ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 682
ตอนที่ 682 แหล่งเงิน เจ้านาย
ไม่นานข่าวเรื่องงามหน้าของตระกูลหลงก็ถูกแพร่งพรายไปทั่วทุกมุมบนอินเตอร์เน็ต ไม่เว้นแม้แต่อเมริกาที่อยู่ไกลโพ้น
ท้องฟ้าในเมืองหลวงเริ่มเข้าสู่กลางคืนแล้ว แต่ที่อเมริกาท้องฟ้าเพิ่งสว่างขึ้น
เฉียวหย่วนฟานตื่นเช้าเหมือนกับทุกวันขึ้น จากนั้นก็ออกกำลังกายโดยการออกไปวิ่งนอกบ้าน
สถานที่ที่เขาพักอาศัยเป็นสถานที่ของคนร่ำรวยอาศัยกันอยู่ ถึงแม้จะอยู่ต่างประเทศมาตลอด แต่ในใจเฉียวหย่วนฟานเฝ้าใคร่ครวญถึงประเทศบ้านเกิดตลอด ดังนั้นตอนเลือกซื้อที่อยู่ เขาตั้งใจซื้อสถานที่ที่มีคนจีนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
เมื่อก่อนทุกครั้งที่เขาเดินออกไปวิ่งออกกำลังกายนอกบ้าน คนจีนที่อยู่รอบบ้านต่างกล่าวทักทายกันอย่างมีมิตรไมตรี แต่บรรยากาศวันนี้ไม่เหมือนกัน เพราะตอนที่เฉียวหย่วนฟานวิ่งได้สักพักนั้น เขาสังเกตเห็นผู้คนมีสีหน้ารีบร้อนใจ ราวกับไม่มีเวลาพูดคุยกับเขาอย่างนั้น
เฉียวหย่วนฟานรู้สึกสงสัยเล็กน้อย เลยออกแรงวิ่งเข้าไปทักทายผู้ชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่ปกติเล่นหมากรุกด้วยกันว่า “เหล่าหวัง ทำไมเจอผมแล้วต้องเดินหนีด้วยครับ?”
เฉียวหย่วนฟานยิ้มอย่างอบอุ่น และยื่นมือวางบนบ่าของเหล่าหวังเบาๆ
เหล่าหวัง ยิ้มแย้มอย่างไม่เป็นธรรมชาติ พร้อมกวาดตามองรอบบริเวณเล็กน้อย มีไม่กี่คนกำลังเหลือบตามองเฉียวหย่วนฟานพอดีอยู่ ซึ่งล้วนเป็นสายตาไม่จุดประสงค์ดี ยิ่งทำให้เหล่าหวังคนนี้ยิ่งมีสีหน้าอึดอัดใจ
“คุณไม่รู้หรอ? คุณไม่ได้ดูข่าวหรอ? ตอนนี้ลูกสาวของคุณดังมากในเมืองหลวง ไม่เพียงแค่ในเมืองหลวง แต่ดังไปทั่วทั้งประเทศจีนเลย ข่าวได้แพร่งพรายมาถึงอเมริกาแล้ว แม้แต่คนที่ไม่ค่อยติดตามข่าวอย่างผมยังรู้เลย”
ขณะที่เหล่าหวังพูดก็เผยสีหน้าเสียใจ พร้อมถอนหายใจหนึ่งเฮือก และพูดขึ้นว่า “ผมเองก็รู้สึกแปลกๆ ตอนที่แอนน่าอยู่ที่นี่เธอเป็นเด็กผู้หญิงที่เก๋ง มีหน้าที่การงานที่ดี และในตอนนั้นเธอมีแต่ข่าวด้านดีที่ทุกคนชื่นชม แต่ทำไมหลังจากกลับประเทศจีนไม่นานเท่าไหร่ถึงมีข่าวด้านลบปรากฏขึ่นแบบนี้ แถมยังเป็นข่าวที่นับวันยิ่งไม่น่าฟังเลย
เฉียวหย่วนฟานไม่ค่อยเล่นวีแชทและดูเว็บบอร์ดถกเถียงประเภทนั้น และยิ่งไม่สนใจข่าวบันเทิงด้วย แล้วยังไม่ค่อยเข้าใจเนื้อหาของข่าวสักเท่าไหร่ เขาเคยเหลือบเผลอเห็นข่าวบ้าง แต่ข่าวไม่ค่อยให้ความสนใจกับข่าวประเภทนี้เลยสักนิด
มีคนบอกว่าคนดังมักมีข่าว เขาเชื่อว่าลูกสาวที่ฉลาดหลักแหลมคนนี้อย่างลั่วหานสามารถจัดการได้อย่างดี หากเขาติดตามข่าวมากเกินไป เขาก็จะรู้เรื่องมาก และจะทำให้ตัวเองรำคาญใจขึ้น.
