ไร้ยางอายจริงๆ!
หลงเซียวหัวเราะเบาๆต่อเมื่อเห็นหลงถิงพูดเองเออเอง จึงปล่อยให้เขาเพ้อฝันให้นานอีกนิด
“โอ้?” หลงเซียวพูดคำนึงอย่างสบายๆ
หลงถิงพูดต่อว่า “พวกลุงของแกก็ย้ายออกกันไปแล้ว แม่แกกลับไปพักฟื้นที่บ้านก็ต้องการคนใกล้ชิดอยู่เป็นเพื่อนมากที่สุด ดังนั้นแกกับลั่วหานก็กลับไปอยู่บ้านเถอะจะได้ดูแลแม่ด้วย”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลั่วหานก็ยกนิ้วให้หลงเซียว เป็นไปตามคาด พล็อตเรื่องเหมือนที่หลงเซียวคาดไว้เป๊ะ!
แต่แค่ไม่นึกว่าหลงถิงจะใจร้อนขนาดนี้
ลั่วหานพยักหน้า ยิ้ม แสดงออกว่าเห็นด้วย “ข้อเสนอของคุณหลงดีมากๆเลยค่ะ คุณแม่ป่วยแน่นอนว่าพวกเราก็จะดูแลอยู่เป็นเพื่อน ยังไม่ทันดูแลคุณแม่ให้ดีไม่ทันไรคุณก็มาเสียแล้ว เป็นความผิดลูกสะใภ้อย่างฉันเอง”
หนังตาของหลงจื๋อกระตุก พี่สะใภ้ด่าคนโดยไม่ใช้คำหยาบ!
“เธอหมายความว่ายังไง?” สีหน้าของหลงถิงเปลี่ยนอาการอารมณ์ดีและความอดทนของเขาหายไป
ลั่วหานยังคงยิ้มอย่างอ่อนโยนน่ารักใคร่ “คุณหลงดูไม่ออกหรอคะว่าตอนนี้คุณไม่ใช่พ่อของสามีฉันอีกแล้ว ไม่ใช่พ่อสามีฉันอีกต่อไป ถ้าคุณจะพาแม่ของเราไป เกรงว่าจะไม่ได้นะคะ”
ลั่วหานเดินเข้าไปข้างในแล้วนั่งบนขอบเตียง จับมือของหยวนชูเฟินไว้แล้วกดชีพจรของเธอ เมื่อรู้สึกถึงความถี่ชีพจรของเธอได้สักพัก ในใจก็มีแผนคร่าวๆ
เธอฟื้นตัวได้ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก หากปรับสภาพอีกสักระยะหนึ่งก็จะสามารถผ่าตัดได้ ตอนนี้เธอต้องการสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบเพื่อพักผ่อนที่สุด ถ้าถูกหลงถิงพาตัวไป แค่เธอโกรธก็โกรธจะตายแล้ว แล้วจะรักษาตัวได้อย่างไร?
หลงถิงเป็นห่วงเธอจริงๆหรืออยากจะฆ่าเธอกันแน่?
“เธอเป็นภรรยาของฉัน ฉันมีสิทธิ์จะพาเธอกลับบ้านเพื่อพักฟื้น ตอนพวกแกมาคงจะเห็นนักข่าวข้างนอกแล้ว ตอนนี้มีวิธีเดียวก็คือเราต้องจัดฉากแสดงต่อหน้านักข่าว ไม่ว่าพวกแกจะให้ความร่วมมือหรือไม่ก็ตาม ก็ต้องแสดงฉากนี้จนจบ”
ลั่วหานมองไปที่ประตูด้านหลังผ่านหน้าต่างข้างๆแล้วยิ้มอย่างประชด “นักข่าวที่คุณหลงพูดคงจะเป็นนักข่าวที่อยู่ประตูหลังใช่ไหมคะ? ขอโทษนะคะคุณหลง เราเดินเข้ามาทางประตูหน้า จึงไม่ทราบจริงๆว่าเกิดอะไรขึ้นที่ประตูหลัง”
มุมปากของหลงเซียวกระตุก ยอมใจกับคำตอบโต้กลับของลั่วหาน
“หึ! ฉู่ลั่วหานเธอไม่จำเป็นต้องปากไวต่อหน้าฉัน ถ้าเธออยากเก็บทรัพย์สินของ MBKไว้ในมือก็ตามฉันออกมา ควรจะพูดอะไร ทำอย่างไร พวกแกรู้อยู่แก่ใจดี”
หลงถิงมองนาฬิกาที่แขวนบนผนัง เวลาใกล้จะหมดเต็มทีแล้ว เวลากระดานเปิดใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เขาต้องรักษาความเสี่ยงมันมีน้อยที่สุด ไม่ต้องพูดถึงแผนที่กำลังจะชนะหรือแพ้ที่เตรียมมานาน เขาจะไม่มีวันยอมให้ตัวเองแพ้!