ดังนั้นเลยไม่เก็บมาใส่ใจ
เมื่อได้ยินเหล่าหวังพูดแบบนี้ เฉียวหย่วนฟานก็ตื่นตระหนกทันที พร้อมกับเบิกตากว้างจ้องมองเขา “คุณกำลังจะบอกว่า เนื้อหาบนข่าวเป็นความจริงหรอ?”
เมื่อเหล่าหวังเห็นเขาเป็นแบบนี้ก็ตกใจไม่น้อย “โธ่ สวรรค์เอ่ย! คุณคงไม่ใช่เพิ่งรู้หรอกใช่ไหม? ข่าวนี้บนอินเตอร์ดุเดือดมากจนเกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมแล้ว คุณยังไม่รู้หรอ? ลูกเขยของคุณยอมรับด้วยตัวเองว่า เขาไม่ใช่ลูกชายของหลงถิง จากนั้นยังบอกอีกว่าเขาได้หย่ากับแอนน่าแล้วด้วย!”
เฉียวหย่วนฟานสะดุ้งตกใจ พร้อมกับเดินถอยหนังหนึ่งก้าวด้วยท่าทางตื่นตระหนก “เป็นความจริงหรอ?”
“เป็นความจริงหรือเปล่า คุณก็โทรศัพท์ถามแอนน่าเองสิ เดียวก็รู้ความจริงเองจริงไหม? โธ่ แอนน่าเองก็เหมือนกัน เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้กลับไม่บอกพวกเราเลย พูดตามตรงเลยนะ ลูกสาวที่แต่งงานแล้วต้องจากบ้านไกลมักจะมีความห่างเหินต่อคนที่บ้านจริงๆ”
บางทีเหล่าหวังอาจจะแค่พูดเรื่อยเปื่อย แต่เมื่อเฉียวหย่วนฟานได้ยินแบบนี้ เขากลับยิ่งรู้สึกเจ็บปวดมากยิ่งขึ้น
ถึงแม้ลั่วหานจะเป็นลูกสาวที่เขาเพิ่งรับมาดูแล แต่เขาค่อนข้างรู้จักนิสัยของลั่วหานเป็นอย่างดี และเชื่อว่าเธอมีความจริงใจต่อพวกเขาสามีภรรยา ถึงแม้ต่อมาฐานะของเธอจะถูกเปิดเผยแล้ว แต่เธอยังคงปฏิบัติตัวต่อกตัญญูต่อพวกเขาเหมือนกัน
แล้วจะกลายเป็นคนไม่รู้จักบุญคุณตั้งแต่เมื่อไหร่!
ไม่หรอก!
ในตอนนี้เฉียวหย่วนฟานมีแต่คำถามเต็มหัว และไม่กล้าล่าช้าด้วย หลังจากหันหลังเดินกลับถึงบ้านก็รีบโทรศัพท์หาลั่วหานเพื่อนยืนยันความจริงทันที
เมืองหลวงในเวลาเดียวกัน
หลงเซียวนั่งอยู่ในห้องทำงาน ส่วนลั่วหานนั่งอ่านหนังสือในห้องรับแขก
หลังจากที่คนรับใช้สองคนจัดระเบียบห้องครัวและห้องอาหารเสร็จก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ขณะเดียวกันก็หันหน้ามองลั่วหานด้วยสายตาสงสัย
อาเซียงพูดขึ้นว่า “คงไม่เป็นเรื่องจริงหรอกมั้ง? ถ้าหากคุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงหย่ากันจริง ทำไมถึงยังอยู่ด้วยกันล่ะ?”
เสี่ยวหลินพูดขึ้นว่า “แต่คุณผู้ชายออกปากยอมรับเองเลยไม่ใช่หรอ เธอลองดูที่เขียนข้างบนสิ เพราะคุณผู้ชายหย่าโดยไม่ต้องการแบ่งทรัพย์สิน ดังนั้นทรัพย์สินส่วนที่เป็นของเขากลับกลายเป็นของคุณผู้หญิงทั้งหมด ดังนั้นไม่ต้องคืนอะไรให้กับตระกูลหลง”
อาเซียงยกมือมาปิดปากด้วยสีหน้าตกใจ และไม่รู้จะพูดอะไร “โอ้สวรรค์ ถ้าเช่นนั้น….ก็เป็นเรื่องจริงสิ!”
ทั้งสองคนไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์เสียงดัง ขณะที่พูดก็เดินไปข้างนอกพลาง แต่เมื่อเดินถึงประตูห้องโถงใหญ่กลับเห็นร่างเงาสีดำสองคนยืนอยู่ที่พุ่มไม้นอกประตู เมื่อพวกเธอปรากฏตัวขึ้น ร่างเงาทั้งสองคนก็รีบหลบในพุ่มไม้อย่างรวดเร็วทันที
ทั้งสองคนเคลื่อนไหวเร็วมาก แต่อาเซียงยังพอสามารถเห็นกล้องถ่ายรูปในมือของเขาคนหนึ่งได้อยู่
“ไม่ได้การแล้ว ตรงนั้นมีเหล่าปาปารัสซี่อยู่ พวกเขาต้องมาแอบถ่ายแน่เลย คุณผู้ชายได้ประกาศว่าหย่ากันแล้ว แต่ตอนนี้ยังอยู่ด้วยกันอีก ถ้าหากถูกแอบถ่ายได้ คงส่งผลกระทบไม่ดีต่อคุณผู้ชายและคุณผู้หญิงแน่ ฉันต้องรีบไปบอกคุณผู้หญิงเดียวนี้เลย”
เสี่ยวหลินอายุยังน้อยมาก ไม่มีความคิดรอบคอบเหมือนกับอาเซียงดังนั้นทำได้เพียงพยักหน้าและพูดว่า “เธอพูดมีเหตุผล เดียวฉันจะเฝ้าดูที่นี่ เธอรีบไปแจ้งคุณผู้หญิงเถอะ”
อาเซียงรีบวิ่งกลับห้องโถง ซึ่งในตอนนี้ลั่วหานยังก้มหน้าอ่านหนังสืออยู่
“คุณผู้หญิงค่ะ ข้างนอกมีปาปารัสซี่อยู่ค่ะ พวกเขาคงคิดอยากแอบถ่ายคุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายแน่เลยค่ะ”
ลั่วหานยังคงอ่านหนังสืออยู่ “คิดไม่ถึงว่าปาปารัสซี่จะเริ่มลงมือแล้ว? ฮ่าฮ่า ทุ่มเทจริงๆ”
อาเซียงรีบร้อนใจจนอึดอัดใจจะตายแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าเจ้านายจะมีท่าทางนิ่งสงบแบบนี้ “คุณผู้หญิงค่ะ พวกเขาต้องหลบซ่อนแถวนี้เพื่อแอบถ่ายแน่เลยค่ะ หากพรุ่งนี้ตอนเช้าคุณผู้ชายออกไปแล้วถูกแอบถ่าย หรือถูกแอบถ่ายตอนกลางคืน ก็เท่ากับว่าเรื่องหย่าของพวกคุณถูกเปิดเผยไม่ใช่หรอคะ?”
ลั่วหานเงยหน้าขึ้น และยิ้มแย้มอย่างสดใส “เด็กคนนี้ฉลาดจริงๆ ช่างรู้เรื่องรู้ความ จริงสิ ในห้องครัวยังมีอาหารอยู่อีกใช่ไหม? จัดเตรียมอาหารไม่กี่กล่องให้พวกเขากินสักหน่อยนะ คืนนี้คงต้องเพิ่มเวรเฝ้าดู คงลำบากแน่เลย”
อาเซียงถึงกับมึนงง “คุณผู้หญิงไม่จำเป็นต้องปฏิบัติกับพวกปาปารัสซี่ดีขนาดนี้ก็ได้ไม่ใช่หรอ? เพราะต่อให้คุณติดสินบนเป็นอาหารให้กับพวกเขา พวกเขาก็คงไม่เห็นแก่กินหรอกค่ะ คนประเภทนี้พูดจาไม่น่าฟังที่สุดเลยค่ะ”
ลั่วหานพูดขึ้นว่า “เพราะพวกเขาพูดจาไม่น่าฟังไง ดังนั้นพวกเราต้องพูดแทนตัวเอง เอาอาหารไปให้พวกเขา จากนั้น….” ลั่วหานก็กำชับอาเซียงด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาขึ้น “เข้าใจแล้วยัง?”
อาเซียงยิ้มแย้มอย่างสดใส “ฮ่าฮ่า เข้าใจแล้วค่ะ! คุณผู้หญิง คุณร้ายกาจมากเลยค่ะ!”