ลั่วหานพูดอย่างสบายๆ “คุณหลงคะ ฉันเกรงว่าคุณจะต้องแสดงละครเรื่องนี้ด้วยตัวเองแล้วล่ะค่ะ ทรัพย์สินที่คุณพร่ำบอกฉันไม่ต้องการมันแล้ว มันคือเงินไม่ใช่หรอคะ? ของพวกนี้มันเป็นของนอกกาย ถ้าคุณชอบก็เอาไปเถอะค่ะ แล้วอีกอย่าง เรื่องที่คุณหลงรอแทบไม่ไหวที่ให้เรากลับบ้านตระกูลหลง พูดตามตรงนะคะสุดท้ายแล้วคนที่ผลประโยชน์ก็คือตัวคุณเอง ฉันต้องกราบขอโทษคุณหลงด้วยจริงๆค่ะ ฉันเป็นคนขี้เหนียว ไม่ชอบช่วยคนอื่นให้สมหวังที่สุด”
ทุกประโยคของลั่วหานที่พูดออกมาพูดอย่างผ่อนคลาย ดวงตาของเธอมีรอยยิ้ม ท่าทางสงบเสงี่ยม บุคลิกเธอเป็นธรรมชาติมีความอ่อนโยน พอพูดทำเอาสีหน้าของหลงถิงทั้งซีดทั้งแดงด้วยความโกรธ
หลงเซียวเหลือบมองนาฬิกาที่แขวนบนผนัง เหลือเวลาอีก 15 นาทีก่อนกระดานเปิด
ถ้างั้น…
ความคิดของหลงเซียวเพิ่งแล่น โทรศัพท์ก็สั่นขึ้นในกระเป๋ากางเกง ซึ่งเป็นข่าวที่หลงเซียวรออยู่
ข้อความจากจี้ตงหมิงโดยมีเนื้อหาเพียงสามคำ “จัดการเสร็จแล้ว”
หลังจากอ่านข้อความเสร็จแล้ว หลงเซียวก็ใส่โทรศัพท์กลับเข้าไปในกระเป๋ากางเกงอย่างใจเย็น เขาขยับตัวก้าวเดินไปที่หน้าต่างมองไปที่นักข่าว แล้วหันหลังพูดกับหลงถิงว่า “ภรรยาผมพูดชัดแล้วนะครับ คุณหลงคิดว่าการใช้เงินเพียงเล็กน้อยมาล่อลวงจะสามารถทำให้ผมยอมเชื่อฟังคุณงั้นหรอจะไม่ดูถูกผมกับภรรยาไปหน่อยหรอ”
ปากหลงจื๋อกระตุกแล้วกระซิบ “พี่ใหญ่ พี่คิดดีแล้วหรอ ทรัพย์สินในมือพี่มีไม่น้อยเลยนะ อย่าหุนหันพลันแล่นทำให้พ่อโกรธเลย สำนึกผิดตอนนี้ยังทันนะพี่”
แม้จะพูดเช่นนั้นแต่ในใจของหลงจื๋อรู้ดีว่าการที่พี่จะยอมรับความผิดนั้นยากกว่าปีนขึ้นฟ้าเสียอีก
หลงถิงแทบจะสำลัก นิ้วชี้มือขวาเขาชี้ไปที่แผ่นหลังหลงเซียว อยากจะตะโกนด่า “หลงเซียว แกคิดว่าแกกำลังพูดกับใครอยู่? อย่าลืมนะว่า ที่นี่คือเมืองหลวง เหอะ! คิดว่าตัวเองจะบินได้ด้วยตัวเองงั้นเหรอ? จะมีฝีมือนั้นมั้ยก็ไม่แน่หรอกนะ”
เขาพูดถึงเท่านั้นก็หยุดลง ยืนยันว่าหลงเซียวกำลังทำสงครามจิตวิทยากับเขาเพราะต้องการมากกว่านั้น
แต่เห็นได้ชัดว่าหลงเซียวไม่ได้ทำตามแผนที่เขาคาดการณ์ไว้ หลงเซียวแค่หันหน้ามายิ้มอย่างเฉยเมย “งั้นก็ลองดูสิครับคุณหลง ดูกันว่าในเมืองหลวงที่กว้างใหญ่นี้จะเป็นของตระกูลหลงหรือตระกูลมู่”
รอยยิ้มของเขาเปี่ยมด้วยความมั่นใจราวกับแชมป์ที่ขึ้นปีนไปบนปราสาทเพื่อโบกธงแห่งชัยชนะแล้วมองลงไปที่คู่ต่อสู้ที่พ่ายแพ้ที่กำแพงเมืองด้านล่าง ทุกการเคลื่อนไหวนั้นดูน่ายำเกรง
ทันใดนั้นหลงถิงก็สั่นด้วยความโกรธ ตาเขาเบิกกว้างถลึงมองหลงเซียว “แก…พูดว่า…แกพูดว่ามู่งั้นหรอ?”