อาเซียงวิ่งไปเตรียมอาหารในห้องครัวอย่างเบิกบานใจ ลั่วหานสูบลมหายใจหนึ่งที จากนั้นก็วางหนังสือลง แล้วเดินไปหาหลงเซียว
เหล่านักข่าวคงไม่ไปไหนสักพักหนึ่ง และคงไม่ได้มีเพียงแค่สองคนด้วย หลงถิงต้องการจับผิดการหย่าปลอมๆของพวกเขา เลยต้องจ้างเหล่าปาปารัสซี่มาแอบถ่าย ดังนั้นการที่หลงเซียวอยู่ที่นี่เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมจริงๆ
ก๊อกก๊อก
ลั่วหานเคาะประตูสองที จากนั้นก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของหลงเซียวจากข้างในดังขึ้น “เชิญเข้ามา”
ลั่วหานเดินเข้ามา แล้วประตูลง “ที่รัก ฉันทีเรื่องต้องปรึกษากับคุณสักหน่อย และคุณอาจจะไม่พอใจกับเรื่องนี้ แต่คุณต้องฟังฉันนะค่ะ”
หลงเซียวหมุนปากกาเซ็นชื่อเล็กน้อย และนั่งพิงลงบนหลังเก้าอี้ ขณะเดียวกันก็ยกขานั่งไขว้ พร้อมเผยท่าทางสุภาพขึ้น “ครับ? ผมจะไม่พอใจ และผมต้องฟังคุณหรอ? ที่รักคงไม่อยากไล่ผมออกจากบ้านหรอกใช่ไหม?”
เขาเป็นคนมองทะลุทุกเรื่อง จนลั่วหานแทบจะไม่ต้องเสียเวลาอธิบาย “ในเมื่อคุณเดาออกแล้ว งั้นก็ทำตามนั้นเถอะค่ะ ข้างนอกที่ปาปารัสซี่อยู่เต็มไปหมดเลย เพื่อป้องกันคุณต้องออกไปพักข้างนอกสักพักหนึ่งก่อน”
หลงเซียวเผยสายตาไม่ค่อยพอใจขึ้น และพูดขึ้นว่า “เพราะแต่ปาปารัสซี่ที่พูดจาเหลวไหลเพียงไม่กี่คน คุณถึงกับต้องไล่สามีออกจากบ้านเลยหรอ? ที่รัก หรือว่าคุณแยกแยะความสำคัญของเรื่องไม่ได้หรอ? ถ้าหากแยกแยะไม่ได้ งั้นผมช่วยแยกแยะให้คุณนะครับ”
หลงเซียวดึงมือของลั่วหานมาจับ แล้วดึงเธอเข้ามานั่งบนเก้าอี้ ส่วนตัวเองนั่งตรงข้ามกับเก้าอี้ พร้อมกับยื่นมือทั้งสองข้างจับตัวเธอไว้ไม่ให้ไปไหน
ลั่วหานกระตุกคิ้วเล็กน้อย ยิ้มและพูดว่า “ต่อให้คุณลักพาตัวฉันก็ไร้ประโยชน์ ช่วงเวลาในตอนนี้พวกเราต้องรักษาระยะห่าง คุณต้องอดทนก่อน ไว้รอให้มรสุมผ่านไปก่อนค่อยกลับมาอยู่ด้วยกัน โอเคไหม?”
หลงเซียวสบสายตาเธอ และเผยสายตาจนปัญญาขึ้น “ลั่วลั่ว วิธีการนี้ของคุณไม่ได้ผลหรอก”
ลั่วหานยิ้มจางๆ และยื่นมือดึงเปิดคอเสื้อของเขาให้กว้างขึ้น แล้วยื่นมือลูบลงบนหน้าอกของเขา “ฉันรู้ว่าคุณขาดฉันไม่ได้ ฉันเองก็ขาดคุณไม่ได้เหมือนกัน แต่ครั้งนี้ฟังฉันได้ไหมคะ?”
การเกลี้ยกล่อมของเธอเหมือนกับขนนกจำนวนมากมาสะกิดหัวใจ ปอดและหน้าท้องของหลงเซียว “ลั่วลั่ว ยิ่งคุณเป็นแบบนี้ผมก็ยิ่งทำใจไม่ได้”
ลั่วหานดึงเขาเข้ามาอยู่เบื้องหน้า แล้วโน้มตัวจูบลงบนริมฝีปากของเขาเล็กน้อย “แบบนี้ถึงจะสามารถกระตุ้นเป้าหมายของคุณให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นได้ ยิ่งคุณสามารถจัดการหลงถิงสำเร็จเร็วมากเท่าไหร่ เราก็จะได้กลับมาคืนดีกันเร็วมากเท่านั้น”
หลงเซียวรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย แล้วยื่นมือข้างหนึ่งโอบลำคอ ส่วนมืออีกข้างโอบเธอเข้ามากอด แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ลั่วลั่ว คุณช่างสามารถเกลี้ยกล่อมคนจริงๆ”
“ฉันไม่ใช่ปีศาจ แต่ฉันเป็นแม่มด ฮ่าฮ่า!” ลั่วหานพูดได้ครึ่งประโยคก็หัวเราะตัวเองออกมา
หลงเซียวเผยสีหน้าเศร้าหมอง “ให้ผมไปจริงๆหรอ?”
ลั่วหานยังคงยืนหยัด “ค่ะ ไม่ว่าเรื่องอะไรต้องอดทน ไม่เช่นนั้นอาจล้มเหลวได้ คืนนี้คุณถือกระเป๋าเดินทางออกไปต่อหน้าเหล่านักข่าวเลย จากนั้นค่อยหาโรงแรมพัก ยิ่งคุณมีสภาพน่าเวทนามากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี หากเป็นแบบนี้ ข่าวของพรุ่งนี้คงพาดหัวข่าวว่า ‘หลงเซียวถูกอดีตภรรยาไล่ออกจากบ้าน จนต้องนอนพักโรงแรมกลางดึกเพียงคนเดียว’ คุณลองคิดดูสิ ข่าวน่าเวทนาแบบนี้ คงมีผู้หญิงที่ร่ำรวยและมีชื่อเสียงยอมทุ่มเงินอยากเลี้ยงดูคุณแน่เลยจริงไหม? แค่หยอดเม็ดแค่เม็ดเดียว แต่กลับสามารถมีเก็บเกี่ยวได้ทั้งผืน นับว่าเป็นเรื่องดี!”
หลงเซียวรู้สึกโมโหจนเกิดความลังเล เขาพยายามอดกลั้นอยู่สักพักใหญ่ จนสุดท้ายเอ่ยปากพูดว่า “ลั่วลั่ว?”
ลั่วหานลูบมือบนหลังมือของเขา และพูดอย่างเชื่อฟังว่า “ฉันรู้ว่าคุณอยากพูดอะไร แต่ตอนนี้อย่าเพิ่งพูดเลย ต่อไปพวกเราค่อยชดเชยเวลาในตอนนี้กลับมานะค่ะ”
หลงเซียวเผยสีหน้าเศร้าหมอง “ลั่วลั่ว คำพูดเหล่านี้ผมน่าจะพูดกับคุณถึงจะถูก”
ทำไมกลับกลายเป็นเธอที่พูดปลอบใจเขาล่ะ?
ลั่วหานยืดหน้าอกขึ้น “เปล่า ในตอนนี้พื้นฐานทางฐานะของคุณไม่เหลืออะไรแล้ว ดังนั้นคุณต้องฟังฉัน”
หลงเซียว : “……”
ลั่วหานหยิบบัตรธนาคารใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋า “ในนี้สีเงินหนึ่งแสน คุณเก็บไว้เถอะ”
หลงเซียวถอนหายใจด้วยสีหน้าไม่พอใจ : “ลั่วลั่ว!”
ลั่วหานเอาบัตรธนาคารยัดใส่ในกระเป๋าเสื้อเชิ้ตของเขา แล้วตบเบาๆเล็กน้อย “นับตั้งแต่วันนี้ไป ฉันเป็นเจ้านายและแหล่งเงินของคุณ นี่เป็นเงินค่านายหน้าของคุณ เจ้านายเป็นคนใจกว้าง ดังนั้นไม่ต้องเกรงใจ”
ลั่วหานพูดด้วยท่าทางน่ายั่วโมโหคนมาก!
หลงเซียวโอบลำคอของเธอไว้ แล้วโน้มตัวจูบบนริมฝีปากของเธอ ขณะเดียวกันก็ออกแรงจูบอย่างดื่มด่ำ จนทำให้เธอต้องขัดขืนและหลบหลีก !
ผู้หญิงที่ปากดีแบบนี้! ต้องได้รับการลงโทษ!
เจ้านาย? แหล่งเงินหรอ? รอก่อนเถอะ รอดูว่ากลับมาผมจะจัดการยังไ