“ทำไมล่ะ? ไม่คิดว่านามสกุลนี้คุ้นหูบ้างหรอ?” หลงเซียววางมือบนไหล่ของหลงถิง แล้วกดไหล่ไม่หนักมาเบาด้วยแรงที่สบายๆ ร่างกายของเขาเอนไปข้างหน้า ริมฝีปากเข้าใกล้กับหูของหลงถิง “หลงถิง ต้องการให้ผมเตือนความจำหน่อยมั้ย?”
หลังของหลงถิงแข็งทื่อ “แก…”
หลังจากที่เขาพูดคำว่า แก คำเดียวก็ไม่มีเสียงใดออกมาอีก หลงเซียวตัดบทขัดจังหวะช็อกแล้วพูดกับส้งชิงเซวี๋ยนว่า “ลุงส้งครับ แม่ผมสุขภาพไม่ค่อยดีจำเป็นต้องได้รับการพักฟื้นที่โรงพยาบาลต่อ และผมไม่ต้องการให้ใครมารบกวนเธออีก ในเมื่อหมอและพยาบาลไม่สามารถดูแลประตูได้ ดังนั้นขอให้หารปภ.มาเฝ้าสักสองสามคนละกันครับ”
ส้งชิงเซวี๋ยนยังคิดไม่ออกว่าหลงเซียวคิดจะทำอะไร จึงพยายามขยิบตาส่งซิกไปว่า เซียวเอ๋ออย่าหุนหันพลันแล่น ตอนนี้การที่ฐานะคุณถูกเปิดนั้นอาจทำร้ายตัวเองได้ อย่าหุนหันพลันแล่น อนาคตพวกเรายังอีกยาวไกล!
แต่ดูเหมือนว่าหลงเซียวจะไม่เข้าใจจึงพูดต่อว่า “คุณหลง เมื่อวานที่คุณให้ผมดูการแสดงใหญ่ วันนี้ผมจะคืนคุณละกัน ขอให้สนุกนะครับ”
ลั่วหานกับหลงจื๋อหันไปมองหลงถิงพร้อมกัน ใบหน้าของหลงถิงแดงก่ำด้วยความโกรธ เขากำหมัดแน่นจนบอดี้การ์ดที่กำลังจะยกเตียงตกใจไม่กล้าขยับตัว
หึ่งๆ!
ติ้งต่อง!
กริ๊งๆๆ!
เสียงแจ้งเตือนที่แตกต่างกันดังขึ้นหนึ่งครั้งในห้องพักผู้ป่วย ทุกคนมองหน้ากัน แต่บอดี้การ์ดไม่กล้าหยิบโทรศัพท์ออกมาสุ่มสี่สุ่มห้า ลั่วหานรอท่าทีตอบสนองของหลงเซียว หลงจื๋อ…ไม่มีโทรศัพท์
หลงเซียวหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋า หน้าจอหน้าแรกก็คือฟีดข่าวที่เขาต้องการให้อ่าน “คุณหลงครับ การแสดงเริ่มขึ้นแล้ว จะไม่รับชมหน่อยหรอ”
หลงถิงรู้สึกได้ว่าเรื่องนี้ไม่ดีแน่ จึงหยิบโทรศัพท์ด้วยใบหน้าเย็นชา “ฉันล่ะอยากจะรู้ว่าแกจะเล่นลูกไม้อะไรได้บ้าง!”
หลังจากพูดจบ ตาของหลงถิงก็เบิกโพลงแทบจะถลนออกเบ้า เขาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็นเลย!
หลงเซียวยืนยันด้วยตัวเองว่าเขาไม่ใช่ลูกแท้ๆของหลงถิง พ่อผู้ให้กำเนิดของเขาคือคนอื่น
ในข่าวมีรูปถ่ายของหลงเซียวประกอบ ที่ท้ายข้อความตอนสุดท้ายมีลายเซ็นลูกหลงเซียว
หลงถิงก้าวถอยหลังอย่างกะทันหันจนเกือบชนกำแพง “แกกล้าดียังไง!”
หลงจื๋อรีบเข้าไปพยุงพ่อ “พ่อครับใจเย็นๆ”
“ไปให้พ้น!” หลงถิงผลักหลงจื๋อ แล้วก้าวไปหยุดต่อหน้าหลงเซียว เขายกมือขึ้น–
“คุณหลงครับ ข่าวก็แค่พูดความจริง ผมพูดผิดตรงไหน?” เมื่อเขากำลังจะตบหน้าหลงเซียว แต่ข้อมือก็ถูกหลงเซียวจับไว้ค้างอยู่อย่างนั้นอย่างไม่รู้จะทำไงต่อ
“หลงเซียว แกรู้ผลของการทำแบบนี้แล้วใช่มั้ย? อย่าลืมนะ การที่แกอยู่ในฐานะคุณชายใหญ่ของตระกูลหลงมันช่วยเป็นหลักประกันอาชีพการงานของแก แต่หากปราศจากฐานะนี้แล้ว แกมันก็เป็นแค่ไอ้งั่งเท่านั้น!”